นางหยุดอยู่ในท่าทางที่เอ่อร์คัง[1]เพรียกหาจื่อเวย[2]หนึ่งวินาที ถูกเจ้าคนนั้นด้านล่างดันร่วงลงไปบนพื้นในครั้งเดียว เท้าของคนนั้นเหยียบลงบนสาบเสื้อของนาง เตะนางและผ้าห่มออกไปไปข้างนอกด้วยกันอย่างเอาเป็นเอาตาย คล้ายต้องการรีบออกไป

 

 

จิ่งเหิงปัวเงยหน้าขึ้นจ้องมองแผ่นหลังของเจ้าคนนั้นด้วยสายตาโหดเ**้ยม โผล่ออกไปตอนนี้มีเพียงสวรรค์ที่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น อีกอย่างเจ้าคนหลบๆ ซ่อนๆ อยู่ใต้เตียงคงไม่ได้มาดีแน่ กงอิ้นกำลังถูกเฟยหลัวนัวเนีย ท่าไม่ดีคงจะถูกโจมตี พอคิดถึงจุดนี้ขนทั่วร่างของนางลุกชันขึ้นมา ไม่ทันได้มองให้ชัดเจนว่าแขกใต้เตียงนี้คือใคร คว้าน่องของเขาไว้ในครั้งเดียวแล้วกัดเต็มแรง

 

 

ฟันแหลมคมทิ่มแทงสู่ผิวกาย มุมปากของจิ่งเหิงปัวรับรสของเหลวรสชาติคาวเฝื่อน ผู้ที่กำลังถูกกัดร่างกายชะงักค้าง จากนั้นจิ่งเหิงปัวรู้สึกว่าใบหน้าสั่นสะท้านแล้วถูกดีดออกมา

 

 

มุมปากแสบร้อน นางลูบไปมา ปลายนิ้วเปรอะสีแดงผืนหนึ่ง มุมปากสะท้านจนเลือดออก

 

 

พอคนผู้นั้นหันกลับมาโดยจิตสำนึกจึงมองเห็นสตรีสวมอาภรณ์หรูหรางดงามนั่งเอนกายบนเครื่องนอนสีขาวราวหิมะเละเทะ ด้ายทองบนสาบเสื้อสีแดงเหลือบทองเปล่งประกายสลัวในความมืดมิด มุมปากแดงฉ่ำของนางคล้ายยิ้มทว่ามิได้ยิ้ม ตาใสแป๋วกลับสงบราบเรียบเจือด้วยความลำพองใจสามส่วนความเจ้าชู้สามส่วนและความโหดเ**้ยมสามส่วน ซ้ำยังวนเวียนด้วยแสงสลัวอึมครึมสีน้ำเงิน ผิวกายและปลายนิ้วกลับเป็นสีขาวราวหิมะ แจ่มชัดมิอาจละเลยคล้ายจิตรกรรมลึกลับสีสันสดใสผืนหนึ่งในความมืดสลัว

 

 

ปราดเดียวชิงวิญญาณ

 

 

เพียงปราดเดียวนี้ เขาสะท้านในใจ จากนั้นนึกถึงหน้าที่สำคัญในยามนี้ หันหน้าฉับพลัน

 

 

ทว่าสายไปเสียแล้ว

 

 

กงอิ้นจ่ายค่าตอบแทนที่กระชากสาบเสื้อผืนหนึ่งอีกครั้ง สุดท้ายจึงผลักเฟยหลัวที่บ้าคลั่งออกไปดังตุ้บเสียงหนึ่ง ทว่าครั้งนี้เฟยหลัวมีประสบการณ์ ชั่วขณะที่ถูกผลักออกไปนั้นนางคว้าหัวไหล่ของกงอิ้นไว้ในครั้งเดียว นางกลับกลายเป็นป่าเถื่อนเปี่ยมกำลังโดยพลัน กงอิ้นยังอยากจะปกป้องอาภรณ์ที่เหลือไม่มากไว้ ถูกนางลากจนโซเซไปด้านหน้าหลายก้าว รู้สึกเพียงฝ่าเท้าเจ็บปวดเพียงน้อย วิงเวียนศีรษะ จากนั้นสองคนชนกับราวแขวนม่านกั้นพังม่านกั้นพุ่งเข้ามาตลอดทางดังตุ้บเสียงหนึ่ง แล้วร่วมชนเข้ากับร่างแขกใต้เตียงนั้นดังพลั่กอีกเสียงหนึ่ง

 

 

