ตอนที่ 477 ทารกเทียนฉาน โดย Ink Stone_Fantasy
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ย่อมรู้สึกโมโหเป็นอย่างมาก และยันต์ดำดินก็ถูกใช้ไปหมดแล้ว เขาจึงได้แต่ปล่อยพลังจิตอันแข็งแกร่งออกไปจับตำแหน่งของปีศาจอสูรไว้ ขณะเดียวกันก็ขี่เมฆตามไปตลอดทาง
แต่ทว่าหลังจากตามไปได้เจ็ดแปดลี้ อสูรเกราะมังกรก็หนีเข้าไปในเทือกเขาแปลกประหลาดที่มีไอพิษหนาแน่น
ขณะนี้หลิ่วหมิงสูญเสียพลังเวทไปมาก โอสถและยันต์ก็ใช้ไปเกือบหมดแล้ว หลังจากลังเลอยู่นอกไอพิษตั้งนาน เขาก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา และไม่กล้าเสี่ยงเข้าไปด้านใน สุดท้ายจึงหมุนตัวเหาะกลับไปทางตลาดตะวันมืดด้วยความหงุดหงิด
หลายวันต่อมา หลังจากหลิ่วหมิงกลับถึงตลาดตะวันมืดแล้ว ก็รีบซื้อโอสถฟื้นฟูพลังเวทกับยันต์จำนวนมาก ซึ่งมากกว่าก่อนหน้านั้นเท่าตัว และก็ซื้อธงค่ายกลง่ายๆ สองสามชุดเผื่อจะได้ใช้
เมื่อทำทุกอย่างนี้เสร็จ เขาถึงหาโรงเตี๊ยมเพื่อทำการพักผ่อน
ประจักษ์ชัดว่าการเข้าเขาครั้งที่สอง ไม่ได้ราบรื่นเหมือนกับครั้งแรก แม้หลิ่วหมิงจะระมัดระวังรอบคอบทุกจังหวะก้าว ปรับตัวไปตามสถานการณ์ จึงไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมาก แต่ทว่าสูญเสียพลังเวทไปไม่น้อย เลยใช้เวลาในการฟื้นคืนค่อนข้างนาน
และหลังจากผ่านการล่ามาสองครั้ง ถุงหนังบนเอวของเขา ก็มีไข่แมงมุมเกือบยี่สิบใบ หากครั้งหน้าเก็บเกี่ยวมาได้อีกสิบกว่าใบล่ะก็ คงเพียงพอที่จะใช้แลกแต้มคุณูปการไปฝึกฝนในถ้ำห้าธาตุเป็นเวลาครึ่งเดือนแล้ว
หลังจากหลิ่วหมิงคิดไตร่ตรองดูแล้ว ก็วางค่ายกลง่ายๆ ไว้ในห้อง จากนั้นก็ทานโอสถไปจำนวนหนึ่ง ทั้งยังนำหินจิตวิญญาณออกมาสองก้อน และค่อยๆ เริ่มฟื้นฟูพลังต้นกำเนิด
สองวันต่อมา หลิ่วหมิงลืมตาขึ้นมาในฉับพลัน ตอนนี้เขารู้สึกว่าพลังเวทและความกระปรี้กระเปร่าได้ฟื้นคืนมาพอประมาณแล้ว จากนั้นเขาก็สะบัดแขนเสื้อหยิบแผนที่เทือกเขาตะวันมืดมาศึกษาอย่างละเอียด
ระหว่างทางที่กลับจากเทือกเขาตะวันมืดในครั้งนั้น เขาได้ผ่านถ้ำของแมงมุมขาหิมะสองแห่ง แต่ติดขัดที่ขณะนั้นมีพลังเวทไม่เพียงพอ อีกทั้งโอสถและยันต์ก็ถูกใช้ไปจนหมดสิ้น จึงได้แต่ทำเครื่องหมายไว้บนแผนที่
การเข้าเขาในครั้งนี้ จุดมุ่งหมายแรกของหลิ่วหมิงก็คือ ไปกวาดล้างสถานที่สองแห่งนี้
