ตอนที่ 478 การต่อสู้บนเขาตะวันมืด

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ

ตอนที่ 478 การต่อสู้บนเขาตะวันมืด โดย Ink Stone_Fantasy

เขาเปลี่ยนท่ามือไปมาท่ามกลางม่านแสงอยู่ครู่หนึ่งหนึ่ง จากนั้นหอกยาวสีฟ้าก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า หลังจากคว้ามันมาไว้ในมือแล้ว ก็โบกสะบัดเล็กน้อย พอเกิดเสียงดัง “ฟู่ๆ!” เงาหอกสีฟ้าจำนวนมากก็พุ่งยิงออกไป

แต่เงาร่างตัวประหลาดขนเขียวที่อยู่ด้านหลังกลับเคลื่อนไหวแค่ทีเดียว ก็พร่ามัวพุ่งขึ้นสูงกว่าเดิม จากนั้นก็มาปรากฏตัวตรงหน้าเยี่ยนหมิงและพวก และขวางทางพวกเขาไว้

ทารกเทียนฉานยืนอยู่บนตัวประหลาดขนเขียวด้วยสีหน้าเหี้ยมโหด

ผู้คนทั้งห้ารู้สึกตกใจมาก ทำได้เพียงแต่ค่อยๆ หยุดชะงักลง

“ลงมือ!”

เยี่ยนหมิงเป็นคนเด็ดขาดมาก พอเห็นฉากเช่นนี้ ก็รู้ว่าคงเป็นเรื่องเพ้อฝันที่จะรอดไปได้อย่างปลอดภัย เขาจึงส่งเสียงตะโกน และหยิบกระจกโบราณสีเงินแวววาวออกมา

พริบตาที่กระจกโบราณหลุดออกจากมือ มันก็ขนาดใหญ่ตามแรงลม จากนั้นแสงสีครามก็พุ่งออกจากในนั้น

ตัวประหลาดตรงหน้าอ้าปากพ่นหมอกเขียวออกมาทันที และมันก็ปะทะกับแสงสีครามตรงหน้าพอดี

“ตู๊ม!”

ไอหมอกเขียวถูกแสงสีครามโจมตีจนดูจางลงในพริบตา

“ไอหมอกนี้เป็นวิชาพิษที่ปีศาจกรงเล็บหยกสร้างขึ้นมา กระจกชำระใจนี้ก็คือดาวมฤตยูของมัน ข้าจะขับไล่เกราะกำบังของมัน ส่วนพวกเจ้ารวมพลังกันโจมตีทารกเทียนฉานที่อยู่บนตัวปีศาจจิตวิญญาณ” พอเยี่ยนหมิงเห็นว่ากระจกโบราณใช้ได้ผล เขาก็รีบส่งเสียงไปให้คนทั้งสี่ที่อยู่ด้านหลัง

ขณะนี้ หมอกเขียวพวยพุ่งออกจากร่างของตัวประหลาดขนเขียว พริบตาเดียวร่างของมันก็จมเข้าไปในนั้น

เยี่ยนหมิงกระตุ้นพลังเวทในทันที กระจกโบราณส่องไปด้านหน้า และปล่อยแสงสีครามออกไป

ไอหมอกรอบตัวประหลาดขนเขียวต้านทานได้เพียงเล็กน้อย จากนั้นก็ค่อยๆ สลายไป

คนอื่นๆ อีกสี่คนเห็นเช่นนี้ ย่อมรู้สึกดีใจมาก

ชายผอมแห้งที่อยู่ในนั้นได้ยินเช่นนี้ ก็สะบัดมือข้างหนึ่งทันที ทันใดนั้นกระบี่เล็กสีทองจางๆ ก็พุ่งออกมา หลังจากหมุนเหนือศีรษะหนึ่งรอบ มันก็กลายเป็นแสงสีทองพุ่งยิงออกไปด้านหน้า

ทารกเทียนฉานเห็นเช่นนี้ ก็เผยแววตาดุร้ายออกมา พอโบกแขนเสื้อ น้ำเต้าสีเขียวแวววาวก็พุ่งออกจากในนั้น และหมุนวนทีหนึ่ง จากนั้นปากน้ำเต้าก็ถูกเปิดออกมา แสงสีเขียวลำหนึ่งม้วนตัวออกจากในนั้น และพุ่งไปรับแสงสีทอง

พอแสงสีทองสัมผัสกับแสงสีเขียว มันก็ถูกม้วนตัวเข้าไป!