แขกใต้เตียงผู้โชคร้ายที่เพิ่งคลานออกมาถูกสองคนกระแทกใส่ แล้วล้มลงไปด้านหลังดังพลั่กเสียงหนึ่ง กระแทกกับร่างของจิ่งเหิงปัวผู้โชคร้ายยิ่งกว่า เรือนร่างของจิ่งเหิงปัวล้มไปด้านหลัง น้ำหนักของทั้งสี่คนเพิ่มทวี กร๊อบเสียงหนึ่ง สุดท้ายไม้พื้นเตียงครึ่งท่อนหักตามไปด้วย

 

 

ก่อนกงอิ้นผู้อาภรณ์ไม่เรียบร้อยจะถูกชนจนล้มลงทันได้เพียงตะโกนเสียงหนึ่งว่า “ห้ามเข้ามา!”

 

 

องครักษ์ข้างนอกที่ได้ยินความเคลื่อนไหว หยุดฝีเท้าอยู่นอกกระโจม

 

 

ทั้งสี่คนล้มเข้าไปในเครื่องนอนเละเทะระเกะระกะอย่างมั่วซั่ว

 

 

ข้างบนมีเงาขาวกะพริบวูบ เฟยเฟยปรากฏกาย เบิกตากว้างมองเห็นทั้งที่คนที่ล้มลงอย่างจนตรอก อ้าปากกว้างอย่างตื่นตระหนกคล้ายคิดไม่ถึงเช่นกันว่าน้ำปัสสาวะของตนเองครั้งนี้จะบรรลุผลลัพธ์ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ ดวงตามองเห็นกองหนึ่งนั้นบนพื้นขยับเขยื้อน รีบเร่งหนีไปบนหลังคากระโจมดุจหมอกควัน

 

 

จิ่งเหิงปัวรู้สึกว่าเอวของตนเองถูกกระแทกแทบหัก น้ำหนักของสามคนคล้ายจะโถมลงบนร่างของนาง ที่ยิ่งเฮงซวยไปกว่านั้นคือ ม่านกั้นถูกกระชากขาดวิ่น แผ่คลุมบนศีรษะของทุกคน เบื้องหน้าความมืดมิดผืนหนึ่งมองไม่ชัดเจน ได้กลิ่นเพียงกลิ่นปัสสาวะเจือจางหอบหนึ่ง ซ้ำยังได้ยินลมหายใจถี่กระชั้นฮืดฮาดฮืดฮาดของเฟยหลัว

 

 

ไม่รู้ว่าคนที่ทับอยู่บนร่างคือใคร รู้สึกได้ถึงผิวกายอ่อนเยาว์เปี่ยมกำลังของอีกฝ่ายร้อนผะผ่าว ลมหายใจของอีกฝ่ายพ่นรดบนใบหน้าของนาง คือความหอมลึกลับอัศจรรย์ชนิดหนึ่ง ขาดความเหน็บหนาวบางส่วนไป นางแน่ใจในทันทีว่าไม่ใช่กงอิ้น

 

 

งั้นก็คงเป็นเจ้าแขกใต้เตียงคนนั้นแล้ว

 

 

ความคิดตลกร้ายทะลักเข้ามา มือของนางควานออกไปอย่างเงียบเชียบ คลำขาอ่อนด้านในของอีกฝ่ายอย่างแม่นยำ หยิกไว้ใช้เล็บจิกเข้าไป หมุนอย่างโหดเ**้ยมครั้งหนึ่ง ขยี้ครั้งหนึ่ง…

 

 

“อ้าก!” เสียงคำรามทุ้มต่ำเสียงหนึ่ง บุรุษพลิกลงไปจากร่างนางอย่างรวดเร็ว จิ่งเหิงปัวหัวเราะก๊ากๆ รู้ว่าหยิกคนตรงตำแหน่งนี้น่ะเจ็บที่สุดแล้ว!

 

 

“กงอิ้น! กงอิ้น!” นางพยายามจะปัดเครื่องนอนและม่านกั้นยุ่งเหยิงบนศีรษะออกไป รู้สึกแปลกใจมากว่าทำไมกงอิ้นถึงไม่ลุกขึ้นมาในทันที? ทำไมถึงไม่จับมือสังหารนั่นไว้ในทันที?

 

 

วินาทีต่อมานางจึงรู้สึกว่าผิดปกติ เสียงลมหายใจถี่กระชั้นนอกจากเฟยหลัว คล้ายยังมีอีกคนหนึ่ง เพียงแต่เสียงแผ่วเบาและอดกลั้น นางไม่ได้ค้นพบแต่แรกเริ่ม

 

 

จิ่งเหิงปัวชะงักงัน นึกขึ้นได้ทันทีได้ว่าก้างปลานั้นฝังแยกไว้ใต้กระโจม การโจมตีที่ไร้ความแตกต่าง…

 

 

ตอนกงอิ้นถูกเฟยหลัวลากเข้ามา คงจะเหยียบโดนแล้วหรือเปล่า? แต่เฟยหลัวเหยียบไปสามครั้งอย่างต่อเนื่อง กงอิ้นเหยียบไปครั้งหนึ่ง สภาพจะแตกต่างกันหรือเปล่า?

