เหนือขึ้นไปบนป่าเขียวชอุ่ม เมฆดำทะมึนลอยเข้ามา อาร์กไฟฟ้าส่องแสงวูบวาบอยู่ภายในเมฆ บ่งบอกถึงความเกรี้ยวกราดของธรรมชาติ

แล้วเมฆก็หดตัวกลายเป็นเอลฟ์ไม้หนุ่ม คอและมือของเขาเต็มไปด้วยลวดลายปริศนา ไม่ต่างจากหมอผีที่ประกอบพิธีบูชายัญ

“มาร์ธา พูดอีกครั้ง เจ้าว่าเจ้าถูกพวกเขาใส่ร้ายเหรอ? พวกนั้นบอกว่าเจ้าทำพิธีอัญเชิญปีศาจ?” เฟอร์รากอนด์ถามมาร์ธา เขาไม่แยแสนักเวทคนอื่น ๆ เลย

ขณะที่เขาถาม มือขวาบนหน้าของมาร์ธาและเส้นเลือดกลับดูเหี่ยวแห้งลงเหมือนกับใบไม้หล่นลงพื้นในฤดูใบไม้ร่วงและกลายเป็นโคลน

มาร์ธาตอบด้วยความคับข้องใจ “พวกนั้นมองการระบำล้างแค้นเป็นพิธีกรรมอัญเชิญ! แปลกมาก!”

แน่นอนว่าเฟอร์รากอนด์รู้จักการระบำล้างแค้น ดวงตาของเขาเป็นประกายด้วยสายฟ้า พลังของเขารวมเข้ากันเป็นบรรยากาศรอบตัว ด้วยการจ้องมองของเขา เหล่านักเวทต่างรู้สึกว่าต้นไม้กำลังสั่นไหว อากาศกำลังอัดแน่น และเมฆดำทะมึนรวมตัวกัน ราวกับว่าโลกทั้งใบกำลังโกรธแค้นพวกเขา!

แม้แต่มังกรคริสตัล อัลเฟอร์ริส ก็สัมผัสได้ถึงแรงกดดัน มือของแอนนิคถูกตัดออกด้วยท่านั้น ไฮดี้ทำได้เพียงผงะถอยหลังพิงกำแพงบ้านต้นไม้ จูริเซียนเหงื่อออกเต็มหน้าผาก แม้เขาจะพยายามฝืนยิ้มออกมา แต่ก็ทำไม่ได้

มือขวาใหม่งอกออกมาจากข้อมือที่หักละเอียด และมีเมือกคลุมราวกับเกิดมาจากท้องแม่ใหม่ ๆ ท่ามกลางสายลมแรง ผมของเฟลิเป้งอกออกมาและร่างของเขาก็หนักแน่น อย่างไรก็ตาม เขาไม่ยอมก้มหัวลง แต่เฟลิเป้กลับฝืนพูดออกมา “มี… หนังสือ”

ไอริสทีนไม่ได้รู้สึกถึงแรงกดดันนั้น นางรีบพูดสวนขึ้นมา “สภาให้เราดูตำราพิธีกรรมอัญเชิญพิเศษของไวเค็น เป็นพิธีกรรมที่เรียบง่ายและไม่ซับซ้อนเพื่ออัญเชิญปีศาจโบราณพวกนั้น ไวเค็น ‘เจ้าแห่งหายนะ’ อดีตนักเวทชั้นตำนานและโป๊บคนปัจจุบัน เขียนตำราเล่มนี้ขึ้น!