แสงสีเขียวเปล่งประกายเปรี๊ยะๆ อยู่ชั่วขณะหนึ่ง แสงสีทองดับมืดลงในทันที เผยให้เห็นถึงกระบี่เล็กสีทองจางๆ ที่อยู่ในนั้น จากนั้นมันก็ร่วงลงมาจากฟ้า

ไม่ว่าชายร่างผอมจะกระตุ้นเคล็ดกระบี่อย่างบ้าคลั่งแค่ไหนก็ตาม กระบี่เล็กสีทองก็ไม่มีท่าทีตอบสนองใดๆ เลยแม้แต่น้อย

ขณะนั้นเอง ชายใบหน้าคมสันกลับยกหอกยาวสีครามขึ้นมา และเขวี้ยงออกไปอย่างรุนแรง

เกิดเสียงดังก้องฟ้า เงาหอกสีครามกระพริบผ่านไป

หญิงสาวงดงามที่อยู่ด้านข้าง กลับถือพัดขนนกสีเขียวอยู่บนมือ พอพัดเบาๆ ก็เกิดเสียงดัง “ฟิ้ว!” จากนั้นคมวายุยักษ์ที่มีขนาดจั้งกว่าๆ ก็พุ่งออกจากพัด

ชายหนุ่มที่ดูเหมือนบัณฑิตผู้นั้นตะโกนออกมา และคว้ามือข้างหนึ่งไปกลางอากาศ ขวานยักษ์สีดำที่เต็มไปด้วยลวดลายสีดำปรากฏออกมา จากนั้นเขาก็ใช้มือทั้งสองจับมันเอาไว้แน่น และฟันออกไปด้านหน้า

“ฟิ้ว!” เงาขวานค้ำฟ้าปรากฏเหนือหัวตัวประหลาดขนเขียว และฟันใส่ทารกเทียนฉานที่ยืนอยู่บนนั้นอย่างโหดเหี้ยม

“ลำพังแค่พวกเจ้า ก็คิดจะทำร้ายข้า?” คนแคระหัวเราะอย่างเยือกเย็น จากนั้นก็ใช้ฝ่ามือข้างหนึ่งตบลงบนหัวปีศาจจิตวิญญาณ เมื่อเขาขยับตัวหนึ่งที ก็พุ่งออกไปด้านหลังหลายจั้ง

พอปีศาจกรงเล็บหยกใช้ฝ่ามือทั้งคู่ตบหน้าอกหนึ่งที ร่างของมันก็ขยายใหญ่เท่าตัว และสูงขึ้นกว่าเดิมหลายจั้ง ขณะเดียวกัน แขนทั้งสองก็เคลื่อนไหวจนกลายเป็นเงากรงเล็บ

ครู่ต่อมา เกิดเสียงดัง “โครมคราม!” ดังขึ้นติดต่อกัน

หอกยาว คมวายุ เงาขวาน พุ่งเข้ามาพร้อมกัน และประทุแสงสว่างพร่างพรายตรงหน้าตัวประหลาดขนเขียว

เมื่อต้องเผชิญกับการไล่ฆ่าของศัตรูที่แข็งแกร่ง หากไม่อาจโจมตีได้สำเร็จในครั้งเดียว ชีวิตของคนเหล่านี้ก็น่าเป็นห่วงแล้ว

ผู้คนที่อยู่ในนั้นแม้กระทั่งเยี่ยนหมิงย่อมเข้าใจเรื่องนี้ดี ด้วยเหตุนี้จึงลงมือโจมตีพร้อมกันทันที หลังจากที่ชายใบหน้าคมสันกับบัณฑิตโจมตีออกไปแล้ว พวกเขาต่างก็เคลื่อนตัวมาบังอยู่ตรงหน้าเยี่ยนหมิง

“ฮ่าๆ!”

เสียงหัวเราะแปลกประหลาดดังออกจากลำแสง!

ผ่านไปไม่กี่อึดใจ ลำแสงก็ค่อยๆ สลายไป แต่จะเห็นว่าตัวประหลาดขนเขียวยังคงลอยอยู่กลางอากาศโดยไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ เลย ส่วนทารกเทียนฉานก็กลับมาอยู่บนตัวมันอีกครั้ง

ปีศาจจิตวิญญาณตนนี้อาศัยเพียงแค่ฝ่ามือธรรมดาๆ ก็ต้านทานอาวุธจิตวิญญาณของคนเหล่านี้ได้อย่างง่ายดาย

หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็รู้สึกตกตะลึงขึ้นมา การป้องกันของตัวประหลาดขนเขียวตัวนี้แข็งแกร่งมาก ดูเหมือนจะไม่ได้ด้อยไปกว่าอสูรเกราะมังกรในก่อนหน้าเลยแม้แต่น้อย

“วันนี้เพิ่งจะสยบปีศาจกรงเล็บหยกได้ ดีเลยจะได้นำเลือดของพวกเจ้ามาสังเวย” คนแคระหัวเราะ และกล่าวด้วยแววตาโหดเหี้ยม เขาทำท่ามือด้วยมือเดียวแล้วชี้นิ้วไปยังน้ำเต้าที่ปล่อยออกมา

น้ำเต้าหมุนตัวติ้วๆ จนขยายใหญ่จั้งกว่าๆ ขณะเดียวกันก็มีเสียงฟ้าร้องดังออกจากน้ำเต้า แสงสีม่วงทะลักออกมาจากในนั้นอย่างบ้าคลั่ง หลังจากแยกออกเป็นสองกลุ่มแล้ว ก็ม้วนตัวไปหาชายใบหน้าคมสันกับบัณฑิตที่อยู่ใกล้เขาที่สุด

เยี่ยนหมิงรีบกระตุ้นกระจกโบราณตรงหน้าด้วยความตกใจ จากนั้นลำแสงสีครามก็พุ่งออกมา และพุ่งลงบนลำแสงสีม่วงลำหนึ่ง

เกิดเสียงดังอู้อี้!

พอลำแสงสีครามถูกแสงสีม่วงตอบโต้กลับ มันก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย แสงสีม่วงยังคงม้วนไปตรงหน้าทั้งสองด้วยอานุภาพอันรุนแรง

ชายใบหน้าคมสันหน้าเปลี่ยนสีทันที เขาอ้าปากพ่นลูกกลมๆ แวววาวออกมาหนึ่งลูก หลังจากสั่นไหวทีหนึ่งแล้ว มันก็กลายเป็นม่านแสงสีขาวปกป้องตัวเขาไว้ ขณะเดียวกันก็สะบัดหอกยาวในมือจนเกิดเสียงดัง “ฟู่ๆ!” จนกลายเป็นม่านหอกสีฟ้า

พอบัณฑิตเห็นเช่นนี้ก็มีสีหน้าซีดขาวขึ้นมา ขวานสีดำในมือตั้งขวางไว้ตรงหน้า หลังจากแสงสีดำเปล่งประกายออกมา มันก็กลายโล่ยักษ์สีดำอันหนึ่ง

หญิงสาวงดงามที่อยู่ด้านข้าง ก็โบกพัดขนนกในมืออย่างอย่างบ้าคลั่ง จนคมวายุพุ่งเข้าใส่ทารกเทียนฉานเป็นจำนวนมาก

ส่วนชายผอมแห้งก็วุ่นวายอยู่กับการทำท่ามือ ในที่สุดก็สามารถควบคุมกระบี่เล็กสีทองได้อีกครั้ง เขาเคลื่อนไหวนิ้วทั้งสิบด้วยความดีใจ ทันใดนั้นกระบี่เล็กสีทองก็หมุนวนขึ้นด้านบน และกลายเป็นแสงกระบี่สีทองฟันใส่ทารกเทียนฉาน

คนแคระหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง เท้าทั้งคู่เคลื่อนไหวในทันที จากนั้นก็พุ่งขึ้นฟ้า

และในขณะเดียวกัน ตัวประหลาดขนเขียวที่อยู่ด้านล่าง ก็พร่ามัวหายไปอย่างไร้ร่องรอย

คมวายุจำนวนมากกับแสงกระบี่สีทองต่างก็พุ่งเข้ามากลางอากาศ

ขณะเดียวกันก็เกิดเสียงดัง “โครมคราม!”

แสงสีม่วงอีกลำพุ่งชนใส่ม่านหอกตรงหน้าชายใบหน้าคมสัน มันไม่เพียงแต่จะไม่กระเด็นออกไปเท่านั้น แต่ยังม้วนตัวขึ้นมาราวกับของเหลว

ชายใบหน้าคมสันรู้สึกว่าหอกยาวตรงหน้าหยุดชะงักลง และดูราวกับมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นมาหมื่นชั่ง และเชื่องช้าลงมามาก ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล และคิดจะกระตุ้นเคล็ดวิชาอื่นๆ แต่พลันมีเสียงดัง “ฟิ้ว!”