 

 

อีกอย่างที่แปลกประหลาดคือ แต่ก่อนฉี่ของสัตว์ประหลาดน้อยไม่ใช่แค่ทำให้คนวิงเวียนเหรอ? ครั้งนี้ทำให้คนบ้าคลั่งทันทีได้อย่างไร? ทั้งยังทำให้เฟยหลัวกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ หรือว่าความสามารถในการมอมเมาของสัตว์ประหลาดน้อยจะเพิ่มระดับตามการเติบโตเหมือนกัน?

 

 

ตอนนี้ยังไม่มีคำตอบ สิ่งเดียวที่แน่ใจได้คือ สภาพของกงอิ้นในตอนนี้ผิดปกติแน่นอน มิฉะนั้นพรมหลายชั้นเล็กน้อยคงถูกพลิกออกตั้งนานแล้ว

 

 

จิ่งเหิงปัวรีบเร่งไปพลิกเครื่องนอนออก ทั่วร่างสั่นสะท้านครั้งหนึ่งโดยพลัน รู้สึกเพียงขนด้านหลังลุกชันขึ้นมาทีละเส้น

 

 

มือสังหารอยู่ข้างหลัง!

 

 

นางพบว่ากงอิ้นผิดปกติ อีกฝ่ายย่อมพบได้เช่นกัน!

 

 

ความคิดนี้ยังไม่ทันได้จางหาย นางก็รู้สึกถึงสายลมเย็นเยือกทะลุผ่านด้านหลังครั้งหนึ่ง นัยยะเยือกน่าสยดสยองกลางสายลมจากอาวุธคมนั้น กระตุ้นให้แผ่นหลังของนางขนลุกขนชัน

 

 

จิ่งเหิงปัวล้มไปด้านหลังฉับพลัน ศีรษะกระแทกไปด้านหลังอย่างเอาเป็นเอาตาย

 

 

คล้ายมีเสียงตอบกลับดังพลั่กเสียงหนึ่ง นางกระแทกเข้ากับส่วนทั้งอ่อนนุ่มทั้งแข็งแรง รู้สึกถึงความยืดหยุ่นเล็กน้อย คล้ายเป็นท้องน้อยของมือสังหาร

 

 

มือสังหารลงมีดแล้ว ถูกการชนด้วยเรือนร่างครั้งหนึ่งนี้ของนางทำให้โซเซ มีดกรีดบนพรมผืนหนึ่งดังฉึบ

 

 

แล้วดังฉึบอีกเสียงหนึ่ง ตามมาด้วยเสียงหัวเราะคิกคิกของเฟยหลัว ไม่รู้ว่าอาภรณ์ของพวกเขาสองคนคนไหนฉีกขาด

 

 

จิ่งเหิงปัวพุ่งไปข้างหน้าในทันใด หลีกลี้หมัดศอกที่มือสังหารโจมตีศีรษะของตนเอง โพล่งปากต่อว่า “ชายโฉดหญิงชั่ว หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ! หยุดเลย!”

 

 

“ช่วยด้วยโว้ย! มีมือสังหารโว้ย!” นางตะโกนบ้าคลั่งสุดชีวิตอีกครั้ง แต่ม่านกั้นเครื่องนอนหนาหนักอย่างยิ่ง กลบกลืนเสียงของนางเอาไว้

 

 

เรือนร่างของมือสังหารกะพริบวูบ สองมือคว้าอย่างต่อเนื่อง สะบัดเครื่องนอนหลายชิ้นออกไปแล้ว กะพริบปานภูตพรายไปเบื้องหน้ากงอิ้นกับเฟยหลัวที่กำลังนัวเนียไม่เลิกรา เครื่องนอนทางนั้นยังไม่ทันร่วงลงมา มือของเขาบีบไปยังคอหอยของกงอิ้นปานสายฟ้าฟาดแล้ว

 

 

“กรี๊ด!” จิ่งเหิงปัวที่เพิ่งคลานขึ้นมากรีดร้อง

 

 

