“แย่แล้ว..พวกเราไม่มีทางสู้คนผู้นี้ได้แน่!”
หนึ่งในราชันย์นักฆ่าร้องตะโกนออกมาอย่างหวาดผวาเมื่อเห็นหลิงหยุนสังหารเหล่านักฆ่าที่เก่งกาจจนล้มตายไปมากมาย และเมื่อมันหนีออกจากขุมนรกแห่งเปลวเพลิงได้ ก็รีบวิ่งหนีไปทางภูเขาด้านหน้าทันที
ราชันย์นักฆ่าผู้นั้นหวาดกลัวจนกระทั่งลืมที่จะใช้วิชาตัวเบาหลบหนีมันคิดเพียงแค่ว่าต้องวิ่งหนีออกไปจากขุมนรกแห่งนี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ และหนีไปให้ไกลได้มากที่สุดเท่าไหร่ก็ยิ่งดี!
แต่แล้วธนูดอกยาวก็พุ่งมาจากด้านหลังแทงทะลุเข้าที่หน้าอก และปักร่างของราชันย์นักฆ่าผู้นั้นไว้กับก้อนหินพร้อมกับสิ้นใจตายในทันที..
ส่วนนักฆ่าระดับสวรรค์คนหนึ่งก็ถูกสังหารตายอย่างโหดเหี้ยมลูกตาสองข้างถลนออกมานอกเบ้า และเลือดไหลออกมาเต็มปากพร้อมกับสิ้นใจตายในทันทีเช่นกัน
แต่ก็นับว่า..ฝันร้ายของมันได้จบสิ้นลงแล้ว!
ภายในคฤหาสน์หลังใหญ่เวลานี้..หลิงหยุนยืนอยู่บนหลังคาบ้าน เขาเปิดเนตรหยิน–หยางออกพร้อมกับใช้ธนูเล็งไปยังเหล่านักฆ่าที่กำลังวิ่งหนีกันอย่างโกลาหลวุ่นวาย!
และลูกธนูของหลิงหยุนนั้นก็ทะยานพุ่งออกไปไม่หยุดหย่อนราวกับดาวตก!
ระหว่างที่สายธนูยังคงสั่นไม่หยุดนั้นนักฆ่าอีกสี่คนก็ขาดใจตายภายใต้ลูกธนูของหลิงหยุน..
เพียงชั่วเวลาประเดี๋ยวเดียว..หลิงหยุนก็สามารถสังหารเหล่านักฆ่าได้อีกนับสิบคน!
ภายในรั้วของคฤหาสน์หลังใหญ่นี้ได้แบ่งออกเป็นลานกว้างทั้งหมดหกลาน เวลานี้นอกจากลานด้านหน้า และลานสุดท้ายที่หลิงเสี่ยวอยู่นั้น อีกสี่ลานที่อยู่ตรงกลางได้กลายเป็นทะเลเพลิงไปหมดแล้ว และแทบทุกหนทุกแห่งก็มีซากศพที่อยู่ในสภาพไม่สมประกอบนอนเรียงรายอยู่ เวลานี้กลิ่นเนื้อที่ถูกไฟเผานั้น ก็ได้โชยตลบอบอวลไปทั่วทั้งบริเวณ..
เวลานี้..นอกจากหลิงหยุน พ่อของเขา และมาร์ควิสเอ็ดเวิร์ดแล้ว สิ่งมีชีวิตอื่นๆภายในบ้านก็ได้ถูกหลิงหยุนสังหารตายไปจนเกือบหมดแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นนักฆ่าระดับสวรรค์หรือราชันย์นักฆ่า ต่างก็กลายเป็นเพียงแค่เด็กอมมือเมื่ออยู่ต่อหน้าหลิงหยุน เช่นนี้แล้วจะมีใครบ้างที่ยังกล้าอยู่ที่นี่ต่ออีก..
“หนีไปได้สิบเอ็ดคนสินะ!”
