ภาค 6 ยันฟ้าด้วยมือเดียว บทที่ 498 ท่านเป็นคนตายไปแล้ว

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

เยี่ยนจ้าวเกอใช้ท่ากระบี่มังกรเขียวในแขนเสื้อ ด้วยวิชาอัสนีฟ้าคำรน ประกายกระบี่เชื่อมโยงกันดุจมังกร โจมตีเจียงสยงด้วยพลังของมังกรออกทะเล

วรยุทธ์ของสำนักตาข่ายปีศาจตรงไปตรงมา ดุดันรุนแรง ถนัดการโจมตีที่ต้องปะทะซึ่งหน้า

แต่ถ้าเจอคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งกว่า ดุดันกว่า ทรงพลังกว่า ก็จะตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบได้โดยง่าย เมื่อถูกโจมตีจากทุกทิศทุกทาง จะเกิดความรู้สึกไม่ว่าทำอย่างไรก็มิอาจโต้กลับได้

ชายหนุ่มใช้กระบี่หนึ่งตามด้วยอีกกระบี่หนึ่ง พลังของทุกกระบี่ต่างรวมตัวและทรงพลังถึงขีดสุด ระหว่างแต่ละกระบวนท่าล้วนไร้ช่องโหว่ คล้ายกับไม่จำเป็นต้องพักหายใจ

นี่ทำให้เจียงสยงเกิดความรู้สึกหลอน คล้ายกับถูกเยี่ยนจ้าวเกอหลายคนโจมตีพร้อมกัน

ประกายดุร้ายด้านในดวงตาที่เต็มไปด้วยริ้วเลือดของเขายิ่งมายิ่งโชติช่วง สีหน้ายิ่งมายิ่งเคร่งเครียด

จอมยุทธ์จากสำนักตาข่ายปีศาจ และจอมยุทธ์จากเกาะจิตประสานเช่นพวกหยางฉู่ฟานและฟางหมิ่นรู้สึกประหลาดใจเช่นกัน

เพราะความตกใจสุดขีด การต่อสู้ระหว่างพวกเขาจึงไม่ได้รุนแรงเช่นเดิมอีกต่อไป ทุกคนต่างแบ่งความสนใจส่วนหนึ่งมามองภาพที่เยี่ยนจ้าวเกอสู้กดดันเจียงสยงจนต้องถอยหลัง แต่ละคนอดอ้าปากตาค้างไม่ได้

ฟางหมิ่นถามอย่างงงงัน “อาจารย์ลุงหยาง เขา…เขาเหมือนใช้มือเปล่าต่อสู้กับเจียงสยงที่ใช้อาวุธวิญญาณเลย”

หยางฉู่ฟานงงงันเช่นกัน “ถูกต้อง…”

คนที่มองอยู่ต่อให้ประหลาดใจอย่างไร ก็สู้เจียงสยงที่ปะทะกับเยี่ยนจ้าวเกอตรงๆ ไม่ได้

เขากัดฟัน พลันใช้สองมือกำดาบ บนคมกระดูกสีเทาในมือมีแสงสว่างพิสดารปรากฏขึ้นในทันใด

เมื่อเจียงสยงยกดาบขึ้นเหนือศีรษะ พลังชั่วร้ายเข้มข้นก็รวมตัวกันบนคมดาบและร่างของเขา

ญาณจริงแท้และพลังชั่วร้ายผสมกับเจตจำนงดาบของเจียงสยง กลายเป็นเกราะกระดูกบนร่างของเขา

ดาบกระดูกในมือเขาขยายขนาดขึ้น คล้ายกับคมดาบยักษ์เบิกฟ้า

พายุสีดำกับเลือดสีแดงฉานในตอนนี้ถูกดูดไปอยู่ในกระดูกสีขาว ทำให้กระดูกสีขาวมีพลังชั่วร้ายรุนแรงมากขึ้น

เจียงสยงตวาดคำหนึ่ง ฟันคมดาบลงใส่เยี่ยนจ้าวเกออีกครั้ง!