“พลั่ก” เสียงหนึ่งดังทึบ ไม่รู้ว่าใครโจมตีโดนใคร กงอิ้นกับเฟยหลัวแยกออกจากกันตอนนี้พอดิบพอดี เรือนร่างของเฟยหลัวล้มไปด้านหลัง ในดวงตาที่ห้อยกลับหัวมองเห็นมือสังหาร หัวเราะคิกๆ ครั้งหนึ่งโดยพลัน กอดแขนของเขาไว้

 

 

“ท่านพี่!” นางร้องด้วยเสียงใสไพเราะ ใช้แก้มถูไถบนแขนของมือสังหาร

 

 

จิ่งเหิงปัวพุ่งเข้ามา กำลังจะลากกงอิ้นออกไป ยังกังวลว่าเฟยหลัวจะบ้าคลั่งหรือมือสังหารจะโยนเฟยหลัวออกไปแล้วลงมือทันที ในความวุ่นวายหางตาชำเลืองมอง มองเห็นแววตาที่มือสังหารมองเฟยหลัวพอดี

 

 

นางชะงักงัน

 

 

มือสังหารไม่ได้ขยับเขยื้อน และไม่ได้ใช้กำลังเหวี่ยงเฟยหลัวออกไป ชั่วขณะหนึ่งนี้แววตาของเขาทอดลงบนแก้มของเฟยหลัว ในแสงรัศมีมัวสลัว แววตานั้น…กลับเป็นความอ่อนโยน

 

 

คล้ายต้นธารหลั่งไหล ออกมาจากเบื้องลึกในความทรงจำดังซ่าซ่า ถึงที่แห่งนี้ ฉวัดเฉวียนเวียนวน หยาดน้ำทุกหยดกำลังขับขานบทเพลงงดงามแต่กาลก่อนนั้น

 

 

เสียงทอดยาวเชื่องช้า ความฝันหลั่งไหลยาวนาน

 

 

เงาแสงผันพลิกเพียงชั่วครู่หนึ่ง ชั่วครู่หนึ่งดุจในความฝัน แววตาของมือสังหารสงบราบเรียบดังเดิมอย่างรวดเร็ว บิดข้อมือเพียงครั้ง ปัดเฟยหลัวไปอีกทาง จากนั้นก้าวมาด้านหน้าก้าวหนึ่ง ตามฝีก้าวของเขา พรมผืนหนึ่งบนพื้นลอยขึ้นมาโดยพลัน กลบกลืนโครงร่างของเขา

 

 

ในใจของจิ่งเหิงปัวเกร็งแน่น

 

 

เสียงฉึกเสียงหนึ่งดังแผ่วเบา ดุจแสงจันทราสาดลงมาในทันใด คมมีดสว่างดุจหิมะด้ามหนึ่งทะลุผ่านผืนพรม แทงตรงไปยังกงอิ้นที่ใช้มือกุมหน้าผาก โซเซเล็กน้อย กำลังจะลุกขึ้นมา

 

 

เสียงของมือสังหารแหบเล็กน้อย ยามสังหารผู้อื่นยังเจือด้วยรอยยิ้มที่ไม่สูญสลาย เอ่ยว่า “กงอิ้น เจ้าจะสิ้นชีพก่อนสักหน่อยดีหรือไม่?”

 

 

“เหยียลี่ว์ฉี! เจ้าอีกแล้ว! ตายยากตายเย็นนะเจ้า!” จิ่งเหิงปัวมองเห็นใบหน้าของเขาชัดเจนในที่สุด ออกปากต่อว่า แสงไฟในกระโจมถูกดับไปแล้ว อาศัยแสงสว่างจากกริช นางมองเห็นคิ้วของเหยียลี่ว์ฉีเลิกขึ้นรำไร

 

 

ระหว่างแสงอสนีแสงเพลิงยังมองเห็นกงอิ้นเงยศีรษะไปทางด้านหลังรำไร ดวงตาสองข้างหลับน้อยๆ ระหว่างจมูกมีลมหายใจสีเหลืองอ่อนกำจายออกมา คล้ายอยู่ในช่วงเวลาสำคัญของการขับพิษ

 

 

แสงมีดรุดไปข้างหน้าดุจแสงอสนี

 

 

จิ่งเหิงปัวยกขาฉับพลัน ปลายเท้าเกร็งแน่น ดีดออกไปเก้าสิบองศา

 

 

“เจอลูกเตะของชั้น!”