หลิงหยุนเพียงแค่คนเดียวกับยอดฝีมือขั้นเซียงเทียนมากกว่าร้อยคงไม่ง่ายนักหากจะตามฆ่าทุกคนที่เอาแต่จะหนีได้หมด หลิงหยุนนั้นไม่ได้กลัวว่าอีกฝ่ายจะสู้ แต่กลัวว่าอีกฝ่ายจะไม่ยอมสู้ต่างหากเล่า!
“หลิงหยุน..เจ้าพอก่อน ซือกงถูใกล้จะมาถึงแล้ว!”
หลิงเสี่ยวซึ่งอยู่ในขั้นโฮ่วเทียน-5กระโดดเข้าไปยืนข้างหลิงหยุนพร้อมกับกระซิบบอก..
หลิงเสี่ยวรู้สึกตกใจไม่น้อยเมื่อเห็นหลิงหยุนแข็งแกร่งถึงเพียงนี้เขารู้ว่าหลิงหยุนคงไม่อาจเอาชนะซือกงถูได้ แต่อย่างน้อยก็จะสามารถรับมือได้อย่างไม่มีปัญหา
“ท่านปู่น่าจะมาถึงที่นี่ในอีกไม่ช้านัก!”
หลิงหยุนหายใจบางเบาและพยายามควบคุมเลือดในกายที่กำลังพลุ่งพล่านให้สงบลง เขากำลังตั้งตารอคอยศัตรูที่ร้ายกาจของตระกูลหลิงด้วยใจที่สงบนิ่ง และในขณะเดียวกันก็ปลอบประโลมหลิงเสี่ยวไปด้วย..
แม้หลิงหยุนจะใช้พลังปราณในร่างกายไปกว่าห้าสิบส่วนแต่ถึงกระนั้นจุดตันเถียนของเขาก็สามารถสร้างพลังปราณขึ้นมาได้เอง และเวลานี้พลังปราณของเขาก็เพิ่มขึ้นจากเดิมสองถึงสามส่วนแล้ว อีกทั้งระหว่างที่ต่อสู้กับเหล่านักฆ่านั้น หลิงหยุนก็ได้ทำการดูดลมปราณขั้นเซียงเทียนของนักฆ่าอีกสองสามคนเข้าไปด้วย พลังปราณของเขาจึงยังคงเต็มเปี่ยม..
สงครามที่แท้จริงกำลังใกล้จะเริ่มต้นขึ้นแล้วหลิงหยุนจำเป็นต้องรักษาพลังปราณไว้ และทำให้สภาพร่างกายของตนเองอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์สูงสุด!
“ท่านปู่ของเจ้า..เขา..”
เมื่อหลิงเสี่ยวได้ยินว่าหลิงลี่กำลังจะมาเขาก็รู้สึกกังวลใจ เพราะชายชรานั้นอยู่เพียงแค่ขั้นเซียงเทียน-1 อีกทั้งยังมีอาการบาดเจ็บภายในจากเหตุการณ์ในอดีต แล้วจะมาที่นี่เพื่ออะไร
หลิงหยุนเองก็พอจะคาดเดาได้ว่าหลิงเสี่ยวกำลังคิดอะไรอยู่จึงรีบพูดขึ้นว่า “ท่านพ่อ.. ท่านอย่าได้กังวลใจไป ตอนนี้ท่านปู่อยู่ในขั้้นเซียงเทียน-8 แล้ว!”
“ห๊ะ!เจ้าว่าอะไรนะ?!”
หลิงเสี่ยวถึงกับร้องอุทานออกมาอย่างตกใจ!
“คนตระกูลหลิง..ข้า – ซือกงถูมาแล้ว!”
ระหว่างที่พ่อลูกตระกูลหลิงกำลังสนทนากันอยู่นั้นซือกงถูที่รีบร้อนกลับมาก็ได้ร้องตะโกนออกไปพร้อมกับเงาดำที่พุ่งลงมาจากท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว ก่อนจะกระโดดลงไปยืนอยู่บนหลังคาบ้านที่หลิงหยุนกับหลิงเสี่ยวยืนอยู่..