กระบวนท่าระดับสูงของสำนักตาข่ายปีศาจ เหนือกว่าปราณดาบวิหคทมิฬและปราณดาบทะเลเลือด ‘ดาบกระดูกตาข่ายนรก’!

สภาวะดาบอันดุดันและพลังชั่วร้ายอันเหี้ยมโหด ทำให้เหมือนฟ้าดินเกิดเสียงร้องโหยหวนขึ้น

เยี่ยนจ้าวเกอมองดาบนี้ สีหน้าของเขายังคงไม่เปลี่ยนแปลง เขายกมือขึ้น แล้วกางนิ้วออก

มังกรเขียวมากมายที่เกิดจากประกายกระบี่ในตอนนี้บินวนเวียน กลายเป็นฝ่ามือขนาดยักษ์ เหมือนกับการผสมผสานระหว่างกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นในร่ายกายคน

มืดขนาดยักษ์ที่เปล่งแสงระยิบระยับ จับดาบกระดูกที่ดุดันถึงขีดสุดของเจียงสยงเอาไว้ด้วยสภาวะยกผืนฟ้า

พลังชั่วร้ายบนคมดาบหมายจะทำลายฝ่ามือขนาดยักษ์นี้อย่างต่อเนื่อง แต่กลับไม่เกิดผลใดๆ ทั้งสิ้น

เมื่อดาบกระดูกถูกมือยักษ์จับไว้ มันก็พลันขยับเขยื้อนไม่ได้ ได้แต่ถูกหยุดไว้กลางอากาศ ไม่ว่าเจียงสยงจะพยายามอย่างไร ก็มิอาจเคลื่อนไหวมันได้แม้แต่น้อย

ไม่ว่าจะดันไปด้านหน้า หรือจะชักดาบกลับ ล้วนเป็นความคิดไร้สาระ

ฝ่ามือของเยี่ยนจ้าวเกอที่กางออกอย่างกว้างใหญ่ดุจฟ้าดิน ครั้งนี้เมื่อกำมือก็คล้ายกลายเป็นกรงขัง ทำให้เจียงสยงดิ้นไม่หลุด

ท่ามกลางเสียงคำรามต่ำ เงาแสงเหนือศีรษะของเจียงสยงพลันสั่นไหว ดอกไม้วิญญาณแปดดอกเปล่งประกาย ราวกับติดต่อกับฟ้าดิน

เขากระตุ้นจิตพลังถึงขีดสุด แต่ยังคงไม่เกิดผลลัพธ์ใด เหมือนกับมดสั่นต้นไม้

จอมยุทธ์จากสำนักตาข่ายปีศาจล้วนตกตะลึงหน้าถอดสี คนหนึ่งในมหาปรมาจารย์ขั้นกำเนิดญาณระยะท้ายสองคนที่กำลังโจมตีจอมยุทธ์เกาะจิตประสานอยู่ รีบแยกตัวมาฟันดาบใส่เยี่ยนจ้าวเกอ ต้องการช่วยให้เจียงสยงหลุดพ้น

จอมยุทธ์มหาปรมาจารย์สำนักตาข่ายปีศาจคนอื่น ถึงแม้จะยังสู้กับพวกหยางฉู่ฟานและฟางหมิ่นอยู่ แต่ในตอนนี้จิตใจเกิดความปั่นป่วน

พวกหยางฉู่ฟานกลับมิได้ฉวยโอกาสโต้กลับ พวกเขามองภาพตรงหน้าด้วยความงงงันเช่นกัน

“ว่ากันว่า ตอนที่ ‘ปีศาจวิหค’ เจียงสยงอยู่ในขั้นกำเนิดญาณ หน่อวิญญาณงอกกิ่ง ได้ใบวิญญาณเก้าใบ หลังจากเลื่อนเป็นขั้นกำเนิดญาณระยะท้าย ใบวิญญาณเก้าใบได้ดอกไม้วิญญาณแปดดอก เป็นรองเพียงคนที่ใบวิญญาณเก้าใบได้ดอกไม้วิญญาณเก้าดอก ดังนั้นจึงมีพลังแข็งแกร่งเช่นนี้”

