ตอนที่ 17

Kill the Hero

Kill the Hero 017

ทันทีที่แสงหายไป ต้นไม้สูงก็โผล่ขึ้นมา

ต้นไม้สีเทาขึ้นตรงเหมือนเสาโทรศัพท์ ทำให้ป่ามีบรรยากาศแบบเมือง แทนที่จะรู้สึกถึงความอุดมสมบูรณ์ของป่า โลกที่เหมือนยางมะตอยทำให้พวกเขามีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีเท่าไร

“นี่เป็นครั้งแรกที่นายมาที่แบบนี้เหรอ”

“ต้นไม้นี่คือต้นไม้อะไร?”

สมาชิกปาร์ตี้ของปาร์คเจซุนทำหน้าบูดบึ้งเมื่อเห็นภาพเหล่านั้น

ป่าสีเทาเหล่านี้ดูไม่น่าพอใจสำหรับพวกเขา ที่เคยเห็นแต่ป่าสีเขียวเท่านั้น

“เอาละ เริ่มงานกันเถอะ”

ปาร์คเจซุนสงบความรู้สึกที่ไม่สบายใจ

“อย่าตื่นตระหนกไป ไม่ใช่ว่าต้นไม้จะฆ่าเราซะหน่อย สิ่งเดียวที่เราต้องระวังก็คือมอนสเตอร์ เอาล่ะ เรามาหาดูรอบ ๆ กันก่อน”

ปาร์คเจซุนกำหนดหน้าที่ให้กับปาร์ตี้อย่างชำนาญ

จากนั้นสมาชิกปาร์ตี้ก็รู้สึกตัวทีละคน และเริ่มปฏิบัติหน้าที่

ยกเว้นคิมวูจิน คนอื่น ๆ เหมือนจะเป็นผู้เล่นที่มีเลเวล 17 ขึ้นไป

การจะไปถึงเลเวล 17 ต้องใช้ประสบการณ์ในการเคลียร์ดันเจี้ยนอย่างน้อยสิบแห่ง

ดังนั้น แม้ว่าตอนแรกพวกเขาจะถูกรบกวนเล็กน้อย แต่พวกเขาก็แตกต่างจากมือใหม่ที่อวดดีที่ระดับต่ำกว่าเลเวล 10 อย่างแน่นอน เมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด

“อืม ผมจะรับหน้าที่สอดแนมเอง”

ในตอนนั้นคิมวูจินขอทำหน้าที่สอดแนมรอบนอก

“สอดแนม? ”

“ครับ”

“ความสามารถของคุณไม่มีส่วนไหนเกี่ยวกับการสอดแนมไม่ใช่เหรอ? คุณจะโอเคไหม?”

รัศมีของคิมวูจินคือทูตจากนรก

ผู้เล่นส่วนใหญ่ที่มีรัศมีทูตจากนรก พวกเขามักถูกผู้เล่นคนอื่น ๆ เรียกว่า นักดาบเวทมนตร์ เนื่องจากรัศมีของพวกเขามักจะมีบทบาทระหว่างนักเวทกับนักดาบ

มันเป็นรัศมีที่ไม่เหมาะสมสำหรับการรับหน้าที่เป็นคนสอดแนม

นอกจากนี้ คิมวูจินยังบอกว่าความสามารถพื้นฐานของเขาคือพิษจากเลือดพิษ

“ผมควรจะช่วยทุกคนแบบนี้”

หลังจากคิมวูจินพูด ก็ไม่มีใครคัดค้านคำขอของเขาอีกต่อไป

ไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธในเมื่อเขาอาสารับหน้าที่อันตรายเช่นนี้

‘จะดีกว่าถ้าเขาตายไปซะ’

ถ้ามีเกิดอะไรขึ้น ก็เท่ากับเสี้ยนหนามของพวกเขามันหลุดไปเอง โดยที่พวกเขาไม่ต้องลงมือทำอะไรเลย (TL : ENG ใช้คำว่า สั่งน้ำหมูกโดยไม่ต้องใช้มือช่วย)

