บทที่ 2313 ลูกใคร 3 / บทที่ 2314 ลูกใคร 4

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 2313 ลูกใคร 3

เสียงในยันต์ยังคงแว่วต่อไป

‘ใช่แล้ว องค์หญิงเพคะ ลูกเซี่ยจื้อตัวนั้นยังพอเข้าใจได้ แต่เหตุใดพวกเราต้องแย่งเด็กคนนั้นมาด้วยล่ะเพคะ? เด็กคนนั้นยังเล็กปานนี้ ไม่เข้าใจอะไรเลย ร้องไห้เป็นอย่างเดียว ร้องจนทำให้คนปวดเศียรเวียนเกล้า พี่เลี้ยงกี่คนก็ไม่อาจกล่อมให้เขาหยุดร้องได้ ช่างทำให้คนหงุดหงิดโดยแท้ องค์หญิงทรงไม่ไยดีเงินห้าหมื่นกษาปณ์นั้นเลย หากมิใช่เพราะต้องการชิงตัวเด็ก องค์หญิงคงไม่คิดจะใช้บ่าวไปสังหารปิดปากหลัวเจิ้ง บ่าวยังดูไม่ออกจริงๆ เพคะว่าเขามีความพิเศษอันใดอยู่ ถึงทำให้องค์หญิงหวั่นพระทัยคิดชิงตัวเขามา…’

‘เจ้าจะไปรู้อะไร องค์หญิงอย่างข้าไม่มีเจตนาจะทำร้ายผู้อื่นเลยจริงๆ บังคับให้หลัวเจิ้งขายหมาป่าเงินก็แล้วไปไม่มีใครเอาไปพูดได้ แต่คงบังคับให้เขาขายเด็กมิได้กระมัง? ดังนั้นองค์หญิงอย่างข้าถึงได้อยากพาเขามาที่จวนองค์หญิงจะได้จัดการเรื่องราวสะดวก…กลับนึกไม่ถึงว่าหลัวเจิ้งจะเป็นฝ่ายมอบเด็กให้พวกเราเอง คนผู้นั้นดูเป็นคนซื่อๆ ไม่นึกเลยว่าจะรู้สถานการณ์ปานนี้…’

‘เฮอะ ถ้าเขาไม่รู้สถานการณ์คงตายไปแล้วเพคะ! ไหนเลยจะหอบเงินห้าหมื่นกษาปณ์มารลอยชายออกไปจากอาณาจักรมารได้? ใช่แล้ว องค์หญิง เด็กคนนั้นมีสิ่งใดพิเศษหรือเพคะ?’

‘เด็กคนนั้นทำให้องค์หญิงอย่างข้ารู้สึกประหลาดยิ่ง ไม่คล้ายลูกมนุษย์ธรรมดา แต่มองจากท่าทางของลูกเซี่ยจื้อแล้ว คล้ายว่าจะยึดเขาเป็นผู้นำ บางทีเขาอาจจะเป็นเจ้าของลูกเซี่ยจื้อตัวจริงก็ได้ มีเด็กคนนั้นอยู่ในมือ ไหนเลยต้องกลุ้มว่าจะอบรมลูกเซี่ยจื้อไม่ได้?’

….

ในที่สุดเสียงที่บันทึกไว้ในยันต์ก็จบลงอย่างสมบูรณ์แล้ว

ส่วน ‘คดี’ นี้ก็น้ำลดตอผุดแล้ว…

ยามที่เหล่าชาวมารมองดูองค์หญิงย่วนย่วนอีกครั้ง แววตาเจือความเหยียดหยามอย่างสะกดเอาไว้ไม่อยู่แล้ว

ถึงแม้คนของอาณาจักรมารจะก่อกรรมทำชั่วมากมายเช่นกัน แต่ก็ยังคงเป็นมิตรกับเด็กเล็กๆ

ทำเรื่องชั่วช้าอย่างอื่นอาจไม่มีผู้ใดวิจารณ์ แต่ถ้าพุ่งเป้าไปที่เด็กล่ะก็ จะต้องถูกฝูงชนประณามจนตาย!

องค์หญิงย่วนย่วนสำนึกเสียใจจนแทบจะกระอักเลือดแล้ว! ถ้ารู้แต่แรกว่ากู้ซีจิ่วจะมีไม้ตายเช่นนี้ นางคงไม่ปิดล้อมล่าตัวนางแล้ว…

แต่โลกนี้ไม่มีโอสถแก้ไขความเสียใจภายหลัง และไม่มีตะเข็บหลืบรูให้นางมุดเข้าไป นางจะแทบจะยืนอยู่ที่นี่ต่อไม่ไหวแล้ว

ดวงหน้าเฉิดฉันของนางแดงก่ำ ทำได้เพียงขอขมาต่อตี้ฝูอี

“พี่ใหญ่ เป็น…เป็นน้องเลอะเลือนไปชั่วขณะ น้องไม่ได้คิดจะทำร้ายผู้อื่นจริงๆ เพียงแค่…เพียงแค่ชอบลูกเซี่ยจื้อตัวนี้เกินไปเท่านั้น…”

แต่เห็นได้ชัดว่าความสนใจของตี้ฝูอีไม่ได้อยู่ที่จุดนี้ มีอีกหลายเรื่องที่เขาต้องการเค้นจากตัวนาง แต่ตอนนี้เรื่องที่เขาใส่ใจที่สุดก็คือ…

“เด็กคนนั้นล่ะ?!”

