”การอยากเจอน้องสาวของคุณเป็นเรื่องสำคัญ!”จู่ๆเหอเฟิงก็เปลี่ยนสายตาไปอย่างรวดเร็ว น้ำเสียงก็เปลี่ยนเป็นร่าเริงและอารมณ์ดีแปลกๆ “สงครามครั้งนี้จะยืดเยื้อกว่าทุกครั้ง ถ้าคุณต้องการจะเจอน้องสาว คืนนี้พักที่นี้ไปก่อนคืนหนึ่ง พรุ่งนี้เช้าฉันจะส่งคนไปแจ้งน้องสาวของคุณ แล้วคุณสองพี่น้องจะได้เจอกันโดยที่ไม่ต้องเปิดเผยตัวตนให้ใครรู้”
ซางฮั่นฉิงยิ้มเยาะก่อนจะเอ่ยปฏิเสธ”ปัญหาก็คือ เฮลิคอปเตอร์ลำเสียงสินค้าจะต้องกลับไปซางจิงทันทีที่ส่งมอบสินค้าเสร็จเรียบร้อย ฉันไม่สามารถ…”
”พันตรีซางฮั่นฉิง”เหอเฟิงแทรกซางฮั่นฉิงที่กำลังพูดอยู่ด้วยท่าทีไม่แยแส พร้อมกับลุกขึ้นยืนและหยิบหมวกบนโต๊ะขึ้นมาสวม แววตาที่ถูกปีกของหมวกบังอยู่นั้นมีแสงเรืองรอง “ลองคิดดูให้ดี คุณก็รู้จักรูปแบบการจัดการของซางจิงดี วันนี้ผมว่าคุณควรจะกลับไปก่อน ครั้งหน้าคุณก็ยังมีโอกาสมาเจอน้องสาว ไม่แน่ครั้งหน้า…”
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้น้ำเสียงของเหอเฟิงก็เปลี่ยนเป็นผ่อนคลายและแฝงไปด้วยความยั่วเย้า “คุณอาจจะมาได้สะดวกกว่านี้”
ซางฮั่นฉิงที่ได้ยินกำมือแน่นอย่างพยายามกลั้นอารมณ์เกิดความเงียบพักใหญ่ภายในเต้นท์
เหอเฟิงพูดถูก…ถ้าซางจิงรู้ว่ามีคนจากซางจิงมาที่ค่ายเขี้ยวหมาป่าการจะกลับไปยังซางจิงอีกจะเป็นเรื่องยากเพราะเขาจะถูกเข้าใจผิดว่าเป็นไส้ศึก
แต่สำหรับซางฮั่นฉิงมันตรงกันข้าม เพราะเขาเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่ต้องการหนีไปจากซางจิง
มันเป็นเพราะปัญหาที่เขาต้องเจอจากตำแหน่งของพ่อเขาทำให้เขาต้องตกอยู่ในวังวนปัญหามากมายที่สร้างความรำคาญมากจนเขาทนไม่ไหวและอยากจะหลุดพ้น! ในขณะเดียวกันปัจจัยที่สำคัญที่สุดก็คือตัวเขาเอง เพราะตัวเขาแม้จะมีตำแหน่งแค่ระดับพันตรีที่ไม่ได้มีความสำคัญอะไรมาก อาจดูเป็นแค่ทหารคนหนึ่งในกองทัพที่ไม่มีอำนาจสั่งการอะไรเลยในสายตาของคนอื่น อันเนื่องมาจากแผนกวิจัยที่เขาดูแลอยู่นั้นไม่เป็นที่รู้จักทั่วไป
ในทุกๆค่ายล้วนมีแผนกวิจัยกันทั้งสิ้นไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ก็ต้องมีทั้งนั้น ซางจิงซึ่งเป็นค่ายที่ใหญ่ที่สุดและมีอำนาจสูงสุดในทั้งจีนเองก็เช่นเดียวกันแต่เป็นแผนกลับที่ไม่มีใครรู้จัก
พวกเขาแตกต่างจากค่ายหนานตู้ที่ทุ่มระดมทรัพยากรที่มีไปในการวิจัยทังสิ้น
หรืออย่างค่ายจินหยางและค่ายตวนที่ให้อิสระในการวิจัยซึ่งนำไปสู่การพัฒนาอย่างยิ่งใหญ่เพื่อเป็นการพัฒนาศักยภาพรอบด้านของทั้งค่าย
หรืออย่างซางจิงและค่ายเขี้ยวหมาป่า!ที่แอบวิจัยเพื่อการพัฒนาอย่างเงียบๆ ซ่อนสถาบันวิจัยไว้ที่ลึกที่สุดและไม่เปิดเผยข้อมูลออกมาแม้แต่คนในค่ายด้วยกัน
และซางฮั่นฉิงเองก็คือสมาชิกคนสำคัญของแผนกวิจัยลับของซางจิงก็มีหน้าที่รับผิดชอบโครงการระดับยักษ์ที่มีความสำคัญสูงสุดในแผนก…
ชีวเคมี
ซางฮั่นฉิงเรียบจบปริญญาเอกจากมหาวิทลัยซางจิงพ่อของเขาเป็นนายทหารชั้นสูงที่มีหน้ามีตาในยุคศิวิไลซ์ อัตลักษณ์ทั้งคู่นี้ทำให้เขากลายเป็นที่สนใจของผู้คนในยุคที่แล้วอย่างมาก
