หลิงเสี่ยวยืนอยู่บนแผ่นหลังของมาร์ควิสเอ็ดเวิร์ดลมภูเขาพัดใส่ร่างของเขาจนผมยาวสะอาดสะอ้านนั้นโบกสะบัดไปมา แม้ว่าจะมีผมขาวเป็นหย่อม แต่นั่นก็ไม่สามารถบดบังใบหน้าที่หล่อเหลา และความสง่างามดังเช่นที่เคยมีเมื่อยามหนุ่มแน่นของหลิงเสี่ยวได้เลย..
หลิงเสี่ยวเอ่ยปากตอบโต้ซือกงถูแต่สายตาของเขานั้นกลับจับจ้องอยู่ที่ร่างของหลิงหยุนซึ่งอยู่เบื้องล่าง แววตาของหลิงเสี่ยวที่จ้องมองหลิงหยุนนั้น บ่งบอกถึงความรู้สึกภาคภูมิใจมากมายที่เขามีต่อหลิงหยุน!
และเวลานี้ภายในใจของหลิงเสี่ยวก็พร่ำร้องอยู่เพียงแค่ประโยคเดียว‘ชิงเฉวียน.. ลูกชายของเราเติบโตเป็นเด็กหนุ่มแล้ว หนำซ้ำยังเก่งกาจมากอีกด้วย!’
สายสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกนั้นย่อมเชื่อมต่อถึงกันอีกทั้งเวลานี้หลิงหยุนก็ได้ขยายจิตหยั่งรู้ของตนเองออกไปไกลราวหนึ่งร้อยเมตร เขาจึงได้เห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นดีใจ และความภาคภูมิใจของหลิงเสี่ยวได้อย่างชัดเจน หลิงหยุนจึงเงยหน้าขึ้นมองไปทางหลิงเสี่ยว พร้อมกับร้องตะโกนออกไป..
“ท่านพ่อ!”
และนี่คือความผูกพันระหว่างสายโลหิต!
หลังจากที่ความฝันอันแสนยาวในครั้งนั้นได้หลอมโลกของเขาเข้ากับโลกของหลิงหยุนทำให้ตัวเขาในร่างของหลิงหยุนนั้น สามารถรับรู้ได้ถึงสายสัมพันธ์ของการเป็นทายาทตระกูลหลิง และการเป็นลูกชายของหลิงเสี่ยวได้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น..
แม้แต่ดวงจิตในขั้นอมตะก็ยังยากที่จะต้านทานความรู้สึกผูกพันทางสายเลือดเช่นนี้ได้..
แม้แต่ต้นหลิวเทวะซึ่งเป็นมรดกตกทอดของตระกูลหลิงเมื่อได้มาอยู่ในมือของหลิงหยุน ยังถึงกับงอกงาม และเจริญเติบโตแตกหน่อออกใบได้อย่างน่าอัศจรรย์! ตระกูลหลิงมีวิชาฝึกฝนกำลังภายในที่มีชื่อว่าคัมภีร์เสวียนหวงและเป็นวิชาที่ถ่ายทอดให้กับทายาทในตระกูลหลิงเท่านั้น ในบรรดาสายเลือดตระกูลหลิงทั้งหมด มีเพียงหลิงหยุนคนเดียวเท่านั้นที่สามารถฝึกฝนวิชานี้ได้ก้าวหน้ากว่าผู้อื่นที่เพียรฝึกฝนมานานหลายปี..
ปรากฏการณ์ในลักษณะเช่นนี้หลิงหยุนได้พบเจอมามากมาย และไม่สามารถอธิบายได้ว่าเหตุใดตนเองจึงต้องมาข้องเกี่ยวกับตระกูลหลิง แล้วก็ไม่อยากที่จะครุ่นคิดให้เสียเวลาอีกด้วย!
หลิงหยุนสัมผัสได้ว่า..ต่อให้คนเราจะยิ่งใหญ่ หรือแข็งแกร่งมากสักเพียงใด ก็ล้วนต้องการครอบครัว และความรัก!
“นี่เจ้า..!”
