”เดี๋ยว”หลิวยู่ติงมองเหอเฟิงด้วยแววตาไม่เข้าใจ “แล้วยังไงต่อ? มันยังไม่จบเหรอ?”
ชูฮันแอบส่งคนเข้าไปลับๆเพื่อล่อลวงซางฮั่นฉิงให้มาที่นี้ซึ่งในตอนนี้ก็ติดอยู่ที่นี้ภายในค่ายรบของกองทัพเขี้ยวหมาป่า ภายใต้การป้องกันหลายชั้นที่มี มันเป็นไปไม่ได้เลยที่อีกฝ่ายจะสามารถหนีออกไปจากเต้นท์ได้ และในเมื่อเป้าหมายของชูฮันบรรลุแล้ว
ทำไมถึงยังไม่จบ?ยังมีอะไรต่ออีก?
เหอเฟิงไม่ได้ตอบคำถามของหลิวยู่ติงแต่สายตาคมราวเหยี่ยวนั้นจับจ้องไปที่เกาช้าวฮุ่ย
เกาช้าวฮุ่ยเหลือบตามาสบตากับเหอเฟิงมีประกายซับซ้อนหลากหลายอารมณ์สะท้อนออกกมาจนยากที่จะตีความได้ “นายรู้ได้ยังไงว่าเรื่องมันยังไม่จบ?”
เหอเฟิงตอบกลับมาเพียงสั้นๆ”ฉันได้กลิ่น”
มีแต่การคาดการณ์ล้วนๆว่าเหอเฟิงได้ข้อสรุปกับตัวเองแล้วว่าเรื่องราวมันต้องยังไม่จบ…มันเรียบง่ายเกินไป!
เกาช้าวฮุ่ยพยักหน้ารับพร้อมยิ้มอย่างมีเลศนัยออกมา”ฉันพึ่งมาอยู่ได้ไม่นาน ยังคงต้องเรียนรู้อีกมาก และฉันก็ได้พบว่าเขี้ยวหมาป่ามีคนที่มีความสามารถอยู่ไม่น้อย ไม่แปลกใจเลยว่าทั้งๆที่ไม่มีความเป็นมาหรือพื้นหลังใดๆแต่ทำไมเขี้ยวหมาป่าถึงผงาดขึ้นมาได้ขนาดนี้ นี้ชูฮันมีความสามารถในการคัดเลือกแต่ละคนมาเข้าร่วมด้วยหรือไงกัน?”
เหอเฟิงไม่เข้าใจประเด็นที่เกาช้าวฮุ่ยต้องการจะสื่อ”แล้วยังไงครับ?”
เกาช้าวฮุ่ยหัวเราะในลำคอ”ที่จริงฉันทำตามข้อตกลงแล้ว ถือว่าหน้าที่ของฉันเสร็จเรียบร้อย แต่ก็นะอย่างที่นายคิดนั่นแหละ เรื่องมันแยกเป็นคนละเหตุการณ์กัน อย่างไรก็ตามผลที่ตามมาของการกระทำหนึ่งก็ได้ส่งผลไปอีกเหตุการณ์หนึ่ง แม้จะไม่ได้มากมายและสิ่งที่ฉันรู้ก็มีแค่แผนการของชูฮันนั้นสามารถหลอกล่อให้ซางฮั่นฉิงมายังเขี้ยวหมาป่าได้โดยสมัครใจ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นหลิวยู่ติงก็โพล่งถามขึ้นมาทันที “แล้วอีกเหตุการณ์ล่ะ?”
เกาช้าวฮุ่ยเลือกที่จะเงียบแต่ทั้งสองคนอย่างเหอเฟิงและหลิวยู่ติงก็เข้าใจได้ในทันทีว่าแผนการลักพาตัวซางฮั่นฉิงของชูฮันได้ถูกเปิดเผยแล้ว ไม่รู้ว่าตอนนี้มีใครรู้เรื่องบางแล้ว ความรู้สึกไร้อำนาจและโดนเหยียดหยามได้เกิดขึ้นกับหลายๆคนไปแล้ว ดังนั้นสิ่งที่ต้องมุ่งความสนใจไปในเวลานี้คือสิ่งที่หลิวยู่ติงถาม…
แล้วมันจะเป็นยังไงต่อ?
