บทที่ 158 ดาราเหมันต์น้ำเงิน
ควันสีน้ำเงินค่อย ๆ ลอยไปหาใยสีเงิน แต่ก็ราวกับว่าไร้ผลอันใด
ทันใดนั้น นางแมงมุมก็เดินเข้าไปในกลุ่มควัน สีหน้าผันเปลี่ยนแล้วขู่ฝ่อออกมาด้วยความเจ็บปวด ขาทั้งแปดไต่ถอยหลัง ในเวลาเดียวกันนั้น ใยเงินที่พ่นออกมาก็เริ่มมีรอยแตกและสลายไปราวกับเป็นเพียงเส้นไหมเท่านั้น
เห็นได้ชัดว่าควันสีน้ำเงินจะกัดกร่อนสิ่งของต่าง ๆ ไม่ว่าลอยไปไหน ใยเงินก็จางลงแล้วสลายไป ราวกับหิมะถูกละลายก็มิปาน
พิษนี้สามารถกัดกร่อนพลังงานได้ด้วยซ้ำ
หากมันกร่อนพลังงานได้ ก็แปลกว่าเกราะพลังต้นกำเนิดใช้กับมันไม่ได้ผล จึงเป็นเหตุที่ทำให้มันน่ากลัวนัก หากสัมผัสมันแล้ว มีแต่ต้องฝืนทนไป เคราะห์ดีที่แม้พลังกัดกร่อนมันจะสูง แต่อำนาจสังหารต่ำ ตัวพิษเองไม่ใช่พิษร้ายใด แต่ในสายตาแมงมุมสาวน้อยโชกเลือดที่ใช้พลังต้นกำเนิดโจมตีแล้ว มันกลับนับเป็นพิษร้ายกาจ เป็นพิษที่ซูเฉินเลือกมาต่อกรกับคุณสมบัติพิเศษของมันโดยเฉพาะ
นางแมงมุมเด็ดขาดน่าชื่นชมไม่น้อย เลือกตัดใยเงินออกจากร่าง แม้ทำเช่นนี้จะเสียพลังงานมาก แต่ก็ดีกว่าให้พิษไหลเข้าร่างนัก
ร่างซูเฉินพลันปรากฏช้า ๆ ในมือเขามีขลุ่ยหยกน้ำเงิน ซึ่งปล่อยควันสีน้ำเงินเมื่อครู่ออกมา เดิมทีมันเป็นสีหยกเข้ม แต่ควันสีน้ำเงินได้ย้อมมันกลายเป็นสีน้ำเงินไปแล้ว
ซูเฉินเหลือบมองตุ๊กตากระดาษขาวที่ถูกโจมตีจนสะบักสะบอมราวกับสุนัขข้างถนนแล้วเอ่ยเสียงเศร้า “ข้ายอมพังเครื่องมือต้นกำเนิดระดับ 5 ขลุ่ยหยกวารี เพื่อเสริมความสามารถของควันสีน้ำเงิน น่าเศร้าที่เสียของนัก ถูกบีบให้ต้องนำมาใช้ช่วยเจ้าโง่นี่ น่าเสียดายจริง ๆ”
สถานการณ์เมื่อครู่คับขันมาก หากซูเฉินลงมือช้าไปสักนิด ตุ๊กตากระดาษขาวก็อาจลาโลกไปแล้ว
ในเมื่อไร้ทางเลือก ซูเฉินจึงต้องปลดปล่อยดาราเหมันต์น้ำเงินออกมา และแม้จะช่วยตุ๊กตากระดาษขาวไว้ได้ แต่ก็ต้องเผยดาราเหมันต์น้ำเงินออกมา
แมงมุมสาวน้อยโชกเลือดคล่องแคล่วว่องไวนัก คงไม่มีโอกาสได้ใช้ดาราเหมันต์น้ำเงินกับมันอีกแล้ว
ได้ยินน้ำเสียงเศร้าใจของซูเฉินแล้ว แมงมุมสาวน้อยโชกเลือดก็เอ่ยเสียงต่ำ “ไอ้หนู ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะเป็นนักปรุงยาระดับปรมาจารย์ คิดเสียว่าโชคดีเถอะ ในเมื่อเจ้าปรุงของอย่างดาราเหมันต์น้ำเงินนี้ขึ้นมาได้ ข้าก็จะไว้ชีวิตเจ้า”
นางแมงมุมพูดแล้วก็ถอยไป เพราะไม่กล้าเข้าปะทะกับดาราเหมันต์น้ำเงินตรง ๆ
“แต่ข้าบอกหรือว่าจะไว้ชีวิตเจ้า ?” ซูเฉินเอ่ยขึ้นอย่างเยือกเย็น
ข้อด้อยใหญ่ของดาราเหมันต์น้ำเงินคือค่อนข้างไม่เสถียร เขาใช้ของล้ำค่ามากมายกลั่นพิษขึ้นมา ใช้แค่เพื่อไล่ศัตรูให้กลัวไม่น่าเสียดายแย่หรือ ?
