หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง
”เกิดอะไรขึ้น?ทำไมถึงต้องรีบไล่เขาเป็นขนาดนั้น? นี้มันดูบังคับแบบโจ่งแจ้งไปรึเปล่า? หรือว่านายมีไอเดียอื่น? แล้วนี่นายเรียกเขาว่าพันตรีซางฮั่นฉิง? ฮ่าฮ่า ฉันพึ่งจะเข้าใจบทสนทนาของพวกนายก็ตอนนี้ เขาคือน้องสาวของเขาอยู่ที่ค่ายเรา? เอาล่ะ แล้วชูฮันทำอะไรกับน้องสาวเขา? ฉันไม่เข้าใจ?” หลิวยู่ติงเดินเข้ามาหาเหอเฟิงและเอ่ยคำถามรัวด้วยความวิตก
บทสนทนาระหว่างเหอเฟิงและซางฮั่นฉิงไม่มีชื่อของซางจิ่วตี้หลุดออกมาเลยจึงทำให้หลิวยู่ติงที่ไม่ได้รู้เรื่องราวในอดีตของซางจิ่วตี้งุนงงกับบทสนทนาของทั้งคู่
ทั้งสองเดินเคียงบ่ากันไปที่เต้นท์ของเกาช้าวฮุ่ยโดยที่เหอเฟิงเงียบมาตลอดทางจนะกระทั่งผ้าใบเต้นท์ถูกเลิกเปิดออกและพวกเขาเข้าไปอยู้ข้างในแล้ว
เหอเฟิงสูดหายใจเข้าลึกจ้องหน้ากับเกาช้าวฮุ่ย “พี่ชายของซางจิ่วตี้…ซางฮั่นฉิงมาที่นี้ดูเหมือนว่าจะมีเรื่องสำคัญที่ต้องบอกซางจิ่วตี้ ท่านรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้มากแค่ไหน?”
เหอเฟิงรู้ดีว่าตระกูลลึกลับนั้นมีข้อมูลในการควบคุมมหาศาลถ้าเกาช้าวฮุ่ยและชูฮันติดต่อกัน เขาก็น่าจะมีสิทธิถามเรื่องนี้จากเกาช้าวฮุ่ยได้
”!!!”หลิวยู่ติงตกใจจนพูดไม่ออก นัยน์ตาดำหดตัวอย่างแรง…ซางฮั่นฉิง ซางจิ่วตี้?
แม่ง!
เพราะงี้สินะ
ต่อมาหลิวยู่ติงก็มองเหอเฟิงและเกาช้าวฮุ่ยด้วยสายตาประหลาดใจเมื่อกี้เหอเฟิงพูดว่าอะไรนะ? มีข้อความสำคัญ? พวกเขาแค่พูดคุยตอบโต้กันไปมา เหอเฟิงรู้ได้ยังไง?
เขาพลาดอะไรไป!
เกาช้าวฮุ่ยอึ้งเล็กน้อยหากก็พยายามนึกอยู่ในหัว คิ้วขมวดอยู่พักหนึ่งก่อนจะเงยหน้าขึ้นมา “นายยังไม่บอกว่าข้อความอะไร แล้วฉันจะรู้ได้ยังไงว่าสิ่งที่ฉันรู้เป็นเรื่องเดียวกับที่นายอยากรู้?”