“เอ็ดเวิร์ด..เจ้าคุ้มครองท่านพ่อด้วย!” ทันทีที่เห็นศัตรูปรากฏตัวจู่ๆ ความโกรธแค้นที่เคยอัดแน่นอยู่ในใจ ก็พวยพุ่งขึ้นมาอย่างกะทันหัน หลิงหยุนซัดฝ่ามือเข้าใส่ร่างของหลิงเสี่ยวเบาๆ และร่างของหลิงเสี่ยวก็ลอยละลิ่วเข้าไปหามาร์ควิสเอ็ดเวิร์ดทันที
จากนั้นร่างที่เคลื่อนไหวรวดเร็วดั่งมังกรของหลิงหยุนก็พุ่งทะยานเข้าไปหาซือกงถูที่อยู่ไกลออกไป!
คนสองคนที่ต่างก็เต็มไปด้วยไฟโทสะทั้งคู่ได้พุ่งขึ้นปะทะกันกลางอากาศทันที!
ปัง!ปัง!
เสียงพลังปราณที่พวยพุ่งจากฝ่ามือและหมัดปะทะกันอย่างรุนแรงจนเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว..
ก่อนที่จะเข้าปะทะกับซือกังถูนั้น..หลิงหยุนได้เดินวิชาดาราคุ้มกายปกป้องร่างกายไว้ก่อนแล้ว อีกทั้งยังเดินพลังลับหยิน–หยางควบคู่กันไปด้วย ทำให้ซือกงถูต้องเผชิญกับช่วงเวลาที่ยากลำบาก และยากที่จะเอาชนะหลิงหยุนได้ในทันที! ยอดฝีมือเก่งกาจสองคนที่แบกเอาความคั่งแค้นใจไว้เป็นเวลานานหลายปีต่างก็ระเบิดอารมณ์ใส่กันอย่างรุนแรง พลังปราณรุนแรงที่พวยพุ่งออกจากร่างของพวกเขาทั้งคู่นั้นแม้แต่ฟ้ายังสะเทือน ผืนดินยังสะท้าน!
หลังจากที่ยอดฝีมือทั้งสองคนปะทะกันอย่างรุนแรงแล้วต่างฝ่ายต่างก็แยกออกจากกัน ก่อนจะค่อยๆ เคลื่อนกายลงสู่พื้นดิน..
‘ขั้นเซียงเทียน-9– ระดับเริ่มต้นขั้นเซียงเทียน-9!’
และเพียงแค่หมัดเดียวของหลิงหยุนเขาก็พอที่จะคาดเดาขั้นกำลังของซือกงถูได้แล้ว..
ในช่วงเวลาสองเดือนที่ผ่านมานั้นหลิงหยุนได้ประมือกับยอดฝีมือตั้งแต่ขั้นเซียงเทียน-8 ไปจนถึงขั้นเซียงเทียน-9 มาแล้ว เขาจึงพอที่จะคาดเดาขั้นของยอดฝีมือตั้งแต่ขั้นเซียงเทียน-6 ไปจนถึงขั้นเซียงเทียน-9 ได้ไม่ผิดพลาดนัก..
และสำหรับหลิงหยุนในเวลานี้หากปราศจากยันต์ และของวิเศษต่างๆ หรือโอสถเพิ่มพลังปราณใดๆ เขาก็สามารถรับมือกับยอดฝีมือขั้นเซียงเทียน-8 และยอดฝีมือที่เพิ่งจะเข้าสู่ขั้นเซียงเทียน-9 เพียงแค่ครึ่งระดับได้โดยไม่ต้องใช้อาวุธใดๆ
นี่เป็นการประเมินเพียงแค่พละกำลังและความแข็งแกร่งเพียงอย่างเดียวเท่านั้น! หลิงหยุนประเมินจากการปะทะกับยอดฝีมือเมื่อครั้งที่ต่อสู้บนเทือกเขาเซียนเหยินหลิง และจากการประมือกับเฉินเจี้ยนห่าว..
