บทที่ 420 สมบัติมิติปรากฎ

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)

บทที่ 420 สมบัติมิติปรากฎ

แม้ว่าหลิงยี่เทียนและหลิงว่านถิงจะรู้จักตัวตนของหยูเฉิงฮุ ยแต่ทุกคนก็แสร้งทำเป็นว่าพวกเขาไม่รู้และไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ

สำหรับหลิงยี่เทียน เนื่องจากเป้าหมายของเขาคือการเป็นจักรพรรดิของโลกใบนี้ เขาจะไม่ยอมรับอาณาจักรหลงซานเพียงแห่งเดียวได้อย่างไร? หรือต่อให้แม้แต่อาณาจักรมังกรทะยานเขาก็ยอมให้ดำรงอยู่ได้ภายใต้อำนาจของเขาเช่นกัน

อันที่ตัวอย่างของการที่เขาปล่อยให้บางตัวตนที่เป็นปฏิปักษ์ต่อเขายังดำรงอยู่ได้นั้นก็มีให้เห็นมาแล้ว ซึ่งตัวตนนั้นก็คือตระกูลของเหลียงซาน ซึ่งในตอนนี้ยังคงอาศัยอยู่ในอาณาจักรจันทรา และยิ่งไปกว่านั้นคนกลุ่มนี้บางทีก็มักที่จะสร้างปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้เขาบ้างเป็นครั้งคราว

และด้วยสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น สิ่งที่เขาสนใจจริง ๆ คือความคิดเห็นของหลิงว่านถิง

สำหรับหลิงว่านถิง นางสนใจแต่ความรู้สึกของหยูเฉิงฮุย

แต่ถึงแม้ว่านางจะชอบเขามากเท่าไหร่ นางก็ต้องรอจนกว่าพ่อของนางจะกลับมาก่อนที่นางจะตัดสินใจ ซึ่งนางก็ได้คำนวณอย่างรอบคอบว่าพ่อของนางได้จากไปหลาย 10 ปีแล้วและด้วยระบะเวลาที่เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับได้เปิดออกขึ้นเกือบ 10 ปีแล้ว เขาน่าจะกลับมาเร็ว ๆ นี้

ดังนั้นนางจึงยังคงอยู่คุยกับหยูเฉิงฮุยทุกวัน แต่เวลาที่พวกเขาพบกันนั้นไม่นานอย่างที่เคยเป็นมา

ส่วนทางด้านพี่น้องคนอื่น ๆ เมื่อได้ข่าวเรื่องนี้ของหลิงว่านถิง พวกเขาต่างก็ตกลงกันว่าพวกเขาจะแทรกแซงแค่เพียงเล้กน้อยในเรื่องนี้ นั่นก็คืออย่างน้อยทุกครั้งที่หลิงว่านถิงออกไป นางจะต้องนำผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญของนางไปด้วย

ส่วนทางด้านของหลิงฟ่างหัวที่ไม่รู้เรื่องของสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากว่านางเดินทางผ่านมิติอยู่ตลอดทางเพื่อกลับมาที่อาณาจักรจันทราโดยเร็วที่สุด และในขณะที่นางมาถึงและทราบข่าวนางก็ออกอาการไม่พอใจทันที

“นี่พี่สองนางเป็นบ้าอะไรของนางกันแน่? ทำไมนางถึงยังไปคลุกตัวอยู่กับไอ้ผู้ชายผู้นั้นอยู่ได้ ทั้งที่นางก็รู้ความจริงแล้วว่ามันเป็นใคร?” หลิงฟ่างหัวสบถด่าในใจ “และที่สำคัญทำไมไอ้บ้าน้องหก ที่ก็รู้อยู่แก่ใจว่าอะไรดีอะไรไม่ดี ทำไมเขาถึงไม่ห้ามพี่สอง? หรือว่าเขาก็เป็นบ้าไปแล้วอีกคน?”

