ภาคที่ 4 บทที่ 157 กลั่นยา

ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座)

บทที่ 157 กลั่นยา

“บัดซบ ! ข้าไม่เชื่อว่าข้าจะจัดการเจ้าไม่ได้หรอก”

ซูเฉินกำลังซ่อนอยู่ในถ้ำแห่งหนึ่ง กำลังผสมตัวยาทั้งหลายเข้าด้วยกัน

ข้างหน้าเขามีหม้อขนาดเล็ก มือซ้ายอยู่ด้านล่างหม้อ ปล่อยเพลิงร้อนสีน้ำเงินออกมาอย่างมั่นคง มือขวากำลังคนส่วนผสมในหม้ออย่างมีแบบแผน

นักปรุงยาส่วนมากเชี่ยวชาญและใช้ไฟพลังต้นกำเนิดตนเองมากกว่าจะใช้ไฟธรรมดา เพราะไฟพลังต้นกำเนิดสามารถคุมขนาดและความร้อนได้ แต่ก็ต้องเป็นนักปรุงยาขั้นพลังสูงพอเพราะต้องใช้พลังงานมาก หมายความว่าผู้เชี่ยวชาญพลังส่วนมากไม่อาจใช้ไฟเช่นนี้ได้

การใช้ไฟยามปรุงยาของซูเฉินนั้นมีชั้นเชิงสูงมาก อีกไม่เท่าไหร่ก็จะเป็นนักปรุงยาระดับปรมาจารย์แล้ว ถึงจุดนี้เขาก็สั่งสมประสบการณ์มามากมายพอแล้ว

ทว่าในตอนนี้ แม้เขาจะเป็นนักปรุงยาระดับชำนาญ หน้าผากก็ยังชุ่มเหงื่อระหว่างกลั่นยาตัวหนึ่ง ตาเขาจ้องไปที่หม้อเล็กเขม็ง ไม่กล้าเพียงกะพริบตาผ่อนคลายสักชั่วขณะ เนตรมองโลกจุลภาคถูกบีบคั้นถึงขั้นสุด

มียาชนิดเดียวเท่านั้นที่ทำให้ซูเฉินต้องมุ่งพลังมากเช่นนี้ ยาระดับตำนาน

ควันสีน้ำเงินหนาแน่นล้นออกมาจากหม้อ ไม่สลายไปแม้ในขณะที่ลอยขึ้นไปในอากาศ เหนือหม้อมีตัวดูดควันที่ดูดควันสีน้ำเงินนี้และนำไปตามทางยาว ผ่านท่อผลึกแก้วไปยังเหยือกทรงแปลก มันถูกกักเก็บและนอนแน่นิ่งอยู่ในนั้น

ทว่าท่อผลึกแก้วถูกควันสีน้ำเงินละลายหมดภายในชั่วเวลาสั้น ๆ ไปแล้ว

“เปลี่ยนท่อ” ซูเฉินสั่ง

ตุ๊กตากระดาษขาวรีบนำท่อนั่นลงแล้วเปลี่ยนอันใหม่ให้ มันช้าไปหน่อย ควันสีน้ำเงินจึงถูกร่าง ริ้วกระดาษทรงพลังบนร่างพลันแข็งตัวขึ้น ก่อนปริแตกออกแล้วสลายลอยไปตามลม ทำเอาตุ๊กตากระดาษขาวตกใจกลัวจนถอยไปหลายก้าว

“ต่อไปอย่าลืมเตรียมท่อให้พร้อมก่อนจะดึงอันเก่าออก” ซูเฉินว่า

“เข้าใจแล้ว” ตุ๊กตากระดาษขาวตอบตามตรง

ซูเฉินถอนใจ หากกังเหยียนอยู่คงจะทำได้ดีกว่านี้ อีกฝ่ายติดตามเขามานาน ย่อมเป็นผู้ช่วยที่ดีพร้อมกว่าใคร

“ตรวจดูเวลาที” ซูเฉินยังคนของเหลวในหม้อต้มพลางเอ่ยกับตุ๊กตากระดาษขาว

“ยังเหลืออีก 2 เค่อ” ตุ๊กตากระดาษขาวตอบเสียงเรียบ ตอนไม่ได้ร้องขอความเมตตา ความนิ่งสงบของมันก็น่าชื่นชมเหมือนกัน

นาฬิกาทรายใกล้กับตุ๊กตากระดาษขาวยังไหลต่อไป เม็ดทรายยังร่วงหล่นเป็นการบ่งบอกเวลาที่ผันผ่าน

หลังถูกแมงมุมสาวน้อยโชกเลือดไล่มานาน ซูเฉินกับมันจึงคุ้นหน้ากันดี เขาจึงเดาได้ไม่ยากว่ามันจะตามเขาทันเมื่อไร