 

 

ปลายเท้าเกร็งแน่น พื้นรองเท้าแหลมปานหนามพุ่งตรงไปยัง “สัดส่วนทองคำ” ของเหยียลี่ว์ฉี พื้นรองเท้าเหล็กกล้าสาดแสงเงินวูบวาบเทียบได้กับอาวุธคม

 

 

แสงเยือกเย็นนั้นแฉลบผ่านสายตาของเหยียลี่ว์ฉี เขาทำได้เพียงเบี่ยงกายกะพริบวูบ ไม่กล้านำความแข็งแกร่งแห่งเพศผู้ชั่วชีวิตของตนเองไปท้าทายส้นรองเท้าของราชินี

 

 

จิ่งเหิงปัวทั้งกลิ้งทั้งคลานพุ่งไปทางเฟยหลัวในทันที กระชากเส้นผมของนางอย่างรุนแรง เหวี่ยงนางไปบนร่างของกงอิ้น!

 

 

“มาฆ่าสิ! มาสิ!” นางหัวเราะฮ่าๆ กล่าวว่า “มีดสั้นของเจ้าอาจจะทะลุผ่านหน้าอกของเฟยหลัวได้ ทิ่มแทงหน้าอกของกงอิ้นน่ะ!”

 

 

เฟยหลัวเจ็บจนกรีดร้องเสียงหนึ่ง เส้นผมสีดำที่ถูกกระชากออกขยุ้มใหญ่ปลิวสยายทั่วสี่ทิศ

 

 

เหยียลี่ว์ฉีชะงักงันอีกครั้ง

 

 

เขาลูบหน้าปะจมูกของจริง จิ่งเหิงปัวจิตใจเบิกบาน

 

 

รู้เลยว่าเขากับเฟยหลัวมีอะไรซ่อนอยู่!

 

 

“เฟยเฟย!” ฉวยช่องว่างชั่วครู่หนึ่งนี้ นางเงยหน้าตะโกนว่า “ฉี่ของเจ้าครานี้แรงเกินไปแล้ว! รีบแก้พิษเร็ว ใช้วิธีอะไรก็ได้ ต้องทำเดี๋ยวนี้!”

 

 

บนเพดานกระโจมหางใหญ่สีขาวสั่นไหวไปมา เฟยเฟยกระโดดกระเด้งพุ่งเข้ามา กรงเล็บสองข้างประคองผลไม้สีแดงกลมเกลี้ยงลูกเล็กลูกหนึ่ง เขวี้ยงลงมาด้านล่าง

 

 

จิ่งเหิงปัวพุ่งเข้าไปรับ แต่เหยียลี่ว์ฉีเร็วยิ่งกว่านาง เงาร่างกะพริบเพียงครั้งข้ามผ่านจิ่งเหิงปัว ยื่นมือไปรับ จิ่งเหิงปัวมองเห็นว่าแย่งไม่ทันเขาแน่ ยกเท้าถีบเฟยหลัวที่โซซัดโซเซพุ่งเข้ามาจนกลิ้งออกไปในทันที เฟยหลัวโซเซไปข้างหน้าครั้งหนึ่ง แค่นเสียงเจ็บปวดเสียงหนึ่ง เหยียลี่ว์ฉีหันหน้ามาฉับพลัน ทอดกายเป็นสะพานเหล็กไปด้านหลังรับนางไว้ รีบเอ่ยว่า “เฟย…”

 

 

ขณะที่เขาอ้าปากนั่นเอง ผลไม้กลมเกลี้ยงลูกน้อยร่วงละลิ่วลงมา ร่วงลงปากเขาพอดี

 

 

จิ่งเหิงปัวชะงักงัน ตะโกนก้องเสียงหนึ่งพุ่งเข้ามาทับเหยียลี่ว์ฉีไว้ ยื่นมือไปหยิกแก้มของเขา กล่าวว่า “คายออกมา! คายออกมา!”

 

 

เหยียลี่ว์ฉีคิดไม่ถึงว่าสตรีนางนี้จะกล้าแกร่งเช่นนี้ ถูกทับลงไปไม่ทันได้ป้องกัน รู้สึกเพียงปลายจมูกหอมหวานหอมกรุ่นคล้ายจะทะลุกระดูก ส่วนร่างกายของนางอ่อนนุ่มดุจแพรไหม ทะลักล้นด้วยความโค้งเว้าน่าตื่นตะลึง เส้นส่วนเอวกลับผอมบางจนน่าหวาดหวั่น ยามสัมผัสอาจจินตนาการได้ถึงทรวดทรงปานนั้น ขึ้นลงเหมาะมือ ทุกเฟินทุกชุ่นล้วนเปี่ยมด้วยความยั่วยวนและความผสมผสาน

 

 

ความผสมผสานเช่นนั้น ทำให้ตนอยากโอบกอดนางมาทางตนเองให้แน่นขึ้น

 

 

เขาใจลอยไปชั่วครู่ ในความเคลิบเคลิ้มยกมือขึ้น คล้ายถูกพร่ำเพรียก ประคองบนเอวของนางอย่างแผ่วเบา

 

 

จิ่งเหิงปัวไม่ได้รู้สึกตัวแม้แต่น้อย นางกลัวเหยียลี่ว์ฉีลงมือรุนแรง ใช้สองเท้าเกี่ยวเขาไว้เสียเลย มือข้างหนึ่งโอบลำคอของเขาไว้แน่น มืออีกข้างหนึ่งจบใบหน้าของเขา กล่าวว่า “คายออกมาๆ !”

