ตอนที่ 596 โยนงาน

บุตรอสูรบรรพกาล

ตอนที่ 596

โยนงาน

“โล่งตาดีจริงๆ”รองเจ้าสำนักเหยี่ยวทะเลทรายผานซูนั่งเล่นอยู่ในสวนพร้อมกับหลินเฟยพลางมองสภาพสำนักหลังจากจัดการเรื่องของสมาชิกในสำนักสำเร็จ

“ไม่ใช่ว่ามันโล่งไปหรอกหรือ คนหายไปมากกว่าครึ่งอีกไม่ใช่หรือไง”หลินเฟยว่าพลางใช้ดวงตาสีม่วงสัมผัสพลังวิญญาณของคนที่อยู่ในเขตสำนักเหยี่ยวทะเลทราย พอมีหลินเฟยมาเป็นดุลอำนาจใหม่ พวกรองผานซูก็ขับไล่พวกของเจ้าสำนักเก่าออกไปได้ทั้งหมด แม้ก่อนไปจะหันกลับมากล่าวอาฆาตแค้นว่าพวกตนจะไปอยู่สำนักอื่นและทำให้สำนักอื่นยิ่งใหญ่กว่าสำนักเหยี่ยวทะเลทรายอย่างแน่นอนก็ตาม รองเจ้าสำนักอย่างผานซูกลับไม่มีความกังวลแม้แต่น้อย

“แบบนี้ต่างหากที่ยอดเยี่ยมขอรับ พื้นที่กว้างแถมสะอาดขึ้นเยอะ”ผานซูว่าพลางยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ ยามนี้ในสำนักไม่มีบรรยากาศน่าอึดอัดสำหรับผานซูอีกแล้ว เพราะไม่มีคนของเจ้าสำนักคนเก่าเหลืออยู่เลยนั่นเอง แม้ตอนแรกจะอยากเก็บไว้ใช้ประโยชน์แต่หลินเฟยก็ตัดสินใจไล่ออกไปให้หมดเพราะดูแล้วคนของเจ้าสำนักเก่าจะเลี้ยงไม่เชื่องเสียเท่าไหร่ แถมพลังของหลินเฟยที่แสดงไปคราวก่อนก็ไม่ได้ห่างจากพวกแม่ทัพมาก พวกนั้นคงคิดว่าขอเพียงร่วมมือกับยอดฝีมือคนอื่นก็คงล้มหลินเฟยได้เป็นแน่

“ไม่ใช่ว่าคนงานไม่พอจนทำความสะอาดไม่ทั่วถึงหรอกหรือ”หลินเฟยถอนหายใจออกมากับความรีบร้อยของผานซู พอบอกว่าจะไล่พวกของเจ้าสำนักคนเก่าไปผานซูและเหล่าอาวุโสที่อยู่ข้างผานซูก็รีบลงมือกันโดยไม่เกรงอกเกรงใจ ถึงขั้นแตกหักจนมองหน้ากันไม่ติดเลยทีเดียว

“ไม่เป็นไรหรอกขอรับ เราก็แค่รับสมัครศิษย์รุ่นใหม่เข้ามาก็สิ้นเรื่อง”ผานซูตอบพลางยิ้มกว้างออกมาด้วยท่าทีสบายอกสบายใจ ท่าทางเช่นนี้ทำเอาหลินเฟยไม่ทราบจะหัวเราะหรือปวดหัวดี

“เช่นนั้นก็มอบหมายหน้าที่พวกนั้นให้เจ้าจัดการก็แล้วกัน อีกไม่กี่วันข้าต้องกลับไปทำงานที่ร้านตระกูลชุนแล้ว”หลินเฟยว่าพลางลุกขึ้นช้าๆ ตอนนี้สำนักนับว่าจัดการปัญหาภายในกันเรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้จะเป็นการแต่งตั้งตำแหน่งกันใหม่ และจัดการระบบภายในสำนักให้ลงตัว ซึ่งแน่นอนว่าหลินเฟยมอบงานเหล่านั้นให้เหล่าอาวุโสช่วยกันคิดและเสนอมาให้ตนเองในวันสุดท้ายก่อนกลับไปทำงานที่ร้าน