หลังจากเขาคิดไตร่ตรองอย่างละเอียด และคิดว่าไม่มีปัญหาอะไรแล้ว ก็เก็บแผนที่เข้าไป และไปจากที่พักทันที
หลังจากออกไปจากโรงเตี๊ยมแล้ว เขาก็เข้าสู่ส่วนลึกของเทือกเขาตะวันมืดเป็นครั้งที่สาม
ผ่านไปหนึ่งชั่วยามกว่าๆ เมื่อหลิ่วหมิงเข้าเทือกเขาตะวันมืดไปได้ไม่กี่ลี้นั้น เขาก็ต้องหยุดชะงักอยู่กลางอากาศ และหมุนตัวมองไปยังที่ไกลๆ
ผ่านไปสักครู่ ก็มีเสียงดังมาจากด้านหลัง เงาร่างชายสี่หญิงหนึ่งปรากฏออกมา และขี่เมฆหลากสีพุ่งมาทางหลิ่วหมิง
“ข้าน้อยเยี่ยนหมิง ไม่ทราบว่าควรเรียกขานสหายผู้นี้ว่าอย่างไร?” หลังจากที่ชายหญิงกลุ่มนี้มาถึงตรงหน้าหลิ่วหมิง พวกเขาก็หยุดการเคลื่อนไหวลง ชายหนุ่มคนหน้าสุดที่สวมชุดศิษย์สายนอกของนิกายยอดบริสุทธิ์ประสานมือคารวะหลิ่วหมิง และกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ที่แท้ก็เป็นศิษย์พี่เยี่ยน ข้าน้อยหลิ่วหมิง” หลิ่วหมิงชายตามอง และสังเกตดูศิษย์ที่อยู่บริเวณนั้นทีหนึ่ง จากนั้นก็ค่อยๆ กล่าวออกมา
ศิษย์สายนอกอีกสี่คนที่อยู่ด้านหลัง หนึ่งในนั้นเป็นหญิงงดงามอายุราวๆ สิบเจ็ดสิบแปดปี ผิวละเอียดเกลี้ยงเกลา พอเห็นหลิ่วหมิงกวาดสายตาผ่าน นางกลับยิ้มให้เพียงเล็กน้อย
ส่วนอีกสามคนต่างก็เป็นชายหนุ่มอายุยี่สิบต้นๆ หนึ่งในนั้นเป็นชายรูปงาม สวมเครื่องประดับครอบมวยผมที่มีลักษณะภูมิฐาน ดูคล้ายบัณฑิต อีกคนใบหน้าคมสัน แววตาดูป่าเถื่อนมาก ส่วนชายหนุ่มที่ยืนอยู่ท้ายสุดมีรูปร่างค่อนข้างเล็ก สีหน้าเรียบเฉย
พวกเขาทั้งห้ามีแค่เยี่ยนหมิงกับชายใบหน้าคมสันที่มีการฝึกฝนอยู่ระดับของเหลวขั้นกลางเท่านั้น ที่เหลือต่างก็อยู่ที่ระดับของเหลวขั้นต้น
“ที่แท้ก็เป็นพี่หลิ่ว! พวกข้าทั้งห้าคนวางแผนจะเข้าเทือกเขาตะวันมืด เพื่อล่าปีศาจปีศาจกรงเล็บหยกที่อยู่ระดับของเหลวขั้นปลาย ได้ยินมาว่าศิษย์น้องเข้าเทือกเขาตะวันมืดคนเดียวหลายครั้ง และกลับมาอย่างปลอดภัย คิดว่าจะต้องมีพลังไม่ธรรมดา พอจะให้พวกข้าร่วมเดินทางด้วยได้หรือไม่ จะได้ดูแลซึ่งกันและกัน หากพี่หลิ่วสามารถร่วมสังหารปีศาจตนนี้กับพวกข้าได้ พวกข้าจะต้องแบ่งแต้มคุณูปการของภารกิจนี้ให้อย่างแน่นอน” พอเยี่ยนหมิงเห็นสีหน้าไม่ยินดียินร้ายของหลิ่วหมิง เขาจึงบอกจุดประสงค์ออกมาตามตรง