เหอเฟิงและหลิวยู่ติงที่รอคำตอบอย่างกระวนกระวานแต่ทันทีที่ได้ยินคำพูดของเกาช้าวฮุ่ยพวกเขาก็อารมณ์เดือดจนควันออกหู เหอเฟิงพยายามกลั้นอามณ์อยู่พักหนึ่งก่อนจะเอ่ยถามอีกไป “ซางฮั่นฉิงบอกกว่ามีคนคนหนึ่งช่วยเขาให้ได้มาที่นี้ และตอนนี้ซางฮั่นฉิงก็ติดอยู่ที่นี้ไม่สามารถกลับไปซางจิงได้แล้ว”
หลิวยู่ติงเริ่มเข้าใจบ้างส่วนหนึ่งและแอบประหลาดใจกับท่าทางของเหอเฟิงไม่น้อย”ฉันรู้แล้ว! คนที่แอบช่วยซางฮั่นฉิงหนีมากำลังตกอยู่ปัญหา! และในเวลาเดียวกันซางฮั่นฉิงเองก็ได้เปิดเผยเจตนาที่แท้จริงของตัวเองให้ซางจิงรู้ว่าไม่ต้องการอยู่ที่นั่น! ใช่ เหอเฟิง นายสามารถเค้นข้อมูลสำคัญจากซางฮั่นฉิงก็ได้นี้ ทำไมนายไม่มอบหมายหน้าที่ให้หน่วยข่าวกรองลับไปทำการวิเคราะห์มาล่ะ?” ”หุบปาก!”เหอเฟิงเกรี้ยวกราดจนแทบจะกินหัวหลิวยู่ติง การกระทำของเขาเป็นไปตามธรรมชาติ ไม่มีการดึงเชิงอย่างที่ผ่านมา
เห็นได้ชัดว่าตลอดหลายวันที่ผ่านมาเหอเฟิงได้กลายเป็นหนึ่งในสมาชิกของเขี้ยวหมาป่าและเข้าร่วมในวังวนเดียวกันไปแล้ว เขากลายเป็นหนึ่งในเพื่อนพ้องที่ร่วมสู้รบเคียงบ่าเคียงไหล่ทุกคนอย่างสมบูรณ์แบบ
หลิวยู่ติงไม่โกรธเลยสักนิดแถมยังแอบรู้สึกดีซะด้วยซ้ำเขารู้ดีว่าตั้งแต่ที่ชูฮันจงใจมอบตำแหน่งราวกับยมทูตในสายตาเหล่าเพื่อนทหาร ทุกคนก็ไม่กล้าจะพูดคุยหรือปฏิบัติตัวแบบธรรมชาติกับเขาอีกเลย…
เกาช้าวฮุ่ยที่นั่งอยู่บนเก้าอี้นั่งยิ้มพร้อมลูบปลายจมูกตัวเองไปมา “โอ้ นี้มันเรื่องบังเอิญชัดๆ ฉันเคยได้ยินเรื่องนี้ แต่ถึงอย่างไรก็ตามนี้มันเรื่องใหญ่เลยนะ ทำไมฉันถึงควรจะบอกนาย?”
เหอเฟิงและหลิวยู่ติงหมดคำพูดทันทีโดยเฉพาะเหอเฟิงที่อยากจะตะคอกและตบหน้าเรียกสติเกาช้าวฮุ่ยสักที แต่ถ้าทำแบบนั้นเขาอาจจะตายทันทีเลยก็เป็นได้…
”แค่บอกว่า…เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชูฮันมั้ย?”เหอเฟิงยอมถอยก้าวหนึ่ง “ตราบใดที่มันเกี่ยวข้องกับชูฮัน มันก็เกี่ยวข้องกับพวกเราทั้งหมดในเขี้ยวหมาป่า ในฐานะที่ฉันเป็นผู้รักษาการณ์ของชูฮัน ฉันมีหน้าที่จำเป็นที่จะต้องเข้าใจสถานการณ์จริงทั้งหมดเพื่อทำการตัดสินใจ”
”อืม”เกาช้าวฮุ่ยตะลึง ก่อนที่นัยน์ตาสีอำพันจะเรืองแสงความเจ้าเล่ห์ออกมา “ถ้าอย่างนั้น เรามาทำข้อตกลงกัน ถ้าฉันบอกสิ่งที่นายอยากรู้ นายสัญญาว่าจะช่วยฉันอัดชูฮันคืนสักที”
ดูเหมือนว่าเกาช้าวฮุ่ยเองก็ถูกชูฮันข่มเหงมาไม่น้อยคงอยากจะเอาคืนสินะ
แต่มันยากที่จะจัดการชูฮันทั้งสามคนในตอนนี้รู้นิสัยของชูฮันดี และการจะอัดชูฮันนั้น?…
มันยากยิ่งกว่าอะไรทั้งนั้น! เหอเฟิงกัดฟันแน่นหากก็ตอบ”ตกลง!”
เหอเฟิงกระวนกระวายอยากจะรู้สถานการณ์แท้จริงให้ได้นี้มันไม่ได้เกี่ยวข้องแค่กับซางจิ่วตี้เท่านั้น แต่มันยังโยงไปถึงซางจิงและชูฮันอีก เพราะงั้นเหอเฟิงถึงยอมรับปากออกไปก่อน เขาจำเป็นต้องรู้
อีกอย่างเกาช้าวฮุ่ยเองก็ไม่ได้บอกว่าเส้นตายคือเมื่อไหร่นี่นา?