“ขอรับ”ผานซูตอบพลางยิ้มรับด้วยท่าทียินดี ตอนนี้เหล่าอาวุโสกำลังพยายามช่วยกันคิดวิธีดำเนินสำนักกันอย่างจริงจัง และยังกังวลกันเรื่องหลังจากนี้อีกต่างหาก แน่นอนว่าพวกตนต้องโดนคนของเจ้าสำนักคนเก่าย้อนกลับมาเล่นงานในสักวันหนึ่ง แต่ก่อนจะถึงวันนั้นพวกตนจะต้องแข็งแกร่งขึ้นและรับมือกับสิ่งที่จะตามมาให้ได้

.

.

“สรุปแล้ว ออกมาเป็นแบบนี้สินะ”หลินเฟยว่าพลางมองเอกสารที่เหล่าอาวุโสเตรียมกันมาในวันประชุม แผนการจัดการสำนักนั้นมีรายละเอียดเยอะมาก ตั้งแต่ทรัพยากรของสำนักและการแจกจ่ายทรัพยากรเหล่านั้นให้กับบุคคลตั้งแต่ระดับเจ้าสำนักลงไปจนถึงระดับศิษย์ใหม่ แต่เพียงอ่านไม่กี่บรรทัดหลินเฟยก็ต้องชะงักไปเสียแล้ว

“ค่าใช้จ่ายส่วนตัวของเจ้าสำนัก 100 เหรียญทองต่อเดือนนี่มันอะไรกัน”หลินเฟยถามพลางมองไปยังเหล่ารองเจ้าสำนักทั้งสองที่พึ่งแต่งตั้งกันขึ้นมาใหม่ และเหล่าอาวุโสที่หดเหลือเพียง 6 คนเท่านั้น

“เรียกว่าเบี้ยเลี้ยงของเจ้าสำนักก็ได้ขอรับ”อาวุโสผู้หนึ่งตอบพลางยิ้มเจื่อนๆออกมา

“เรื่องนั้นข้าเข้าใจ แต่ 100 เหรียญทองนี่มันอะไร”หลินเฟยว่าพลางโยนกระดาษตรงที่เขียนจัดส่วนแบ่งรายได้ของแต่ละคน

“อาจจะน้อยไปหน่อย แต่การเงินของสำนักเรายามนี้ฝืดเคือง เกรงว่าจะให้เดือนละ 300 เหรียญทองเหมือนเจ้าสำนักคนก่อนไม่ไหวขอรับ”รองเจ้าสำนักอีกคนนอกจากผานซูตอบด้วยท่าทีจริงจัง

“300 เจ้าสำนักคนก่อนใช้เงินขนาดนั้นเลยงั้นหรือ”หลินเฟยขมวดคิ้วด้วยท่าทีตกใจ ไม่ใช่ว่าเงิน 300 เหรียญทองมันเยอะอะไรหรอก แต่เพราะสำนักเหยี่ยวทะเลทรายมีรายได้จำกัด การที่เจ้าสำนักเอาเงินไปเดือนละตั้ง 300 เหรียญทองมันบ้าเกินไปแล้ว ตัวสำนักนั้นมีรายได้สนับสนุนจากวังหลวงเพราะเป็น 10 อันดับยอดสำนักของอาณาจักรซาน ขอเพียงรักษาอันดับเอาไว้ได้ก็จะได้เงินสนับสนุน และนอกจากนี้ยังมีรายได้จากการรับงานต่างๆในเมืองหลวงและเมืองข้างเคียง ส่วนใหญ่เป็นงานคุ้มกันและกำจัดโจรหรืออสูรที่หลุดออกมาจากเขตอสูร แต่ตอนนี้คนน้อยลงอัตราการรับงานก็น้อยตาม คาดว่าเดือนนี้รายได้ของสำนักคงตกลงกว่าครึ่งเป็นแน่ แล้วยังจะเอาเงิน 100 เหรียญทองมาให้เจ้าสำนักใช้เล่นอีกงั้นหรือ

