บทที่ 421 กระบี่ชิวฮงปรากฎ!

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)

บทที่ 421 กระบี่ชิวฮงปรากฎ!

ทันทีที่เหลียงเฟ่ยเอ๋อเดินมาถึงหน้าทางเข้าเรือนของจ้าวเหมิงลู่ นางรู้สึกได้ทันทีว่าบรรยากาศด้านในเรือนมันคล้ายกับเป็นป่ากระบี่นับพันเล่ม ซึ่งมันทำให้นางรู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมาก

เมื่อสัมผัสได้เช่นนี้ นางจึงไม่กล้าที่จะก้าวเข้าไปในเรือนของจ้าวเหมิงลู่ นางจึงเลือกที่จะตะโกนขึ้นแทน “พี่หญิง หลิงฟ่างหัวกำลังเกิดเรื่อง!”

เพียงชั่วครู่ จ้าวเหมิงลู่ก็รีบเดินออกมาและถามทันที “มีอะไรเกิดขึ้นกับนาง?”

แต่ในขณะที่จ้าวเหมิงลู่เดินเข้ามาใกล้ เหลียงเฟ่ยเอ๋อก็รู้สึกราวกับว่ามีคมกระบี่นับสิบเล่มจ่อเจ้ามาที่ตัวนาง

ในขณะนี้ทั่วร่างกายของจ้าวเหมิงลู่ถูกปกคลุมไปด้วยปราณกระบี่ ซึ่งมันทำให้นางนั้นดูน่าเกรงขามเป็นอย่างมาก

หลังจากที่หลิงตู้ฉิงจากไปที่เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ ตั้งแต่นั้นมานางก็อยู่อย่างสันโดษในเรือนของนางเพื่อฝึกฝนเร้นคมกระบี่และเผยคมสะบั้นอย่างขยันขันแข็ง

และนางก็ได้ฝึกมาเช่นนี้เกือบ 50 ปีแล้ว

ซึ่งถ้าวันนี้เหลียงเฟ่ยเอ๋อไม่เรียกหา นางก็ไม่มีใครรู้ว่าจะออกมาเมื่อไหร่

หลังจากเหลียงเฟ่ยเอ๋อเล่าเรื่องทั้งหมด จ้าวเหมิงลู่ก็พูดขึ้นทันที “เจ้าจงรีบไปเรียกจื่อซิน ส่วนตัวเจ้าก็จงนำเหรียญตราผนึกสวรรค์ติดตัวมาด้วย เราจะไปช่วยฟ่างหัวด้วยกัน!”

“อืม!” เหลียงเฟ่ยเอ๋อพยักหน้ารับทราบทันที

เหตุผลที่เหลียงเอ่ยเอ๋อมาเรียกจ้าวเหมิงลู่เพื่อขอความช่วยเหลือนั้นเป็นเพราะนางรู้ว่า แม้ว่าพวกนางยังไม่ได้เข้าสู่ขอบเขตรวมแสงดารา แต่พวกนางแต่ละคนก็มีไพ่ลับที่หลิงตู้ฉิงทิ้งไว้ให้ป้องกันตัว

ซึ่งสิ่งที่หลิงตู้ฉิงทิ้งไว้ให้นางคือเหรียญตราผนึกสวรรค์

แม้ว่านางจะไม่รู้ว่าจ้าวเหมิงลู่ได้อะไรมาจากหลิงตู้ฉิง แต่เมื่อมองไปที่ปราณกระบี่ในเรือนของจ้าวเหมิงลู่ นางก็เดาได้ว่ามันต้องมีอะไรเกี่ยวข้องกับกระบี่แน่นอน

สำหรับโจวจื่อซิน นางเป็นคนเดียวที่ทะลวงไปถึงระดับสวรรค์สามัญแล้วก่อนที่หลิงตู้ฉิงจะจากไป

ซึ่งในตอนนี้มันก็ผ่านไปหลายปีแล้ว ใครจะรู้ว่าพวกนางในตอนนี้นั้นแข็งแกร่งไปถึงระดับไหน? และโดยเฉพาะที่ระดับการบ่มเพาะนั้นไม่สามารถเอามาชี้วัดความแข็งแกร่งของพวกนางได้