ในเมื่อทำขึ้นมาแล้วก็ต้องใช้สิ
ใบหน้างามของนางแมงมุมพลันเย็นยะเยือก “คงไม่คิดหรอกนะว่ายาที่กลั่นโดยนักปรุงยาระดับปรมาจารย์จะสามารถเอาชนะความต่างของขั้นพลังได้น่ะ ?”
“เจ้าก็แค่อสูรกายระดับสูงอยู่แล้ว พลังคงไม่ต่างกันเท่าไหร่ อย่างน้อยที่ข้าประเมินดูก็น้อยกว่าที่เจ้าคิด ดาราเหมันต์น้ำเงินขวดเดียวก็พอเสริมส่วนที่ขาด ให้ข้าเป็นฝ่ายได้เปรียบแล้ว”
แมงมุมสาวน้อยโชกเลือดได้ยินซูเฉินก็โกรธจนไม่อาจกลั้นเสียงหัวเราะ “โอหังนัก ! ก็ใช่ หากไม่กล้าก็คงไม่เข้ามาในแดนสัตว์อสูรได้หรอก แต่หากอยากตายนัก ข้าก็จะสนองให้ด้วยความยินดี !”
มันอ้าปากแล้วพ่นใยแมงมุมออกมา
โดยใยนี้แกร่งกว่าเมื่อก่อนหน้านัก แสงสีเงินเรืองรองแผ่ออกจากเส้นใย สว่างจ้ากว่ามาก
“ตายเสียเถอะ !” นางแมงมุมขู่คำรามดุดัน
“ข้าต่างหากที่อยากพูดคำนั้น” ซูเฉินตอบกลับด้วยรอยยิ้มบาง
แม้จะยิ้มบาง แต่กลิ่นอายกลับลุกโชน ภาพจุติสายเลือดต้นกำเนิดปรากฏขึ้นเบื้องหลังอีกครั้ง ดาบหั่นภูผาเริ่มขยายตัว เปลวเพลิงคุกรุ่นดั่งมีชีวิตอยู่บนตัวดาบ ซูเฉินตวัดดาบออกไปทันทีเมื่อพลังถึงจุดสูงสุด
เขาไม่ยั้งมือ ริ้วดาบครั้งนี้รวมพลังทั้งหมดไว้ในคราเดียว
เปิดฉากด้วยท่าสังหาร !
ดาบตวัดผ่าออกไปอย่างไร้สิ่งใดหยุดยั้ง !
มันพุ่งออกไปด้วยกำลังเหลือเชื่อ ปะทะเข้ากับใยสีเงินที่นางแมงมุมพ่นออกมา ใยพลันแตกกระจายออก และตัวดาบก็พุ่งเข้าใส่ศีรษะนางแมงมุมทันที
“ฝ่อออ !” แมงมุมสาวน้อยโชกเลือดไม่คิดว่าซูเฉินจะเปิดฉากด้วยท่าสังหารทันทีเช่นนี้
แม้ในใจจะตกใจกลัว หากแต่ใยที่พ่นออกมากลับมีเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
มันพ่นใยไหมสีเงินออกไปอีก แต่ครั้งนี้ตัวใบเผยกลิ่นอายล้ำลึก เกิดเป็นเกราะป้องกันขึ้นเหนือศีรษะ
พลังงานบ้าคลั่งจากสายฟ้าและเปลวเพลิงเต้นระริกไปตามตัวดาบแล้ววิ่งไปตามเส้นใย ทำให้ใยแต่ละเส้นสั่นอย่างรุนแรงและกรีดร้องโหยหวน เกิดเป็นเสียงไม่น่าฟังลั่นเข้าสู่จิตใจ
แมงมุมสาวน้อยโชกเลือดคำรามเกรี้ยวกราด “เจ้ามนุษย์ ! โอหังเกินเหตุนัก !”