แม้ว่าป่าสตรู๊ปจะอยู่ทางชายฝั่งตะวันตกของมหาสมุทรไร้พรมแดนและไกลจากไวเค็น แต่สำหรับเฟอร์รากอนด์ ดรูอิดชั้นตำนาน ระยะทางไม่มีผลสำหรับเขา ไวเค็นไม่ใช่ชื่อแปลกหูกับเฟอร์รากอนด์ และเนื่องจากเขารู้มาจากสภาว่าไวเค็นเป็นโป๊บ เขาก็ยิ่งสนใจมากยิ่งขึ้น

เฟอร์รากอนด์หรี่ตาลงเล็กน้อย เขายกมือขึ้น แล้วตำราที่เอลฟ์ถืออยู่ก็ลอยมาหาเขาอัตโนมัติ

ศัตรูตัวฉกาจของนิกายธรรมชาติเคียดแค้นก็คือพวกมนุษย์ที่จ้องทำลายธรรมชาติ และผู้ศรัทธาในศาสนจักรฝ่ายใต้ก็เป็นพวกมนุษย์ ดังนั้น กลุ่มธรรมชาติเคียดแค้นก็มองศาสนจักรเป็นศัตรูด้วย เนื่องจากศาสนจักรฝ่ายใต้พยายามขโมยดวงใจธรรมชาติ และทำให้เอลฟ์ยอมสยบต่อพระสิริของพระเจ้าแห่งสัจธรรม สำหรับนิกายธรรมชาติเคียดแค้นน่ารังเกียจเสียยิ่งกว่าสภาเวทมนตร์

มาร์ธาตะโกนออกมาสุดเสียง “อย่าไปฟังพวกเขา! เราไม่รู้ว่าไวเค็นไปคนเขียน! เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไวเค็นเป็นโป๊บ!”

เฟอร์รากอนด์เปิดดูผ่านๆ แล้วก็ขมวดคิ้ว “แปลกมาก แต่ก็ดูน่าขนลุกและเป็นปริศนา ข้าอ่านนิทานแห่งความโศกแล้ว รู้สึกถึงความเจ็บปวดและความเคียดแค้นของคน”

เอลฟ์มีอายุยืนยาว พวกเอลฟ์ทั้งหลายจึงได้อ่านตำรามากมาย อย่างไรก็ตม พิธีกรรมอัญเชิญพิเศษของไวเค็นดูไร้สาระ พวกเขาจึงไม่เคยสนใจ

เมื่อเข้าใจความรู้สึกของเฟอร์รากอนด์ ไอริสทีนก็ส่งโน้ตให้เขา “ท่าน ได้โปรดดูนี่ก่อน”

“ท่านเฟอร์รากอนด์ พวกเขาโกหก!” มาร์ธาพูดซ้ำๆ ปากของนางสั่น

“มันคล้ายกันอยู่ แต่ไม่ได้หมายความว่ามาร์ธาเป็นคนอัญเชิญปีศาจ ต้องมีการสืบกันต่อ” เฟอร์รากอนด์พูดขึ้น หลังจากอ่านโน้ต ซึ่งเขายังอยู่ข้างมาร์ธา

“ใช่ค่ะ เรากำลังสงสัยกันอยู่ และเราหวังว่าท่านมาร์ธาจะแสดงให้เราเห็นว่านางเต็มใจร่วมมือ” ไอริสทีนถอนหายใจด้วยความโล่งอก

มาร์ธาส่ายศีรษะ “ท่านเฟอร์รากอนด์! มันหลอกลวง! นิกายสมดุลธรรมชาติส่งมันมา!”

สีหน้าของเฟอร์รากอนด์เปลี่ยนไป ขณะกำลังดูสถานการณ์ เขาก็พูดขึ้น “ไอริสทีน ข้าไม่ไว้ใจมนุษย์ ข้าจะถามมาร์ธาเอง”

รอยยิ้มปรากฏบนหน้ามาร์ธา

เหล่านักเวทไม่คิดว่ามันยุติธรรม ไม่มีใครรู้ว่าเฟอร์รากอนด์จะเห็นด้วยกับมาร์ธาเต็มตัว

ไอริสทีนรู้สึกว่านางรับไม่ไหว นางไม่ไว้ใจเฟอร์รากอนด์ ขณะที่เฟอร์รากอนด์ก็ไม่ไว้ใจมนุษย์และสมดุลธรรมชาติ สถานการณ์เป็นไปเช่นนี้และไม่มีอะไรที่ทำให้เชื่อใจกันได้มากพอ

“ข้าจะพามาร์ธาไปที่ต้นไม้เอลฟ์” เฟอร์รากอนด์ที่ตัดสินใจแล้วพูดขึ้น ไอริสทีนอยากหยุดเขาไว้ แต่ก็ไม่จะห้ามอย่างไร

“เดี๋ยวก่อน”

ตอนนั้นเอง แลงค์เชียร์และแอตแลนต์ก็มาถึง! ทันกาล!