จอมยุทธ์เกาะจิตประสานมองหน้ากัน “วันนี้ได้พบ จึงทราบว่าข่าวลือไม่แปลกปลอม อันดับที่สามในจอมยุทธ์ขั้นกำเนิดญาณสิบอันดับแรกสมกับชื่อเสียงจริงๆ แต่ว่า…”

เจียงสยงที่แข็งแกร่งเช่นนี้ แม้จะมีอาวุธวิญญาณ คนและดาบรวมเป็นหนึ่ง ทั้งยังใช้ดาบกระดูกตาข่ายนรก กระบวนท่าสุดยอดของสำนักตาข่ายปีศาจ แต่ก็ยังคงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเยี่ยนจ้าวเกออยู่ดี!

ในปากของหยางฉู่ฟานรู้สึกขมฝาด “เป็นขั้นกำเนิดญาณระยะท้ายเหมือนกันแท้ๆ แต่ข้าร่วมมือกับมหาปรมาจารย์จากสำนักตาข่ายปีศาจสามคนนั่น ก็ใช่ว่าจะเป็นคู่มือของเจียงสยง”

“ชายหนุ่มผู้นี้โผล่มาจากที่ใดกันแน่?”

คำถามในใจของเขา ในตอนนี้เป็นคำถามในใจของจอมยุทธ์สำนักตาข่ายปีศาจทุกคนเช่นกัน

เยี่ยนจ้าวเกอคล้ายไม่เห็นมหาปรมาจารย์ขั้นกำเนิดญาณระยะท้ายจากสำนักตาข่ายปีศาจที่โจมตีใส่ตน เขามองภาพมายาเงาแสงเหนือศีรษะของเจียงสยงและดอกไม้วิญญาณแปดดอกด้วยความสนอกสนใจ

‘อืม แปดดอกเหมือนกัน แต่แกร่งกว่าไห่เจิ้งเซินนั่นนิดหน่อย’ เยี่ยนจ้าวเกอยิ้ม ‘หมายความว่า คนผู้นี้ได้ดอกไม้วิญญาณจากใบวิญญาณเก้าใบ ส่วนไห่เจิ้งเซินนั่นได้ดอกไม้วิญญาณแปดดอกจากใบวิญญาณแปดใบ’

ชายหนุ่มใช้ฝ่ามือนภากว่างเฉิงผนึกดาบกระดูกตาข่ายนรกของเจียงสยงเอาไว้ ส่วนมืออีกข้างหนึ่งฟาดปราณดาบทะเลเลือดของมหาปรมาจารย์สำนักตาข่ายปีศาจผู้นั้นพังทลาย

“ไม่ทราบว่ายอดฝีมืออันดับหนึ่งของสำนักท่านมีพลังฝึกปรือเป็นอย่างไร? เป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์หรือ?” เยี่ยนจ้าวเกอถาม “ไม่ทราบว่ามีอาวุธศักดิ์สิทธิ์หรือไม่?”

เจียงสยงใบหน้าเต็มไปด้วยเหงื่อ พูดอะไรไม่ออก

ยามนี้ฟางหมิ่นร้องขึ้น “เจ้าสำนักตาข่ายปีศาจมิใช่จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาไม่มีอาวุธศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน!”