 

 

ผู้หนึ่งใจลอย อีกผู้หนึ่งควบคุมตนไม่อยู่ ล้วนไม่ได้รู้ตัวว่าบนเพดานกระโจมเฟยเฟยพองแก้มขึ้นมา มองจิ่งเหิงปัวที่ท่าทางทุเรศทุรังอย่างไม่เข้าใจ กรงเล็บน้อยสะบัดเพียงครั้ง ผลไม้หลายผลร่วงลงมาอีกครั้ง กลิ้งกุกกักสู่ฝ่ามือของกงอิ้น

 

 

“คายออกมาคายออกมา!” จิ่งเหิงปัวหยิกแล้วหยิกอีก เหยียลี่ว์ฉีหัวเราะแผ่วเบาเสียงหนึ่งโดยพลัน เอ่ยว่า “กระหม่อมกินไปแล้ว ทำอย่างไรดี?”

 

 

“หา?” จิ่งเหิงปัวชะงักงัน เหยียลี่ว์ฉียกแขนเพียงครั้งกอดนางไว้แน่น “อื้ม” อย่างเกียจคร้านเสียงหนึ่ง “หอมยิ่งนัก”

 

 

มิรู้ว่าเขาเอ่ยว่าผลไม้หอมหรือว่าสตรีหอม

 

 

“ไม่ใช่หุ่ยเหรินเซิ่นเป่า[3]สักหน่อยเจ้ากินไปทำอะไร!” จิ่งเหิงปัวมีสีหน้าโกรธเคือง กำลังจะคลานขึ้นมา รู้สึกทันทีว่าเรือนร่างของเหยียลี่ว์ฉีใต้ร่างตนแข็งทื่อ ในขณะเดียวกันนี้ขนด้านหลังของนางลุกชันขึ้นมา

 

 

พอนางหันกลับมา ก็มองเห็นกงอิ้นยืนขึ้นมาแล้วไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไร ก้มหน้ามองดูนางและเหยียลี่ว์ฉีอย่างเงียบเชียบ

 

 

ในแสงรัศมีมัวสลัว เขามีสีหน้าไร้อารมณ์ทว่าแววตาเย็นยะเยือกเพียงน้อย นัยน์ตามีความเหน็บหนาวปานหิมะหนา

 

 

เขามองดูหญิงชายที่นัวเนียกันอยู่บนพื้นอย่างเงียบเชียบ…พอกินผลไม้ที่เฟยเฟยโยนลงมาโดยไม่ตั้งใจ เขาฟื้นคื้นจิตสำนึกโดยพลัน เรื่องราวก่อนหน้านี้กลับมีหลายเรื่องจำไม่ค่อยได้ จำได้เพียงเงาคนกะพริบวูบ คมมีดกรีดเป็นแนวนอน คล้ายมีการลอบสังหารคราหนึ่งรำไร พอนึกถึงเรื่องนี้ในใจของเขาเกร็งแน่น กำลังจะตามหาจิ่งเหิงปัว ก็มองเห็นฉากหนึ่งเบื้องหน้านี้

 

 

หญิงชายโอบกอดกันแนบแน่น ท่วงท่าไม่หลบหลีกแม้แต่น้อย จิ่งเหิงปัวลูบคลำใบหน้าของบุรุษอย่างไร้ความพะว้าพะวังโดยสิ้นเชิง…

 

 

เขานิ่งเงียบ สีหน้าสงบนิ่ง คล้ายน้ำแข็งผนึกคลื่นใต้น้ำดังซ่าซ่าไว้จนสิ้น

 

 

จิ่งเหิงปัวกลับไม่ได้มองสีหน้าของเขาให้ชัดเจน แวบหนึ่งมองเห็นผลไม้หลายผลที่หลงเหลืออยู่บนพื้น ร้อง “ฮ่า” เสียงหนึ่งเริงร่าเบิกบานจะคลานขึ้นมา กล่าวว่า “เฟยเฟยเจ้าชั่วร้ายเสียจริง มียาถอนพิษเยอะขนาดนี้เหตุใดจึงไม่เอ่ยให้ชัด? ทำร้ายข้าให้ข้าต้องลำบากแย่งชิง…เฮ้ยเหยียลี่ว์ฉีเจ้าปล่อยข้า เฮ้ยกงอิ้นเจ้ารีบมาช่วยข้าสิ…”