เกาช้าวฮุ่ยยิ้มมุมปากแสดงท่าทางขี้เล่นราวกับเจอบางอย่างที่ถูกใจซึ่งมันเป็นสีหน้าที่ทุกคนเห็นชูฮันมักทำบ่อยๆ ทำไมอีกฝ่ายถึงดูเหมือนชูฮันได้มากขนาดนี้? แล้วยิ่งสิ่งที่เกาช้าวฮุ่ยพูดออกมามันทำให้เหอเฟิงและหลิวยู่ติงตกใจจนตัวแข็งทื่อ
”คิดดูสิ…”เกาช้าวฮุ่ยพูดช้าๆอย่างจงใจยั่วเย้าคนฟัง “ทำไมจู่ๆค่ายจินหยางถึงได้มีพลเอกสองคนขึ้นมาได้? แล้วจงไคที่โดนเหยียดหยามอย่างแรงจนอับอายไปทั่วที่ค่ายหนานตู้ ทำไมพอกลับไปที่ค่ายตัวเองจู่ๆกลับได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นเป็นพลเอก? ทุกอย่างมันเป็นเหตุจงใจหรือความบังเอิญกันแน่ แถมยังเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่กองทัพลูกผสมต้องการจะทำลายเขี้ยวหมาป่า?”
ปัญหาสามข้อถูกพูดออกมาติดๆกันทั้งเต้นท์พลันตกอยู่ในความเงียบสนิท หลิวยู่ติงจู่ๆเริ่มหายใจเข้าออกรุนแรง เหอเฟิงเบิกตาโตด้วยความตะลึง ทั้งคู่หน้าตาคิ้วขมวดและเริ่มจมลงไปในความคิดของตัวเอง
”เรื่องนี้มันโยงกับการที่ชูฮันลักพาตัวซางฮั่นฉิงด้วยมั้ย?” หลิวยู่ติงที่เริ่มคิดบางอย่างได้เอ่ยถามเกาช้าวฮุ่ย
มันจะต้องมีความเชื่อมโยงระหว่างสองคนนี้แน่นอน!
”กรุณาอธิบายให้ชัดเจนที”จู่ๆเหอเฟิงก็นั่งลงที่เก้าอี้ทันที น้ำเสียงหม่นๆแฝงไปด้วยความตึงเครียด จากนั้นก็เอื้อมมือออกมากุมถ้วยน้ำชาไว้ในมือ
”อืมการพัฒนาของเหตุกาณ์ทุกอย่างมันค่อนข้างน่าทึ่งเลยแหละ” เกาช้าวฮุ่ยที่ชื่นชอบยามได้เห็นคนอื่นกระวนกระวายก็ฉีกยิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดี โดยไม่คำนึงถึงหน้าดำคร่ำเครียดของเหอเฟิงและหลิวยู่ติงเลย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหอเฟิงที่อยากจะฆ่าเกาช้าวฮุ่ยจนแทบทนไม่ไหว แต่ติดตรงที่พละกำลังและตัวตนซึ่งเป็นช่องว่างมหึมหาระหว่างทั้งสอง เขาจึงจำเป็นต้องทนมันเอาไว้
เชื่อมโยงเรื่องพลเอกสองคนในค่ายจินหยาง…เรื่องจริงจังและใหญ่ขนาดนี้ไอ้เด็กนี้มันยังมีอารมณ์มาเล่นยั่วอีก?
”อะฮึ่ม!”เกาช้าวฮุ่ยกระแอมในลำคอ เมินสายตาของเหอเฟิง จากนั้นก็พูดขึ้นมาด้วยท่าทางร่าเริงอย่างไม่สนใจบรรยากาศในเต้นท์เลยแม้แต่น้อย “ฉันมองว่าคนที่ชูฮันส่งไปลักพาตัวซางฮั่นฉิง ด้วยกระบวนการทั้งหมด บุคคลๆนั้นจะต้องเป็นมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ระยะสูงที่เป็นคนในของซางจิงอยู่แล้ว”
”เป็นมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ระยะสูงเหรอ?!”หลิวยู่ติงตกใจไม่น้อย
”มาจากหน่วยกองกำลังไหน?”เหอเฟิงยิ่งอยากรู้เข้าไปอีก
”อย่าใจร้อนสิฉันยังพูดไม่จบ!” เกาช้าวฮุ่ยกัดฟันตอบด้วยความไม่พอใจเล็กน้อยที่เหอเฟิงและหลิวยู่ติงใจร้อนเกินไป “ที่น่ากลัวหลังจากรู้เรื่องนี้คือ แม้ว่าคนคนนี้จะไม่ได้มีส่วนร่วมทั้งหมดเพราะว่าเขาเลือกที่จะเป็นศัตรูกับชูฮันในบางเรื่อง”
แววตาของเหอเฟิงมีประกายวาว”อีกฝ่ายจะต้องเป็นมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ระยะสูงมากแน่ เขามีตำแหน่งอะไรในซางจิง?”