คิมวูจินออกจากที่ตั้งเพื่อทำหน้าที่สอดแนม

คนที่เหลือก็เริ่มพูดคุยกันทันที

“โง่แท้ เขาเป็นพวกที่จะทำให้ตัวเองตายถึงแม้จะถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวก็เถอะ”

“ถูกต้อง ฮยองนิม ดูเหมือนเราจะเสียเวลา และลงแรงไปอย่างเปล่าประโยชน์นะครับ ถึงเราจะปล่อยเขาเอาไว้คนเดียว ผมก็คิดว่าเขาต้องตายแน่นอน”

ปาร์คเจซุนเคาะหัวตัวเองด้วยไม้เท้าก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน

‘เวรเอ้ย ฉันก็นึกว่าจะมีอะไร…’

ตอนแรกเขาระแวงคิมวูจินมาก

เป็นเพราะข่าวลือพวกนั้น

ถึงแม้ข่าวลือที่ว่าเขาขโมยบอสที่ใกล้ตายนั้นจะเป็นข่าวลือที่ไม่ดี แต่มันก็ยังต้องใช้ทักษะ และความสามารถในระดับหนึ่งเพื่อการขโมยบอสจากผู้เล่นเป็นกลุ่ม

ถึงมันจะเป็นมอนสเตอร์ระดับบอสที่ใกล้ตาย แต่ก็ยังหมายความว่าเขาก็มีประสบการณ์ในการเคลียร์ดันเจี้ยนด้วยตัวเองไม่ใช่เหรอ?

เมื่อดูที่ผลลัพธ์ และความสำเร็จเพียงอย่างเดียว อย่างน้อยที่สุด ทุกคนก็คิดว่าเขาต้องมีพื้นฐานบ้าง

‘เขาคงแค่โชคดี’

แต่การกระทำของคิมวูจิน แสดงให้เห็นว่าเขาไม่เข้าใจแม้กระทั่งคำว่า “พื้นฐาน” เลยด้วยซ้ำ

ที่เขามาได้ไกลขนาดนี้ก็เพราะเขาแค่โชคดีเท่านั้น

หมอนี่ก็เป็นแค่พวกพันทาง

มีหลายครั้งที่ผู้เล่นโชคดีพอที่จะไปต่อได้ จากนั้นทันทีที่โชคดีของพวกเขาหมดลง พวกเขาก็จะ “เกมโอเวอร์”

‘ฉันไม่เชื่อว่าเขาจะใช้พิษได้ดี’

ยิ่งกว่านั้น ความสามารถของคิมวูจินยังเป็นพิษ!

มันเป็นความสามารถที่ดีที่สุดสำหรับการสร้างผลลัพธ์ที่เหนือความคาดหมาย เมื่อถ้าโชคเข้าข้างคนคนนั้น

‘เด็กพวกนี้พูดถูก ถึงฉันจะปล่อยเขาเอาไว้คนเดียวเขาก็ตายแน่’

ถึงแม้ว่าปาร์คเจซุนจะไม่ได้ทำอะไรเพื่อกำจัดเขา แต่เขาก็ต้องตายในดันเจี้ยนอยู่ดี

‘เชี่ย’

เมื่อเขาได้ข้อสรุปแบบนี้ หัวใจของปาร์คเจซุนก็เริ่มปวดร้าวด้วยความขมขื่น

‘เงิน 100 ล้านวอนของฉัน…’

จำนวนเงิน และความพยายามที่เขาใช้ในการจัดการกับคิมวูจินนั้นไม่น้อยเลย

“ทุกอย่างเรียบร้อยดี แค่ต้องแน่ใจว่าเขาตายแน่นอน”