 

 

“ข้าว่าเจ้าคงไม่ต้องการให้ช่วย” กงอิ้นขัดวาจาของนาง หันกายอย่างเย็นชา

 

 

จิ่งเหิงปัวเงยหน้าอย่างงงงวย แม้แต่เหยียลี่ว์ฉีที่ไม่ได้เอ่ยวาจาอะไรทั่วร่างเตรียมป้องกันก็ชะงักไป

 

 

กงอิ้นที่หันกายเชื่องช้าสะบัดแขนเสื้อเพียงครั้งโดยพลัน แสงยะเยือกสายหนึ่งโจมตีบนเสาค้ำยันที่ถูกเฟยเฟยเลื่อยจนแตกร้าว เสาสะบั้นดังกร๊อบเสียงหนึ่ง กระโจมหนาหนักล้มลงมา ฝังทุกผู้คนเอาไว้ในทันใด

 

 

จิ่งเหิงปัวรู้สึกเพียงเบื้องหน้ามืดลง ไม่ทันได้รู้ตัวก็รู้สึกว่าข้อมือถูกคนคว้าไว้แน่นหนา นางตื่นตระหนก ไม่รู้ว่าเป็นกงอิ้นหรือเหยียลี่ว์ฉี อีกฝ่ายใช้แรงดึง นางโซเซพุ่งเข้าไปในอ้อมแขนของเขา กลิ่นหอมที่คุ้นเคยทำให้นางจิตใจสงบโดยไม่รู้สาเหตุ กำลังจะโน้มไปหา อีกฝ่ายใช้แรงที่มือสะบัดนางไปด้านหลังภายในครั้งเดียว ในขณะเดียวกันคนหนึ่งแฉลบผ่านข้างกายนาง จนนางรู้สึกได้ถึงผิวกายร้อนผ่าวใต้กล้ามเนื้อเกร็งแน่นของอีกฝ่าย

 

 

เสียง “พลั่ก” ดังทึบเสียงหนึ่ง ในความมืดบุรุษสองคนคล้ายประมือกันครั้งหนึ่ง ลมจากฝ่ามือที่เฉียดผ่านสะเทือนจนนางโซซัดโซเซ จิ่งเหิงปัวไตร่ตรองท่วงท่า รู้สึกว่าในเมื่อกงอิ้นไม่เป็นไรแล้ว เหยียลี่ว์ฉีย่อมมิอาจลงมือได้ พยัคฆ์สองตัวรบรามัจฉาพลอยไร้วารี ยังไงนางรีบเร่งหลบหนีเป็นการดี กำลังตระเตรียมเรียกหาเฟยเฟยหายตัวไปด้วยกัน ข้อมือถูกยึดแน่นฉับพลัน เสียงของกงอิ้นดังอยู่ข้างหูนางว่า “ทำอะไร จะหนีไปกับผู้ใด”

 

 

อาไร้? จิ่งเหิงปัวกะพริบตา ฉันเองหนีไป ไม่อยากเป็นภาระนาย แบบนี้ก็ไม่ได้เหรอ?

 

 

นางโกรธขึ้นมา สะบัดมือของกงอิ้นออก กล่าวว่า “เรื่องของเจ้า!”

 

 

“นางจะไปกับข้างเป็นแน่” เหยียลี่ว์ฉียิ้มแย้มพลางเอ่ยอยู่ในความมืดอีกฝั่งว่า “คืนนี้ข้ามาเพื่อรับนาง”

 

 

“เหยียลี่ว์ฉีเจ้าหุบปาก” จิ่งเหิงปัวแค่นเสียงหัวเราะเย็นชา กล่าวว่า “ผู้ที่เจ้านัดคือเฟยหลัวกระมัง?”

