บทที่ 2311 ลูกใคร / บทที่ 2312 ลูกใคร 2

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 2311 ลูกใคร

‘สอบถามมาหรือยังว่าหวาซวี่เยวี่ยเจ้าของหมาป่าเงินตัวนั้นเป็นใครกันแน่?’

‘ได้ยินหลัวเจิ้งบอกว่า เขากับหวาซวี่เยวี่ยเพียงบังเอิญรู้จักกัน เพียงคอยช่วยเหลือดูแลกันเท่านั้น องค์หญิงโปรดวางพระทัย ในเมื่อหวาซวี่เยวี่ยนางนั้นเป็นคนค้าขาย คิดว่าคงมิใช่ยอดฝีมืออันใด นางทิ้งบุตรกับหมาป่าเงินแล้วหายไปนานขนาดนั้น อาจจะไปหาชายชู้อันใดแล้วก็ได้ เมื่อครู่ได้ยินมาจากยามเฝ้าประตู นางมาสืบถามข่าวที่จวนองค์หญิงของพวกเรา ตามหาลูกกับหมาป่าเงิน ถูกไล่ไปแล้วเพคะ ด้วยความสามารถของนางคงทำได้เพียงหาทางไปเอาเรื่องกับหลัวเจิ้ง มาก่อปัญหาที่จวนองค์หญิงของพวกเราไม่ได้แล้วเพคะ…’

‘พวกเขาเป็นเพียงชาวบ้านชั้นต่ำจากด้านนอกเท่านั้น ไม่ควรค่าให้กังวล ตามความเห็นของบ่าวแล้ว ไม่ควรจะให้เขาเลยสักกษาปณ์เพคะ! ถึงอย่างไรก็มิใช่ของๆ เขา…’

‘เขารู้ความอย่างหาได้ยากเช่นนี้ ก็ควรจะตกรางวัลเขา…’

….

บทสนทนาประโยคแล้วประโยคเล่าแว่วออกมาจากยันต์บันทึกเสียง เป็นบทสนทนาในตอนนั้นขององค์หญิงน้อยกับนางกำนัลเย่ ทุกประโยคฉะฉานชัดเจน ไม่ผิดเพี้ยนเลยสักนิด

ฝูงชนตกตะลึง

บทสนทนาเหล่านี้ช่างเป็นหลักฐานที่ประจักษ์แจ้งโดยแท้!

ยืนยันได้ว่าหลังจากนายบ่าวคู่นี้ต้องตาหมาป่าเงินแล้ว ไม่เพียงแต่บังคับเพื่อซื้อมาเท่านั้น ยังคิดจะสังหารหลัวเจิ้งเพื่อปิดปากด้วย เลี่ยงไม่ให้หวาซวี่เยวี่ยเจ้าของเดิมของหมาป่าเงินมาตามหา…

และยืนยันได้ว่าข้อหาที่องค์หญิงน้อยยัดเยียดให้กู้ซีจิ่วเป็นเรื่องโกหกพกลมทั้งสิ้น ที่บอกว่านางรวมหัวกับหลัวเจิ้งมาหลอกเอาเงินจากจวนองค์หญิงก็เป็นเรื่องเหลวไหลทั้งเพ!

เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าเป็นพวกนางนายบ่าวที่วางแผนชิงทรัพย์สินผู้อื่น…

สายตาที่ทอแววอยากไม่จะเชื่อมากมายหันเหไปที่พวกองค์หญิงย่วนย่วนนายบ่าว…

ถึงแม้ชาวมารจะกระทำการไร้ขีดจำกัดเสมอมา เรื่องราวชั่วร้ายก็ทำกันมาไม่น้อย ทว่าองค์หญิงย่วนย่วนวางตัวเป็นแม่พระ ใจดีมีเมตตาเสมอมา วันนี้ภาพลักษณ์จึงพังทลายแล้ว…

“ของปลอม! เป็นของปลอม!”