เขารู้สึกเย็นบริเวณหน้าอก จากนั้นกรงเล็บสีเขียวข้างหนึ่งก็ทะลุออกจากช่องอก และหดกลับไปอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นโลหิตก็ทะลักออกมาอย่างบ้าคลั่ง

ไม่รู้ว่าตัวประหลาดขนเขียวมาปรากฏตัวตรงหลังชายผู้นี้ตั้งแต่เมื่อใด และยังโจมตีอย่างรุนแรงจนถึงแก่ชีวิต และม่านแสงสีขาวชั้นนั้น ก็ไม่อาจต้านทานได้เลยแม้แต่น้อย

ชายใบหน้าคมสันก้มมองรูเลือดขนาดเท่าปากถ้วยบนหน้าอกด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ จากนั้นก็คลายหอกยาวสีฟ้าในมือออกมา และร่างของเขาก็ร่วงลงไปโดยไม่อาจรับรู้สิ่งใดได้อีก

“ศิษย์พี่จู!” หญิงสาวตะโกนด้วยความตกใจ

เงาสีเขียวกระพริบกลางอากาศ จากนั้นตัวประหลาดขนเขียวก็มาปรากฏตัวตรงหลังบัณฑิตที่ถูกแสงสีม่วงโจมตีจนถอยออกไปหลายก้าว และจดจ่อที่ไหล่ทั้งสองของเขาในทันที

มีเสียงร้องดังออกมาอย่างน่าเวทนา โลหิตสดๆ กระเด็นไปทั่วทิศ!

บัณฑิตผู้นี้ถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ

เหตุการณ์ที่ชายใบหน้าคมสันกับบัณฑิตผู้นั้นเสียชีวิต เกิดขึ้นภายในอึดใจเดียว ปีศาจตัวนี้รวดเร็วมาก ทำให้คนอื่นๆ ไม่อาจยื่นมือเข้าช่วยได้ทัน ตอนนี้เยี่ยนหมิงกับพวกอีกสองคนต่างก็รู้สึกเย็นสะท้านไปทั้งตัว

ชายผอมแห้งมีสีหน้าเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอยู่ครู่หนึ่ง ต่อมาก็ขยี้ยันต์จนแตกกระจาย แสงสีเหลืองเปล่งประกายบนร่างของเขา จากนั้นก็มุดลงใต้ดินเพื่อจะหลบหนี

“วันนี้พวกเจ้าอย่าได้คิดหนีรอดไปได้แม้แต่คนเดียว” ทารกเทียนฉานกลับตะคอกออกมา พอชี้มือข้างหนึ่งไปกลางอากาศ น้ำเต้ายักษ์ที่อยู่ไม่ไกลก็พลิกคว่ำลงมา จากนั้นแสงสีม่วงลำหนึ่งก็พุ่งเข้าใส่ชายผอมแห้ง

และตัวประหลาดขนเขียวกลับอ้าปากพ่นไอสีเขียวใส่ชายหนุ่ม

“ฟู่!”

แสงสีม่วงม้วนตัวชายผอมแห้งขึ้นมา ทำให้การเคลื่อนไหวของเขาเชื่องช้าลง

ขณะนั้นเอง ไอหมอกสีเขียวก็พุ่งมาถึง และกระพริบหายเข้าไปในแสงสีม่วง จากนั้นก็โจมตีลงบนตัวชายหนุ่มอย่างรุนแรง ทั้งยังส่งเสียงแปลกประหลาดออกมา

ชายหนุ่มร่างผอมแห้งกรีดร้องออกมา ร่างของเขาเน่าเปื่อยอย่างรวดเร็ว ไม่กี่อึดใจก็กลายเป็นซากศพร่วงออกมาจากแสงสีม่วง

พริบตาเดียว คนทั้งห้าก็เหลือเพียงสองคนเท่านั้น ซึ่งก็คือเยี่ยนหมิงกับหญิงสาวใบหน้างดงามนั่นเอง

แต่พอทั้งสองสบตากันทีหนึ่งแล้ว ต่างก็มองเห็นแววตาสิ้นหวังของกันและกัน แต่พวกเขาย่อมไม่ยืนรอความตายอย่างแน่นอน

เยี่ยนหมิงอ้าปากพ่นโลหิตบริสุทธิ์ใส่กระจกโบราณทันที ขณะเดียวกันก็หมุนแขนข้างหนึ่งไปกลางอากาศ ทันใดนั้นมุกกลมๆ ขนาดเท่าถั่วไหมจำนวนสามเม็ดก็ปรากฏในมือ

