ภาค 6 ยันฟ้าด้วยมือเดียว บทที่ 499 เยี่ยนจ้าวเกอผู้ไม่สนกฎเกณฑ์

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ไม่ว่าสำนักตาข่ายปีศาจของท่านจะมีหรือไม่มีจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์กับอาวุธศักดิ์สิทธิ์ วันนี้พวกท่านก็ต้องตาย

มีจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ ข้าก็สังหารพวกท่านโดยไม่ออมมืออยู่ดี ยิ่งไม่หวั่นเกรงมหาปรมาจารย์ระดับขั้นธรรมและขั้นรูปญาณ

เยี่ยนจ้าวเกอมีสีหน้าสงบ น้ำเสียงไม่มีจิตสังหารแม้แต่น้อย เหมือนการการพูดคุยเรื่อยเปื่อย ทว่าการฟาดฝ่ามือลงของเขา ทำให้เกราะกระดูกบนร่างของเจียงสยงแหลกสลาย

เจียงสยงคิดขัดขืน ทว่าเยี่ยนจ้าวเกอกลับฟาดฝ่ามือลงอีกครั้งหนึ่ง ทำให้กะโหลกของเขาแตกร้าว กลายเป็นสีแดงขาว

จอมยุทธ์สำนักตาข่ายปีศาจทุกคนพลันรู้สึกเย็นวาบไปทั่วทั้งร่าง

พวกเขาไม่กล้าพูดอันใด คิดจะหมุนกายหนี

หลังจากเยี่ยนจ้าวเกอสังหารเจียงสยงแล้ว เขาก็ใช้นิ้วแทนกระบี่แทงใส่อากาศ ประกายกระบี่หลายสายพุ่งออกมา ส่องสว่างเหมือนกับดวงดาราบนฟากฟ้า

ประกายกระบี่ร่วงลงจากท้องฟ้าเหมือนทางช้างเผือกสาดพิรุณ แทงทะลุร่างของจอมยุทธ์จากสำนักตายปีศาจคนแล้วคนเล่า

ศพที่สูญเสียชีวิตหล่นลงไปในทะเล เลือดสาดกระจายทั่วฟ้า ผิวทะเลด้านล่างถูกย้อมเป็นสีแดงก่ำ

เยี่ยนจ้าวเกอก้าวเท้าอย่างองอาจไม่กี่ก้าว ก็ไล่ทันมหาปรมาจารย์ขั้นกำเนิดญาณระยะท้าย ของสำนักตาข่ายปีศาจคนหนึ่งได้

อีกฝ่ายด้อยกว่าเจียงสยงมากกว่าหนึ่งเท่า ประกายกระบี่ของเยี่ยนจ้าวเกอกลายเป็นมังกรเขียวหลายตัว ฆ่าคนผู้นั้นอย่างง่ายดาย

ครั้นหมุนตัวมองไป เขาเห็นมหาปรมาจารย์ขั้นกำเนิดญาณระยะท้ายอีกคนหนึ่งหนีไปทางตรงกันข้าม

ถึงอย่างไรก็เป็นจอมยุทธ์มหาปรมาจารย์ขั้นที่หก เขาจึงมีความเร็วสูงมาก เพียงพริบตาเดียวก็หนีหายไปอย่างไร้ร่องรอย

เยี่ยนจ้าวเกอมีสีหน้าสบายอารมณ์ ไม่ได้ไล่ตาม เพียงแต่กางธนูนภาอลหม่าน รั้งสายธนูครั้งหนึ่ง ใช้ญาณจริงแท้ของตัวเองเป็นลูกธนู

ฉับพลันที่เสียงสายฟ้าดังขึ้น แสงสีม่วงสายหนึ่งพุ่งออกไป จากนั้นก็ระเบิดบนที่ห่างออกไป

มหาปรมาจารย์ผู้นั้นตกตายในทันที

ชายหนุ่มเก็บธนูนภาอลหม่าน ยามนี้เขาหมุนตัวไปมองพวกหยางฉู่ฟานที่ยังไม่ได้สติ กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “พวกเรามาต่อคำถามก่อนหน้าเถอะ สามารถบอกข้าได้หรือไม่ว่าจะไปเขาหงส์วิเศษได้อย่างไร?”

พวกหยางฉู่ฟานกับฟางหมิ่นตกใจ มองเยี่ยนจ้าวเกอเบื้องหน้า ไม่มีเสียงอยู่ชั่วขณะ

“สถานที่ที่พวกเราอยู่ในตอนนี้คือทะเลรางเลือน ต้องไปทางใต้ตลอดทาง ผ่านทะเลจิตประสานที่สำนักของพวกข้าตั้งอยู่ จากนั้นท่านถึงจะเห็นทะเลไร้ขอบเขตที่เขาหงส์วิเศษตั้งอยู่ ” หยางฉู่ฟานได้สติขึ้นมาก่อน เขาตอบอย่างชัดเจน “ถึงแม้ว่าสามทะเลจะอยู่ติดกัน แต่ก็ห่างกันมาก ทั้งยังต้องข้ามทะเลจิตประสาน”