พอชูฮันกลับมาเขาจะรอสัก 50 ปีแล้วค่อยหาทางวางแผนเพื่ออัดชูฮันสักทีก็ยังไม่ผิดข้อตกลง
หลิวยู่ติงที่รู้ดีว่าเหอเฟิงคิดอะไรอยู่เพราะแววตาร้ายกาจของเหอเฟิงมันคล้ายคลึงกับชูฮันในยามที่กำลังคิดแผนหลอกล่อเจ้าเล่ห์
เหอเฟิงนายเรียนรู้ความร้ายกาจมาจากชูฮันแล้ว…
”อะแฮ่ม!อะแฮ่ม!” เกาช้าวฮุ่ยกระแอมลำคอ เนื่องจากก่อนหน้านี้เขายังคงนั่งนอนสบายๆอยู่เลยไม่ได้ทันสังเกตเห็นแววตาเจ้าเล่ห์ของเหอเฟิง “ที่จริง เรื่องนี้เป็นฝีมือของชูฮัน ไม่มีใครรู้ แต่คาดว่าชูฮันเป็นคนวางแผนดำเนินการครั้งนี้เองทั้งหมด”
”ก่อนอื่นเลยเหอเฟิง…นายเลือกที่จะกักตัวซางฮั่นฉิงเอาไว้ที่นี้ ซึ่งมันสอดคล้องกับหมากที่ชูฮันวางไว้อย่างสมบูรณ์แบบ ตัวชูฮันเองก็น่าจะต้องการให้เป็นแบบนี้ ชูฮันจะยอมเสี่ยงทุกอย่างเพื่อให้ซางฮั่นฉิงอยู่ที่นี้และไม่ได้กลับไปซางจิงอีก”
”แต่ฉันไม่ได้รู้ทั้งหมด”เกาช้าวฮุ่ยแตะปลายจมูกตัวเองอย่างใช้ความคิดก่อนจะพูดต่อ “ชูฮันเจอคนคนหนึ่ง ซึ่งฉันก็ไม่รู้ข้อมูลหรือชื่อของคนคนนี้เลย แต่ฉันรู้ว่าคนคนนี้เป็นสายอยู่ในซางจิงและเป้าหมายของเขาก็คือซางฮั่นฉิง ฉันรู้แค่ว่าเป้าหมายที่ชูฮันส่งคนคนนี้ไปคือเพื่อตามหาคือพี่ชายของซางจิ่วตี้ แต่ฉันไม่รู้ว่าเขาคนคนนั้นคือซางฮั่นฉิงและไม่รู้ว่าคนที่ทำงานให้ชูฮันเป็นใคร”
”อิงจากที่เรารู้ที่ซางฮั่นฉิงบอกว่ามีคนช่วยเหลือให้เขาได้ลอบหนีมา คนคนนี้น่าจะเป็นคนเดียวกับที่ชูฮันส่งตัวไป หรือคิดว่ามันจะมีเรื่องบังเอิญได้ขนาดนั้นในโลกนี้?” เกาช้าวฮุ่ยยักไหล่ ก่อนจะพูดต่อ “ซางฮั่นฉิงมาที่นี้โดยแอบลอบหนีมากับเฮลิคอปเตอร์ลำเสียงสินค้า ซึ่งมันมีโอกาสน้อยมากที่จะโดนจับได้ แผนการของชูฮันสมบูรณ์แบบมาก และสายลับที่ชูฮันส่งไปก็ทำงานได้ยอดเยี่ยม!”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นแววตาของหลิวยู่ติงและเหอเฟิงเองก็มีประกายความชื่นชมต่อความเก่งกาจและการคาดการณ์ของชูฮันอย่างชัดเจน
ถ้ามีคนอื่นเผชิญหน้ากับสถานการณ์นี้เรื่องราวมันคงยุ่งเหยิงจนกู่ไม่กลับแล้วแน่นอน แต่เป็นเพราะว่าเหอเฟิงซึ่งเป็นคนที่มีบุคลิกและลักษณะความคิดใกล้เคียงกับชูฮันอย่างมาก ทำให้การตัดสินใจยามที่เจอสถานการณ์ที่ไม่รู้จักหรือคุ้นเคย จึงมีความเป็นไปได้ที่สัญชาตญาณของเหอเฟิงจะตัดสินใจไปในทิศทางเดียวกับชูฮัน เวลานี้หินก้อนใหญ่ที่เคยถ่วงอยู่ในใจเหอเฟิงได้หายไปแล้ว เขาสบายใจและเริ่มหายใจคล่องจมูก ความกลัวที่เกาะกินหัวใจว่าตัวเองจะตัดสินใจผิดๆและนำไปสู่การทำลายแผนการของชูฮันก็ได้หายไปอย่างสิ้นเชิง…