ดังนั้นปาร์คเจซุนจึงเน้นย้ำกับสมาชิกปาร์ตี้ว่าจะต้องแน่ใจว่าเขาตายจริง ๆ

“ไม่ว่ายังไงเราก็ต้องเช็กศพของเขา และเราต้องดูแลทุกอย่างที่นี่ด้วย”

ทุกคนพยักหน้ารับคำสั่ง

“แน่นอนครับ”

“คุณวางใจพวกเราได้เลย”

พวกเขาตอบโดยไม่มีความลังเลใด ๆ

ไม่ใช่เพราะพวกเขามั่นใจหรือว่ามีความมุ่งมั่น

“ผมหมายความว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกหรือครั้งที่สองที่เราทำแบบนี้”

พวกเขาคุ้นเคยกับการทำเช่นนี้

“แล้ว เราจะทำยังไงดีครับ? เราควรกำจัดเขาตอนเขากลับมาเลยไหม? หรือควรจะใช้มอนสเตอร์? ”

ปาร์คเจซุนยิ้มให้กับคำถามนั้น

“ใช้เขาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ จนกว่าเราจะใช้เขาไม่ได้อีกต่อไป ตอนนี้ใช้เขาเป็นเหยื่อล่อจนกว่าเขาจะใช้การไม่ได้กันเถอะ”

สามสิบนาทีต่อมา คิมวูจินก็ปรากฏตัว

“เฮ้! เรากำลังมีปัญหา!”

เขาวิ่งอย่างเร่งรีบในขณะที่หอบหายใจ

 

“เฮ้!”

คิมวูจินที่ออกสำรวจ รีบวิ่งไปหาปาร์คเจซุน และปาร์ตี้

ปาร์คเจซุน และสมาชิกในปาร์ตี้ของเขาตื่นตัวเต็มที่ และเริ่มเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้

มีแค่กรณีเดียวที่หน่วยสอดแนมกลับมาอย่างเร่งรีบเช่นนี้

‘ไอ้เชี่ยนี่!’

‘ไปลงนรกซะ ถ้าแกอยากจะตาย ก็ตายไปคนเดียวสิวะ!’

เป็นกรณีที่หน่วยสอดแนมล่อมอนสเตอร์กลับมาที่ปาร์ตี้ของพวกเขา

แน่นอนว่าปาร์คเจซุน และปาร์ตี้ต้องตกใจ

มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่พวกเขาจะควบคุมการแสดงออกทางสีหน้าได้

ไม่นานหลังจากมารวมตัวกับปาร์ตี้ คิมวูจินก็เข้ามาหาปาร์คเจซุน และพูดอย่างเร่งรีบ

“มีโทรลมาจากตรงนั้น”

ใบหน้าของทุกคนบิดเบี้ยวเมื่อเขาพูด

“แม่ง เอาจริงดิ! ? ”

“ทำไมแกถึงสอดแนมแบบนั้น!”

เสียงตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยวดังขึ้นจากทุกคน

พวกเขาอดไม่ได้ที่จะนึกถึงมอนสเตอร์ที่น่ากลัวอย่างโทรล

โทรลไม่ง่ายเลยที่จะสร้างความเสียหายด้วยการโจมตีทางกายภาพ

นั่นคือเหตุผลว่าทำไมการสร้างสภาพแวดล้อมที่นักเวทจะใช้เวทมนตร์ได้อย่างปลอดภัย หลังจากวางกับดักไว้เพียงพอแล้วจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก

พวกเขาต้องเป็นฝ่ายเริ่มก่อน มันเป็นมอนสเตอร์ที่พวกเขาไม่อาจกำหนดจังหวะการต่อสู้ได้

“ไอ้เวร แกอยากตายรึไงวะ?”

นั่นเป็นเหตุผลที่พวกเขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธคิมวูจิน

“ทุกคนสามัคคีกันไว้!”

เป็นปาร์คเจซุนที่ทำให้ความโกรธของพวกเขาสงบลง

“นักรบอยู่แถวหน้า ฮีลเลอร์เตรียมพร้อม ก่อนอื่นพวกเราสองคน เตรียมเวทมนตร์ไว้ อย่าลืมเตรียมน้ำมันด้วย!”