จอมยุทธ์สำนักตาข่ายปีศาจส่งเสียงตวาดด้วยความโกรธพร้อมกัน มหาปรมาจารย์สำนักตาข่ายปีศาจผู้นั้นจ้องมองเยี่ยนจ้าวเกอ พร้อมกับกล่าวด้วยน้ำเสียงอึดอัด “แล้วอย่างไร? เจ้าสำนักของเราเป็นอันดับสี่ในบรรดาจอมยุทธ์ขั้นบรรลุธรรมสิบอันดับแรก ในสำนักเองก็มียอดฝีมือมากมาย”

“พวกเรายอมรับว่าไร้ดวงตา ประเมิณท่านต่ำไป แต่ถ้าหากท่านรู้สึกว่าท่านหรือขุมกำลังเบื้องหลังท่านจัดการสำนักเราได้ เช่นนั้นก็เข้ามาได้เต็มที่!”

“หากกล้า ก็ฆ่าพวกเราทิ้งที่นี่!”

เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะเสียงหนึ่ง “ท่านเข้าใจผิดแล้ว…”

เมื่อได้ยินเขากล่าวเช่นนี้ ใบหน้าของพวกหยางฉู่ฟานและฟางหมิ่นพลันเปลี่ยนเป็นซีดขาว ส่วนจอมยุทธ์สำนักตาข่ายปีศาจถอนใจโล่งอก บนใบหน้าปรากฏความมั่นใจขึ้นอีกครั้ง รู้สึกว่าขุมกำลังของตัวเองสยบจอมยุทธ์พเนจรที่ไม่ทราบว่าโผล่มาจากไหนผู้นี้ได้

ยิ่งจอมยุทธ์พเนจรเผชิญหน้ากับสำนักใหญ่ ก็ยิ่งรู้สึกได้ถึงความอ่อนแอของตัวเอง

ตอนนี้อาจจะไม่เป็นไร แต่เพื่อไม่สะกิดความโกรธของยอดฝีมือที่เป็นผู้อาวุโสในสำนักของอีกฝ่าย หลายๆ ครั้งได้แต่ยอมรามือ

เพียงแต่จอมยุทธ์สำนักตาข่ายปีศาจไม่กล้าวางใจ เกาะจิตประสานของพวกหยางฉู่ฟานและฟางหมิ่นในตอนนี้ ไม่ด้อยกว่าความยิ่งใหญ่ของสำนักตาข่ายปีศาจเลย ถ้าหากมีเกาะจิตประสานคอยคุ้มครอง ไม่แน่ว่าชายหนุ่มผู้นี้จะกล้าเสี่ยงอันตรายก็เป็นได้

พวกหยางฉู่ฟานกับฟางหมิ่นก็มีความคิดแบบนี้เช่นกัน จึงคิดจะพูดสนับสนุน เพื่อให้เยี่ยนจ้าวเกอมีความกล้าขึ้น

ทว่าพวกเขากลับได้ยินเยี่ยนจ้าวเกอกล่าวต่อว่า “…ที่ข้าถามว่าสำนักท่านมีหรือไม่มีจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์และอาวุธศักดิ์สิทธิ์ ก็เพื่อทำความเข้าใจเท่านั้น ถ้าหากวันหน้าได้สู้กับสำนักท่าน จะได้เตรียมตัวไว้”

“ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับการที่ข้าจะสังหารพวกท่านในตอนนี้แม้แต่น้อย”

เยี่ยนจ้าวเกอส่ายหน้า “อย่าคิดมากเกินไปนัก ไม่ว่าสำนักท่านจะมีจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์หรือไม่ พวกท่านก็เป็นคนตายไปแล้ว”

ขณะที่พูด เยี่ยนจ้าวเกอก็หุบฝ่ามือ ประกายกระบี่นั้นรวมตัว ฝ่ามือยักษ์ที่จับคมดาบของเจียงสยงเอาไว้หุบลง ลากเจียงสยงเข้ามาด้วย

เจียงสยงไม่อาจต่อด้านหรือเคลื่อนไหวได้

สุดท้ายเยี่ยนจ้าวเกอก็ยกฝ่ามืออีกข้างขึ้นสูง แล้วฟาดลงคล้ายกับต้องการทลายฟ้า!