“เงินจำนวนนี้ข้าไม่รับ เรื่องค่าใช้จ่ายส่วนตัวข้าดูแลตัวข้าเองได้ 100 เหรียญทองให้เอาไปรวมกับงบรายเดือนของศิษย์ในสำนักซะ”หลินเฟยสั่งด้วยท่าทีจริงจังก่อนจะเริ่มอ่านรายละเอียดของสำนักต่อ ระบบการจัดการของสำนักเหยี่ยวทะเลทรายนั้นเป็นระบบธรรมดาที่หาได้ทั่วไป มีศิษย์ภายนอก ศิษย์ภายใน จนถึงศิษย์สายตรงของอาวุโส ศิษย์ส่วนตัวของรองเจ้าสำนัก และศิษย์ส่วนตัวของเจ้าสำนัก เมื่อศิษย์ผ่านขั้นวิชาสำเร็จก็จะกลายเป็นผู้ฝึกสอนที่มีระดับทั้งหมด 3 ขั้นคือผู้ฝึกสอนทั่วไป ผู้ฝึกสอนภายใน และ ผู้ฝึกสอนพิเศษที่รับหน้าที่ฝึกสอนศิษย์ที่กำลังจะผ่านขั้นการฝึกฝน แล้วจึงขึ้นมาเป็นรองอาวุโส อาวุโส และรองเจ้าสำนัก จนถึงเจ้าสำนักในที่สุด

“ท่านอาวุโสหงส์ชา ไม่ทราบว่าสมุนไพรที่รับเข้ามามีอะไรบ้าง”หลินเฟยถามพลางมองรายจ่ายที่ระบุว่าเป็นรายจ่ายสำหรับสมุนไพรรักษาโรคและสมุนไพรเพิ่มพลังวิญญาณสำหรับคนในสำนัก ซึ่งเงินก้อนนี้นับว่าเป็นเงินก้อนใหญ่ก้อนหนึ่งที่สำนักต้องจ่ายทุกเดือน แม้ในเอกสารจะมีรายการสมุนไพรอยู่แล้ว หลินเฟยก็ต้องการถามให้อาวุโสหงส์ชาได้ตอบว่าตนเองสั่งอะไรในแต่ละเดือนบ้าง

“ขอรับ….”อาวุโสหงส์ชาผู้รับหน้าที่ควบคุมห้องยาเริ่มร่ายรายชื่อของยาแต่ละชนิดออกมาด้วยท่าทีสงบ ท่าทางอาวุโสท่านนี้จะมีความสามารถดีทีเดียว ถึงกับท่องรายชื่อสมุนไพรที่สั่งเข้าสำนักกว่า 40 รายการออกมาได้อย่างครบถ้วน

“…..หลังจากนี้เปลี่ยนซะ ให้สั่งยาตามนี้”หลินเฟยว่าพลางนำพู่กันเขียนลงไปบนตัวกระดาษอย่างรวดเร็วเพื่อเปลี่ยนจำนวนสมุนไพรหลายส่วนเสียใหม่

“แต่ว่าท่านเจ้าสำนัก หากไม่รับสมุนไพรพวกนี้มา ยาที่พวกเราใช้เพื่อเพิ่มพูนพลังวิญญาณก็จะไม่สามารถทำขึ้นมาได้นะขอรับ”อาวุโสหงส์ชาตอบด้วยสีหน้าเป็นกังวล ยาสำหรับเพิ่มพูนพลังวิญญาณเหล่านี้เป็นยาที่สำคัญมากสำหรับสำนักต่างๆ หากไม่มีละก็เหล่าศิษย์ใหม่คงไม่สามารถเพิ่มพลังวิญญาณจนสามารถขึ้นมาเป็นกำลังหลักของสำนักได้แน่ๆ

“เปลี่ยนสูตรยาเสีย หลังจากนี้ไปให้ใช้ยาตามที่ข้าเขียนเอาไว้ทั้งหมด”หลินเฟยว่าพลางเขียนรายการสูตรยาให้หงส์ชา โชคดีที่หลินเฟยได้ทำงานในร้านของชุนเจ๋อมาก่อนและระหว่างเดินตลาดหลินเฟยก็ได้เห็นร้านสมุนไพรในเมืองมาบ้าง สมุนไพรที่เมืองหลวงของอาณาจักรซานสามารถหามาได้นั้นพอจะทำยาเพิ่มพลังวิญญาณชั้นกลางได้อยู่ อย่างน้อยยาที่หลินเฟยเลือกใช้ก็ดีกว่าสูตรเดิมแน่ๆละนะ แถมด้วยจำนวนเงินเท่ากันก็ยังได้ยามากกว่าด้วย

