ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ
••••••••••••••••••••
นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล
**บทที่****226:**เกาะประหลาด
“นายท่าน เหตุใดท่านจึงวิตกกังวลเช่นนี้? เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่แห่งนี้เป็นทะเลแห่งความสับสนจริงหรือไม่ แต่เรารู้ว่าที่นี่เป็นการก่อตั้งที่ยิ่งใหญ่อย่างมากและเราได้เข้ามายังสถานที่แห่งนี้แล้ว ถ้าหากเราสามารถทำลายการก่อตั้งพวกนี้ได้ เราก็จะสามารถออกไปได้!” แม่มดเทวะตนหนึ่งกล่าวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
“การก่อตั้ง?” เมื่อซ่งจงได้ยินเช่นนั้น เขาสดใสขึ้นมาทันทีพร้อมถามกลับ “พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าการก่อตั้งนี้คืออะไร?”
“เรายังคลุมเครือเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่การก่อตั้งนี้ใหญ่มากจริงๆ อย่างน้อยสองถึงสามพันลี้ เรามองเห็นเพียงมุมเล็กๆของมัน พวกมันทั้งหมดถูกบังจนสิ้นโดยหมอกเหล่านี้ ดังนั้นมันจึงยากมากที่จะรับรู้ที่ตั้งของพวกมัน!” แม่มดเทวะอีกตนกล่าวออกมา
“เช่นนั้นเราควรทำอย่างไร?” ซ่งจงตอบกลับอย่างกังวล
“นายท่าน หมอกนี้ไม่ได้มาพร้อมกับการก่อตั้งเหล่านั้น ดูเหมือนว่ามันจะเป็นข้อจำกัดพิเศษของสถานที่แห่งนี้ ถ้าหากเรารู้ข้อจำกัดเหล่านั้น เราจะสามารถมองเห็นโครงสร้างของเกาะนี้ทั้งหมด ด้วยประสบการณ์ที่ผ่านมานับพันปีของพวกข้ามันไม่น่ายากที่จะค้นพบว่าการก่อตั้งเหล่านี้อยู่ที่ใด!” แม่มดเทวะอีกตนกล่าวออกมา
“ยอดเยี่ยม!” ในขณะที่ซ่งจงพบว่ามีหนทางที่จะหลบหนีออกไป เขากล่าวออกมาอย่างตื่นเต้น “แล้วเราจะทำลายหมอกเหล่านี้ได้อย่างไรกัน?”
“เรื่องนั้น….” แม่มดเทวะทั้งเก้าต่างมองหน้ากัน แต่ไม่มีใครกล่าวสิ่งใดออกมา
“พวกเจ้า จงกล่าวอะไรออกมาสักอย่าง!” ซ่งจงบ่นออกมาอย่างหงุดหงิด“นายท่าน ถ้าหากว่าพวกเราอยู่ในสถานะไร้รูปร่าง เราจะสามารถทำลายข้อจำกัดเหล่านี้ได้อย่างง่ายดาย แต่ในตอนนี้เราอยู่ในระดับปฐมภูมิเท่านั้นและเราไม่สามารถทำลายกฎทั้งสามข้อได้ พวกเราจึงไม่รู้จะทำเช่นไรจริงๆในตอนนี้!” แม่มดเทวะกล่าวออกมา
“ไม่มีอะไรที่ดีกว่านี้แล้วงั้นหรือ?” ซ่งจงตอบกลับอย่างผิดหวัง
“ยกโทษให้พวกเราด้วยนายท่าน!” หญิงงามทั้งเก้ารีบกล่าวออกมา
“เอาล่ะ ลืมมันไป ข้าก็ไม่อาจตำหนิพวกเจ้าได้เช่นกัน!” ซ่งจงนั้นไม่ใช่พวกยอมแพ้สิ่งใดง่ายๆ แม้ว่าจะไร้หนทางแต่เขาจะไม่ตำหนิผู้อื่นโดยไร้เหตุผล
“ขอบคุณนายท่าน!” เมื่อเห็นว่าซ่งจงนั้นไม่ได้โกรธเคือง เหล่าแม่มดต่างโล่งอกทันที เรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพราะพวกนาง ถ้าหากพวกนางรู้จักการยืดหยุ่นมากกว่านี้สักเล็กน้อย นางคงไม่พาซ่งจงมาติดอยู่ในทะเลแห่งความสับสนนี้