สำนักตาข่ายปีศาจเป็นสำนักขนาดใหญ่ในหกพรรคมาร เหมือนกับเกาะจิตประสานในเจ็ดกลุ่มฝ่ายธรรมะ

แต่ ‘ปีศาจวิหค’ เจียงสยง ผู้โดดเด่นรุ่นหลังแห่งยุค ซึ่งเป็นบุคคลสำคัญของสำนักตาข่ายปีศาจ เยี่ยนจ้าวเกอบอกฆ่าก็ฆ่าทันที

จอมยุทธ์สำนักตาข่ายปีศาจที่อยู่รอบๆ มีจำนวนหลายสิบคน เยี่ยนจ้าวเกอกลับฆ่าทั้งหมดโดยไม่กะพริบตาแม้แต่ครั้งเดียว

หยางฉู่ฟานเข้าใจแล้วว่า ชายหนุ่มเบื้องหน้าเป็นคนที่โหดเหี้ยม พวกตนรักษาตัวรอดเป็นยอดดี

ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ใด ล้วนมีคนอันตรายที่ไม่สนใจกฎเกณฑ์ ท่านเก่งกว่าเขาย่อมไม่จำเป็นต้องพูดอะไร แต่ถ้าหากตอนนี้ทำอันใดอีกฝ่ายไม่ได้ เช่นนั้นก็ผูกมิตรไว้ก่อน เพราะต่อให้สู้กัน อีกฝ่ายก็ไม่กริ่งเกรงสำนักที่หนุนหลังอยู่ดี

คนตายแล้วไม่อาจฟื้นกลับมา หากสร้างความขัดแย้งกับคนที่โหดเหี้ยมเช่นนี้ ต่อให้สำนักจะล้างแค้นให้พวกตนได้ แต่อย่างไรตอนนี้ย่อมถูกจัดการ

เยี่ยนจ้าวเกอได้ยินวิธีการพูดของหยางฉู่ฟาน ก็พยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นชายหนุ่มก็ถามต่อว่า “ข้ากับครอบครัวอยู่ที่โพ้นทะเล ไม่ค่อยทราบเรื่องยอดฝีมือในปัจจุบันนัก เพียงเคยได้ยินชื่อของเจ็ดกลุ่มฝ่ายธรรมะและหกพรรคมาร กลับไม่ทราบว่ามีสำนักไหน และมียอดฝีมือคนใดบ้าง”

คนจากเกาะจิตประสานมองหน้ากันเอง

นี่ไม่ใช่ความลับอันใด จอมยุทธ์ของโลกผืนสมุทรในปัจจุบันล้วนบอกได้ทุกคน

สุดท้ายหยางฉู่ฟานยังคงเป็นคนตอบคำถาม “เจ็ดกลุ่มฝ่ายธรรมมะ ได้แก่ วังผลึกวารี เขาหงส์วิเศษ พรรคมังกรโลหิต บ่อหมื่นกระบี่ สำนักคืนวิญญาณ พรรคพายุคลั่ง เกาะจิตประสานของเราก็ถูกจัดอยู่ในกลุ่มนี้เช่นกัน”

“หกพรรคมาร ได้แก่ สำนักปราชญ์ปีศาจ สำนักสังหารมังกร สำนักอัสนีสว่างไสว เกาะงูเขียว เกาะวิญญาณหลอน รวมถึงสำนักตาข่ายปีศาจเมื่อครู่”

“ในจำนวนนี้ วังผลึกวารี สำนักปราชญ์ปีศาจ สำนักสังหารมังกรมีจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์คอยบัญชาการ ส่วนพรรคมังกรโลหิต บ่อหมื่นกระบี่ และเกาะวิญญาณหลอนมีอาวุธศักดิ์สิทธิ์คือ นิ้วมังกรทั้งเก้า กระบี่ล่องลอย และตลับวิญญาณหลอนตามลำดับ”

เยี่ยนจ้าวเกอได้ยินดังนั้นก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “วังผลึกวารี?”

หยางฉู่ฟานพยักหน้า “ถูกต้อง”

มีบางอย่างที่เขาไม่ได้พูด เนื่องจากจะเป็นการทำลายบารมีของตัวเอง

ถึงแม้จะเป็นสามเสาหลักเหมือนกับสำนักมังกรโลหิต และบ่อหมื่นกระบี่ แต่เทียบกันแล้ว ในเจ็ดกลุ่มฝ่ายธรรมมะ วังผลึกวารีมีขุมกำลังยิ่งใหญ่ที่สุด

ใบหน้าของเยี่ยนจ้าวเกอคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม เขาเม้มปากเล็กน้อย ไม่ได้พูดเรื่องนี้ต่อ แต่เปลี่ยนหัวข้อกล่าวว่า “ดูเหมือนสำนักท่านจะค่อนข้างคุ้นเคยกับเขาหงส์วิเศษ ไม่ทราบว่าในหลายปีมานี้เขาหงส์วิเศษมียอดฝีมือคนใหม่หรือไม่?”