หลังจากรับคำสั่ง ทุกคนก็เอาน้ำมันออกมาจากช่องเก็บของ

มันคือการใช้เวทไฟร์บอลใส่ หลังจากเทน้ำมันลงบนตัวโทรล

มันเป็นกลยุทธ์ที่ดี

“ตั้งขบวน!”

ทุกคนอยู่ในตำแหน่งต่อสู้ของพวกเขา เพื่อการต่อสู้ที่กำลังจะมาถึง

นักรบสองคนที่สวมชุดเกราะเหล็กยืนอยู่ด้านหน้าเพื่อเผชิญหน้ากับโทรล ในขณะที่ฮีลเลอร์ยืนรอรักษา และพร้อมเคลื่อนที่ได้ตลอดเวลา และด้านหลังพวกเขามีนักเวทสองคนรวมปาร์คเจซุน

“ฉันจะไปก่อน!”

หนึ่งในนั้นเปิดฉากก่อน

จากนั้นก็มีประกายไฟที่ฝ่ามือของเขา เปลวไฟสว่างมากขึ้น

หลังจากที่เขามอง ปาร์คเจซุนก็มองออกไป

เหลือแค่คนเดียว

“คิมวูจิน นาย…”

แน่นอนว่าปาร์คเจซุนคิดจะส่งคิมวูจินไปด้านหน้า เพื่อให้เขาดึงความสนใจจากโทรล

เขาตั้งใจจะเรียกชื่อคิมวูจิน เพื่อส่งเขาไปแนวหน้าในตอนนี้

แต่ปาร์คเจซุนไม่สามารถพูดคำเหล่านั้นออกมาได้

Seug!

มีดขนาดเล็ก แต่คมมาก ตัดผ่านหลอดลมของปาร์คเจซุนในพริบตา

อุก!

เมื่อเสียงลมหายใจของปาร์คเจซุนหลุดออกมาจากร่างของเขา เขาก็ทิ้งตัวลงไปกองกับพื้น

ปาร์คเจซุนที่ทรุดตัวลงไม่แม้แต่จะกรีดร้องออกมาได้

เขาทำได้แค่มองสิ่งที่เกิดขึ้น

หลังจากคิมวูจินปาดคอฮีลเลอร์แล้วเขาก็หนีพร้อมกับฮีลเลอร์อีกคน เพื่อที่เพื่อนร่วมทีมจะไม่ได้รับการรักษา

 

สิ่งที่สำคัญที่สุดในการต่อสู้ คือช่วงเวลาของการซุ่มโจมตี

ไม่มีใครปฏิเสธถึงความสำคัญของการรู้ว่าเวลาใดที่ควรโจมตี

มันสำคัญพอ ๆ กับการรู้ว่าเวลาใดที่ควรจะถอย

คุณไม่จำเป็นต้องบังคับตัวเองให้ทำทั้งหมดได้ในครั้งเดียว

มันเป็นเรื่องดีที่จะกัดคอฝ่ายตรงข้าม เพื่อให้พวกนั้นเสียเลือด แต่ก็ไม่ผิดอะไร ถ้าคุณจะทำให้ศัตรูจนมุม แล้วค่อยทำให้เลือดของพวกมันไหลออกมา

คิมวูจินต้องการจะล่าปาร์คเจซุนด้วยวิธีหลัง

เขาไม่ได้ตั้งใจจะต่อสู้นองเลือดกับคนที่ไม่ใช่ฆาตกรมือใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนพวกนั้นที่ได้เปรียบด้านเลเวล ที่มากกว่าเขาถึงหกเลเวลหรือสูงกว่านั้น เว้นแต่ว่ามันจะจำเป็นจริง ๆ (TL : ENG ใช้คำว่า ไม่ใช่มือใหม่เรื่องฆ่าคน แต่คนแปลว่าแบบนี้คงจะลื่นกว่า มั้ง?)