แลงค์เชียร์กระโดดลงระหว่างเฟอร์รากอนด์กับมาร์ธา ถือธนูไม้อยู่ในมือ

“เฟอร์รากอนด์ ท่านเป็นผู้นำนิกายธรรมชาติเคียดแค้น ท่านไม่ควรถามมาร์ธา ข้าอยากรู้เหลือเกินกว่าท่านจะเจออะไร”

ไฮดี้และแอนนิคโล่งอก เมื่อเขาเห็นแอตแลนต์กลับมา การเผชิญหน้ากับนักเวทชั้นตำนานต่อหน้าทำให้พวกเขาตึงเครียดและหวาดกลัวมาก เนื่องจากพวกเขากลัวว่าจะถูกธรรมชาติกัดกินได้ตลอดเวลา ถ้าไม่ระวังตัวมากพอ

อัลเฟอร์ริสได้โอกาสหยิบผลไม้มีเขียวอ่อนออกมาป้อนเข้าปากตัวเอง เจ้ามังกรน้อยต้องการความหมายมาระงับความวิตก

เฟอร์รากอนด์จ้องมองแลงค์เชียร์ “เจ้าสงสัยข้ารึ?”

“ไม่ใช่ว่าสงสัยใคร แต่เราต้องไม่ให้คลางแคลงใจ อย่าบอกว่าเจ้าไม่เข้าใจ เฟอร์รากอนด์” แลงค์เชียร์ตอกกลับเฟอร์รากอนด์

พวกเขาไม่เคยคุยกันดีๆ

เฟอร์รากอนด์เงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้น “ให้องค์ราชินีทรงจัดการเรื่องนี้เองเถอะ ข้าไม่ไว้ใจเจ้า”

แลงค์เชียร์พยักหน้า “ข้าจะพานางไปที่ต้นไม้เอลฟ์”

เขาไม่ได้พูดอะไรถึงเมืองนิรนาม

เฟอร์รากอนด์ไม่ได้พูดอะไร ได้แต่แสยะยิ้ม เขายอมรับการตัดสินใจ แต่ก็ไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด

แลงค์เชียร์หันมาหามาร์ธา “เจ้าจะได้รับความเป็นธรรม”

เมื่อได้ยินดังนั้น มาร์ธาก็หัวเราะออกมาเสียงดัง ลวดลายปีศาจปกคลุมทั่วผิวเขียวคล้ำของเขาอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกัน ตาของนางแดงก่ำและดูน่าขนลุก และเกล็ดชั้นตาก็เบิกโพลง

มาร์ธาใจสลาย! เหล่าเอลฟ์ตกตะลึง

“ปีศาจแห่งความเคียดแค้นเข้าสิงนางรึ?” เฟลิเป้พูดเสียงแผ่วเบา

“ท่านเฟอร์รากอนด์ วิ่ง!” มาร์ธาตะโกนออกมา “พวกนั้นรู้ความลับของการระบำล้างแค้น!”

แล้วร่างของนางก็ระเบิดออก

ตอนนั้นเอง เถาไม้เขียวเข้มก็ผุดขึ้นมาจากพื้นในพริบตา และกักขังเลือดและเนื้อไว้ภายในกรงเถาไม้

เมื่อเถาไม้แตกออก แลงค์เชียร์เล็งธนูไปทางเฟอร์รากอนด์

“เจ้านี่เอง” แลงค์เชียร์พูดทีละคำ

“ข้า?!” เฟอร์รากอนด์ตะลึง เมื่อเขารู้ตัวว่าจะเกิดอะไรขึ้น ความโกรธของเขาก็ปะทุ “เจ้ากล้าดียังไง แลงค์เชียร์!”

