“เอ๋”
เซียวเยว่ชิงฟังจบ สีหน้าตะลึงมองเยี่ยเม่ย เอ่ยละล้าละลังว่า “นี่…นี่จะใช้การได้หรือ”
เยี่ยเม่ยปรายตามอง ถามว่า “ตอนนี้ถามว่าความคิดของข้าใช้ได้หรือไม่ กลายเป็นธรรมเนียมของพวกเจ้าแล้วหรือ”
แผนการศึกครั้งก่อน หลูเซียงฮั่วก็มีปฏิกิริยาเช่นนี้
เซียวเยว่ชิงตระหนักได้ทันที จริงด้วย ความคิดของผู้นำทัพเขาเชื่อฟังก็พอแล้ว ถึงคราวที่ตัวเองจะถามว่าใช้ได้หรือไม่ที่ไหนกัน ยิ่งไม่ต้องพูด แผนการของเยี่ยเม่ยก่อนหน้านี้ ช่างประเสริฐนักเชียว
เขารีบตอบรับ “เข้าใจแล้ว ข้าน้อยจะรีบไปทำทันที แม่นางเยี่ยเม่ยวางใจได้”
เมื่อเขาเอ่ยจบ ก็หันหน้าเตรียมเดินจากไป
เยี่ยเม่ยจัดเสื้อผ้าไม่ยับย่นของตน แล้วลุกขึ้น
ในขณะที่นางกำลังจะออกจากประตู เป่ยเฉินเสียเยี่ยนพาอวี้เหว่ยเดินเข้าห้องนาง
ใบหน้าหล่อเหลาชั่วร้ายของชายหนุ่ม มีกลิ่นอายปีศาจ หล่อเหลาเสียจนทำให้คนไม่กล้าละสายตา ทั้งยังล่อลวงให้คนอดใจไม่ไหวต้องมองเขา ทั่วทั้งร่างแผ่กลิ่นไอเหนือคนธรรมดา ทำให้คนหวั่นไหว
เช้าตรู่ได้พบคนเช่นนี้ ต้องบอกว่าช่างรื่นตานัก
เยี่ยเม่ยปรายตามองเขา ถามว่า “ท่านไม่พักฟื้นหรือ”
หญิงสาวกล่าวเช่นนี้ เป่ยเฉินเสียเยี่ยนสะบัดชายเสื้อ อวี้เหว่ยด้านข้างยื่นถาดอาหาร วางกับข้าวลงบนโต๊ะ จากนั้นรีบถอยไปอยู่หลังเป่ยเฉินเสียเยี่ยน
สายตาเยี่ยเม่ยจับจ้องที่โต๊ะ
ดวงตาคู่ร้ายของเป่ยเฉินเสียเยี่ยนกวาดมองเยี่ยเม่ย เอ่ยปากอย่างแช่มช้า “เยี่ยนต้องพักฟื้นแน่ แต่ว่าไม่อาจไม่กังวลถึงสุขภาพของแม่นางเยี่ยเม่ย จึงนำอาหารเช้ามาส่งให้แต่เช้า หวังว่าความเอาใจใส่ของเยี่ยนจะทำให้แม่นางเยี่ยเม่ยพึงพอใจ”
“ขอบคุณมาก” เยี่ยเม่ยไม่ใช่คนไม่รู้จักชั่วดี ผู้อื่นตระเตรียมอาหารมาให้ตั้งแต่เช้า นางย่อมต้องขอบคุณ
เยี่ยเม่ยนั่งลงที่โต๊ะ ปรายตามองเขาทีหนึ่งเอ่ยว่า “ท่านก็กินด้วยกันสิ”
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนยิ้มออกมาทันที รอยยิ้มนั้นสง่างาม ภายใต้ความอ่อนโยนแฝงความยินดีเอาไว้อย่างชัดเจน เขานั่งลงตรงหน้าเยี่ยเม่ยอย่างรวดเร็ว
คนทั้งสองหยิบตะเกียบ หลังจากองค์ชายสี่คีบกับข้าวให้เยี่ยเม่ยแล้ว ก็เริ่มทำการแทงมีดอีกครั้ง “คุณชายเสี่ยวจิ่ว ยังไม่กลับมาหรือ”
คำพูดนี้ของเขาส่งผลต่อความงุ่นง่านในใจของเยี่ยเม่ยทันที
เยี่ยเม่ยส่ายหน้า ตอบ “ไม่ พวกเซียวเยว่ชิงออกตามหาทั้งคืนแล้ว ไม่พบเบาะแสเลยสักน้อย”
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนถอนใจ ทำท่าทางเศร้าสร้อย เอ่ยปากแช่มช้า “ดูท่าเจ้าหนูเสี่ยวจิ่ว ไม่รู้ถึงความห่วงใยของเจ้าสักนิด”