ในครั้งนั้นหลิงหยุนยังอยู่ในระดับสูงสุดขั้นปรับร่างกาย-9ส่วนเฉินเจี้ยนห่าวนั้นเพิ่งจะเข้าสู่ขั้นเซียงเทียน-9 ได้เพียงแค่ครึ่งระดับ ครั้งนั้นหลิงหยุนได้อาศัยพลังชีวิตจากน้ำลายมังกร และยันต์เตโชช่วย เขาจึงสามารถสังหารเฉินเจี้ยนห่าวได้novel-lucky
และกว่าที่หลิงหยุนจะสามารถเอาชนะเฉินเจี้ยนห่าวได้ในครั้งนั้นก็ยากเย็นแสนเข็ญ และหากไม่ได้น้ำลายมังกรกับยันต์เตโช หลิงหยุนก็คงยากที่จะเอาชนะได้เช่นกัน!
แต่เวลานี้..หลิงหยุนได้เข้าสู่ขั้นพลังชี่ซึ่งเป็นขั้นที่กลั่นพลังปราณเพื่อบ่มเพาะจิตวิญญาณอีกทั้งเส้นลมปราณเยิ่นกับเส้นลมปราณตูก็ได้เปิดออกเชื่อมต่อถึงกัน ทำหลิงหยุนสามารถโคจรพลังปราณภายในร่างกายได้รอบใหญ่มากขึ้น และหมุนเวียนได้ไม่มีจุดสิ้นสุด..
ด้วยเหตุนี้..หากได้เผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่อยู่ในระดับเดียวกับเฉินเจี้ยนห่าว หลิงหยุนก็มั่นใจว่าจะสามารถเอาชนะได้ด้วยมือเปล่า!
ด้วยเหตุนี้..หลิงหยุนจึงไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวต่อซือกงถูเลยแม้แต่น้อย เพราะเขาไม่ได้คิดที่จะสู้กับซือกังถูด้วยมือเปล่าแน่! และนี่ก็ไม่ใช่การปะลองยุทธ แต่เป็นการต่อสู้เพื่อชำระแค้นส่วนตัวกับศัตรู!
หลิงหยุนสาบานกับตัวเองว่า..ในคืนนี้แม้ว่าเขาจะต้องใช้ไพ่ทั้งหมดในมือที่มีอยู่ก็ตาม เขาจะต้องจับตัวซือกงถูให้ได้!
หลิงหยุนจะไม่สังหารซือกงถูให้ตายง่ายๆอย่างแน่นอน!
ซือกงถูทรมานหลิงเสี่ยวอย่างเจ็บปวดแสนสาหัสเช่นนั้นมีหรือที่หลิงหยุนจะยอมให้มันได้ตายอย่างง่ายๆและสบายเช่นนั้น! ความแค้นครั้งนี้หลิงหยุนกำลังรอจังหวะที่จะเอาคืนจากซือกังถูอย่างใจเย็น!
หลังจากที่เดินพลังลับหยิน–หยางแล้วหลิงหยุนก็พุ่งเข้าจู่โจมซือกงถูอีกครั้ง ร่างของหลิงหยุนพุ่งเข้าหาซือกงถูที่อยู่ด้านหน้าอย่างรวดเร็วอีกครั้ง
‘หึ..น่าเสียดายที่ผ่านมาข้าไม่ถอนรากถอนโคลนให้สิ้นซาก แต่กลับปล่อยให้เจ้าเติบโตขึ้นมาเป็นเสือร้ายทำลายล้างข้าในวันนี้!’
หลังจากที่ได้ประมือกับหลิงหยุนไปในครั้งแรกซือกงถูได้แต่แอบคิดอยู่ในใจเงียบๆ!