เขาไม่ได้พูดชื่อของสวีเฟยตรงๆ เพียงแต่เหมือนถามไปเรื่อยเท่านั้น

ทว่าหยางฉู่ฟานก็พยักหน้า “ถ้าหากเป็นเขาหงส์วิเศษ ไม่มี แต่มีเด็กน้อยคนหนึ่งนามสือจวิน ฉายา ‘กระบี่ดาวเหนือ’ ไม่นานมานี้เขาเป็นคนโดดเด่นรุ่นหลังที่มีชื่อเสียงที่สุดบนโลกผืนสมุทร ไม่แพ้คนที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน เขาเป็นลูกศิษย์ของแขกต่างแดนท่านหนึ่งของเขาหงส์วิเศษ ว่ากันว่าเติบโตที่เขาหงส์วิเศษตั้งแต่ยังเด็ก”

ถึงแม้เยี่ยนจ้าวเกอจะไม่ได้แสดงสีหน้า แต่ก็ค่อนข้างประหลาดใจมาก

คนที่เขาอยากได้ข้อมูลจริงๆ คือสวีเฟย ถึงแม้จะทราบว่าเสี่ยวสือจวินมีพรสวรรค์น่าทึ่ง ทว่าพวกเขาแยกจากกันแค่เพียงปีครึ่ง เหตุใดจึงเกิดการเปลี่ยนแปลงมหาศาลถึงเพียงนี้

เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกหวาดหวั่นเล็กน้อย ครั้นคิดถึงความเป็นไปได้หนึ่ง เขาก็พลันยิ้มอย่างเรียบเฉย “ไม่แพ้คนที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน? เขาอายุเท่าไหร่แล้วหรือ”

หยางฉู่ฟานมองเยี่ยนจ้าวเกอ อ้าปากพูด “ถึงแม้จะยังอายุน้อยกว่าท่าน แต่ก็นับว่ามีอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน กระนั้นก็ยังเทียบกับท่านไม่ได้แน่นอน”

“ได้ยินว่าสือจวินนั่นปีนี้มีอายุยี่สิบปี แต่สำเร็จเป็นปรมาจารย์ขั้นจิตราชั้นนอกแล้ว”

ชายหนุ่มไม่พูดอันใด เพียงกล่าวในใจว่า ‘เป็นอย่างที่คิด’

การไหลของเวลาในโลกผืนสมุทรแห่งนี้แตกต่างกับโลกแปดพิภพ

เนื่องจากความโชคดีที่มีเศษดวงตาราชันสายฟ้ากับสายฟ้าชั่วพริบตา พลังฝึกปรือของเขาในตอนนี้จึงได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของเวลาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

แต่คิดจะเทียบความแตกต่างระหว่างการไหลของเวลาระหว่างโลกทั้งสองใบ จำเป็นต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมของโลกใหม่สักระยะเวลาหนึ่ง ถึงจะค่อยๆ เปรียบเทียบได้

เมื่อได้ยินคำพูดของหยางฉู่ฟานแล้ว หลังจากเยี่ยนจ้าวเกอก็เริ่มคำนวณในใจ เขามั่นใจอยู่บ้างว่าการไหลของเวลาในโลกผืนสมุทรน่าจะเป็นห้าเท่าของโลกแปดพิภพ

พูดอีกอย่างก็คือ หนึ่งปีของโลกแปดพิภพ เวลาของทางนี้ก็ผ่านไปแล้วประมาณห้าปี

คิดถึงตรงนี้ เยี่ยนจ้าวเกอก็ถอนใจ สำหรับตน และสำหรับคนในเขากว่างเฉิง ไม่ได้เจอสวีเฟยกับสือจวินแค่หนึ่งปีครึ่งเท่านั้น

แต่ว่าสำหรับสวีเฟยสองศิษย์อาจารย์ พวกเขาอยู่ในโลกแปลกหน้านี้หลายปีแล้ว

กระนั้นเมื่อได้ยินคำพูดของหยางฉู่ฟาน เยี่ยนจ้าวเกอก็ไม่เป็นห่วงพวกสวีเฟยอีก อย่างน้อยพวกเขาก็ยังอยู่ ไม่ได้ประสบอุบัติเหตุ อีกทั้งดูแล้วการใช้ชีวิตอยู่ในเขาหงส์วิเศษยังไม่เลวด้วย

เช่นนี้ก็ไม่จำเป็นต้องรีบแล้ว

เยี่ยนจ้าวเกอมองคนจากเกาะจิตประสาน จากนั้นก็หันไปมองข่ายอาคมด้านหลัง พลันยิ้มขึ้น “ก่อนหน้านี้ข้ารีบตามหาเขาหงส์วิเศษ สุดดท้ายไม่ได้เข้าไปในภูเขาวิเศษ เดินออกมามือเปล่า กลับไม่ทราบว่าที่นี่มีอะไรกันแน่”

พวกหยางฉู่ฟานและฟางหมิ่นได้ยินดังนั้น หัวใจของพวกเขาพลันเต้นโครมคราม ใบหน้ากลายเป็นขื่นขม