อวี้เหว่ยที่อยู่ด้านหลังเขามุมปากกระตุก มีดนี้แทงออกไปได้ดีนัก…
คำพูดนี้กระทบใจเยี่ยเม่ย ทำให้สีหน้านางสงบนิ่งลง ความจริงนางก็รู้สึกว่าเสี่ยวจิ่ววู่ว่ามเกินไป มีปัญหาอะไรค่อยพูดค่อยจากันก็ได้มิใช่หรือ
ไฉนต้องหนีออกจากบ้านด้วยเล่า
ในขณะที่เยี่ยเม่ยอยู่ในห้วงแห่งความโมโห เป่ยเฉินเสียเยี่ยนก็เอ่ยช้าๆ คล้ายปลอบโยนว่า “แต่ว่าฝีมือของเขาไม่เลว ต่อให้ไม่กลับมา คิดดูแล้วเขาอยู่ข้างนอกก็ไม่มีทางเสียเปรียบ เจ้าไม่ต้องกังวลเกินไปนัก”
เยี่ยเม่ยพยักหน้า เอ่ยว่า “มีเหตุผล ความปลอดภัยของเขาไม่น่าเป็นห่วงเลยสักนิด”
เมื่อเอ่ยเช่นนี้ นางก็คลายใจได้มาก
อวี้เหว่ยกลอกตา ได้…ได้…เตี้ยนเซี่ยเริ่มล้างสมองแม่นางเยี่ยเม่ยโดยไม่บอกไม่กล่าวแล้ว เขาบอกแม่นางเยี่ยเม่ยว่าต่อให้เสี่ยวจิ่วไม่กลับมา ก็ไม่มีทางเกิดเรื่อง ความจริงก็คือไม่ต้องยุ่งเลยก็ได้แล้ว
ไฉนเมื่อก่อนเขาไม่เคยรู้เลยว่าเตี้ยนเซี่ยก็มีช่วงเวลาที่มีความคิดลึกซึ้งถึงขั้นนี้…
เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนยิ้มอย่างน่ามอง เอ่ยเสียงราบรื่นว่า “เมื่อคืนลงแรงคนไปตั้งมาก เช้านี้เยี่ยนถามหลูเซียงฮั่วแล้ว ถึงได้รู้ว่ายังหาเบาะแสของเขาไม่พบ หวังว่าเรื่องเช่นนี้ภายหน้าจะไม่เกิดขึ้นอีก อย่างไรเสียเจ้าก็เป็นคนกังวลใจมากที่สุด แต่ครั้งนี้หลังจากเขากลับมา ภายหน้าเขาก็จะรู้แล้วว่า ทุกคนล้วนห่วงใยเขา”
สวรรค์
อวี้เหว่ยแทบอยากปรบมือให้เตี้ยนเซี่ยของเขา
คำพูดนี้หมายความว่าอะไรเล่า
ทางหนึ่งก็บอกว่าจิ่วหุนไม่คำนึงถึงส่วนรวม ทำให้ทุกคนต้องใช้กำลังคนมากมายไปตามหาเขา
อีกด้านหนึ่งก็บอกว่าจิ่วหุนไม่คำนึงถึงความรู้สึกเยี่ยเม่ยเลยสักน้อย ทั้งไม่รู้ถึงความห่วงใยของทุกคน อยากไปก็ไป ไม่ทิ้งร่องรอยสักนิด
สุดท้ายยังไม่ลืมบอกว่า เตี้ยนเซี่ยก็กังวลในการกระทำของจิ่วหุน แสดงออกว่าเตี้ยนเซี่ยทั้งใจกว้างและคิดแทนแม่นางเยี่ยเม่ย
เป็นดังคาด…
เยี่ยเม่ยฟังคำพูดของเป่ยเฉินเสียเยี่ยน กลับหันมองบุรุษเบื้องหน้าทีหนึ่ง
เดิมทีนางคิดว่าความสัมพันธ์แตกหักของจิ่วหุนกับเขา เป่ยเฉินเสียเยี่ยนจะไม่พอใจที่นางส่งคนออกตามหาจิ่วหุน คิดไม่ถึงว่าเขายังห่วงใยว่าหาจิ่วหุนพบแล้วหรือยัง
ทำให้เยี่ยเม่ยรู้สึกซาบซึ้งขึ้นในทันที ด้วยเหตุนี้น้ำเสียงเย็นชาอยู่ตลอดของนางในยามนี้เพิ่มความอ่อนโยนขึ้นมาหลายส่วน “ต้องขอบคุณที่ท่านห่วงใยเขา ไม่คิดแค้นเรื่องที่เขาทำให้ท่านบาดเจ็บ”