นี่คือเหตุผลที่คิมวูจินไม่กัดมากเกินกว่าที่เขาจะเคี้ยวได้ในการปะทะครั้งแรก เขาทิ้งปาร์คเจซุนที่ต่อสู้ไม่ได้ และยังพาฮีลเลอร์ไปด้วย (TL : หมายถึง กัดคำใหญ่เกินไปก็เคี้ยวไม่ได้)

เขาต้องการทำลายจุดแข็งของคู่ต่อสู้ก่อนแล้วค่อยจัดการที่เหลือ

“เชี่ยเอ้ย ถ้าไม่มียองอุก เราจะตายกันหมด!”

“พวกเราจะทำยังไงดี? “

“เราต้องจับมันให้ได้!”

การตัดสินใจที่ปาร์ตี้ของปาร์คเจซุนเลือกคือ ไล่ล่าคิมวูจิน

นักรบทั้งสองคนเป็นนักสู้อมตะ เริ่มไล่ล่าคิมวูจินพร้อมกัน

เป็นการตัดสินใจที่ค่อนข้างสมเหตุสมผล

‘มันจะยุ่งยากมาก ถ้าเราปล่อยให้เขาหนีไปตอนนี้’

‘ระดับไอ้เวรนั่นต่ำกว่าพวกเรา ไม่มีเหตุผลที่เราจะจับเขาไม่ได้’

ระดับของคิมวูจินต่ำกว่าพวกเขา

ซึ่งหมายความว่า ไม่ว่าคิมวูจินจะทุ่มเทไปกับความสามารถกายภาพของเขามากแค่ไหน ก็แทบจะไม่มีทางที่คิมวูจินจะมีพลังทางกายภาพสูงกว่าพวกเขา

หรือก็คือไม่มีเหตุผลที่พวกเขาจะแพ้คิมวูจิน เมื่อต้องใช้ความเร็วกับการต่อสู้ระยะประชิด

คิมวูจินก็ตระหนักดีถึงเรื่องนั้น

‘ดังนั้นพวกเขาจึงตัดสินใจล่า’

แน่นอนว่าคิมวูจินก็วางแผนสำหรับเรื่องนี้ไว้แล้ว

30 นาที ไม่มีทางที่เขาจะใช้เวลา 30 นาทีไปกับการสูบบุหรี่หรืออะไรไร้สาระใช่ไหมล่ะ?

ในที่สุดลวดใสที่ซ่อนอยู่ระหว่างต้นไม้ก็จับข้อเท้าของคนคนนึงได้

“อุ๊ก! ”

เสียงร้องของชายคนหนึ่งที่ล้มลง

แต่เสียงร้องนั้นดังขึ้นไม่นาน

ตรงที่ที่เขาล้มลงไป กองหินแหลมคมที่เตรียมไว้ได้แทงเข้าไปที่ใบหน้าของชายคนนั้น

โชคดีที่หมวกกันน็อคของเขาป้องกันไม่ให้ใบหน้าของเขาถูกแทงจนเละ

Ppudeug!

แต่มันไม่สามารถป้องกันไม่ให้คอของเขาบิดไปด้านหลังได้

Pudruru!

หลังจากนั้นไม่นาน ร่างของชายที่คอหักก็เริ่มชักกระตุกราวกับถูกไฟช็อต

“จุนอุก! ”

คนที่เหลือร้องด้วยความตกใจ เมื่อเห็นว่าเพื่อนของเขาเพิ่งถูกกันออกจากการต่อสู้ยังไง

“เฮ้ย ไอ้เวร!”

เขาระเบิดความโกรธไปที่ตัวการหลักของเรื่องทั้งหมด

นั่นคือทั้งหมด

“ออกมา! ออกมาสิวะไอ้ชั่ว!”