ซือกงถูชายชราเจ้าเล่ห์และมีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว หวังจะใช้คำพูดเยาะเย้ยถากถางทำลายความมั่นใจ และจิตใจของหลิงเสี่ยว แต่กลับถูกหลิงเสี่ยวตอบโต้กลับมาเช่นนั้น เขาก็เองก็รู้สึกราวกับถูกตบหน้าฉาดใหญ่ และโกรธจนแทบกระอักเลือด.. หลิงเสี่ยวนับเป็นคู่แข่งคนสำคัญของซือกงถูในอดีตหลิงเสี่ยวเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์ และความสามารถอย่างมาก มาถึงตอนนี้ความแข็งแกร่งที่น่าเหลือเชื่อของหลิงหยุน ก็ได้สร้างความภาคภูมิใจให้กับหลิงเสี่ยวอย่างมากมาย ทำให้ซือกงถูได้แต่อิจฉาริษยาจนแทบอาเจียนออกมาเป็นเลือด แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้..
“หึ..ในอดีตเจ้าก็ต้องให้ผู้หญิงปกป้อง มาคราวนี้ก็อาศัยลูกชายปกป้อง! หลิงเสี่ยวเจ้าไม่รู้สึกอับอายบ้างรึ”
ซือกงถูที่แทบกระอักเลือดนั้นเริ่มพูดจาเสียดสี และถากถางหลิงเสี่ยวอีกครั้้ง..
แต่ครั้งนี้หลิงเสี่ยวกลับยิ้มและตอบกลับไปอย่างสงบเยือกเย็น “ซือกงถู.. เจ้าเองก็รู้ดีว่าหญิงคนรักของข้านั้นแข็งแกร่งมากเพียงใด อย่างน้อยนางก็แข็งแกร่งกว่าเจ้า! ส่วนลูกชายของข้านั้นไม่เพียงเก่งกาจ หนำซ้ำยังจับลูกชายของเจ้าไว้ได้!”
“เช่นนี้แล้ว..ข้าควรต้องภาคภูมิใจถึงจะถูกไม่ใช่รึ เหตุใดยังต้องรู้สึกอับอายด้วยเล่า? ฮ่า.. ฮ่า..” หลิงเสี่ยวที่กำลังยืนกอดอกอยู่บนแผ่นหลังของมาร์ควิสเอ็ดเวิร์ดร้องตะโกนตอบซือกงถูด้วยความภาคภูมิใจ พร้อมกับหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี!
ความผูกพันทางสายโลหิตระหว่างพ่อลูกนั้นทำให้สภาพจิตใจของหลิงเสี่ยวเวลานี้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก จากคนที่เคยอยู่อย่างท้อแท้สิ้นหวัง กลับกลายเป็นคนที่มีความมั่นอกมั่นใจดังเดิม อีกทั้งเมื่อได้รู้จากหลิงหยุนว่าเขาได้กลับเข้าตระกูลหลิงแล้ว หลิงเสี่ยวก็ยิ่งมั่นใจว่าตราบใดที่ตระกูลหลิงมีหลิงหยุนอยู่ด้วย หลายสิ่งหลายอย่างนับจากนี้จะต้องเปลี่ยนไปอย่างแน่นอน!
“ฮ่า..ฮ่า.. ฮ่า.. ท่านพ่อ.. ท่านกล่าวได้ถูกต้องนัก! คำพูดเพียงสองสามคำบางครั้งก็ดีกว่ากองทัพนับพัน แต่ดูเหมือนซือกงถูจะไม่พอใจ และกำลังอิจฉาท่านมาก!”
หลิงหยุนสังเกตเห็นสภาพจิตใจที่เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นอย่างมากของหลิงเสี่ยวเขาจึงร้องตะโกนออกมาอย่างมีความสุข และแทบไม่เห็นซือกงถูอยู่ในสายตาด้วยซ้ำไป!
ยอดฝีมือที่เก่งกาจนั้นต้องสามารถจู่โจมคู่ต่อสู้ได้ทั้งทางร่างกาย และจิตใจไปพร้อมๆกัน!