“ขอรับ…”อาวุโสหงส์ชามองสูตรยาด้วยท่าทีตกตะลึง มันพึ่งถูกเขียนเมื่อครู่เองไม่ใช่หรือ ท่านเจ้าสำนักถึงกับจำสูตรยาพวกนี้ขึ้นใจหรือว่าท่านเองก็มีความสามารถในการปรุงยาอยู่ด้วย แม้จะยังไม่ทราบผลของยาแต่เท่านี้หลินเฟยก็ได้ความนับถือจากหงส์ชาผู้รับผิดชอบห้องยาไปแล้ว เมื่อเทียบกับเจ้าสำนักคนเก่าที่รู้แต่ว่าต้องสั่งสมุนไพรอะไรเท่าไหร่บ้าง หลินเฟยผู้นี้ดีกว่าเป็นไหนๆ

“แล้วก็…..”หลินเฟยว่าพลางเริ่มเปิดรายงานส่วนต่างๆของเหล่าอาวุโสต่อ ในที่สุดก็มาถึงเส้นเลือดใหญ่ของสำนักเสียทีนั่นก็คือรายชื่อวิชาทั้งหมดที่สำนักเหยี่ยวทะเลทรายครอบครอง ทั้งวิชาฝึกฝนพลังวิญญาณทั้งวิชาต่อสู้ต่างถูกเขียนรายละเอียดเอาไว้อย่างย่อๆในรายงานหมดแล้ว นอกจากนี้ยังมีเล่มวิชาชั้นสูงของเจ้าสำนักและเหล่าอาวุโสทั้งหมดถูกนำมาวางเอาไว้บนโต๊ะแต่แรกด้วย

พรึบ…..

หลินเฟยเปิดอ่านเล่มตำราอย่างรวดเร็วราวกับเปิดผ่าน ด้วยความทรงจำเหนือมนุษย์ของตระกูลไป๋รวมกับเหล่าวิชาที่หลินเฟยเคยจดจำมา เพียงอ่านผ่านตาก็เข้าใจถ่องแท้แล้วว่าวิชาของสำนักเหยี่ยวทะเลทรายช่างน่าหดหู่เสียจริง ก่อนหน้านี้หลินเฟยคิดว่าจะเอาวิชาเหล่านี้ไปให้ศิษย์ใหม่ฝึกแล้วนำวิชาของตนเองมาให้เหล่าอาวุโสฝึกแทน แต่วิชาพวกนี้กลับอ่อนด้อยเกินกว่าที่หลินเฟยคิด มิน่าเล่าพวกมันถึงฝึกขึ้นมาถึงระดับเทียนเซียนไม่ได้เสียที

“หลังจากข้ารับตำแหน่งแล้ว สำนักเหยี่ยวทะเลทรายต้องไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป วิชาทั้งหมดนี้เก็บเอาไว้ในหอตำรา เปิดให้ทุกคนสามารถนำไปศึกษาได้เสีย”หลินเฟยว่าพลางดันตำราของเหล่าอาวุโสรวมถึงตำราของเจ้าสำนักและรองเจ้าสำนักให้ออกห่างตัว หากไม่ใช่เพราะเกรงใจอยู่บ้างหลินเฟยคงสั่งให้เอาไปเผาเสียให้พ้นตาเป็นแน่

“วิชาใหม่หรือขอรับ”เหล่าอาวุโสอ้าปากค้าง วิชาที่พวกมันฝึกอย่างหวงแหนมาหลายปีจะโดนเอาไปเก็บและเผยแพร่งั้นหรือ