ในเวลานี้ซ่งจงยังไม่มีเวลามานั่งคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้เพราะฟู่หงจางได้เริ่มออกฤทธิ์แล้วและเขาจะต้องเข้าสู่สมาธิทันที ดังนั้นเขาออกคำสั่งทันที “ช่วยปกป้องข้าไว้สักครู่ ข้าต้องเข้าสู่สมาธิแล้ว!” จากที่เขากล่าวจบ เขาขึ้นไปนั่งบนระฆังทองแดงทันทีและเริ่มปรับลมปราณของตนเองอย่างรวดเร็ว เพื่อเปิดการใช้งานฟู่หงจางในการรักษาอาการบาดเจ็บ เหล่าแม่มดที่เห็นเช่นนั้น พวกนางล้อมรอบเขาทันทีเพื่อคุ้มกัน
ฟู่หงจางนั้นเป็นสมุนไพรที่มีอายุกว่าพันปี ความแข็งแกร่งของยานี้ทำให้มู่ซื่อหรงและดาบเทวะไร้ต้านฟื้นฟูการฝึกฝนกลับมาได้อย่างรวดเร็ว
สำหรับอาการบาดเจ็บของซ่งจง แม้บนผิวหนังของเขาจะดูน่ากลัว แต่ความจริงแล้วเขาได้รับบาดเจ็บเพียงผิวหนังบางส่วนเท่านั้นและมีกระดูกบางชิ้นที่หัก แต่พลังของเขาไม่ได้ถูกรบกวนแต่อย่างใด อาการบาดเจ็บภายในสามารถดูแลได้อย่างง่ายดาย
ความแข็งแกร่งของร่างกายซ่งจงนั้นน่ากลัวมาก อีกทั้งความสามารถในการฟื้นตัวของเขานั้นก็สูงมากเช่นกัน เมื่อรวมกับสมุนไพรที่ดีอย่างฟู่หงจาง อาการบาดเจ็บของเขาทั้งหมดหายไปจนสิ้น นอกจากนี้เขายังไม่ได้ยาจำนวนมากนัก ในขณะนี้ระดับการฝึกฝนของเขาค่อยๆเพิ่มขึ้นตามลำดับไปพร้อมๆกับการรักษาตนเอง
เวลานี้ราวกับว่าเขาได้เกิดความรู้สึกแปลกๆจากการต่อสู้ครั้งก่อนหน้า เขาเข้าใจกฏแห่งสวรรค์ในขณะทำสมาธิ ในเวลาเดียวกันยันต์เครื่องรางชิ้นใหม่ได้ปรากฏขึ้นในหัวของเขา
สองสามวันต่อมา ซ่งจงได้ยืนขึ้นและอาการบาดเจ็บของเขาได้หายไปหมดสิ้นแล้ว ในขณะที่เขายืนขึ้น ระฆังทองแดงได้ลอยไปอยู่ตรงหน้าของเขา ซ่งจงเคลื่อนไหวมือขวาอย่างช้าๆ พร้อมกับสร้างเครื่องรางแห่งความโกลาหลครั้งแรก นี่คือสิ่งที่เขาเพิ่งเรียนรู้มา จากนั้นเขาส่งมันไปที่ระฆังอย่างเบามือ
เมื่อยันต์เครื่องรางเข้าไปภายในระฆังทองแดง มันส่งเสียงดังราวกับระฆังในวัดตอนเช้า ต่อจากนั้นหมอกที่ล้อมรอบอยู่ราวกับถูกลมพัดหายไป พร้อมกันที่หมอกได้หายไป ปรากฏท้องฟ้าและทะเลสีฟ้าที่สดใสออกมา
เมื่อแม่มดเทวะได้เห็นเช่นนั้น พวกนางอุทานออกมาอย่างตื่นเต้น “นายท่าน นั่นอะไร เกิดอะไรขึ้น?”
“มันคือเสียงเซียนทะลวง สามารถทำลายสิ่งกีดขวางที่ทำให้สับสนได้!” ซ่งจงตอบกลับอย่างสดชื่น “ข้าเพิ่งจะเรียนรู้มัน! ฮี่ฮี่ นี่เป็นสิ่งที่ข้าสมควรจะได้รับ สวรรค์ช่างมีตา!”
“ประเสริฐยิ่งนัก!” เหล่าแม่มดเทวะตอบกลับอย่างตื่นเต้น “ด้วยเสียงเซียนทะลวงของนายท่านทำให้หมอกหายไปหมดสิ้น เราจะสามารถค้นหาการก่อตั้งและละทิ้งสถานที่แห่งนี้ได้อย่างรวดเร็ว!”