“ปีศาจกรงเล็บหยก? ปีศาจจิตวิญญาณชนิดนี้ลึกลับซับซ้อนมาก มีที่อยู่ไม่แน่นอน เกรงว่าคงไม่สามารถรับมือได้โดยง่าย” หลิ่วหมิงได้ยินก็รู้สึกตกตะลึงเล็กน้อย จากนั้นก็กล่าวออกมาราวกับคิดอะไรอยู่
ภารกิจนี้เป็นหนึ่งในภารกิจที่อยู่บนป้ายประกาศใน ก่อนหน้านั้นหลิ่วหมิงก็เคยเห็นผ่านๆ ตา มันได้รางวัลตอบแทนไม่น้อย แต่ก็มีโอกาสสำเร็จยากเช่นกัน
อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึง เพียงแค่หาที่อยู่ของปีศาจจิตวิญญาณนี้ให้เจอ ก็เป็นเรื่องที่สิ้นเปลืองเวลามากแล้ว
และปีศาจกรงเล็บหยกที่กล่าวถึง แท้จริงแล้วจะเติบโตในภูเขาใหญ่ที่มีชื่อเสียงอย่างเทือกเขาตะวันมืด หลังจากวานรที่ฝึกฝนจนถึงระดับของเหลวได้ตายไปแล้ว ศพของมันก็ฟื้นคืนชีพเป็นปีศาจจิตวิญญาณแปลกประหลาดชนิดหนึ่ง พลังของมันเหนือกว่าปีศาจอสูรระดับของเหลวขั้นปลายมาก อีกทั้งยังมีความเร็วอย่างน่าประหลาดใจ และยังเชี่ยวชาญการซุ่มโจมตี มันจึงรับมือได้ยากมาก
“ปีศาจจิตวิญญาณชนิดนี้หายากจริงๆ แต่หลายวันนี้ พวกข้าได้ใช้พลังจิตค้นหาเจอตัวหนึ่ง และได้ศึกษาแผนการล่าไว้แล้ว เพียงแค่ศิษย์น้องยอมเข้าร่วม ภารกิจนี้จะต้องมีโอกาสสำเร็จเก้าในสิบส่วนอย่างแน่นอน” เยี่ยนหมิงอธิบายโดยไม่ต้องคิด
“ข้าน้อยเข้าเทือกเขาตะวันมืดในครั้งนี้ ยังมีภารกิจอื่นที่ต้องทำ และไม่คิดที่จะร่วมกลุ่มกับใคร พี่เยี่ยนไปหาคนอื่นเถอะ!” หลิ่วหมิงเพียงแค่คิดไตร่ตรองเล็กน้อย จากนั้นก็ปฏิเสธอย่างไม่ลังเล
แม้เขาจะไม่รู้ว่าทำไมคนตรงหน้าถึงรับภารกิจบนป้ายประกาศในมา แต่ขณะนี้ตนเองมีเวลาจำกัด ทั้งยังพบเจอรังสองแห่งที่ดูคล้ายกับมีแมงมุมขาหิมะอยู่ เพียงแค่ไม่เกิดปัญหาอะไรขึ้น ครึ่งเดือนให้หลังก็กลับไปรายงานผลที่นิกายยอดบริสุทธิ์ได้แล้ว เขาจึงไม่อยากสร้างปัญหาซับซ้อนอีก
“ช่างน่าเสียดายจริงๆ หากพี่หลิ่วเข้าร่วมด้วยล่ะก็ พวกเราก็มีความมั่นใจในความสำเร็จมากขึ้น แต่ในเมื่อพี่หลิ่วไม่อยากเข้าร่วม ข้าย่อมไม่บังคับแต่อย่างใด ถ้าอย่างนั้นก็จากกันตรงนี้เถอะ!” พอเยี่ยนหมิงได้ยิน ก็มีสีหน้าไม่พอใจเล็กน้อย ทันใดนั้นจึงกล่าวออกมาอย่างราบเรียบ
หลิ่วหมิงก็ประสานมือคารวะด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก จากนั้นก็ขี่เมฆดำเหาะไปทางเทือกเขาตะวันมืด