“วิชาเหล่านี้เกรงว่าจะธรรมดาเกินไปสำหรับท่านเจ้าสำนักสินะขอรับ คราแรกที่ได้รับวิชาควบคุมเพลิงมาจากท่าน ข้าก็ทราบทันทีว่าวิชาเดิมของข้านั้นกระจอกขนาดไหน ข้าเชื่อว่าวิชาที่ท่านเจ้าสำนักจะแบ่งให้พวกเรานั้นต้องยอดเยี่ยมกว่าเดิมแน่ๆ”เห็นเหล่าอาวุโสเริ่มลังเล ผานซูก็รีบบอกถึงวิชาที่หลินเฟยนำมาให้ตนทันที ก่อนหน้านี้เกิดการปะทะกันของเหล่าคนของเจ้าสำนักคนเก่า ผานซูแสดงวิชาเพลิงที่น่าตื่นตาตื่นใจออกมาต่อหน้าทุกคนทำเอาพวกมันประหลาดใจเสียยกใหญ่ เมื่อได้ทราบว่าวิชานั้นเป็นของที่ได้มาจากหลินเฟย เหล่าอาวุโสก็เริ่มมีความเชื่อมั่นขึ้นมาทันที

“วิชาพวกนี้ให้ศิษย์ที่มีอยู่ตอนนี้ฝึกฝนซะ วิชาของเหล่าอาวุโสและศิษย์ใหม่ข้าจะคัดลอกมาให้อีกที”หลินเฟยว่าพลางนำวิชาที่คิดจะเอามาให้อาวุโสฝึกฝนกันออกมา แต่เพราะวิชาแต่เดิมย่ำแย่เกินไปทำให้หลินเฟยต้องลดขั้นพวกมันลงให้เหล่าศิษย์ตอนนี้ได้ฝึกฝนวิชาพวกนี้ไปก่อน เพราะหากฝึกวิชาแบบนี้ต่อไปคงต้องใช้เวลาอีกหลายสิบปีกว่าจะพัฒนา แถมวิชาฝึกฝนพลังวิญญาณแต่เดิมยังมีข้อเสียกับร่างกายด้วย คงต้องให้อาวุโสหงส์ชาสร้างยาที่จะช่วยบำรุงร่างกายให้เหล่าอาวุโสที่ฝึกฝนวิชาแบบนั้นมานานหลายปีเสียแล้ว

“หึหึ….”ผานซูหัวเราะพลางมองใบหน้าของเหล่าอาวุโสด้วยท่าทีสนุกสนาน พวกมันที่ทำตัวเป็นผู้ใหญ่แก่เรียนกันมานานยามนี้เอาแต่ตื่นเต้นเหมือนกับเด็ก ช่างไม่ต่างจากตัวมันก่อนหน้านี้ไม่มีผิด

“มีอะไรหรือรองเจ้าสำนัก”หลินเฟยถามพลางมองไปทางผานซูด้วยท่าทีสงสัย

“เปล่าขอรับ ข้านึกว่าท่านจะไม่สนใจงานภายในสำนักเสียอีก แต่ท่านกลับทำงานได้ดีทีเดียว”ผานซูหัวเราะออกมาด้วยท่าทีมีความสุข หากหลินเฟยจะทิ้งงานทั้งหมดให้ผานซูและเหล่าอาวุโสทำผานซูก็ไม่ขัดสักนิด เพราะตราบใดที่หลินเฟยยังครองตำแหน่งเจ้าสำนักก็เหมือนมีเทพปกปักรักษาสำนักเอาไว้ หรือก็คือแต่เดิมผานซูกะจะขอวิชาจากหลินเฟยมาพัฒนาสำนักและปล่อยหลินเฟยทำตามใจชอบด้วยเงินเบี้ยเลี้ยงของเจ้าสำนัก และหากสำนักมีปัญหาเพียงได้หลินเฟยเข้ามาช่วยยามเข้าตาจนก็เพียงพอแล้ว แต่นี่หลินเฟยกลับทำงานอย่างดีจนตนเองยังอดประหลาดใจไม่ได้ นับว่าเป็นเรื่องดีจริงๆ

“ข้าจะรีบสอนพวกเจ้าให้เป็นงาน ข้าจะได้โยนงานให้พวกเจ้าต่างหาก”หลินเฟยว่าพลางทำหน้าเบื่อออกมา แต่ถึงจะพูดออกมาแบบนั้นผานซูก็ยังยิ้มรับด้วยท่าทีดีใจอยู่ดี