ความกดดันเรื่องเวลยิ่งมากขึ้นเรื่อย ๆ ทว่าท่วงท่าซูเฉินกลับยิ่งสุขุมขึ้น

ไฟที่แผดเผาไม่วุ่นวายสักนิด ควันสีน้ำเงินยังคงถูกปลดปล่อยออกมาเป็นเส้นตรงเช่นนั้น

“อีก 1 เค่อ” ตุ๊กตากระดาษขาวเตือนเสียงสงบ

ซูเฉินทำท่าราวกับไม่ได้ยิน

เงาร่างแมงมุมแปดขาพลันปรากฏขึ้นอยู่ไกล ๆ

ขาทั้งแปดไล่ไปตามอากาศราวกับเป็นพื้นราบเรียบ ตรงเข้ามาทางทิศทางเขา ระหว่างที่กำลังลอยเข้ามาก็ตะโกนว่า “ที่รักตัวน้อยของข้า ข้าได้กลิ่นเจ้านะ ! ข้ารู้ว่าเจ้าอยู่ใกล้ ๆ ครั้งนี้ไม่หนีข้าแล้วหรือ ? ฮิ ๆๆ”

น้ำเสียงนั้นทะลุทะลวง คล้ายกับจะลวงเสน่ห์เสียด้วยซ้ำ

หากแต่มันไร้ผลกับซูเฉิน

“บัดซบเอ๊ย แมงมุมสาวน้อยตัวนี้มาเร็วกว่าที่เราคาดไว้ 1 เค่อ” ตุ๊กตากระดาษขาวสบถออกมา

จะคำนวณอย่างชาญฉลาดเพียงไหน แต่ก็ยังมีที่พลาดพลั้งไปเล็กน้อยบ้าง

“ไปถ่วงเวลานางไว้” ซูเฉินเอ่ย

เขายังคงควบคุมเปลวเพลิงอย่างมั่นคง

“ข้าหรือ ?” ตุ๊กตากระดาษขาวร้องขึ้นด้วยความตกใจ

“ใช่ เจ้า ไปได้แล้ว !” ซูเฉินโบกมือ ดาบหั่นภูผาพุ่งไปหาตุ๊กตากระดาษขาว “ผ้าเท่อลั่วเค่อจะคอยช่วยเหลือเจ้า รั้งนางไว้สักเค่อก็พอ”

อาจเพราะเขาเสียสมาธิไปเล็กน้อย ปลายเปลวเพลิงจึงสั่นไหว มีควันเล็ดลอดออกมานิดหนึ่ง กระทบเข้ากับแขนซูเฉิน เขารีบกริชดึงออกมา จ้วงเอาเนื้อก้อนใหญ่ออกจากแขน หยิบยาขึ้นมาขวดหนึ่งแล้วกรอกลงคอทันที

ตุ๊กตากระดาษขาวจึงได้แต่คว้าดาบแล้วพุ่งตัวออกไป

แมงมุมสาวน้อยโชกเลือดเห็นตุ๊กตากระดาษขาวพุ่งมาตั้งแต่ยังอยู่ไกล พลันส่งเสียงหัวเราะดังออกมา “เงามรณะ เจ้าคิดติดตามมนุษย์แล้วงั้นหรือ ? เป็นความน่าละอายของปีศาจเช่นเรานัก !”

ตุ๊กตากระดาษขาวตอบเสียงเย็น “ข้าจึงยังมีชีวิตอยู่ไงเล่า เขาไม่คิดกัดฟันสู้จนตัวตายเพื่อศักดิ์ศรีกันหรอก”

“แต่จะต่อสู้กับข้าเพราะเจ้านายสั่งงั้นหรือ ?” แมงมุมสาวน้อยโชกเลือดหัวร่อ

“เรื่องบางเรื่องก็ช่วยไม่ได้” ตุ๊กตากระดาษขาวถอนหายใจ “ข้ายอมก้มหัวให้คนที่แกร่งกว่าเพื่อเอาชีวิตรอด แต่เพราะเช่นนั้นจึงต้องต่อสู้กับผู้แข็งแกร่งกว่าอีกหนึ่ง ข้าไม่ควรละโมบอยากได้ดวงใจศิลามาตั้งแต่แรกเลย ที่ข้ายังรอดพ้นมาจนได้ถึงตอนนี้ก็เพราะระวังไม่ไปยั่วโมโหคนที่ไม่ควรเข้า แต่นายท่านของข้ามีวิชามากกว่าที่เห็นนัก ทำให้ข้าคำนวณผิดพลาด……”

เขาเริ่มเอ่ยคำพูดยืดเยื้อ อธิบายละเอียดว่าตกอยู่ในกำมือของซูเฉินได้อย่างไร

แมงมุมสาวน้อยโชกเลือดขมวดคิ้วเล็กน้อย “พูดมากเกินไปแล้ว”