อวี้เหว่ยในยามนี้กลอกตามองขึ้นบนเพดานอีกครั้ง…
เรื่องนี้สอนพวกเขาว่า หลังจากก่อปัญหากับผู้อื่นแล้ว จะต้องเล่าเรื่องให้ชัดเจนก่อนจากไป ไม่เช่นนั้นเรื่องราวจะเปลี่ยนเป็นอย่างที่ศัตรูของตนเล่า ส่วนตนก็จะตกหลุมพรางอย่างที่จิ่วหุนประสบอยู่
องค์ชายสี่ฟังคำพูดของเยี่ยเม่ย กลับพยักหน้า ยิ้มเอ่ยช้าๆ ว่า “เขาเป็นน้องชายเจ้า เยี่ยนย่อมเป็นห่วงเขา”
คำพูดนี้ยิ่งทำให้เยี่ยเม่ยใจสั่น
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนเอาใจใส่นาง เพราะนางเป่ยเฉินเสียเยี่ยนยังเอาใจใส่กับจิ่วหุนที่มีความสัมพันธ์ไม่ดีกับเขาเช่นนี้ นางย่อมรู้สึกซาบซึ้ง
ในเวลานี้ หลูเซียงฮั่ววิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา
เยี่ยเม่ยมองหลูเซียงฮั่วทีหนึ่ง เห็นอีกฝ่ายเข้ามาอย่างรีบร้อน สีหน้าของนางปรากฏความประหลาดใจ ถามด้วยเสียงเย็นชาว่า “หรือว่าหาตัวเสี่ยวจิ่วพบแล้ว”
“เอ๋” หลูเซียงฮั่วชะงักงัน รีบส่ายหน้าอย่างรวดเร็ว “ไม่ ไม่ใช่”
สีหน้ายินดีของเยี่ยเม่ยหนีไม่พ้นสายตาของเป่ยเฉินเสียเยี่ยน ใบหน้าหล่อเหลาชั่วร้ายของเขาไม่เปลี่ยนแปลง แววตากลับมีความเดือดดาลแอบอยู่
เยี่ยเม่ยผิดหวังเล็กน้อย แต่ก็รู้ว่าคาดหวังว่าพวกเขาจะตัวพบเป็นไปได้น้อยมาก
หลูเซียงฮั่วรีบประสานมือ เอ่ยกับเป่ยเฉินเสียเยี่ยน “องค์ชายสี่ มีราชโองการมาจากในวัง ส่งอี้อ๋องมาเป็นผู้ตรวจการทหาร ไม่เกินวันมะรืนก็จะมาถึงแล้ว”
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนปรายตามองเขาครั้งหนึ่ง กลับคลี่ยิ้มถามว่า “เป่ยเฉินอี้หรือ”
หลูเซียงฮั่วรีบพยักหน้า “ขอรับ”
อี้อ๋องมีเพียงผู้เดียวเท่านั้น ย่อมเป็นเป่ยเฉินอี้อย่างแน่นอนแล้ว
เห็นปฏิกิริยาตอบรับของเป่ยเฉินเสียเยี่ยนมีความสนใจอยู่ไม่น้อย คิดดูแล้วอีกฝ่ายก็แซ่เป่ยเฉิน เยี่ยเม่ยถามเขาว่า “หรือจะเป็นพี่ชายหรือน้องชายท่าน”
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนแค่นหัวเราะ กลอกตามองเยี่ยเม่ย ตอบอย่างไม่ใส่ใจว่า “อายุมากกว่าข้าห้าปี เป็นลูกชายที่อายุน้อยที่สุดของฮ่องเต้องค์ก่อน เป็นเสด็จอาของเยี่ยน”
เมื่อเอ่ยถึงตอนนี้ คล้ายกับเขาคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ รีบกล่าวกับเยี่ยเม่ยอีกว่า “เขาผู้นี้เจ้าเล่ห์เพทุบาย ใบหน้าหล่อเหลาก็เพื่อปกปิดจิตใจโหดเ**้ยมดังอสรพิษของเขา แม่นางเยี่ยเม่ยอย่าได้หลงกลเขาเด็ดขาด”
อวี้เหว่ยหมดคำพูด เตี้ยนเซี่ยท่านเสพติดการใช้มีดแทงข้างหลังใช่หรือไม่ แทงข้างหลังจิ่วหุนยังไม่พอ อี้อ๋องก็โดนไปด้วย