หลังจากถามที่อยู่ของของหลิงว่านถิงกับคนในคฤหาสน์ นางก็รีบเปิดมิติไปยังบริเวณใกล้เคียงของหลิงว่านถิง และเมื่อนางได้มาโผล่ตรงจุดที่ใกล้ ๆ พวกเขา นางก็ได้เห็นหลิงว่านถิงและหยูเฉิงฮุยกำลังกระซิบกระซาบอยู่ในอ้อมแขนของกันและกัน เมื่อเห็นเช่นนั้นนางก็ตะโกนทันที “พี่สอง นี่ท่านบ้าไปแล้วเหรอ? ท่านไม่เห็นข้อความที่ข้าส่งมาบอกเหรอไง?”

“ผู้ชายที่อยู่ข้าง ๆ ท่านมีชื่อว่าหยูเฉิงฮุย เขาเป็นน้องชายของจักรพรรดิแห่งอาณาจักรหลงซานและยังเป็นลูกชายของจักรพรรดิอาณาจักรมังกรทะยานอีกด้วย นี่ท่านช่วยฉลาดกว่านี้อีกสักหน่อยไม่ได้งั้นเหรอ หรือถ้างั้นทำไมไม่ช่วยเลือกคนที่มันธรรมดามากกว่านี้สักหน่อยมันลำบากมากเกินไปหรือไง?”

ด้วยคำพูดของหลิงฟ่างหัว หยูเฉิงฮุยและผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญทั้งสองก็ตกตะลึงในทันที

ด้วยตัวตนที่ซ่อนอยู่ของพวกเขาถูกค้นพบได้อย่างไร?

ผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญข้าง ๆ หลิงว่านถิงก็หน้าซีดด้วยความตกใจ เขายอมให้องค์ชายของอาณาจักรศัตรูแอบเข้ามาหาองค์หญิงของเขาจริงหรือ?

“องค์หญิงโปรดระวัง คนพวกนี้ต้องคิดไม่ซื่อแน่ โปรดถอยออกมาก่อน” ผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญข้างหลิงว่านถิงพูดขึ้นพลางเอาตัวเข้ามาบังนางไว้

ผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญสองคนที่ยืนอยู่ด้านหลังหยูเฉิงฮุยก็พูดขึ้นด้วยสีหน้าดุดัน “ฝ่าบาท ตัวตนของพวกเราถูกเปิดเผยแล้ว พวกเราต้องถอยแล้ว! ต่อให้เราจะไม่สามารถจับหญิงสาวผู้ที่เป็นเจ้าของร่างกายแก่นแท้ปฐพีได้ แต่อย่างน้อย ๆ การได้จับตัวทั้งสองคนนี้ก็ถือได้ว่าประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง!”

แม้ว่าตอนนี้จำนวนของพวกเขาจะได้เปรียบมาก แถมระดับการบ่มเพาะของพวกเขาทุกคนยังอยู่ในระดับสวรรค์สามัญ แต่ที่นี่ก็เป็นถิ่นของศัตรู หากพวกเขาลงมือล่าช้าจนทำให้เหล่าผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญของอาณาจักรจันทราทราบข่าว พวกเขาก็คงจะไม่สามารถหนีรอดไปได้แน่ ๆ

หลิงว่านถิงมองไปที่หยูเฉิงฮุยด้วยสายตาเศร้าสลด เมื่อนางได้ยินคำพูดของผู้เชี่ยวระดับสวรรค์สามัญที่อยู่ข้าง ๆ หยูเฉิงฮุยเอ่ยขึ้น

นางทราบตัวตนที่แท้จริงของหยูเฉิงฮุยมานานแล้ว ดังนั้นเมื่อนางนางได้ยินฐานะที่แท้จริงของเขาถูกเปิดโปงเช่นนี้ นางจึงไม่รู้สึกแปลกใจอะไร อย่างไรก็ตามสิ่งที่นางไม่คาดคิดเลยก็คือเป้าหมายของคนเหล่านี้ก็คือครอบครัวของนาง คำบอกรักทั้งหมดที่เขาพูดกับนางเป็นแค่คำหลอกลวงงั้นเหรอ? นี่นางถูกเขาโกหกมาตลอดเลยใช่ไหม?