นั่นเพราะหมัดปีศาจเถียนกังของหลิงหยุนเมื่อครู่นั้นแข็งแกร่งและมีพละกำลังอย่างมหาศาล หมัดของหลิงหยุนที่พุ่งใส่ร่างของซือกงถูเมื่อครู่ มีพละกำลังรุนแรงไม่ต่างจากรถพ่วงที่บรรทุกหินจนเต็ม และพุ่งเข้าชนอย่างสุดกำลัง!
แม้ซือกงถูจะมีวรยุทธที่เหนือกว่าแต่ก็มีพละกำลังที่เป็นรองกว่ามาก!
‘ดูท่าว่าข่าวลือที่ข้าได้ยินมาคงจะไม่ใช่แค่ข่าวลือแล้วสินะ! เจ้าแข็งแกร่งเกินกว่าที่ข้าคิดไว้มากจริงๆ!’
ซือกงถูครุ่นคิดอยู่ในใจและเมื่อถูกหลิงหยุนจู่โจมอีกครั้ง เขาจึงไม่ยอมปะทะ และรีบกระโดดหลบทันที!
ซือกงถูซึ่งเป็นหนึ่งในผู้มีฐานะสูงส่งในพรรคมารเขาย่อมมีประสบการณ์มากมาย และสามารถจัดการกับหลิงหยุนได้โดยที่ไม่ต้องประมือด้วย แต่ใช้สมองและเล่ห์เหลี่ยม!
หลิงหยุนเห็นเช่นนั้นจึงได้แต่ร้องถามออกไปด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย“ทำไม เจ้าไม่กล้าประมือกับข้างั้นรึ?”
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง..ลูกชายของซือกงถูทั้งสองคน – ซือกงวู่ฉิง และซือกงวู่เปิ่นก็ตามเข้ามาถึงพอดี
“นี่มันอะไรกันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น? เหตุใดที่นี่จึงมีสภาพเช่นนี้?”
ซือกงวู่เปิ่นที่มีร่างใหญ่ราวกับหมีนั้นทันทีที่เท้าสัมผัสพื้นภายในคฤหาสน์หลังใหญ่ ก็รีบร้องตะโกนถามออกมาด้วยความงุนงง..
“ดูเหมือนว่าศูนย์บัญชาการใหญ่สาขาปักกิ่งคงจะถูกเจ้าหมอนั่นถล่มจนมีสภาพเช่นนี้สินะ!”
ซือกงวู่ฉิงจ้องมองหลิงหยุนที่กำลังยืนเผชิญหน้ากับซือกงถูอยู่และร้องตอบไปทันที!
ทางด้านมาร์ควิสเอ็ดเวิร์ดก็รีบพาหลิงเสี่ยวที่อยู่บนแผ่นหลังบินขึ้นไปบนท้องฟ้าสูงจากพื้นดินหลายสิบเมตรทันทีและบินอยู่กลางอากาศเช่นนั้น..
เวลานี้ต่างฝ่ายต่างก็เหลือเพียงแค่สามต่อสาม..
ซือกงถูที่มีไอดำปกคลุมรอบตัวนั้นจ้องมองหลิงเสี่ยวที่อยู่บนแผ่นหลังของเอ็ดเวิร์ดด้วยสายตาเคียดแค้น จากนั้นจึงหัวเราะออกมาเสียงดัง และร้องตะโกนออกไปอย่างเย้ยหยัน
“หลิงเสี่ยว..สุดท้ายเจ้าก็ต้องอาศัยผู้อื่นมาช่วยไว้อีกจนได้! ชีวิตของเจ้าคงมีค่ามากมายสินะ..”
หลิงเสี่ยวยิ้มพร้อมกับร้องตะโกนตอบกลับไปทันที“ข้าเองก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่าคนที่มาช่วยข้าครั้งนี้ จะเป็นลูกชายที่แสนดีของข้า!”