ด้านหลังของแลงค์เชียร์ มีภาพนิมิตป่าปรากฏขึ้น แล้วป่าก็รวมตัวเป็นลำแสงสีเขียวซึ่งเป็นพลังธนูของเขา “คำพูดของมาร์ธาบอกหมดแล้ว! เจ้าเป็นคนสั่งให้ปิดเมือง ในเมือง พวกเอลฟ์ที่ถูกสิงก็มาจากธรรมชาติเคียดแค้น พวกเรามานี่นี่ก็เพราะเรื่องนี้!”

“นักเวทมนุษย์พวกนั้นพิสูจน์ให้เราเห็นพอแล้ว เจ้าจะว่ายังไง เฟอร์รากอนด์?” แลงค์เชียร์ตะคอกใส่เขา “ทำไมเจ้าทำอย่างนี้?”

พวกเอลฟ์ไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้น

เมื่อได้ยินดังนั้น เฟอร์รากอนด์จ้องนักเวทตาเขม็ง แล้วความโกรธของเขาก็ปะทุออกมา “เจ้านี่เอง มนุษย์ชั่วร้าย! ข้าเห็นองค์ราชินี…”

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะพูดจบ เกล็ดสีเขียวเข้มก็กระจายไปทั่วตัวเฟอร์รากอนด์ ราวกับว่าความเคียดแค้นก่อตัวเป็นรูปเป็นร่าง

“ไม่!” เฟอร์รากอนด์ตะโกนออกมาอย่างเจ็บปวด

ไอริสทีนและพวกเอลฟ์ที่เหลือต่างตกใจ เมื่อเห็นด้วยตาตัวเองบ พวกเขาก็ยากที่จะยอมรับว่านี่เป็นฝีมือของเฟอร์รากอนด์

แลงค์เชียร์พูดด้วยเสียงเยือกเย็น “เฟอร์รากอนด์ เตรียมใจรับโทษของเจ้า!”

แล้วแสงสีเขียวก็พุ่งออกมา

พลังมหาศาลของวัฏจักรธรรมชาติประกอบด้วยการฟักตัว การบ่มเพาะ การเติบโต การเน่าเปื่อย การฝัง และการฟักตัวก็รวมอยู่ในลำแสงเดียว ความมีชีวิตชีวาของต้นไม้ใบหญ้าโดยรอบหายไปภายในพริบตา

ตอนนั้นเอง เฟอร์รากอนด์ถูกธรรมชาติทอดทิ้งเข้าไปแล้ว!

ไม่ทันได้เตรียมใจ เฟอร์รากอนด์ไม่สามารถทำอะไรได้ ลูกธนูพุ่งทะลุอกและกิ่งก้านเขียวชอุ่มก็กระจายเป็นรูโบ๋

“อ๊าาาาาาาา!!!!!!!”

เสียงของเฟอร์รากอนด์ร้องออกมาด้วยความเคียดแค้น ร่างของเขาโปร่งแสงและขยายขึ้นอย่างรวดเร็ว กิ่งก้านต้นไม้กวัดแกว่งอย่างบ้าคลั่งด้วยเนื้อและเลือดเน่าเฟะ และกำลังจะหันกลับไปโจมตีเอลฟ์และนักเวท

ป่ากลายเป็นป่าที่มีเศษเนื้อและเลือดกระจายเต็มไปด้วย

ด้วยเกราะป้องกันชั้นตำนานของแอตแลนค์ นักเวทและเอลฟ์ปลอดภัย เมื่อเลือดและเนื้อหายไป เฟอร์รากอนด์และแลงค์เชียร์ก็หายไปเช่นกัน

“ท่านแลงค์เชียร์จับตัวเฟอร์รากอนด์…” ไอริสทีนพยายามปลอบใจเอลฟ์ที่เหลือ แม้นางจะเสียขวัญก็ตาม “เขาเป็นนักล่าอาฆาต เขาแกะรอยเก่ง…”