หลังจากเหลียงเฟ่ยเอ๋อจากไป จ้าวเหมิงลู่ก็กลับไปที่เรือนของนาง และมองไปยังกระบี่ ที่ปักอยู่ตรงกลางลานของเรือน จากนั้นนางพึมพำกับตัวเอง “นับจากที่เจ้ากำเนิดมาก็เป็นเวลากว่า 50 ปีแล้ว ในวันนี้ข้าจะให้ทั้งโลกได้เห็นความงดงามของเจ้าและข้าจะให้โลกได้ประจักษ์ถึงความแข็งแกร่งของเจ้า และข้าจะทำให้ชื่อเสียงของเจ้าระบือไกล ชิวฮง!”

ขณะที่พูด จ้าวเหมิงลู่ก็ค่อย ๆ ดึงชิวฮงขึ้นมา

“ชิ้งงง…”

หลังจากนั้น จ้าวเหมิงลู่ก็เก็บชิวฮงไว้ในร่างกายของนาง พร้อมกับที่ปราณกระบี่ที่อยู่ในเรือนทั้งหมดก็ถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายของจ้าวเหมิงลู่ ทำให้บรรยากาศทั่วบริเวณเรือนกลับสู่สภาพปกติ

เมื่อจ้าวเหมิงลู่เดินออกจากเรือน เหลียงเฟ่ยเอ๋อก็ได้เรียกโจวจื่อซินออกมาแล้วเช่นกัน

ตอนนี้โจวจื่อซินถือดอกไม้อยู่ในมือของนาง ซึ่งมันดูงดงามเป็นอย่างมาก

อย่างไรก็ตาม หากผู้คนที่เคยเห็นและยังจำมันได้ว่ามันคือดอกอะไร แน่นอนว่าพวกเขาคงต้องรีบหนีเตลิดไปด้วยอาการตื่นตระหนกแน่นอน

“จื่อซิน หากไม่จำเป็นจริง ๆ เจ้าห้ามลงมือเด็ดขาด!” จ้าวเหมิงลู่เตือน “สามีเคยสั่งข้าให้เตือนเจ้าไว้ ถ้ายังไม่สามารถควบคุมมันได้เต็มตัว เจ้าห้ามใช้ดอกบัวปีศาจกระหายเลือดเด็ดขาด มิฉะนั้นเจ้าอาจจะถูกการลงโทษจากสวรรค์!”

โจวจื่อซินยิ้มและพูดว่า “พี่หญิงไม่ต้องกังวล ลูก ๆ ของข้าฟังข้าทุกอย่างแน่นอน!”

“ถ้าอย่างนั้นก็ดูแลมันดี ๆ!” จ้าวเหมิงลู่พูดอย่างช่วยไม่ได้ “เอาล่ะ ว่านถิง บอกพวกเรามาว่าฟ่างหัวอยู่ที่ไหน!”

เมื่อนางพูดจบ เสียงของหลิงฉุยฟงดังขึ้น “ให้ข้าพาพวกเจ้าไปมันจะเร็วกว่าพวกเจ้าไปกันด้วยตัวเองนะ”

หลังจากหลิงฉุยฟงเอ่ยจบ ร่างของสัตว์ประหลาดก็ปรากฏตัวต่อหน้าทุกคน

เมื่อทุกคนเห็นร่างของสัตว์ประหลาดปรากฏตัวขึ้น พวกเขาก็ไม่มีใครรอช้ากระโดดขึ้นไปบนร่างของสัตว์ประหลาดตัวนั้นทันที

หลังจากนั้นสัตว์ประหลาดที่เกิดจากค่ายกลทั้งห้าของหลิงฉุยฟงก็บินออกไปในพริบตา ซึ่งความเร็วของมันนั้นนับได้ว่าเร็วกว่าความเร็วการบินของผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญอยู่หลายเท่าตัว

“ตอนนี้หลานยี่เทียนได้เตรียมพร้อมเรียบร้อยแล้ว คนพวกนั้นไม่สามารถหลบหนีไปได้แน่นอน!” หลิงฉุยฟงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงมั่นใจ