“พี่เยี่ยนจะปล่อยไปเช่นนี้หรือ?” หญิงสาวงดงามที่อยู่ด้านหลังเห็นเช่นนี้ ก็ขมวดคิ้วขึ้นมา ดูเหมือนนางคิดไม่ถึงว่าหลิ่วหมิงจะปฏิเสธเช่นนี้
“ไม่รู้จักดีเลว” ชายหนุ่มใบหน้าคมสันก็ทำเสียงฮึดฮัดออกมา
ส่วนชายร่างเล็กกับบัณฑิตผู้นั้นกลับไม่พูดอะไรออกมา และดูเหมือนจะไม่ใส่ใจแต่อย่างใด
“บังคับไปก็ไร้ประโยชน์ ในเมื่อคนผู้นี้ไม่คิดจะร่วมมือกับพวกเรา ก็ไม่อาจฝืนใจเขาได้ พวกเราทำตามแผนเดิมที่วางไว้เถอะ! เพียงแค่ไม่เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด คงจะไม่มีปัญหาอะไร ที่ข้าชวนเขาไปด้วยก็เพื่อป้องกันเหตุที่คาดไม่ถึงเท่านั้น” เยี่ยนหมิงโบกมือแล้วกล่าวด้วยสีหน้าที่กลับมาเป็นปกติ
คนอื่นๆ เห็นเช่นนี้ก็ไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ ทันใดนั้นพวกเขาทั้งห้าก็ขี่เมฆไปยังเทือกเขาตะวันมืดเช่นกัน เพียงแต่ว่าทิศทางของพวกเขา เบี่ยงเบนจากทิศทางที่หลิ่วหมิงไปเล็กน้อย
…….
ครึ่งเดือนต่อมา ภายในถ้ำเร้นลับแห่งหนึ่งที่อยู่ท่ามกลางเทือกเขาตะวันมืด ชายหนุ่มที่สวมชุดคลุมสีดำกำลังหาอะไรบางอย่างอยู่
เขาก็คือหลิ่วหมิงที่เข้าเขาเป็นครั้งที่สามนั่นเอง
ขณะนี้ ถุงหนังบนเอวมีไข่แมงมุมขาหิมะเพิ่มขึ้นมาเจ็ดแปดใบ
ชั่วเวลาหนึ่งมื้อข้าวผ่านไป หลิ่วหมิงก็พบไข่แวววาวอีกหกใบที่ด้านหลังเสาหินขนาดใหญ่ที่อยู่ภายในถ้ำ
เขาย่อมรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก
การที่ค้นพบไข่แมงมุมหกใบในรังแมงมุมขาหิมะระดับของเหลวขั้นต้นสามตัว ก็นับว่าเหนือความคาดหมายมากแล้ว
และการเดินทางในครั้งนี้ก็นับว่าราบรื่นมาก
รังแมงมุมทั้งสองแห่งนี้จัดการได้ไม่ยาก และในถ้ำก็มีไข่อยู่ด้วย ตอนนี้เขาได้ไข่แมงมุมมาทั้งหมดสามสิบกว่าใบแล้ว และเพียงพอที่จะแลกแต้มคุณูปการ เพื่อไปฝึกฝนที่ถ้ำห้าธาตุเป็นเวลาครึ่งเดือนได้แล้ว
ขณะที่หลิ่วหมิงเดินออกจากถ้ำ และกำลังจะขี่เมฆทะยานขึ้นฟ้านั้น สีหน้าของเขาก็พลันเปลี่ยนไปทันที จากนั้นก็หายวับไปด้านหลังต้นไม้ใหญ่ที่อยู่บริเวณนั้น
ผ่านไปไม่กี่อึดใจ มีเสียงดังขึ้นจากขอบฟ้าที่อยู่ไกลๆ จากนั้นลูกแสงห้าสีก็พุ่งมาทางหลิ่วหมิง
และภายในลูกแสงก็มีเงาร่างของคนอยู่ ลูกแสงที่อยู่หน้าสุดก็คือเยี่ยนหมิงนั่นเอง
แต่ขณะนี้เขามีสีหน้าลนลานมาก มือทั้งสองกระตุ้นลูกแสงอย่างบ้าคลั่ง เพื่อพาคนอื่นๆ หลบหนีอย่างสุดชีวิต