ทันใดนั้น จู่ ๆ ร่างอีกหกร่างก็พุ่งเข้ามาสมทบที่ด้านข้างหยูเฉิงฮุย ซึ่งตอนนี้มันกลายเป็นว่าทางฝั่งของหยูเฉิงฮุยนั้นมีผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญถึง 8 คน และขณะนี้พวกเขาก็ได้ตีวงล้อมรอบหลิงว่านถิงและคนอื่น ๆ ไว้

สำหรับหยูเฉิงฮุย เขามองไปที่ดวงตาที่เศร้าสร้อยของหลิงว่านถิง จากนั้นก็เงียบไปชั่วขณะแล้วพูดว่า “ข้าชื่อหยูเฉิงฮุย ข้าเป็นคนของอาณาจักรมังกรทะยานส่วนจักรพรรดิของอาณาจักรหลงซานนั้นเป็นพี่ใหญ่ของข้า และจุดประสงค์ในการมาที่นี่ของข้าก็คือการช่วยพี่ของข้ายึดครองทะเลชางหมางทั้งหมด!”

หลิงว่านถิงเมื่อได้ยินที่หยูเฉิงฮุยพูดเช่นนี้ นางก็เอาแต่พยักหน้าซ้ำ ๆ ราวกับว่าสติของนางได้หลุดลอยไปไกลแล้ว

“แม้ว่าข้าจะชอบเจ้า แต่พวกเราก็อยู่กันคนละฝั่งกัน!” หยูเฉิงฮุยพูดต่อ “แต่ถ้าเจ้าเต็มใจที่จะมากับข้า ในอนาคตเจ้าก็จะได้อยู่เคียงข้างข้าอย่างที่เจ้าต้องการ”

“ข้าเข้าใจว่าจริง ๆ แล้วเจ้าไม่มีความสัมพันธ์ใด ๆ กับตระกูลหลิง เจ้าเป็นแค่เด็กที่ถูกเก็บมาเลี้ยงเท่านั้น ส่วนอาณาจักรจันทราของเจ้าก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอาณาจักรของข้าแน่นอน ดังนั้นมันจึงเป็นการดีกว่าถ้าเจ้าจะเชื่อข้าแล้วติดตามข้ากลับไป”

หัวใจของหลิงว่านถิงยิ่งรู้สึกแย่ลงเมื่อนางได้ยินคำพูดของหยูเฉิงฮุย นางตอบกลับด้วยเสียงหมดแรงว่า “ข้ารู้มาก่อนหน้านี้แล้วว่าท่านเป็นใคร แต่ข้าก็ไม่ได้ทำอะไรท่าน น้องชายของข้าก็รู้ว่าท่านเป็นใคร แต่เขาก็ไม่ได้ทำอะไรท่าน อันที่จริงน้องชายของข้าถึงกับเคยบอกกับข้าว่าเขาจะยอมปล่อยให้อาณาจักรมังกรทะยานของท่านคงอยู่ต่อไป แต่ข้าไม่คิดเลยว่าท่านกลับมีประสงค์ร้ายต่อครอบครัวของข้า”

“ตอนนี้ข้าแค่อยากรู้ว่าท่านชอบข้าจริง ๆ รึเปล่า? ถ้าท่านชอบข้าจริง ๆ ท่านก็อยู่ที่นี่ได้ ข้ารับรองได้ว่าจะไม่มีใครกล้าทำอะไรท่านรวมไปถึงอาณาจักรมังกรทะยานของท่านด้วย”

“และเมื่อไหร่ที่ท่านพ่อของข้ากลับมาและเมื่อเขาอนุญาต เราจะได้แต่งงานกันและอยู่ด้วยกันตลอดไป”

ผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญข้าง ๆ หยูเฉิงฮุยกระตุ้น “ฝ่าบาท เราต้องรีบถอนตัวออกไปโดยเร็วที่สุด ผู้เชี่ยวชาญของอาณาจักรจันทราเริ่มจะรู้ตัวกันแล้ว”

“เข้าใจแล้ว!” หยูเฉิงฮุยตอบกลับทันที จากนั้นเขาก็หันกลับไปมองหลิงว่านถิงและพูดว่า “ข้าขอเตือนว่าพวกเจ้าไม่มีวันชนะอาณาจักรมังกรทะยานของข้าแน่นอน ความแข็งแกร่งของพวกเจ้ามันไม่นับเป็นอะไรได้เมื่ออยู่ต่อหน้าพวกเรา ดังนั้นเพื่อประโยชน์ของตัวเจ้าเองจงอย่าขัดขืน และยอมมากับข้าแต่โดยดี! เอาล่ะพวกเจ้าทุกคนลงมือได้! แต่เบามือหน่อยอย่าทำร้ายนาง!”

เมื่อได้ยินคำสั่งของหยูเฉิงฮุย ผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญสามในแปดคนที่อยู่ข้างเขาก็รีบพุ่งเข้าหาหลิงว่านถิงและคนอื่น ๆ

ในสายตาของทางฝั่งหยูเฉิงฮุย ฝั่งตรงข้ามนั้นมีเพียงผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญหนึ่งคน ที่อาจจะต้องใช้ความพยายามเล็กน้อยในการจัดการ ส่วนอีกสองคนที่อยู่ในเขตประสานทะเลปราณนั้นพวกเขาไม่เคยเป็นกังวลกับพวกนางเลย

หลิงฟ่างหัวจ้องมองไปที่หลิงว่านถิงและพูดว่า “ไอ้พี่โง่ ตอนนี้ท่านเห็นแล้วใช่ไหมว่าคนที่ท่านเลือกนั้นธาตุแท้เป็นอย่างไร ข้าไม่รู้จริง ๆ ว่าทำไมข้าถึงมีพี่สาวโง่ ๆ แบบท่าน!”

ในขณะที่พูด หลิงฟ่างหัวก็นำประตูมิติของนางออกมาและโยนมันไปอยู่ข้างหลังหลิงว่านถิง จากนั้นหลิงฟ่างหัวก็ผลักหลิงว่านถิงเข้าไปในประตูมิติ และตะโกนว่า “รีบไปตามแม่และพี่หกมาช่วยเราเดี๋ยวนี้!”

จากนั้นร่างของหลิงว่านถิงก็หายไป

หลายปีที่ผ่านมา หลิงฟ่างหัวใช้ประตูมิติได้ชำนาญมากขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้นการเคลื่อนย้ายร่างกายของหลิงว่านถิงในระยะใกล้เช่นนี้มันจึงไม่มีปัญหา

เมื่อเห็นว่าหลิงว่านถิงได้ถูกส่งตัวไปแล้ว หลิงฟ่างหัวจึงเก็บประตูมิติของนางไปและร่างของนางก็ค่อย ๆ จางหาย ซึ่งมันเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าในตอนนี้นางกำลังจะใช้ทักษะเดินทางผ่านมิติ

ประตูมิติสามารถเคลื่อนย้ายสิ่งของอื่น ๆ ได้ แต่นางจะใช้มันเองไม่ได้ เนื่องจากถ้านางเข้าไปในประตูด้วยอีกคน ประตูจะถูกทิ้งไว้ ซึ่งมันเป็นสมบัติของนาง นางไม่สามารถทิ้งมันไว้ให้คนเหล่านี้นำมันไปได้

ดังนั้นความหวังเดียวที่นางมีในตอนนี้ก็คือการเดินทางผ่านมิติด้วยตัวนางเองเพื่อหลบหนี