“นี่เพิ่งจะเริ่มเท่านั้น”
สิ้นคำตอบเยือกเย็นของซูเฉิน ดาบหั่นภูผาก็ตวัดลงมาอีกครั้ง
ภาพของหญิงสาวชุดขาวปรากฏขึ้นข้างหลังนางแมงมุม เมื่อภาพปรากฏ หญิงชุดขาวเริ่มมีเลือดออกจากทั่วใบหน้า นางเหวี่ยงศีรษะ แล้วผมจำนวนมากก็ซัดออกมาคว้าดาบหั่นภูผายึดไว้นิ่งเพื่อไม่ให้ขยับเคลื่อน
“ลิ้มลองตรวนโศกาของข้าหน่อยเป็นไร !” นางแมงมุมส่งเสียงขู่
“ลิ้มรสดาราเหมันต์น้ำเงินของข้าบ้างสิ” ซูเฉินตอบกลับเสียงเย็น
หมอกน้ำเงินอีกระลอกพุ่งออกมา ครานี้ราวกับมีเสน่ห์ลวง ถูกปกคลุมแล้วราวกับถูกโอบกอดโดยคนรักก็มิปาน
แมงมุมสาวน้อยโชกเลือดทำท่าราวกับเจอของน่าขนลุกแล้วรีบล่าถอยไปทันที
ทว่าตรวนโศกาของมันผูกอยู่กับดาบหั่นภูผา ทำให้ไม่อาจถอยไปได้ ส่วนซูเฉินเองก็ไม่คิดสู้กับมันตรง ๆ ที่ออกท่าโจมตีเต็มกำลังก็เพื่อจำกัดการเคลื่อนไหวศัตรูเท่านั้น
แมงมุมสาวน้อยโชกเลือดกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว ปกติแล้ว หากมันสามารถกักตัวเหยื่อไว้ได้ มันก็จะดูดพลังต้นกำเนิดเหยื่อ สุดท้ายก็เข้าโจมตีร่างกายและจิตใจเหยื่อ
แต่พลังจิตซูเฉินแกร่งนัก ดังนั้นจึงไม่กลัววิชาจิตใด กระนั้นเขาก็ไม่อาจหยุดยั้งความสามารถในการดูดกลืนของตรวนโศกาไว้ได้
แต่ดาราเหมันต์น้ำเงินก็ช่วยพลิกสถานการณ์
ดาราเหมันต์น้ำเงินคือศัตรูตัวฉกาจของตรวนโศกา มันไม่เพียงเจาะเกราะของนางแมงมุมได้ แต่ยังทำให้วิชาส่วนมากของมันไร้ผล ตรวนโศกานี่ก็มีแต่จะยิ่งทำให้นางแมงมุมพ่ายแพ้มากขึ้นเท่านั้น
เมื่อดาราเหมันต์น้ำเงินค่อย ๆ ไหลไปเอื่อย ๆ แมงมุมสาวน้อยโชกเลือดก็ร้องลั่นอีกครั้ง ตรวนโศกกาสลายไปสิ้น ขาทั้งแปดไต่ถอยหลังไป โดยมีเกราะดำโอบล้อมร่างกายเอาไว้
น่าเสียดายที่เกราะพลังนี่ทำได้แค่ถ่วงเวลาเท่านั้น
“ตัดสินใจไม่ลังเลเลยงั้นหรือ ? น่าเสียดาย ปัญหาใหญ่ของเจ้าคือยังลงมือช้าไป” ซูเฉินดึงเรือเหาะตะวันกรุ่นออกมา
วันคืนที่ถูกอสูรกายไล่ล่าสิ้นสุดลงแล้ว ตอนนี้ถึงเวลาเขาไล่ล่าอีกฝ่ายกลับบ้างแล้ว
ซูเฉินไม่เหมือนกับนางแมงมุม เขาไม่อาจตามกลิ่นศัตรูไปได้ แต่เขามีความเร็วเหนือกว่านางแมงมุมนัก ในเมื่อเริ่มไล่ล่าแล้ว นางแมงมุมก็ไม่อาจหนีพ้น
แม้ซูเฉินจะใช้เรือเหาะตะวันกรุ่นก็ตาม
เรือเหาะไฟลุกโชนปรากฏขึ้นเหนือศีรษะแมงมุม เปลวเพลิงก่อตัวขึ้นโดยรอบเรือเหาะ กลายเป็นหงส์เพลิงพุ่งออกมา ปะทะหลังนางแมงมุม เกิดเป็นประกายไฟกระจายไปทั่ว
แม้แมงมุมสาวน้อยโชกเลือดจะมีร่างกายแข็งแกร่งนัก แต่ถูกวิชาจิตหงส์เพลิงซัดเข้าก็เจ็บเจียนตาย มันอยากโต้กลับ แต่เมื่อเผชิญหน้ากับความน่ากลัวของดาราเหมันต์น้ำเงินและเกราะดั่งเหล็กของเรือเหาะตะวันกรุ่นแล้ว มันจึงได้แต่กลืนความแค้นแล้วหนีต่อไป
“ข้าอยากลองเนื้อแมงมุมย่างมานานแล้ว” ซูเฉินว่าพร้อมยิ้มดำมืด “ดูท่าวันนี้จะได้สมใจอยากสักที”