และห่างจากด้านหลังพวกเขาทั้งห้าไปร้อยกว่าจั้ง มีไอหมอกสีเขียวกลุ่มหนึ่งตามติดอย่างไม่ลดละ ในนั้นมีตัวประหลาดสูงสองสามจั้ง และมีขนสีเขียวปกคลุมเต็มตัว มันกำลังพ่นหมอกควันออกมาไม่หยุด
เมื่อหลิ่วหมิงหรี่ตามองอย่างละเอียด ถึงค้นพบว่าบนหัวของตัวประหลาดขนเขียวนี้ ยังมีคนแคระใบหน้าอัปลักษณ์ยืนอยู่คนหนึ่ง สีหน้าของเขาโหดเหี้ยมมาก แต่ดูเหมือนว่ากลิ่นไอบนตัวจะอยู่ที่ระดับของเหลวขั้นปลาย
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ย่อมรู้สึกประหลาดใจมาก และกำลังคิดว่าไตร่ตรองว่าฉากตรงหน้าคืออะไรกันแน่
ขณะนี้ คนแคระอัปลักษณ์เห็นว่าเยี่ยนหมิงเคลื่อนไหวเร็วขึ้นเรื่อยๆ เขาจึงหัวเราะออกมาอย่างเยือกเย็น และตบลงบนหัวของตัวประหลาดทันที
ตัวประหลาดขนเขียวแหงนหน้าแผดเสียงร้องออกมา หมอกดำพวยพุ่งบนตัว ทันใดนั้นมันก็กลายเป็นเงาร่างพุ่งยิงไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว ซึ่งเร็วกว่าก่อนหน้านั้นเท่าตัว
“ทารกเทียนฉาน เจ้าจะฆ่าพวกเราให้หมดจริงๆ หรือ แม้พวกเราทั้งห้าจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้า แต่หากร่วมมือกันเอาชีวิตเข้าสู้ล่ะก็ ใช่ว่าจะไม่สามารถทำให้เจ้าตายไปพร้อมกันได้ อีกอย่างเจ้ากล้าฆ่าศิษย์นิกายยอดบริสุทธิ์ในพื้นที่ที่อยู่ใกล้กับนิกายเช่นนี้ ไม่กลัวว่านิกายเราจะลงมือกับเจ้าหรือ?” พอเยี่ยนหมิงเห็นฉากเช่นนี้ ก็ตะโกนออกมาด้วยสีหน้าซีดขาว
“เฮ่อๆ! พวกเจ้าเป็นแค่ศิษย์สายนอกของนิกายยอดบริสุทธิ์เท่านั้น ต่อให้ฆ่าพวกเจ้าทั้งหมด เฒ่าประหลาดในนิกายยอดบริสุทธิ์ก็คงไม่สนใจแต่อย่างใด มิเช่นนั้นข้าจะลอยนวลมาถึงทุกวันนี้ได้อย่างไร! อีกอย่างเทือกเขาตะวันมืดแห่งนี้ก็อันตรายมาก หากพวกเจ้าตายที่นี่ แล้วใครจะรู้ว่าข้าเป็นคนทำเล่า ส่วนเรื่องที่คิดจะเอาชีวิตเข้าสู้นั้น ยิ่งเป็นเรื่องดีเข้าไปใหญ่ ข้ากำลังคิดอยากลองดูว่า ปีศาจกรงเล็บหยกตัวนี้ จะร้ายกาจย่างที่เล่าลือหรือไม่?” คนแคระหน้าตาอัปลักษณ์หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง จากนั้นก็กล่าวด้วยแววตาดุร้าย
“พี่เยี่ยน ไม่ต้องพูดจาไร้สาระกับมันหรอก ตอนนี้คงได้แต่เอาชีวิตเข้าสู้เท่านั้น” ขณะที่ชายใบหน้าคมสันเห็นว่าเงาร่างตัวประหลาดขนเขียวเข้ามาใกล้มากขึ้น เขาก็กัดฟันกล่าวออกมา
…………………………………