หลิงเสี่ยวนับว่าช่วยหลิงหยุนทำลายความมั่นใจของซือกงถูไปได้อย่างมากเพราะเวลานี้สภาพจิตใจของซือกงถูเองก็ได้เริ่มหวั่นไหวราวกับว่ากำลังจะพังครืนลงมา..
หลังจากที่หลิงหยุนได้เผชิญหน้ากับซือกงวู่ฉิงและซือกงวู่เปิ่นเขาก็พอจะประเมินได้ว่าทั้งคู่นั้นน่าจะอยู่ในขั้นที่สูงกว่าระดับสูงสุดขั้นเซียงเทียน-8
และในบรรดายอดฝีมือทั้งสามคนนั้นซือกงวู่เปิ่นจะด้อยที่สุด!
ความยากลำบากของหลิงหยุนเวลานี้ก็คือ..เขาคนเดียวแต่ต้องประมือกับยอดฝีมือที่สูงส่งถึงสามคน หากเขาสามารถเอาชนะใครคนใดคนหนึ่งได้ ยังไม่ทันที่จะได้ลงมือสังหารด้วยซ้ำ อีกสองคนก็จะสามารถหนีไปได้อย่างแน่นอน ถึงตอนนั้นหลิงหยุนเองก็คงไม่สามารถไล่ตามได้ทัน.. ระหว่างที่ซือกงถูได้ฟังสองพ่อลูกประสานรับส่งกันอย่างเข้าขาเขาก็ถึงกับโกรธจนแทบคลั่ง และในเวลานั้นเองเสียงร้องตะโกนก็ดังขึ้น
“ท่านพ่อ..ในเมื่อท่านเองก็ได้พบกับศัตรูคู่แค้นในอดีตแล้ว เหตุใดยังต้องพูดกับพวกมันให้เปลืองน้ำลายด้วยเล่า ข้าว่าพวกเราพ่อลูกบุกเข้าไปสังหารพวกมันเลยจะดีกว่า ข้าจะเป็นฝ่ายบุกนำเข้าไปก่อน..”
ซือกงถูที่กำลังโกรธหลิงหยุนจนแทบคลั่งนั้นร่างที่ห่อหุ้มด้วยไอดำของมันพุ่งเข้าไปหาซือกงวู่เปิ่นซึ่งร้องตะโกนออกมา พร้อมกับร้องบอกให้ซือกงวู่เปิ่นเข้าไปประมือกับหลิงหยุน เพื่อประเมินความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขา..
“แต่เจ้าต้องระมัดระวังให้ดีด้วย!เจ้าเด็กนั่นไม่ได้ด้อยไปกว่าเจ้าเลย..”
ซือกงวู่เปิ่นแสดงสีหน้าไม่เชื่อออกไปอย่างชัดเจนพร้อมกับพูดขึ้นว่า “เด็กนั่นไม่ได้แข็งแกร่งน้อยไปกว่าข้างั้นรึท่านพ่อ ฮ่า.. ฮ่า.. จะเป็นเช่นนั้นไปได้อย่างไรกัน?”
“เอาล่ะ..ข้าจะพิสูจน์ให้ท่านเห็นด้วยการใช้หมัดสังหารมัน!”
ซือกงวู่เปิ่นนั้นนอกจากจะมีรูปร่างสูงใหญ่อย่างหมีแล้วเขายังมีพละกำลังที่แข็งแกร่งดังเช่นหมีอีกด้วย อีกทั้งกำลังภายในที่เขาฝึกนั้นก็เลียนแบบความแข็งแกร่งของหมีป่าที่ดุร้าย เขาจึงไม่เชื่อว่าหลิงหยุนจะแข็งแกร่งกว่าตนเองไปได้..
ร่างสูงใหญ่ของซือกงวู่เปิ่นพุ่งเข้าใส่หลิงหยุนพร้อมกับหมัดอันทรงพลัง..
หลิงหยุนมองซือกงวู่เปิ่นที่พุ่งจู่โจมเข้ามาด้วยแววตาเย้ยหยันเขายืนนิ่งอยู่เช่นนั้นโดยไม่คิดที่จะหลบ และกำลังยืนยกขาข้างหนึ่งขึ้นรอซือกงวู่เปิ่นด้วยท่าทีที่เยือกเย็น..