ชายที่ทำได้เพียงแค่ระบายความโกรธของเขา จังอิลซูไม่ได้ขยับออกไปจากตำแหน่งเดิมของเขา

เขารู้ดีว่าถ้าเขาโกรธจนขาดสติ เขาก็จะจบชีวิตเหมือนกับเพื่อนของเขา

“ไอ้เชี่ยนี่! กูบอกให้มึงออกมา!”

เพื่อตอบสนองต่อเสียงตะโกนซ้ำ ๆ ของจังอิลซู ร่างที่ซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้จึงออกมา

“ออกมา ไอ้สารเลว…หือ?”

อย่างไรก็ตาม ร่างที่ปรากฏตัวนั้นเป็นโครงกระดูกก็อบลิน

“อะ? อ่า?”

ไม่ใช่แค่หนึ่ง แต่มีถึงสาม

ทหารโครงกระดูกก็อบลินสามตัว ค่อย ๆ ลดระยะห่างระหว่างจังอิลซู แต่ละตัวถือมีดไว้ในมือ

“อะ อะไรวะเนี่ย? ”

เพราะปรากฏตัวโครงกระดูกก็อบลิน จังอิลซูเริ่มสั่นด้วยความหวาดกลัว

ร่างกายของเขาแสดงให้เห็นว่า เขาตกอยู่ในความกลัวมากกว่าการมีสติ

Tteolgeuleogtteolgeuleog!

สิ่งนี้กระตุ้นให้โครงกระดูกพุ่งเข้าหาชายคนนั้นโดยไร้ความลังเลใด ๆ

ไม่กี่นาทีต่อมาเสียงกรีดร้องก็ดังก้องไปทั่วทั้งป่า

 

“หือ เกิดอะไรขึ้น?”

ปาร์คเจซุนที่รักษาบาดแผลตรงคอของเขาด้วยยารักษา ได้พูดด้วยความระมัดระวังขณะที่กำลังนอนลง

“ผมก็ไม่รู้…คึก!”

สิ่งที่ตามมาคือเสียงครางของเพื่อนคนสุดท้ายของเขา

“อะ อะไรน่ะ?”

เขามองเพื่อนร่วมทีมที่กำลังรักษาเขา

“อึก ธนู…”

เพื่อนร่วมทีมคุกเข่าลงกับพื้นหลังจากตอบ เขายังไม่ตาย

Puk!

แต่ด้วยความเมตตาของลูกศรอีกดอก สหายของเขาก็ล้มลง

“เวรเอ้ย เกิดเชี่ยอะไรขึ้นวะ…”

ปาร์คเจซุนลุกขึ้นจากที่เขานั่ง

อย่างไรก็ตาม ในขณะที่เขาลุกขึ้นมา ปาร์คเจซุนก็เวียนหัวอย่างรุนแรง

“อึก! ”

ปาร์คเจซุนสะดุดล้มลงกับพื้น

บาดแผลได้รับการรักษาแล้ว แต่เขาก็ยังมีอาการขาดเลือดอย่างรุนแรง

และมันก็เป็นอาการที่น่ากลัวที่สุดด้วย

มันคือสัญญาณว่าปาร์คเจซุนเหลือเลือดไม่มากแล้วในตอนนี้

อย่างไรก็ตาม ปาร์คเจซุนก็ยังพยายามจะลุกขึ้น แต่เขาทำไม่ได้ เขาจึงบังคับตัวเองให้ขยับร่างกายส่วนบนแทน

เขาก็หันศีรษะไปทางทิศที่ลูกศรถูกยิงมา

ชายคนหนึ่งกับก็อบลินสามตัว เขากำลังใส่ลูกศรใหม่ลงในธนูของเขา

ปาร์คเจซุนรู้จักใบหน้านั้น

“คะ คิมวูจิน!”