เฟอร์รากอนด์ที่บาดเจ็บหนักวิ่งเข้าไปในป่าใกล้กับรอยแยกอเวจี ในถ้ำลับ เขาพยายามรักษาตัวเองและกำจัดภาพสะท้อนปีศาจภายในร่าง

“ทำไม…” เขาพึมพำออกมา เขาไม่เข้าใจสถานการณ์

“ทำไม? ทำไม?!” เขาคำรามออกมา

ด้วยพลังปีศาจ เขาควบคุมความรู้สึกตัวเองไม่ได้

“เพราะเจ้าศึกษาระบำล้างแค้น เพราะหัวใจเจ้าเต็มไปด้วยความเกลียดชัง” เสียงที่เยือกเย็นดังขึ้น

“แลงค์เชียร์!” เฟอร์รากอนด์กำลังจะยืนขึ้นพร้อมสู้ แต่เขาไม่มีพลังเหลือ เพราะกำลังต้านทานภาพสะท้อนปีศาจ เพื่อให้ได้รับพลังอีกครั้ง เขาล้มเลิกความคิดและปล่อยให้ปีศาจเข้าควบคุม

เฟอร์รากอนด์เอนหลังพิงหิน เขาเห็นแลงค์เชียร์ค่อย ๆ เดินเข้ามา ผมสีทองยาว ๆ ของแลงค์เชียร์สะท้อนแสงอาทิตย์

“ทำไม?” เฟอร์รากอนด์ถามอยู่อย่างนั้นด้วยความผิดหวัง

แลงค์เชียร์ยิ้มและดูตำแหน่งของดวงอาทิตย์บนท้องฟ้า “ต้องใช้เวลานานอีกหน่อย ถ้าแผนได้ผล ก็สำเร็จ”

“นั้น?” เฟอร์รากอนด์สับสน ขณะเดียวกัน เขาก็พยายามกำจัดภาพสะท้อนปีศาจออก สำหรับผู้มีพลังชั้นตำนาน ภาพสะท้อนปีศาจไม่สามารถทำอะไรพวกเขาได้ในทันทีจนกว่าจะตัดสินใจล้มเลิกความคิด

“พอแผนได้ผล ทุกอย่างก็ลงตัว” แพะหน้าคนยิ้มออกมา

ตอนนั้นเอง เขาเห็นมัลฟิวเรียนและผู้มีพลังชั้นตำนานอีกสองคนเข้ามา

เจ้าหัวสุนัขคำรามเบาๆ “ข้าอยากจะกินมันให้หมด แต่เราต้องแกล้ง และหนี…”

“เตรียมพร้อม!” แพะหน้าคนพูดขึ้น

ในการปะทะ แพะหน้าคนไม่เคยลงรอยกับเจ้าหัวสุนัข ซึ่งทำให้พวกเขาไม่อาจใช้พลังได้ทั้งหมด

ตอนนั้นเอง เขาเห็นนาฬิกาสีเงินที่ข้อมือของชายหนุ่มผู้สวมเสื้อสูทกระดุมสองแถว แม้ชายหนุ่มจะอยู่ห่างจากพวกเขา พวกเขาก็ได้ยินเสียงเข็มนาฬิกาเดิน

“อะไรกันนี่?” แพะหน้าคนสับสนมาก

“อะไรก็ตาม” เจ้าหัวสุนัขเริ่มคำรามและเนินสูงสการ์เล็ตกำลังเดือด เลือดทะลักออกมาจากผืนดิน เม็ดฝนโสโครกตกสู่พื้นที่เต็มไปด้วยฝุ่นสีแดงเข้ม ร่างของพวกมันพองโตและใหญ่ขึ้นราวกับพระอาทิตย์บนท้องฟ้า!

แต่แล้ว พวกมันก็ได้ยินเสียงเข็มเดิน “ติ๊กต๊อก” ชัดเจน

………………………………………………..