ปัง!
สิ้นเสียงดังปัง..เท้าที่ยกขึ้นข้างหนึ่งของหลิงหยุนก็กระแทกลงกับพื้น พร้อมกับหมัดทั้งสองที่พุ่งออกไปด้านหน้า และผืนแผ่นดินใต้ฝ่าเท้าของหลิงหยุนก็ได้แยกออกจากกันทันที!
ปัง! เสียงหมัดของหลิงหยุนกับหมัดของซือกงวู่เปิ่นปะทะกันอย่างรุนแรงท่ามกลางพลังปราณที่พวยพุ่งออกจากร่างของยอดฝีมือทั้งสองคน ก้อนหินและเศษดินในบริเวณนั้น ต่างก็ลอยหมุนวนขึ้นไปกลางอากาศล้อมรอบร่างทั้งสองไว้!
หลังจากการปะทะที่รุนแรงนั้น..ร่างของหลิงหยุนยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ไม่ถอยร่นไปแม้แต่ครึ่งก้าว แต่ร่างใหญ่โตราวกับหมีของซือกงวู่เปิ่นนั้น ถึงกับเซถอยหลังไปครึ่งก้าวก่อนที่จะหยุดนิ่งอยู่กับที่!
“เป็นไปได้อย่างไรกัน!”
แขนทั้งสองข้างของซือกงวู่เปิ่นถึงกับชาเมื่อปะทะเข้ากับหมัดปีศาจเถียนกังของหลิงหยุนมันถึงกับยกมือขึ้นลูบไล้แขนของตัวเอง และจ้องมองหลิงหยุนด้วยความงุนงง..
ชายหนุ่มผู้นี้เติบโตขึ้นมาพร้อมกับพละกำลังที่มหาศาลตั้งแต่เด็กมาก็ได้ฝึกวิชาที่เลียนแบบพลังรุนแรงของหมีป่า จนกระทั่งถึงตอนนี้ที่สามารถเข้าสู่ขั้นเซียงเทียน-9 ได้ในครึ่งระดับแรก พลังหมัดของเขาเพียงข้างเดียวก็มีน้ำหนัก เสียงหมัดของหลิงหยุนกับหมัดของซือกงวู่เปิ่นปะทะกันอย่างรุนแรงท่ามกลางพลังปราณที่พวยพุ่งออกจากร่างของยอดฝีมือทั้งสองคน ก้อนหินและเศษดินในบริเวณนั้น ต่างก็ลอยหมุนวนขึ้นไปกลางอากาศล้อมรอบร่างทั้งสองไว้!
หลังจากการปะทะที่รุนแรงนั้น..ร่างของหลิงหยุนยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ไม่ถอยร่นไปแม้แต่ครึ่งก้าว แต่ร่างใหญ่โตราวกับหมีของซือกงวู่เปิ่นนั้น ถึงกับเซถอยหลังไปครึ่งก้าวก่อนที่จะหยุดนิ่งอยู่กับที่!
“เป็นไปได้อย่างไรกัน!”
แขนทั้งสองข้างของซือกงวู่เปิ่นถึงกับชาเมื่อปะทะเข้ากับหมัดปีศาจเถียนกังของหลิงหยุนมันถึงกับยกมือขึ้นลูบไล้แขนของตัวเอง และจ้องมองหลิงหยุนด้วยความงุนงง..
ชายหนุ่มผู้นี้เติบโตขึ้นมาพร้อมกับพละกำลังที่มหาศาลตั้งแต่เด็กมาก็ได้ฝึกวิชาที่เลียนแบบพลังรุนแรงของหมีป่า จนกระทั่งถึงตอนนี้ที่สามารถเข้าสู่ขั้นเซียงเทียน-9 ได้ในครึ่งระดับแรก พลังหมัดของเขาเพียงข้างเดียวก็มีน้ำหนัก เสียงหมัดของหลิงหยุนกับหมัดของซือกงวู่เปิ่นปะทะกันอย่างรุนแรงท่ามกลางพลังปราณที่พวยพุ่งออกจากร่างของยอดฝีมือทั้งสองคน ก้อนหินและเศษดินในบริเวณนั้น ต่างก็ลอยหมุนวนขึ้นไปกลางอากาศล้อมรอบร่างทั้งสองไว้!