แต่ภาพลักษณ์ของคิมวูจินในสายตาของปาร์คเจซุนไม่ใช่สิ่งที่เขาเคยเห็นจากผู้เล่น

มันเป็นภาพของสัตว์ร้ายที่ดวงตาเป็นประกายเวลามองเหยื่อของมัน

เมื่อต้องเผชิญกับความน่ากลัวเช่นนี้ ปาร์คเจซุนก็ไม่สงสัยเลยว่าคิมวูจินได้ฆ่าฮีลเลอร์ และนักรบทั้งสองของเขาไปแล้ว

ยิ่งไปกว่านั้น ปาร์คเจซุนไม่ได้ถามคิมวูจิน

‘ฉัน ฉันกำลังจะตาย’

ปาร์คเจซุนตระหนักดีกว่าใคร ๆ ว่าทำไมคิมวูจินถึงอยากฆ่าปาร์คเจซุน และปาร์ตี้ของเขา

“ได้ ได้โปรดไว้ชีวิตผมเถอะ”

ดังนั้นปาร์คเจซุนจึงร้องขอชีวิตของเขา แทนที่จะถามว่าทำไม

“ผม ผมจะยอมทำทุกอย่าง เงิน ผมจะหาเงินมาให้คุณมากที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้”

เขาเริ่มที่จะต่อรองขอชีวิตของเขา

แต่คิมวูจินดึงคันธนูของเขาอย่างไร้ความลังเล

“ผมมีไอเท็มที่ซ่อนเอาไว้อยู่! มีบางอย่างที่ผมซ่อนเอาไว้เบื้องหลัง! ผมมีของที่สะสมไว้เป็นความลับ!”

จากนั้นปาร์คเจซุนก็กรีดร้อง

แม้ว่าอาการโลหิตจางที่เกิดจากการเสียเลือดมากเกินไปจะทำให้เขาเวียนหัว แต่ปาร์คเจซุนก็ยังไม่หยุด

“ถ้าผมตาย คุณจะไม่สามารถเอาไอเทมทั้งหมดที่ผมแอบซ่อนเอาไว้ได้! ผมเป็นคนเดียวที่รู้ว่ามันอยู่ที่ไหน! อ่า ไม่ ผมรู้เรื่องอื่นด้วย ความลับของผู้เล่นคนอื่น! มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เปลี่ยนเป็นเงินได้นะ!”

เขาเน้นย้ำหลายครั้งถึงผลประโยชน์ของการไว้ชีวิตเขา

อย่างไรก็ตาม คิมวูจินไม่ตอบสนอง และยังคงเมินเฉยต่อคำอ้อนวอนของปาร์คเจซุน

อย่างแรก สถานการณ์นี้ไม่ใช่การแก้แค้นศัตรูหรือการต่อสู้โดยมีเกียรติของใครเป็นเดิมพัน

มันไม่มีอะไรมากไปกว่านักล่าที่ล่าสัตว์ในเกมของเขา

แน่นอนว่าไม่จำเป็นต้องมีความเห็นอกเห็นใจหรือมีการเจรจาใด ๆ

ยิ่งกว่านั้นคิมวูจินไม่จำเป็นต้องพยายามฟังเรื่องราวจากสิ่งมีชีวิตใด

ในไม่ช้า คิมวูจินก็ปล่อยธนูด้วยใบหน้าที่สงบ

Paang!

หลังจากตัดอากาศสั้น ๆ หัวลูกศรที่ทำจากเลือดของเขาเอง ได้เจาะทะลุหน้าอกของปาร์คเจซุน

ปาร์คเจซุนที่ถอดชุดเกราะหนังของเขาออกระหว่างการรักษาบาดแผลที่คอ ทำให้ลูกศรของคิมวูจินพุ่งเข้าที่หน้าอกของเขาได้

หัวใจ มันทะลุตรงที่ตำแหน่งหัวใจของเขา

ในขณะนั้นปาร์คเจซุนก็พูดคำสุดท้ายของเขา

“อะ ไอเท็มในตำนานน…”

คิมวูจินดูประหลาดใจเป็นครั้งแรก