“แล้วพวกเจ้ารออะไรอยู่? รีบออกไปจากสถานที่บัดซบเช่นนี้กันเถิด! ข้าหงุดหงิดกับหมอกนี้เต็มทีแล้ว!” ซ่งจงกล่าวออกมาอย่างขุ่นเคืองใจ
ในความจริง เหตุผลที่เขาต้องการออกไปจากที่แห่งนี้ไม่ใช่เพราะหมอก แต่เป็นเพราะมู่ซื่อหรง การฟาดลงไปที่ต้นคอของนางในวันนั้นทำได้เพียงให้นางสลบไปเพียงสองถึงสามวันเท่านั้น ซึ่งในตอนนี้เหตุการณ์ผ่านไปมากกว่าสิบวัน นางคงจะตื่นขึ้นมาและถ้าหากนางพ่นขยะออกมาจากปากของนาง แน่นอนว่าความลับทั้งหมดของเขาจะถูกเปิดเผย! ถ้าหากเป็นเช่นนั้นเขาจะสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่! เห็นได้ชัดว่าในตอนนี้เขาเลือกเส้นทางที่ผิดเสียแล้ว
อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้เขาไม่มีทางเลือกมากนัก ในวันนั้นเรื่องที่เขาทิ้งมู่ซื่อหรงไว้นั้นถูกวิจารย์อย่างแน่นอน ในตอนนี้เขาอยู่ในทะเลแห่งความสับสน ความกังวลเหล่านี้จะไม่ส่งผลที่ดีกับเขานัก เนื่องจากในตอนนี้ต้องวางแผนเพื่อที่จะออกไปจากสถานที่แห่งนี้ให้ได้เสียก่อน
แต่ในขณะนั้น เหล่าแม่มดเทวะได้กล่าวขึ้นมา “นายท่าน การก่อตั้งนี้ลึกซึ้งอย่างมาก อีกทั้งภูมิประเทศยังเป็นอุปสรรค ข้าคิดว่ามันถูกก่อตั้งขึ้นโดยผู้ฝึกตนระดับเฟินเสินเป็นอย่างน้อย เหตุใดกันที่ผู้ฝึกตนระดับสูงเช่นนั้น ต้องทำเรื่องเช่นนี้ให้ยุ่งยากมากขึ้นไปอีกในทะเลแห่งนี้?”
“เอะ?” เมื่อซ่งจงได้ยินเช่นนั้น เขาตกใจทันที จากนั้นเขาถามออกมาอย่างสับสน “อืม ทำไมเขาจึงต้องทำเช่นนี้ล่ะ?”
“นายท่าน การก่อตั้งเช่นนี้จะมีประสิทธิภาพอย่างมากเมื่อมันปกป้องสมบัติ!” แม่มดเทวะตอบกลับ “ในตอนนั้นมันอาจเป็นสมบัติจากสวรรค์ที่ยังไม่ถึงเวลาที่พร้อมใช้งาน เพื่อปกป้องมันไม่ให้ผู้ใดขโมยมันออกไปได้ก่อน เขาจะต้องทำการก่อตั้ง หรือบางครั้งมันอาจจะเป็นหลุมศพของเขา ไม่ว่าจะเป็นกรณีใด การก่อตั้งเช่นนี้มันยอดเยี่ยมมากจนเกินไป ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่เสียเวลากับเรื่องนี้แน่นอน!”
“อืม ข้าคิดว่าจะเป็นการดีที่สุดถ้าหากเราไม่รีบร้อนเกินไป เนื่องจากตอนนี้เราได้อยู่ในสถานที่แห่งนี้แล้ว ทำไมเราไม่ลองเข้าไปดูก่อนล่ะ? บางทีเราอาจจะได้ค้นพบสาเหตุโดยบังเอิญก็ได้!” แม่มดเทวะอีกตนกล่าวเสริม
“อาจพบโดยบังเอิญ?” เมื่อซ่งจงได้ยินเช่นนั้น เขาหัวเราะอย่างขื่นขม “การพบโดยบังเอิญนั้นอาจจะดีหรือไม่ดีก็ได้ ตัวอย่างเช่นการที่เราได้พบกับเหลยซานเอ๋อและราชันฉลามดำเมื่อก่อนหน้านี้ สิ่งนี้ก็ถือเป็นการพบกันโดยบังเอิญเช่นกันถูกไหม? ไม่ว่าอย่างไรข้าคิดว่าในช่วงนี้พวกเราอับโชคอย่างยิ่ง จะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากเราต้องพบเจอกับเหล่าอสูรกายที่แข็งแกร่งและถูกผนึกไว้? ถ้าเป็นเช่นนั้น พวกเราจะต้องตายตกไปอย่างแน่นอน!”