หลังจากการปะทะที่รุนแรงนั้น..ร่างของหลิงหยุนยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ไม่ถอยร่นไปแม้แต่ครึ่งก้าว แต่ร่างใหญ่โตราวกับหมีของซือกงวู่เปิ่นนั้น ถึงกับเซถอยหลังไปครึ่งก้าวก่อนที่จะหยุดนิ่งอยู่กับที่!
“เป็นไปได้อย่างไรกัน!”
แขนทั้งสองข้างของซือกงวู่เปิ่นถึงกับชาเมื่อปะทะเข้ากับหมัดปีศาจเถียนกังของหลิงหยุนมันถึงกับยกมือขึ้นลูบไล้แขนของตัวเอง และจ้องมองหลิงหยุนด้วยความงุนงง..
ชายหนุ่มผู้นี้เติบโตขึ้นมาพร้อมกับพละกำลังที่มหาศาลตั้งแต่เด็กมาก็ได้ฝึกวิชาที่เลียนแบบพลังรุนแรงของหมีป่า จนกระทั่งถึงตอนนี้ที่สามารถเข้าสู่ขั้นเซียงเทียน-9 ได้ในครึ่งระดับแรก พลังหมัดของเขาเพียงข้างเดียวก็มีน้ำหนักถึงแปดพันกิโลกรัม เขาจึงไม่คาดคิดว่าจะสามารถถูกหลิงหยุนตอบโต้ได้!
“ดูเหมือนพวกเจ้าสามคนพ่อลูกล้วนกระจอกสิ้นดีสินะ!”หลิงหยุนจ้องมองสีหน้าประหลาดใจของซือกงวู่เปิ่น พร้อมกับพูดจายั่วยุ..
ซือกงวู่เปิ่นถูกหลิงหยุนพูดจาดูถูกเหยียดหยามเช่นนั้นมันก็ร้องคำรามออกมาด้วยความโมโห และร่างของมันก็พองขึ้นราวกับลูกโป่งที่ถูกเป่าลมให้พองโต เวลานี้ร่างของซือกงวู่เปิ่นไม่ต่างจากหมีที่ดุร้าย!
แขนทั้งสองข้างของซือกงวู่เปิ่นอ้าออกพร้อมกันและตั้งใจจะใช้แขนที่แข็งแกร่งของมันแทนคีมเหล็กบีบร่างของหลิงหยุนให้แหลกละเอียด เพราะขนาดเสาที่ทำจากทองแดง ซือกงวู่เปิ่นก็เคยใช้แขนทั้งสองข้างบีบจนแตกละเอียดมาแล้ว!
“คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะไม่กลัวตายจริงๆ!” ไอลีนโนเวล
หลิงหยุนยังคงยืนนิ่งไม่หลบเขากระทืบเท้าทั้งสองข้างลงกับพื้น พร้อมกับโคจรดาราคุ้มกายป้องกันร่างกายไว้ แล้วจัดการส่งหมัดเถียนกังเข้าใส่ร่างของซือกงวู่เปิ่นที่เดินดุ่มเข้ามา..
และหมัดทั้งสองข้างของหลิงหยุนก็กระแทกเข้าใส่หน้าอกของซือกงวู่เปิ่นที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อแข็งแรงอย่างจัง!
หมัดของหลิงหยุนหนึ่งข้างนั้นมีน้ำหนักกว่าหนึ่งหมื่นกิโลกรัมและหลิงหยุนก็ซัดเข้าใส่หน้าอกของซือกงวู่เปิ่นพร้อมกันถึงสองข้าง!