ส่วนหลิงว่านถิง ในตอนนี้นางเอาแต่ก้มหน้าเศร้าสร้อยไม่พูดอะไรออกมาสักคำ

จ้าวเหมิงลู่ยิ้มและพูดว่า “ว่านถิง เจ้าไม่ต้องกังวล ด้วยทักษะของนาง ฟ่างหัวจะต้องไม่เป็นอะไรแน่นอนและพวกเราจะนำฟ่างหัวกลับมาได้ในไม่ช้า”

“ท่านแม่…” หลิงว่านถิงเอ่ยขึ้นเสียงเศร้า

จ้าวเหมิงลู่ยิ้มและพูดว่า “มันก็แค่เจ้ามองคนผิดไปก็เท่านั้นเองไม่ใช่เหรอ? มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนี่ และอีกอย่างเจ้าก็ยังไม่ได้ถูกเขาเอาเปรียบจริงไหม?”

หลิงว่านถิงส่ายหัว หากเป็นการโดนเอาเปรียบในส่วนสำคัญนั้นแน่นอนว่านางยังไม่ถูกเอาเปรียบ แต่ถ้าเป็นพวกเล็ก ๆ น้อย ๆ ยิบย่อยแล้วล่ะก็มันก็มีบ้าง…

อย่างไรก็ตามนางไม่กล้าเอ่ยอธิบายคำเหล่านี้ได้

“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่มีปัญหา ไม่ว่าเขาจะเป็นใคร เราจะจับตัวเขาเอาไว้ก่อน จากนั้นรอให้พ่อกลับมาตัดสินชะตาของเขาอีกที!” จ้าวเหมิงลู่พูดขึ้น

หลิงว่านถิงพยักหน้า

ในขณะที่พวกนางกำลังคุยกัน ในที่สุดพวกนางก็ได้มาถึงจุดปะทะ ซึ่งพวกนางก็ได้เห็นว่าในขณะนี้ผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญทั้งแปดยังคงจับหลิงฟ่างหัวที่หายตัวไป ๆ มา ๆ อยู่ไม่ได้

เมื่อเห็นเช่นนั้น จ้าวเหมิงลู่ก็ตะโกนขึ้นทันที “ปล่อยลูกสาวของข้าและจงยอมจำนนแต่โดยดี!”

ในเวลาเดียวกัน จางหมิงและคนของเขา เมื่อได้เห็นจ้าวเหมิงลู่และคนอื่น ๆ มาถึง

สีหน้าของบรรดาผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญทั้งแปดก็เบิกบานยิ่งขึ้นทันที จากนั้นพวกเขาจึงตะโกนบอกกับหยูเฉิงฮุยว่า “ฝ่าบาท พวกนางทุกคนได้ปรากฎกายกันออกมาแล้ว ทั้งร่างกายแก่นแท้ปฐพี ดอกไม้ฟื้นชีพและสาวน้อยที่ท่านยังไม่ได้เผด็จศึกนาง”

หยูเฉิงฮุยเผยรอยยิ้มหื่นกระหายและสั่งขึ้นทันที “เยี่ยม! เอาล่ะพวกเจ้าทุกคนโจมตีเต็มกำลังและจับพวกนางไปกับพวกเราให้ได้!”

แต่ในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญทั้งแปดยังไม่ทันได้เคลื่อนไหว จ้าวเหมิงลู่ที่เห็นว่าบรรดาคนอีกฝั่งนั้นคงไม่ยอมจำนนแต่โดยดีแน่นอน นางจึงพูดกับเหลียงเฟ่ยเอ๋อ “สั่งให้ลุงสามและคนของเขาฆ่าพวกมันให้หมด!”

เนื่องจากนอกจากหลิงตู้ฉิวแล้ว หลิงฉุยฟงและทหารของเขานั้นจะรับคำสั่งจากคนอีกแค่คนเดียวเท่านั้นก็คือ เหลียงเฟ่ยเอ๋อ ดังนั้นจ้าวเหมิงลู่จึงจำเป็นต้องบอกกับเหลียงเฟ่ยเอ๋อให้ออกคำสั่งแทน

หลังจากนั้นจ้าวเหมิงลู่เองในเวลานี้ก็ก้าวไปข้างหน้า และเรียกกระบี่ชิวฮงขึ้นมาไว้ในมือ