ตี้ฝูอีตัดบทนาง เอ่ยอย่างชัดถ้อยชัดคำ

“เขา…”

องค์หญิงย่วนย่วนมองไปที่ตาข่ายฟ้าดินอย่างไม่อาจควบคุมตัวเองได้…

ตาข่ายฟ้าดินผืนนั้นซ่อนอยู่ด้านหลังของกู้ซีจิ่วมาโดยตลอด เนื่องจากเกิดเรื่องขึ้นมากเกินไป องค์หญิง ย่วนย่วนจึงไม่มีเวลาแย่งตาข่ายผืนนั้นกลับมา

อันที่จริงกู้ซีจิ่วก็คิดจะเปิดตาข่ายนี้อยู่ตลอด แต่อย่างแรกคือเธอไม่มีเวลา สองคือไม่รู้วิธีแก้

ตี้ฝูอีมองแววตาขององค์หญิงย่วนย่วนก็เข้าใจแล้ว!

สีหน้าพลันแปรเปลี่ยน! เอ่ยด้วยความโกรธ

“ต่ำช้า! ไม่น่าเชื่อว่าจะใช้ตาข่ายผืนนั้นกับเด็กได้!”

ตาข่ายเป็นของเขา เขาย่อมทราบถึงความร้ายกาจของตาข่ายดี ต่อให้เป็นผู้ใหญ่ถูกคลุมไว้ก็ยังเจ็บปวดจนร้องไห้หาบิดามารดาแล้ว ยามนี้กลับใช้ขังเด็กน้อยคนหนึ่ง!

เด็กคนนั้น…

ยังไม่ทันได้ถามอะไรต่ออีก เขาก็โบกแขนเสื้อพรึบ ลำแสงสีขาวสายหนึ่งพุ่งตรงไปที่ตาข่ายผืนนั้น ตาข่ายอ้าออก เผยให้เห็นเด็กน้อยในผ้าอ้อมที่อยู่ด้านใน…

ตี้ฝูอีกวาดตามองเพียงแวบเดียว นิ้วมือก็สั่นระริกแล้ว!

ทารกคนนั้นวัยประมาณสองสามเดือน ขาวนุ่มนิ่ม งดงามอย่างยิ่ง ยามนี้หลับตาพริ้ม ไม่ทราบเช่นกันว่าเป็นหรือตาย…

ทารกน้อยวัยสองสามเดือน…

เป็นนางที่อุ้มมา แถมยังเสี่ยงชีวิตเพื่อชิงกลับไป…

เรือนกายตี้ฝูอีไหววูบ ทะยานไปด้านหน้า ยื่นมือไปหมายจะอุ้มเด็กน้อยบนพื้นขึ้นมา

————————————————————————————-

บทที่ 2314 ลูกใคร 4

กู้ซีจิ่วกลับเร็วกว่าเขาก้าวหนึ่ง อุ้มเด็กคนนั้นไว้ในอ้อมแขนแล้ว จากนั้นก็เคลื่อนย้ายออกห่างไปหลายจั้ง หลบหลีกการยื้อแย่งของตี้ฝูอี

ตี้ฝูอีนิ่งงัน…

“เขาเป็น…ให้ข้าดูเขาหน่อย ข้ารักษาบาดแผลจากตาข่ายนี้ให้เขาได้…”

น้ำเสียงตี้ฝูอีสั่นพร่าอย่างที่พบเห็นได้ยากยิ่ง ก้าวเข้าไปสองก้าว

กู้ซีจิ่วไม่สนใจเขา รีบสำรวจร่างกายของเจ้าหนูอย่างรวดเร็ว

จะว่าไปแล้วก็แปลก ก่อนหน้านี้เด็กน้อยถูกตาข่ายผืนนั้นพันไว้แน่น ไม่น่าเชื่อว่าบนร่างกลับไม่มีแผลเลยสักนิด ดวงหน้าน้อยๆ ก็ขาวกระจ่าง ลมหายใจคงที่ แค่หลับไปจริงๆ

กู้ซีจิ่วถอนหายใจอย่างไร้สุ้มเสียง เจ้าหนูไม่เป็นไรก็ดีแล้ว!

เธอตบแก้มหนูน้อยเบาๆ

“เฮ่าเอ๋อร์ ตื่นสิ ตื่น”

หนูน้อยพลันขยับตัว ค่อยๆ ลืมตาขึ้น พอมองเห็นกู้ซีจิ่ว ก็ร้องไห้จ้า!