“นี่ไม่มีทางเป็นเรื่องจริง! นางต้องจงใจใช้วิชาเลียนเสียงปลอมเป็นองค์หญิงอย่างข้าและนางกำนัล แล้วพูดเรื่องพวกนี้ออกมาแน่นอน…”

ดวงหน้าเฉิดฉันขององค์หญิงย่วนย่วนเดี๋ยวเขียวเดี๋ยวซีดสลับกันไปมา

นางนึกไม่ถึงเลยว่ากู้ซีจิ่วจะยังมีไพ่ตายเช่นนี้อยู่ เป็นไม้ตายจริงๆ! เปิดโปงนางออกมาหมดแล้ว!

มิน่าเล่าก่อนหน้านี้กู้ซีจิ่วถึงได้ร้องตะโกนดึงดูดให้คนมามุงดู ที่แท้ก็เพื่อช่วงเวลานี้!

สตรีนางนี้ช่างวางแผนได้ล้ำลึกเหลือเกิน!

ไม่น่าเชื่อว่าจะทำให้นางติดกับได้…

องค์หญิงย่วนย่วนโมโหจนแทบกระอักเลือดแล้ว นางคิดจะชิงยันต์บันทึกเสียงแผ่นนั้นอยู่หลายครั้ง แต่ตี้ฝูอีก็ยืนอยู่ที่นี่ด้วย ถ้านางเข้าไปยื้อแย่งก็จะถูกมองว่ากินปูนร้อนท้อง…

ยิ่งไปกว่านั้นคือกู้ซีจิ่วเจ้าเล่ห์ยิ่งกว่าจิ้งจอกเสียอีก ต่อให้นางลงมือแย่งชิงก็ใช่ว่าจะชิงมาได้

ดังนั้นนางจึงตัดสินใจ ให้ตายอย่างไรก็ไม่ยอมรับเสียเลย บอกว่าอีกฝ่ายเล่นเล่ห์ ปลอมแปลง…

“พี่ใหญ่ นางจงใจปลอมแปลงเพื่อให้ร้ายย่วนย่วน! พี่ใหญ่ ท่านต้องตัดสินให้ย่วนย่วน…”

ย่วนย่วนตกอยู่ในความร้อนรน คิดจะเข้าไปเขย่าแขนเสื้อตี้ฝูอีเพื่อเว้าวอน

เป็นอย่างที่คาดไว้ นางยังคงคว้าได้เพียงความว่างเปล่า…

ตี้ฝูอีเพียงถอยหลังไปเล็กน้อย หลบหลีกการคว้าดึงของนาง

นางยังคงเข้าใกล้เขาอย่างแท้จริงมิได้…

ความขุ่นเคืองพาดผ่านนัยน์ตาของนางแวบหนึ่ง มองดูตี้ฝูอีน้ำตาคลอเบ้า แลดูน่าสงสาร

กู้ซีจิ่วหยักยิ้มมุมปากบางๆ แวบหนึ่ง

“ปลอมแปลง?” เธอมองไปทางตี้ฝูอี

“ข้าจำได้ว่าท่านราชันย์มารมีทักษะในการแยกแยะพิจารณา สามารถแยกแยะได้ว่าเสียงในยันต์บันทึกเป็นของจริงหรือไม่…”

เธอสะบัดมือ โยนยันต์บันทึกเสียงแผ่นนั้นให้ตี้ฝูอี ตี้ฝูอีก็ทำได้เพียงรับไว้

กู้ซีจิ่วยิ้มอีกแวบหนึ่ง

“องค์หญิงย่วนย่วน ท่านราชันย์มารเป็นพี่ใหญ่ที่รักถนอมท่านเป็นที่สุด เขาคงจะเข้าข้างเพียงท่านไม่เข้าข้างข้า ยิ่งไม่มีทางทำร้ายท่านด้วย ผลพิสูจน์ที่มาจากเขาท่านคงเชื่อถือแน่นอนกระมัง?!”