ตุ๊กตากระดาษขาวยักไหล่ “เพียงหวังว่าเจ้าจะเข้าใจเท่านั้นล่ะ แม่นางโชกเลือด ว่าเรื่องนี้ข้าไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจ”

“หากเป็นเช่นนั้น เจ้าก็ควรถอยไปเสีย ข้าสูบพลังนายเจ้าจนแห้งเมื่อไหร่ เราจะได้รับใช้เจ้านายที่แกร่งกว่านั้นอีกมาก เห็นว่าเจ้าดูแปลกประหลาดไม่น้อย คงจะมีประโยชน์ต่อข้าบ้าง” แมงมุมสาวน้อยโชกเลือดหัวเราะคิก

“เรื่องนั้น…… อาจเป็นไปไม่ได้” ตุ๊กตากระดาษขาวเอ่ยเสียงลำบากใจเล็กน้อย “คือว่าตอนนี้……”

เขายังเอ่ยเสียงตะกุกตะกักต่อ

แมงมุมสาวน้อยโชกเลือดหน้าคว่ำ “เจ้าบ้าเอ๊ย นี่เจ้าคิดถ่วงเวลาใช่หรือไม่ ?”

“เปล่าเลย เจ้าฟังข้า……”

ฟ้าว !

ริ้วแสงสีเงินพุ่งออกมา ตุ๊กตากระดาษขาวกระโดดถอยออกมาด้วยความตกใจ กระดาษเสี้ยวหนึ่งถูกฉีกออกจากร่างเล็กน้อย

แสงสีเงินแท้จริงแล้วคือใยสีเงินของแมงมุมสาวน้อยโชกเลือด พลาดไปครั้งหนึ่ง มันก็พุ่งเข้าใส่หินใหญ่ด้านหลังตุ๊กตากระดาษขาวจนมันแยกเป็นสองส่วนแล้วเกิดเสียงดังครืน

เกิดเสียงระเบิดขึ้นในถ้ำ เปลวเพลิงในมือซูเฉินหดตัวลง ส่งผลให้ควันสีน้ำเงินลอยออกมาจากถ้ำ

โชคดีที่ครั้งนี้เขาเตรียมตัวไว้แล้ว

ภาพจุติสายเลือดต้นกำเนิดเพลิงเงาปรากฏขึ้นที่ด้านหลัง สกัดกั้นควันสีน้ำเงินเอาไว้

การนำภาพจุติสายเลือดต้นกำเนิดเพลิงเงาออกมาใช้เพียงแค่รับมือกับยาเท่านี้บ่งบอกถึงพลังของยาได้ดี

ตุ๊กตากระดาษขาวที่อยู่ด้านนอกปล่อยกระดาษขาวออกมาจนหมด แสงสีดำที่เปล่งออกมาดูงดงามตระการตาไม่น้อย

แมงมุมสาวน้อยโชกเลือดหัวเราะเสียงดัง “ฮี่ ๆ เงามรณะ การโจมตีของเจ้าทำอะไรข้าไม่ได้หรอก”

ขาแมงมุมทั้งแปดขยับเคลื่อน จากนั้นเส้นสีเงินก็พุ่งออกมา

เส้นสีเงินปะทะกับแสงสีดำ เกิดการระเบิดพลังงานขนาดใหญ่ อย่างไรก็ตาม เห็นได้ชัดว่าพลังงานสีดำนั้นด้อยกว่าพลังงานสีเงิน เส้นสีเงินจึงยิ่งพุ่งขึ้นไปในอากาศมากขึ้นเรื่อย ๆ เส้นใยแต่ละเส้นค่อย ๆ ก่อตัวเป็นใยเงินที่ตกลงมาราวกับตาข่ายที่โยนลงมาจากฟากฟ้า ลำแสงสีดำถูกบีบให้ถอยซ้ำแล้วซ้ำเล่าและพ่ายแพ้อย่างไร้ความปราณี ตุ๊กตากระดาษขาวถอยไม่หยุด รู้สึกราวกับเวลาหมุนช้าลง

ในตอนนั้น พริบตาเป็นดั่งเวลาหมื่นปี

ตู้ม !

ในที่สุดพลังงานสีดำก็ถูกคลื่นสีเงินทำลายสิ้น หลังจากที่สูญเสียการป้องกันทั้งหมดไปแล้วจึงทำได้แต่ลอยอยู่เบื้องหน้าแมงมุมสาวน้อยโชกเลือด มองดูคลื่นสีเงินที่รุนแรงทำท่าจะกลืนกิน

ในตอนนั้นเอง กลุ่มควันสีน้ำเงินก็ลอยมานางนางแมงมุม