ร่างของซือกงวู่เปิ่นจึงลอยละลิ่วออกไปกลางอากาศไม่ต่างจากว่าวที่หลุดลอยก่อนจะตกลงกระแทกกับพื้นอย่างแรง จนเกิดเสียงดังปังสนั่นหวั่นไหวไปทั่ว และพื้นดินบริเวณนั้นก็ยุบตัวลงเป็นหลุมขนาดใหญ่ในทันที!
ส่วนหลิงหยุนเพียงแค่เซถอยหลังไปเพียงสองก้าวเท่านั้นก่อนจะกลับมายืนสงบนิ่งดังเดิม พร้อมกับยกมือสองข้างขึ้นปัดฝุ่น และพูดขึ้นว่า
“คราวนี้เจ้าเชื่อได้หรือยังข้าบอกแล้วว่าพวกเจ้าล้วนกระจอกสิ้นดี!”
ร่างใหญ่ยักษ์ของซือกงวู่เปิ่นซึ่งถูกหมัดของหลิงหยุนจนลอยละลิ่วออกไปก่อนจะตกลงกับพื้นนั้นได้ลุกขึ้นและกระโดดลอยขึ้นกลางอากาศอีกครั้ง..
ระหว่างที่ร่างของซือกงวู่เปิ่นกำลังลอยอยู่กลางอากาศนั้นจู่ๆ พลังปราณภายในร่างกายของเขาก็พวยพุ่งออกจากร่าง ก่อนจะรวมตัวกันกลายเป็นหมียักษ์ที่มีความสูงกว่าสามเมตร และกว้างหนึ่งเมตร..
พลังปราณที่รวมตัวกันกลายเป็นหมียักษ์ที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่านั้นสามารถเคลื่อนที่ได้ราวกับมีชีวิต และท่าทีของมันนั้นก็ดูคล้ายกับกำลังข่มขู่คู่ต่อสู้ และดวงตาทั้งสองข้างก็จับจ้องอยู่ที่ร่างของหลิงหยุนซึ่งอยู่ตรงหน้า..
นี่คือพลังวิเศษหรือพลังเหนือธรรมชาตินั่นเอง!
ซือกงวู่เปิ่นร้องคำรามออกมาด้วยความโกรธและพลังชี่ที่อยู่ในรูปหมียักษ์สูงกว่าสามเมตรก็ได้พุ่งตรงเข้าใส่หลิงหยุนทันที!
นับว่าความพยายามของหลิงหยุนประสบความสำเร็จเพราะในที่สุดเขาก็สามารถยั่วยุให้ซือกงวู่เปิ่นใช้พลังวิเศษออกมาจนได้!
“หลิงหยุน..เจ้าระวังตัวด้วย!”
หลิงเสี่ยวที่กำลังมองดูอยู่กลางอากาศนั้นได้แต่ร้องเตือนหลิงหยุนด้วยความรู้สึกกระวนกระวายใจ และเป็นห่วง..
“ท่านพ่อ..ท่านอย่าได้กังวลใจไปเลย! ข้าจะลองเล่นกับพวกมันดู!”
หลิงหยุนหัวเราะพร้อมกับเรียกกระบี่โลหิตแดนใต้ออกมาแล้วจัดการฟันใส่ร่างหมียักษ์อย่างไม่ปราณี ไอสีดำที่พวยพุ่งออกจากตัวกระบี่นั้น ฟันเข้ากับไหล่ซ้ายของเจ้าหมียักษ์พอดี แต่กลับกลายเป็นเสียงดังเคร้ง.. คล้ายกับโลหะกระทบกันดังขึ้นมา!
‘นี่กระมังคือสิ่งที่เย่ซิงเฉินเคยเล่าให้ข้าฟัง!ดูท่านี่คงจะเป็นพลังวิเศษ หรือพลังเหนือธรรมชาติ!’
ระหว่างที่ได้ทดลองฟันร่างของเจ้าหมียักษ์ไปหนึ่งดาบนั้นหลิงหยุนก็ได้แต่ครุ่นคิดอยู่ในใจว่า ยอดฝีมือตั้งแต่ขั้นเซียงเทียน-9 ขึ้นไป จะสามารถแยกพลังปราณในร่างออกมา และบังคับควบคุมพลังปราณที่แข็งแกร่งเหล่านั้นให้เปลี่ยนเป็นสิ่งต่างๆได้ตามใจต้องการ เพื่อเพิ่มอานุภาพในการต่อสู้ให้กับตนเอง!