องค์หญิงย่วนย่วนนิ่งงัน เรื่องนี้นางเถียงไม่ออกจริงๆ

ตี้ฝูอีกลับแข็งทื่อไปครู่หนึ่ง หัวใจดุจถูกเข็มทิ่มแทง

————————————————————————————-

บทที่ 2312 ลูกใคร 2

เขามองไปที่กู้ซีจิ่ว ตั้งแต่ต้นจนจบกู้ซีจิ่วยิ้มน้อยๆ มุมปากยกยิ้มบางๆ ทำให้คนมองอารมณ์ของนางไม่ออก และเดาความคิดของนางไม่ออกด้วย

นางมองเขาอย่างใจกว้างผ่าเผย

“ข้าเพียงต้องการให้ท่านราชันย์มารพูดความจริง ตัดสินอย่างเป็นธรรม”

นางเรียกท่านราชันย์มารอย่างเต็มปากเต็มคำ สุภาพนอบน้อมต่อเขา

คล้ายว่าสำหรับนางแล้ว เขาเป็นเพียงราชันย์มารแห่งอาณาจักรมารจริงๆ ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับนางเลย…

มือของตี้ฝูอีพลันกำแน่นอยู่ในแขนเสื้อ ยิ้มน้อยๆ เช่นกัน

“ไม่นึกเลยว่าเจ้าจะยังจดจำได้ว่าข้ามีทักษะใด…”

เขาเป็นวิชาพินิจแยกแยะประเภทนั้นจริงๆ เพียงแต่น้อยครั้งนักที่จะใช้ออกมา ตอนอยู่ดินแดนเบื้องบนก็เคยใช้ออกมาเพียงสองครั้งเท่านั้น ซ้ำมิได้ใช้ต่อหน้านางด้วย มีคนรู้แค่ไม่กี่คนเท่านั้น

ไม่เคยใช้ที่แดนอสุราแห่งนี้เลย ไม่นึกเลยว่านางจะรู้ด้วย…

กู้ซีจิ่วยิ้มนิดๆ

“เชิญท่านราชันย์มาตัดสินเถิด”

สายตาของทุกคนก็หันเหมาที่ร่างตี้ฝูอีเช่นกัน รอคอยผลตัดสินจากเขา…

เขากะน้ำหนักของยันต์แผ่นนั้น มีแสงสีขาวผุดออกมาจากฝ่ามือ ครอบคลุมยันต์บันทึกเสียงแผ่นนั้น…

ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็ดึงพลังกลับ มององค์หญิงย่วนย่วนแวบหนึ่ง สายตานี้เยียบเย็นยิ่ง ทำให้นางหนาวสะท้านทันที

จากนั้นตี้ฝูอีก็เอ่ยเสียงเรียบว่า

“ยันต์บันทึกเสียงแผ่นนี้เป็นของจริง! เสียงที่อยู่ข้างในก็ไร้ร่องรอยการปลอมแปลง เป็นของจริงเช่นกัน”

ฝูงชนแตกตื่นแล้ว!

สายตายามที่มองดูองค์หญิงย่วนย่วนอีกครั้งเจือความรู้สึกคล้ายภาพลักษณ์ของไอดอลเอาไว้พังทลายลงแล้ว ภาพลักษณ์สูงส่งดีงามของนางที่มีอยู่ในใจพังย่อยยับในชั่วพริบตา

เนื่องจากต้องให้ตี้ฝูอีพินิจตัดสิน ดังนั้นยันต์บันทึกเสียงจึงถูกปิดไว้ชั่วคราว ตี้ฝูอีเขย่ายันต์บันทึกเสียงในฝ่ามือดู

“ช่วงหลังยังมีเนื้อหาอยู่ไม่น้อยเลย ในเมื่อได้ฟังไปแล้วเช่นนั้นก็ให้ทุกคนได้ฟังอย่างครบถ้วนเถิด!”