เทียบกับซางจิ่วตี้ที่เป็นลูกสาวนอกสมรสของซางเฉิงฮ่าวซึ่งมันผิดกฏหมายเขาได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นพลโทตั้งแต่เมื่อสองปีที่แล้วหลังจากเกิดการปะทุของโลกาวินาศขึ้น เขาไม่ได้สนใจใยดีลูกสาวของตัวเองเลยสักนิด อีกทั้งยังต้องการปกปิดตัวตนของซางจิ่วตี้อีกต่างหาก ถึงกับส่งเด็กสาวอายุน้อยไปฝึกในทีมสังหารเพื่อแลกกับการรักษาอำนาจและตำแหน่งของตนเองในกองทัพ
ทีมเขี้ยวหมาป่าสำรองที่ซางจิ่วตี้สังกัดอยู่นั้นเป็นทีมของหญิงสาวที่ถูกฝึกขึ้นมาเพื่อเป็นสายลับความสามารถนั้นเป็นรองแค่ทีมหลงยาและฮูหยา เหล่าผู้มีอำนาจทั้งหลายในซางจิงเองก็รู้เรื่องที่ซางจิ่วตี้ที่เป็นลูกสาวนอกสมรสดีแต่ก็ยอมหลับหูหลับตาไปเพราะซางเฉิงฮ่าวส่งก็ยอมลูกสาวตัวเองไปเป็นนักฆ่าที่มีฝีมือ
ถือว่าทำประโยชน์!
ซางจิ่วตี้เป็นเหมือนเหยื่อของครอบครัวนี้ดังนั้นซางฮั่นฉิงจึงเป็นคนที่คอยแอบดูแลน้องสาวของตัวเองมาตลอด ถึงขั้นกล้าเสี่ยงชีวิตมาขนาดนี้ในเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้เพื่อมาเมืองอันลู
มันเป็นเพราะทุกอย่างพังทลายเพราะการปะทุของโลกาวินาศซางจิ่วตี้ไม่ได้ทำตามแผนที่พ่อของเธอวางไว้เพื่อจะบรรลุเป้าหมายในชีวิต เนื่องจากเธอได้พบกับจุดเปลี่ยนครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของเธอ… เธอได้พบกับชูฮัน!
พันตรีหญิงที่อายุน้อยที่สุดในจีนพ่วงด้วยตำแหน่งลูกสาวของพลโทซางเฉิงฮ่าว อีกทั้งมีตำแหน่งเป็นผู้ดูแลค่ายเขี้ยวหมาป่า มีอำนาจรองแค่จากชูฮัน เธอได้กลายเป็นที่สนใจทั่วทั้งจีน
ไหนจะชื่อเสียงอันเลื่องลือของกองทัพเขี้ยวหมาป่าที่ชูฮันสร้างขึ้นมาอีกแม้แต่พลเอกตวนเจียงเหว่ยที่มีฉายาว่าหมาป่าเจ้าเล่ห์ก็ยังต้องรักษาความสุภาพต่อหน้าซางจิ่วตี้
แล้วซางเฉิงฮ่าวล่ะ?
เป็นพลโทแล้วยังไง?
ถ้าเจอพลเอกตวนเจียงเหว่ยคงขาสั่นจนยืนไม่อยู่ด้วยซ้ำ!
หลังจากความเงียบดำเนินไปพักหนึ่งหลิวยู่ติงที่แสนเบื่อหน่ายจนเกือบจะเผลอหลับ ทันใดนั้นมันก็มีเสียงจากนายทหารคนหนึ่งด้านนอกเต้นท์ดังขึ้นมาขัดความเงียบ “ท่านเหอเฟิง เฮลิคอปเตอร์จากซางจิงพร้อมจะออกเดินทางแล้วครับ กรุณา…”
นายทหารที่มารายงานไม่ได้เปิดผ้าใบเต้นท์ขึ้นเพราะว่านี้เองก็เป็นหนึ่งในแผนการที่เหอเฟิงและเกาช้าวฮุ่ยวางเอาไว้ก่อนที่จะเดินเข้ามาแล้ว
เหอเฟิงคิดไว้อย่างรอบคอบแผนการของเขาค่อนข้างสมบูรณ์แบบ นั่นก็คือพอเขาเข้ามาในเต้นท์ เขาจะเปิดเผยตัวเองเพื่อให้อีกฝ่ายตกใจและสงสัยว่ากองทัพเขี้ยวหมาป่ากำลังวางแผนจะทำอะไรเพื่อถ่วงเวลาให้อีกฝ่ายลืมสนใจเรื่องของชูฮันไปชั่วขณะ
จากนั้นทหารของกองทัพเขี้ยวหมาป่าที่อยู่อีกทางก็ต้องรีบลงมือให้เร็วที่สุดในการถ่ายโอนสินค้าทั้งหลายลงจากเฮลิคอปเตอร์ของซางจิงเพื่อกดดันให้อีกฝ่ายตกอยู่ในสถานะไม่มีทางเลือกและต้องออกไปจากที่ตั้งค่ายรบให้เร็วที่สุดสาเหตุนั้นไม่ได้มีแค่เพราะกลัวความลับของชูฮันจะแตกเท่านั้นแต่เป็นเพราะที่นี้คือสนามรบที่มีสงครามกำลังดำเนินอยู่… เขากลัวว่าคนของซางจิงอาจจะโดนลูกหลงของสงครามไปด้วยต่างหาก!
นี้มันคือใจกลางของสนามรบครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกาวินาศแม้ว่าในตอนนี้อาจจะยังไม่เห็นซอมบี้หรือลูกผสมโผล่มาสักตัว แต่ศัตรูสามารถโผล่ออกมาโดยที่เราไม่ทันตั้งตัวได้ทุกเมื่อ คนของซางจิงที่ไม่เคยเห็นคลื่นกองทัพซอมบี้มหาศาลคงจะนึกภาพไม่ออกว่าความเป็นจริงมันน่ากลัวและอันตรายมากขนาดไหน และถ้าคนของซางจิงเป็นอะไรขึ้นมา มันคงกลายเป็นเรื่องใหญ่โต?
ทันทีที่การโอนถ่ายสินค้าเสร็จเรียบร้อยนายทหารคนหนึ่งก็รีบวิ่งไปรายงานต่อเหอเฟิงตามคำสั่งทันที อีกทั้งยังใช้โทนน้ำเสียงที่ดูเร่งรีบและกังวลเพื่อสร้างแรงกดดันให้คนของซางจิงที่อยู่ในเต้นท์ไม่ทันมีเวลาได้คิดหาทางออก ทั้งหมดก็เพื่อทำให้คนจากซางจิงไม่มีโอกาสได้เข้าพบชูฮันและจากไปทันที
ในขณะเดียวกันพฤติกรรมเร่งรีบเช่นนี้ดูไม่ค่อยจะสอดคล้องกับรูปแบบการกระทำของชูฮันสักเท่าไหร่…ทว่าก็ไม่มีใครได้ทันสังเกตเรื่องนี้
ทุกคนคิดว่านี้เป็นความคิดของชูฮันทว่าความเป็นจริงมันไม่ใช่เลยสักนิด ในตอนที่เหอเฟิงตัดสินใจใช้แผนการนี้ เขาไม่ได้คิดเลยว่าคนของซางจิงที่มาขอเจอชูฮันจะกลายเป็นซางฮั่นฉิงพี่ชายของซางจิ่วตี้ไปได้!
ดังนั้นแผนการทุกอย่างแทบจะพลิกคว่ำในทันทีเหอเฟิงจึงจำเป็นต้องรีบปฏิรูปแผนการโดยด่วน พยายามด้นสดหาทางถ่วงเวลาซางฮั่นฉิงที่ฉลาดเป็นกรด
ซางฮั่นฉิงคว่ำปากเมื่อได้ยินเสียงรายงานจากนายทหารด้านนอกเต้นท์…ดูเหมือนว่าความเร็วในการโอนถ่ายสินค้าจะเร็วเหลือเกินประกอบกับคำพูดของเหอเฟิง ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะอยากให้เขารีบไปจากที่นี้เสียเหลือเกิน
ไม่ทันรอให้ซางฮั่นฉิงลุกขึ้นยืนเต็มตัวเหอเฟิงตัดสินใจชิงลงมือก่อน เขาก้าวออกไปสั่งการกับนายทหารด้านนอก “ให้พวกเขารีบขึ้นบินเดี๋ยวนี้เลย กองทัพซอมบี้กำลังมุ่งหน้ามาแล้ว เร็วเข้า ส่วนแขกจากซางจิงฉันส่งขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปแล้ว”
”เอ่อ…”นายทหารด้านนอกอ้ำอึ้งอยู่ครู่หนึ่งเพราะรู้ดีว่าแขกที่มายังคงอยู่ในเต้นท์อยู่ แต่ทำไมท่านเหอเฟิงถึงสั่งให้เฮลิคอปเตอร์บินไป หากนายทหารก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากตอบรับคำสั่ง “ครับ!”
จากนั้นก็มีเสียงฝีเท้าของนายทหารที่เดินจากออกไปทั้งสามคนที่อยู่ในเต้นท์ทั้งเหอเฟิง ซางฮั่นฉิงและหลิวยู่ติงต่างหัวใจเต้นเร็วจนแทบจะระเบิดออกมาจากอก!