และหญิงใบหน้างดงามก็กัดฟันควักยันต์ออกจากตัวมาปึกหนึ่ง และแปะลงบนตัวอย่างบ้าคลั่ง ทันใดนั้นวงแหวนแสงหลากสีก็หมุนวนอยู่บนตัวนาง ทำให้นางดูลึกลับขึ้นมามาก

แต่เมื่อเผชิญหน้ากับศัตรูแข็งแกร่งอย่างชายหญิงทั้งสอง ทารกเทียนฉานกลับไม่ได้ลงมือโจมตีในทันที แต่กลับกวาดสายตามองเนินเขาที่อยู่ด้านล่าง ขณะเดียวกันก็หัวเราะและกล่าวออกมา

“ท่านแอบดูมานานพอแล้วล่ะ! ต้องให้ข้าไปเชิญด้วยตัวเองไหม?”

พอน้ำเสียงสิ้นสุดลง ก็มีเสียงฟ้าร้องดังออกมาจากน้ำเต้ายักษ์ที่อยู่ตรงหน้า จากนั้นแสงสีม่วงขนาดเท่าศีรษะก็พุ่งไปยังเนินเขา

บังเกิดเสียงดังราวกับฟ้าถล่มดินทลาย!

เศษหินกระเด็นออกมาท่ามกลางแสงสีม่วง มีเงาร่างหนึ่งเงาหนึ่งพุ่งขึ้นฟ้า หลังจากสั่นไหวทีหนึ่ง ก็มาปรากฏตัวกลางอากาศที่อยู่ห่างจากทารกเทียนฉานหลายสิบจั้ง และจ้องมองคนแคระผู้นี้ด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก

“พี่หลิ่ว”

เยี่ยนหมิงรู้สึกตกตะลึงมาก แต่พอเห็นใบหน้าของคนผู้นี้อย่างชัดเจน เขาก็หลุดปากออกมาด้วยความตื่นเต้น และใบหน้าก็เต็มไปด้วยความหวัง

เงาร่างคนผู้นี้ก็คือหลิ่วหมิงนั่นเอง

แม้ว่าในตอนนี้ เขาจะไม่มีสีหน้าหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย แต่สายตาที่มองไปยังทารกเทียนฉาน ก็ดูเคร่งขรึมขึ้นมามาก

”ที่แท้ก็เป็นศิษย์สายนอกของนิกายยอดบริสุทธิ์เหมือนกัน! ดีมาก! ข้าจะได้จัดการพร้อมกันทีเดียว จะได้ไม่ทิ้งร่องรอยอะไรไว้อีก” ทารกเทียนฉานสังเกตดูหลิ่วหมิงสองสามที และใช้พลังจิตกวาดผ่านไป พอค้นพบว่าหลิ่วหมิงเป็นแค่ผู้ฝึกฝนระดับของเหลวขั้นกลาง ความกังวลในใจเขาก็หายไปจนหมดสิ้น จากนั้นจึงกล่าวด้วยแววตาดุร้าย

พอเขาก็ชี้นิ้วออกไป พื้นผิวน้ำเต้ายักษ์ก็เปล่งแสงเป็นประกาย จากนั้นแสงสีม่วงขนาดใหญ่ก็พ่นออกมา และม้วนตัวเข้าหาหลิ่วหมิง

และร่างของตัวประหลาดขนเขียวตัวนั้น ก็พร่ามัวพุ่งไปหาเยี่ยนหมิงกับหญิงสาว

ประจักษ์ชัดว่าทารกเทียนฉานคิดว่า ตนเองแค่คนเดียว ก็สามารถจัดการกับผู้แข็งแกร่งระดับของเหลวขั้นกลางได้อย่างเหลือเฟือแล้ว

เยี่ยนหมิงเห็นเช่นนี้ ก็รู้สึกเย็นสะท้านในใจ เขาโยนมุกกลมๆ สีดำสามเม็ดออกไป โดยไม่มีเวลาทักทายหลิ่วหมิงอีก จากนั้นมันก็กลายเป็นลูกแสงสีเงินสามกลุ่ม และส่งเสียงดังหวึ่งๆ ก่อนที่จะพ่นลำแสงสีเลือดออกมา

ทางด้านหญิงใบหน้างดงาม พอนางโบกพัดขนนกในมือ คมวายุจำนวนมากก็ปรากฏออกมาอีกครั้ง ขณะเดียวกัน วงแหวนแสงหลากสีรอบตัวก็หมุนวนอย่างบ้าคลั่ง จนกลายเป็นม่านแสงงดงามปกป้องร่างของนางไว้

………………………………