อย่างไรก็ตาม สถานที่แห่งนี้ได้ถูกผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญทั้งแปดล้อมไว้หมดแล้ว แต่โชคดีที่ผู้เชี่ยวชาญทั้งแปดนี้ยังร่วมมือประสานงานกันไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ดังนั้นมันจึงมีช่องว่างในวงล้อมของพวกเขา ซึ่งมันทำให้นางใช้ช่องว่างระหว่างทักษะอาณาเขตสวรรค์ของพวกเขาเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกจับ

การเคลื่อนไหวของหลิงฟ่างหัวทำให้หยูเฉิงฮุยและคนของเขาตกตะลึง จากนั้นเขาก็ตะโกนขึ้น “สมบัติมิติ จับนางไว้เร็ว อย่าปล่อยให้นางหนีไปได้ พวกเราต้องเอาสมบัตินั้นมาให้ได้!”

อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญเหล่านี้ไม่เข้าใจในพลังของกฎแห่งมิติด้วยซ้ำ ดังนั้นพวกเขาจึงทำได้แต่พยายามล้อมนางเอาไว้ ส่วนเรื่องการจับนางนั้นพวกเขาแทบไม่มีโอกาสเลย

ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถจับหลิงฟ่างหัวได้ แต่ผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญที่ถูกส่งมาปกป้องหลิงว่านถิงในตอนแรกก็พลาดท่าถูกสังหารลงโดยผู้เชี่ยวชาญทั้ง 8 คนเข้าจนได้

เมื่อหลิงฟ่างหัวเห็นภาพที่เกิดขึ้นเช่นนี้ นางจึงตะโกนขึ้นด้วยน้ำเสียงโกรธแค้น “พวกเจ้ากล้ามากที้ฆ่าคนของอาณาจักรของข้า รอให้พ่อของข้ากลับมาเมื่อไหร่ ข้าจะบอกให้เขาทำลายล้างอาณาจักรหลงซานของเจ้าให้หมด!”

ในขณะนี้ผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญทั้งแปดก็ทำอะไรไม่ถูกกับหลิงฟ่างหัว พวกเขาไม่สามารถประสานงานกันได้อย่างสมบูรณ์ และพวกเขาก็ไม่สามารถโจมตีนางด้วยวิชาอันทรงพลังของพวกเขาได้ เพราะพวกเขากลัวว่าพวกของพวกเขาเองจะโดนลูกหลงไปด้วย

อีกด้านหนึ่ง หลิงว่านถิงที่ถูกส่งตัวมาที่เรือนของหลิงฟ่างหัวในคฤหาสน์สราญรมย์ เมื่อครู่ เมื่อนางรู้ตัวว่าได้มาถึงจุดหมายแล้ว นางก็รีบวิ่งออกไปที่กลางลานของคฤหาสน์และตะโกนขึ้นทันที “ช่วยด้วย! ท่านแม่พวกท่านอยู่ที่ไหน?”

เมื่อได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือ เหลียงเฟ่ยเอ๋อก็วิ่งออกมาจากคฤหาสน์ทันทีและถามขึ้นด้วยสีหน้าเป็นกังวลว่า “ว่านถิงเจ้าเป็นอะไร เจ้าต้องการให้ช่วยใคร?”

“ฟ่างหัว ส่งข้ากลับมาด้วยประตูมิติของนาง ส่วนตัวของนางตอนนี้นั้นถูกล้อมกรอบไปด้วยผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญของกลุ่มหยูเฉิงฮุยอยู่ข้างนอก!” หลิงว่านถิงรีบพูด

เมื่อได้ยินเช่นนี้สีหน้าของเหลียงเฟ่ยเอ๋อก็เปลี่ยนไปทันที จากนั้นนางก็รีบเรียกคนส่งสารของนางให้ออกไปแจ้งเรื่องนี้ให้หลิงยี่เทียนทราบทันที จากนั้นนางก็เดินเข้าไปในเรือนของจ้าวเหมิงลู่