เมื่อได้เห็นท่าทางอยากรู้จนกระวนกระวายของเหอเฟิงเกาช้าวฮุ่ยก็ยิ่งพอใจ “เหอเฟิง…คนคนนี้เคยเป็นหนึ่งในผู้ใต้บังคับบัญชาของนาย เป็นคนที่เคยเหยียบเท้าฉันจนได้เลือด นายลองเดาดูสิว่าใคร?” เมื่อได้ยินเช่นนั้นจู่ๆเหอเฟิงและหลิวยู่ติงก็ตะลึงค้าง มีสองชื่อโผล่ขึ้นมาในหัวของเหอเฟิงทันที ข้อมูลที่เกาช้าวฮุ่ยให้มานั้นมันตีกรอบคนน่าสงสัยให้เหลือแคบมาก คำว่าเคยเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของเขามาก่อน…แสดงว่าคนคนนั้นจะต้องเป็นหนึ่งในสมาชิกของทีมหลงยาและฮูหยา
และยังเป็นคนที่สามารถหยุดเกาช้าวฮุ่ยได้เมื่อครั้งที่เกาช้าวฮุ่ยเกิดคลั่งและถล่มซางจิงจนเละเทะตอนนั้นเกาช้าวฮุ่ยถูกเขี้ยวมังกรและฟานจัดการ
แสดงว่าเขี้ยวมังกรหรือฟาน!หนึ่งในนี้…ทรยศเขา?!
เขี้ยวมังกรและฟานซึ่งเป็นสมาชิกของทีมหลงยาที่แข็งแกร่งที่สุดในจีน
ทำไมถึงทำแบบนั้น?
”ฟาน…”หลังจากขบคิดอย่างเงียบๆอยู่พักหนึ่ง เหอเฟิงก็พึมพำชื่อของฟานออกมา ที่จริงแล้วเหอเฟิงไม่เชื่อเลยสักนิดว่าคนทรยศจะเป็นคนของหลงยาซะเอง แต่เป็นเพราะว่าฟานนั้นถูกพาตัวมาทีมหลงยาอย่างลึกลับซึ่งในตอนนั้นฟานได้แสดงความสามารถในการต่อสู้ชั้นสูง ทำให้เหอเฟิงต้องยอมรับว่าฟานเป็นผู้หญิงที่เก่งมากจริงๆ
ผู้หญิงที่สามารถเข้าร่วมเป็นหนึ่งในทีมพิเศษอันดับหนึ่งของจีนได้…
ทว่าทันทีที่โลกาวินาศปะทุออกมาทุกอย่างก็กลายเป็นศูนย์ สิ่งที่สั่งสมมาตลอดระยะเวลาทั้งหมดกลายเป็นศูนย์เปล่า…
เหงื่อเย็นๆไหลซึมแผ่นหลังของเหอเฟิงนัยน์ตาดำหดวูบอย่างแรง ถ้าฟานทรยศเขา มันจะต้องมาจากปัจจัยที่ฝังลึกมาเป็นเวลายาวนานและไม่เคยเปิดเผยมาก่อน และก็ถูกกระตุ้นเพราะการเข้าสู่โลกาวินาศ สิ่งต่างๆมากมายได้เปลี่ยนวิถีไป ทำให้เธอมีโอกาสมากขึ้นที่จะทำมันสำเร็จ
และอำนาจที่อยู่เบื้องหลังของฟานนั้นมันไม่ยากที่จะเดาเลย…
จากต่างแดน! ”นายเดาได้เหรอ?”เห็นได้ชัดว่าเกาช้าวฮุ่ยไม่คิดว่าเหอเฟิงจะเดาออกมาได้ถูกเลยในครั้งแรก “งั้นเดาต่อสิว่าทำไมเธอถึงเลือกที่จะทรยศนายและเลือกอยู่ฝั่งตรงข้ามกับชูฮัน?”
”เป็นเรื่องจริงสินะ?”เหอเฟิงแสยะยิ้ม “ฉันได้ส่งฟานไปอย่างลับๆไปตามค่ายต่างๆเพื่อส่งข่าวให้ไปช่วยเหลือค่ายเขี้ยวหมาป่า เพื่อที่ค่ายอื่นๆทั้งหลายจะได้ไม่เข้าใจผิดตามความตั้งใจจริงของซางจิง ทว่าผลลัพธ์ก็คือไม่มีค่ายไหนส่งความช่วยเหลือไปยังค่ายเขี้ยวหมาป่าเลย แต่กลับมีการแต่งตั้งพลเอกเพิ่มอีกหนึ่งในค่ายจินหยาง”