 

 

เสียงของนางอ่อนหวานน่ารักใคร่โดยกำเนิด ยามหัวเราะเย็นชายังคล้ายเสียงไพเราะ จะโกรธเคืองอย่างไรก็แสดงอำนาจออกมาอย่างเต็มที่ไม่ได้ คล้ายออดอ้อนมากกว่าต่อว่าต่อขาน

 

 

ท่ามกลางสายลมพัดผ่านจากการประมือ เสียงของเหยียลี่ว์ฉียิ่งเริงร่ามากขึ้น เอ่ยว่า “เดิมทีอยากจะนัดเฟยหลัว มองเห็นพระองค์แล้วทนไม่ไหวล่ะ”

 

 

“ทนน้องเจ้าสิ” จิ่งเหิงปัวเสียงขึ้นจมูก กล่าวว่า “ไปไกลๆ เลย”

 

 

ตอบไปตอบมายังคล้ายยั่วเย้า รอยยิ้มในเสียงของเหยียลี่ว์ฉียิ่งมากขึ้น

 

 

“พวกเจ้าเอ่ยจบหรือยัง” เสียงของกงอิ้นที่แทรกเข้ามายิ่งเหน็บหนาวจนจิ่งเหิงปัวอดจะสั่นสะท้านไม่ได้ จากนั้นเสียงพลั่กเสียงหนึ่งดังกึกก้อง ม่านกระโจมหนาหนักรอบด้านถูกสะเทือนจนปลิวว่อนกลางอากาศ ในแสงรัศมีมัวสลัวเงาคนสายหนึ่งหัวเราะฮ่าๆ เหินถอยหลังหลายก้าวปานว่าวสายหนึ่ง ฉีกกระโจมจนขาดด้วยมือข้างเดียว พุ่งขึ้นไปบนฟ้า

 

 

เรือนร่างของกงอิ้นโน้มไปข้างหน้า จะไล่ล่าติดตามไป จิ่งเหิงปัวตะโกนทันทีว่า “รอก่อน!”

 

 

“รอสิ่งใด!” กงอิ้นเอ่ยด้วยความโกรธว่า “จับมือสังหาร!”

 

 

“จะจับเจ้าก็จับเอง!” จิ่งเหิงปัวเสียงสูงกว่าเขา สะบัดมือสุดชีวิต เอ่ยว่า “พี่มีเรื่องสำคัญ!”

 

 

กงอิ้นดูท่าทางร้อนรนดุจเพลิงดารากลับหยุดฝีเท้าเสียอย่างนั้น ทว่าไม่ยอมปล่อยมือ จิ่งเหิงปัวก็ไม่สนใจเขา ดิ้นรนยกเท้าขึ้นมาเตะไปบนใบหน้าของเฟยหลัวบนพื้นที่คลานโซซัดโซเซขึ้นมา

 

 

“พลั่ก”

 

 

เฟยหลัวที่เพิ่งยืนได้มั่นคงล้มถ่างแข้งถ่างขาลงไป ร่างเปรอะเปื้อนฝุ่นดินทั่วพื้น

 

 

“สมกับเป็นเสนาหญิง คลานยังคลานได้งดงามเยี่ยงนี้!” เสียงของจิ่งเหิงปัวสดใสยิ่งนัก

 

 

กงอิ้น “…”

 

 

จิ่งเหิงปัวยังคงไม่เลิกรา กระชากกระโปรงครึ่งตัวของเฟยหลัวที่เปียกด้วยเพราะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ดังพึ่บพั่บเสียงหนึ่ง ใช้แรงโยนไปด้านนอก กล่าวเสียงดังว่า “รีบตามหมอเร็ว! ท่านเสนาหญิงกลั้นไม่อยู่แล้ว!”

 

 

เศษอาภรณ์ที่กำจายกลิ่นเหม็นหึ่งแปะลงบนใบหน้าขององครักษ์ที่กำลังพุ่งเข้ามาผู้หนึ่งพอดี เขาคว้าไว้ในทันใดแล้วพุ่งไปอีกด้านหนึ่งอย่างรวดเร็ว จากนั้นมุมกำแพงมีเสียงอาเจียนชัดเจนดังขึ้น

 

 

เดิมทีเฟยหลัวดีขึ้นมาบ้างแล้ว กำลังดิ้นรนอยากลุกขึ้น มองเห็นฉากหนึ่งนี้จึงล้มลงไปดังพลั่กเสียงหนึ่ง

 

 

จิ่งเหิงปัวยิ้มอ่อนหวานครั้งหนึ่ง

 

 

“ว้าย ข้ามิควรจะเอ่ยเสียงดัง เช่นนี้คงได้ยินกันหมดแล้วสินะ? ขออภัยด้วย ข้าลืมไป!”

 

 

 

 

 

[1] เอ่อร์คัง พระรองจากเรื่ององค์หญิงกำมะลอ คนรักของจื่อเวย

 

 

[2] จื่อเวย นางรองจากเรื่ององค์หญิงกำมะลอ คนรักของเอ่อร์คัง

 

 

[3] หุ่ยเหรินเซิ่นเป่า ยาจีนบำรุงกำลังยี่ห้อหนึ่งในประเทศจีน