“ฟ่างหัว เจ้าจงดูจังหวะเอาไว้ให้ดี ๆ!” จ้าวเหมิงลู่ตะโกนขึ้นพร้อมกับฟันกระบี่ที่สั่งสมปราณกระบี่เอาไว้มามากกว่า 50 ปีออกไปยังกลุ่มผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญทั้งแปดที่ล้อมรอบหลิงฟ่างหัวทันที

“น่าหัวเราะ! เป็นแค่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตประสานทะเลปราณระดับ 12 กล้าโจมตีพวกข้างั้นเรอะ?” ผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญหลายคนหัวเราะด้วยสีหน้าเหยียดหยาม

อย่างไรก็ตาม ภาพถัดมาหลังจากที่จ้าวเหมิงลู่ฟันกระบี่ของนางมาทางพวกเขาก็คือ ปราณกระบี่ที่เป็นดูคล้ายกับรูปจันทร์เสี้ยวที่มีความกว้างอย่างน้อย 500-600 เมตรก็พุ่งเข้ามาหาพวกเขาอย่างรวดเร็ว

เมื่อเห็นความรุนแรงของปราณกระบี่ที่พุ่งเข้ามาหา ผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญที่อยู่ใกล้ที่สุด ก็ใช้ทักษะอาณาเขตสวรรค์ของตัวเองเข้าขวางไว้ในทันที ซึ่งน่าเสียดายที่อาณาเขตสวรรค์ของเขานั้นไม่ได้ช่วยอะไรเขาเลยแม้แต่น้อย ในวินาทีที่มันปะทะเข้ากับปราณกระบี่มันก็พังทลายลงในทันทีแถมปราณกระบี่ของจ้าวเหมิงลู่ก็ไม่ได้ลดความรุนแรงลงเลย มันพุ่งเข้ามาหาเข้าต่อด้วยความเร็วเหนือบรรยาย

“นั่นมันบ้าอะไรกัน!?” ผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญผู้นั้นตื่นตระหนกและพุ่งตัวหลบทันที

ไม่ว่าจะอย่างไรเขาก็เป็นผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญ ถึงแม้ว่าปราณกระบี่มันจะเร็วมากก็จริง แต่ด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมมาของเขา ท้ายที่สุดเขาก็หลบมันได้

อย่างไรก็ตามในขณะที่เขาพุ่งตัวหลบ ช่องว่างก็เปิดขึ้นทันที ซึ่งหลิงฟ่างหัวที่รอจังหวะนี้อยู่แล้วนางก็หายตัวผ่านมิติออกมาจากช่องว่างนั้น และมาปรากฎกายที่ด้านข้างของจ้าวเหมิงลู่ทันที

จากนั้นนางจ้องไปที่หลิงว่านถิงด้วยสายตาขุ่นเคืองและพูดว่า “สายตาของเจ้านี่มัน…”

“ฟ่างหัว ยังไม่ใช่เวลานี้!” เหลียงเฟ่ยเอ๋อรีบพูดขึ้นหยุดนางทันที

ส่วนทางฝั่งของพวกหยูเฉิงฮุย เมื่อได้เห็นภาพเช่นนี้พวกเขาก็ตกตะลึงกันเป็นอย่างมาก

นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้น? ทำไมผู้เชี่ยวชาญขอบเขตประสานทะเลปราณถึงมีความสามารถคุกคามผู้ที่อยู่ในระดับสวรรค์สามัญอย่างพวกเขาได้? ถ้าเมื่อครู่เขาหลบไม่ได้ มันไม่ใช่ว่าเขาคงถูกแยกร่างเป็นสองส่วนไปแล้วไม่ใช่เหรอไง?

แต่แล้วเมื่อพวกเขามองไปที่อีกฝั่ง พวกเขาก็เห็นว่าจ้าวเหมิงลู่ในขณะนี้ยืนตัวตรงแทบจะไม่ไหวอยู่แล้ว

“ที่แท้มันก็เป็นวิชาต้องห้าม มิน่าล่ะทำไมมันถึงได้รุนแรงนัก!” หยูเฉิงฮุยตะโกน “ตอนนี้นางหมดสภาพที่จะสู้ต่อได้แล้ว เอาล่ะ พวกเราเร็วเข้าไปจับพวกนางเร็ว พวกเราจะได้ออกไปจากอาณาจักรเส็งเคร็งนี่สักที!”