บางคนก็เปลี่ยนพลังปราณเป็นกระบี่ที่แหลมคมส่วนซือกงวู่เปิ่นนั้นกลับเปลี่ยนพลังปราณของตนเองให้กลายเป็นหมียักษ์ที่มีชีวิต..
สำหรับยอดฝีมือที่สามารถแยกพลังปราณในร่างกายออกมาและสามารถควบคุมบังคับให้กลายเป็นสิ่งต่างๆได้ตามใจต้องการนั้น จะต้องเป็นยอดฝีมือชั้นปรมาจารย์เท่านั้น!
เมื่อหมียักษ์ที่เกิดจากพลังปราณถูกกระบี่ของหลิงหยุนฟันเข้าไปอย่างไม่ปราณีเช่นนั้นแน่นอนว่าตัวซือกงวู่เปิ่นเองก็ต้องได้รับบาดเจ็บไปด้วย แต่ถึงกระนั้นมันก็ยังฝืนที่จะควบคุมร่างของหมียักษ์นั้นให้จู่โจมหลิงหยุนต่อไปไม่หยุด..
“เข้ามาเลย!”
ชัวะ..ชัวะ.. ชัวะ.. ชัวะ..
–จิตนิ่งดั่งหินผา– –นภาสังหาร–
–ผลาญเทวะ–
–นวสังหาร–
หลิงหยุนไม่ได้มีความรู้สึกหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อยและเพลงกระบี่นวสังหารสี่กระบวนท่าสุดท้าย ก็ถูกฟันเข้าใส่ร่างของเจ้าหมีหน้าโง่ไม่ยั้ง!
เคร้ง..เคร้ง.. เคร้ง.. เคร้ง..
เสียงคล้ายโลหะกระทบกันดังขึ้นไม่หยุดร่างของเจ้าหมียักษ์ถูกกระบี่โลหิตแดนใต้ของหลิงหยุนฟันเข้าใส่ทั้งหน้าและหลัง แล้วร่างใหญ่ยักษ์นั้นก็เริ่มเซถอยหลัง แม้มันจะเป็นหมียักษ์ที่ทรงพลัง และแข็งแกร่งมากเพียงใด แต่ก็ไม่อาจต้านทานกระเพลงกระบี่ที่รุนแรงของหลิงหยุนได้!
ร่างของซือกงวู่เปิ่นค่อยๆเซและถอยล่นลงไปเรื่อยๆ จนในที่สุดก็ถอยไปจนร่างติดกำแพง และในเวลานั้นซือกงวู่เปิ่นก็บาดเจ็บจนเดินลมปราณได้อย่างยากลำบาก และปากก็เริ่มมีเลือดไหลออกมา
“ลงนรกซะ!”
หลิงหยุนร้องตะโกนออกไปพร้อมกับเดินพลังหยินเยือกเย็นในร่างกายถ่ายเทไปที่ตัวกระบี่จากนั้นจึงเงื้อขึ้นฟันลงกลางศรีษะของเจ้าหมียักษ์ตั้งแต่หัวจรดเท้าจนร่างขาดออกจากกัน!
ปัง!
ในที่สุดเจ้าหมียักษ์ก็ได้พ่ายแพ้ให้แก่หลิงหยุนพลังปราณที่รวมเป็นร่างหมียักษ์จึงได้แตกสลาย ส่วนซือกงวู่เปิ่นก็ถึงกับกระอักเลือดออกมา แล้วร่างที่พิงอยู่กับกำแพงนั้นก็ค่อยๆ ร่วงลงไปกองกับพื้นทันที!
‘พลังเหนือธรรมชาติงั้นรึ..ก็แค่นั้น!’
หลิงหยุนได้แต่นึกเย้ยหยันอยู่ในใจระหว่างที่จ้องมองร่างที่กำลังบาดเจ็บสาหัสของซือกงวู่เปิ่น..