“พี่ใหญ่…”

ย่วนย่วนเรียกด้วยเสียงสั่นๆ น้ำเสียงเปี่ยมด้วยความอ้อนวอน

“ย่วนย่วนเลอะเลือนไปชั่วขณะ ทราบความผิดแล้ว…อย่าได้…อย่าได้เปิดอีกเลย…”

ตี้ฝูอีไม่สนใจนาง กดเปิดยันต์บันทึกเสียงแผ่นนั้นอีกครั้ง ด้วยเหตุนี้เสียงสนทนาที่อยู่ในยันต์ของคนทั้งสองจึงแว่วออกมาอีกครั้ง…

‘องค์ราชันรักถนอมองค์หญิงปานนี้ องค์หญิงประสงค์สิ่งใดล้วนได้สิ่งนั้น องค์หญิงย่อมไม่จำเป็นต้องแยแสเงินเพียงห้าหมื่นกษาปณ์หรอกเพคะ’

‘หนนี้เจ้าจัดการเรื่องราวได้ถูกใจองค์หญิงอย่างข้ายิ่ง โอสถยืนเยาว์นี้มอบให้เจ้าเป็นรางวัล!’

‘องค์หญิง มีเพียงพระองค์ที่คู่ควรจะใช้โอสถบำรุงที่ผลิตจากหญ้ายืนเยาว์ได้เพคะ ต้องใช้หญ้ายืนเยาว์นับร้อยต้นถึงจะผลิตขวดเล็กๆ เช่นนี้ออกมาได้สักขวด องค์ราชันย์ทรงดีต่อพระองค์โดยแท้!’

‘เจ้าช่างพูดจาเหลวไหลนัก’

‘ถ้อยคำที่บ่าวพูดล้วนมาจากใจจริงนะเพคะ ใช่แล้ว องค์หญิงเพคะ องค์ราชันย์ต้องปรารถนาจะอภิเษกกับพระองค์อย่างยิ่งกระมัง? ไม่ทราบว่ายามไหนองค์หญิงถึงจะตอบรับคำขออภิเษกขององค์ราชันย์ล่ะเพคะ? สมบัติเลอค่าหาได้ง่าย ชายคนรักหาได้ยาก ถึงแม้องค์หญิงจะสงวนท่าที แต่ก็อย่าให้องค์ราชันย์ต้องคอยนานเกินไปเลยนะเพคะ’

‘องค์หญิงอย่างข้ายังต้องการทดสอบเขาอีกนิด ขอเพียงเขาจริงใจ ข้าย่อม…ย่อมจะทำให้เขาสมปรารถนา…’

เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าบทสนทนาของสองนายบ่าวธรรมดายิ่งนัก แต่พอถูกเปิดเผยออกมาต่อหน้าสาธารณชนเช่นนี้ ย่วนย่วนก็ปรารถนาจะเสาะหาซอกหลืบบนพื้นแล้วมุดเข้าไปยิ่งนัก!

นางลอบมองตี้ฝูอีแวบหนึ่ง ตี้ฝูอีฟังด้วยสีหน้าราบเรียบไร้อารมณ์ ยังไม่ตำหนิวิจารณ์ใดๆ ชั่วขณะ แต่มุมปากกลับแต้มรอยยิ้มเหยียดหยามไว้จางๆ…

เนื่องจากมีบุญคุณช่วยชีวิต เขาจึงเอื้อเอ็นดูนางจริงๆ แต่ก็เอ็นดูนางเหมือนน้องสาวเท่านั้น!

เพียงมอบสิ่งของมากมายและฐานะอันสูงส่งทัดเทียมกันให้นาง ทำให้นางไม่ต้องถูกเหยียดหยามหมิ่นแคลนด้วยมีฐานะต้อยต่ำเหมือนในอดีตเท่านั้น

ไปขอนางแต่งงานตั้งแต่ตอนไหนกัน?

น่าขัน!

แล้วเขาก็ไม่ได้รักนางด้วย จะไปขอนางแต่งงานได้อย่างไร?!

ตัวเขาตี้ฝูอีไหนเลยจะใช่คนเหลาะแหละพรรค์นั้น?!

และไม่ใช่คนที่จะชมชอบผู้ใดง่ายๆ เช่นนั้นด้วย…

คนที่เขาอยากแต่งด้วยมีเพียงคนเดียว แต่น่าเสียดายที่คนๆ นั้นไม่เคยไยดีเขาเลย…