“มันจะไม่เกินเรื่องเช่นนั้น!” แม่มดเทวะได้แต่หัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “แม้ว่าทะเลแห่งความสับสนนี้จะดูอันตรายอย่างมาก แต่จุงประสงค์ของมันคือการปกปิด หากมีสิ่งที่เป็นอันตรายถูกซ่อนไว้ภายใน แน่นอนว่าเขาจะสร้างจุดเด่นให้มันสามารถมองเห็นได้จากระยะไกลเพื่อไม่ให้ใครย่างกรายเข้ามา และเขาจะไม่ทำมันอย่างลับๆล่อๆอย่างแน่นอน เพราะกลัวว่าสักวันจะมีผู้ใดมาพบมัน!”
“อา สิ่งที่เจ้าพูดก็มีเหตุผล!” จากนั้นซ่งจงก็ได้ตระหนักถึงความจริง พร้อมกันที่ดวงตาของเขาเปล่งประกายออกมาพร้อมกับหัวเราะ “อย่าบอกนะว่าจะมีสมบัติซ่อนอยู่ในทะเลแห่งความสับสนจริงๆ?”
“ไม่ว่ายังไงก็ตามมันจะต้องเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมแน่นอน!” แม่มดเทวะกล่าวพร้อมกับหัวเราะ “พวกเรามีชีวิตอยู่มาหลายพันปีแน่นอนว่าสิ่งนี้ต้องไม่ผิดแน่!”
“นับว่ายอดเยี่ยม! บางทีเราโชคร้ายมาหลายวันแล้ว คงถึงเวลาที่จะต้องเปลี่ยนแปลงบ้าง!” ซ่งจงตอบกลับด้วยความตื่นเต้น “ถ้าเช่นนั้นเราจะอยู่ต่ออีกสองถึงสามวันเพื่อสำรวจเกาะแห่งนี้ก่อนที่จะกลับบ้าน!”
“ถ้าเป็นเช่นนั้น นายท่านได้โปรดจัดการกับหมอกเหล่านี้เพื่อให้พวกข้าได้ค้นหาแกนกลางของการก่อตั้งได้หรือไม่?” เหล่าแม่มดเทวะกล่าวออกมาพร้อมกัน
“อ่า แน่นอน!” ในขณะที่ซ่งจงรู้ตัวว่ากำลังจะค้นหาสมบัติ เขาตื่นเต้นอย่างมากพร้อมกับหยิบระฆังทองแดงออกมาและโยนยันต์เครื่องรางเข้าไปอย่างต่อเนื่อง
หลังจากนั้นเกิดเสียงระฆังดังสนั่นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด หมอกหนาถูกทำลายไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า เปิดเผยการก่อตั้งที่ซ่อนอยู่ภายใน ความจริงแล้วภาพลวงตาเหล่านี้ถูกทำลายลงไปโดยเสียงเซียนทะลวง เหล่าแม่มดเทวะจึงสามารถค้นหาการก่อตั้งได้อย่างง่ายดาย
อย่างไรก็ตามทะเลแห่งความสับสนนั้นกว้างใหญ่กว่าพันลี้ ซ่งจงทำลายหมอกที่อยู่รอบตัวเขาไปเพียงพันกว่าฟุตเท่านั้น ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่ทั้งหมดจะค้นหาแกนกลางของการก่อตั้งได้โดยง่าย แม้ว่าเหล่าแม่มดเทวะจะมีประสบการณ์มากมาย แต่พวกนางทำได้เพียงเดินไปเดินมารอบๆและพบว่ามันคือการก่อตั้งที่ยอดเยี่ยมอย่างมาก
หลังจากที่รู้รูปแบบของการก่อตั้งแล้ว ทุกอย่างง่ายขึ้นอย่างมาก เหล่าแม่มดเทวะทำงานกันอย่างรวดเร็วพร้อมกับเดินออกจากรัศมีของการก่อตั้งพร้อมกับมาอยู่ในจุดกึ่งกลางของเกาะแห่งนี้ภายในครึ่งวัน
หลังจากที่จัดการกับหมอกแล้ว ซ่งจงเห็นเพียงทะเลสีแดงอยู่ตรงหน้าของเขา เขาพบว่ารัศมีของทะเลสีแดงที่สวยงามนี้กว้างไกลกว่าห้าร้อยลี้
เกาะนี้แปลกมาก มันกว้างกว่าห้าร้อยลี้แต่กลับแบนราบไม่มีรูปทรงใดๆ ไม่พบเห็นพืชหรืออสูรกายบนนี้ราวกับว่ามันคือดินแดนที่แห้งแล้ง!