กู้ซีจิ่วรีบตบร่างเล็กจิ๋วของเขาเบาๆ

“ไม่เป็นไรแล้ว เจ้าปลอดภัยแล้ว อย่าร้องนะ ชายชาตรีต้องเข้มแข็ง หลั่งโลหิตไม่หลั่งน้ำตา”

พ่อหนูน้อยยื่นแขนเล็กๆ ไปโอบคอเธอไว้ สะอึกสะอื้น

“ผู้อื่นเป็นเพียงทารกน้อย ยังมิใช่ชายชาตรี…”

น้ำเสียงนุ่มละมุนดุจเต้าหู้นิ่มๆ

สวรรค์ เด็กที่ยังเล็กถึงเพียงนี้ไม่น่าเชื่อว่าจะพูดได้แล้ว! เหล่ามารมุงต่างเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง! ประหนึ่งโดนฟ้าผ่า!

ตี้ฝูอีย่อมได้ยินคำพูดของเขาด้วย

เขาก็ตกตะลึงเช่นกัน แต่อย่างไรก็โล่งอกด้วย

ไม่ว่าจะเป็นเสียงร้องไห้หรือว่าคำพูดของเด็กคนนี้ ล้วนเปี่ยมด้วยพละกำลัง ชัดเจนว่าไม่ได้รับบาดเจ็บ…

สายตาเขาจ้องเขม็งอยู่ที่ใบหน้าของเด็กน้อย หักใจละสายตาไปไม่ลง

เด็กคนนี้เป็นลูกเขาแน่นอน!

คำนวณระยะเวลาแล้วก็เป็นลูกของเขา…

เขาแยกจากนางมากว่าหนึ่งปี ตัดระยะเวลาอุ้มท้องออกไป เด็กที่คลอดออกมาก็จะอายุประมาณนี้พอดี

เขากับนางเคล้าคลอกันเพียงคืนเดียวเท่านั้นไม่นึกเลยว่าก่อกำเนิดบุตรได้…

ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะไม่เคยได้รับรู้เลย

ไอ้สายสืบที่น่าตาย! ผ่านมาเนิ่นนานปานนี้แล้วไม่น่าเชื่อเลยว่าจะสืบข่าวเรื่องการตั้งครรภ์ของนางมาไม่ได้ ทำให้นางต้องให้กำเนิดและเลี้ยงดูบุตรเพียงลำพัง…

ถ้าเขารู้แต่แรกว่ามีเด็กคนนี้ ถึงแม้ต้องสู้ตายเขาก็จะติดตามอยู่ข้างกายนางคอยดูแลนาง…

แม้ว่านางจะมีคนในใจแล้วก็ตาม…

นางยอมให้กำเนิดเด็กคนนี้นั่นก็ยืนยันได้ว่าในใจนางมีเขาอยู่…

ที่นางมาหาเขาในครั้งนี้ คงคิดจะพาลูกมาตามหาพ่อกระมัง? มิใช่เพราะเขาเป็นหวงถูกลับชาติมาเกิดเพียงอย่างเดียว…

กลับถูกเขาตะเพิดจนหนีไป…

เสียใจเหลือเกิน!

สำนึกเสียใจจนแทบจะกระอักเลือดแล้ว!

องค์หญิงย่วนย่วนและนางกำนัลของนางก็แข็งทื่อไปครู่หนึ่ง หลังจากพวกนางชิงตัวเด็กคนนี้ไปได้ เด็กคนนี้ก็เอาแต่ร้องไห้งอแงอยู่ตลอด ไม่เคยปริปากพูดเลยสักครั้ง…

กู้ซีจิ่วเป็นกังวล คิดจะแกะชุดตัวน้อยบนร่างเขาออกเพื่อตรวจดูให้ละเอียด ทว่าถูกเจ้าหนูยึดมือไว้

เธอเงยหน้าขึ้น ใบหน้าของเจ้าหนูแดงเรื่ออย่างน่าฉงน

“ข้าไม่บาดเจ็บ ไม่ต้องตรวจดูหรอก”

คงมิใช่ว่าทารกวัยเท่านี้ก็เขินอายเป็นแล้วกระมัง?!

กู้ซีจิ่วสงสัยในข้อนี้ยิ่งนัก ถึงแม้ทารกโดยทั่วไปในวัยนี้จะไม่รู้จักว่าความเขินอายเป็นตัวเช่นใด แต่ถึงอย่างไรเด็กคนนี้ก็ไม่เหมือนคนทั่วไป…

เธอถอนหายใจอย่างโล่งอก เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นตี้ฝูอียืนอยู่ตรงหน้า เธอคิดจะถอยหลังไปอีกครั้งตามสัญชาตญาณ ทว่าถูกเขาฉวยข้อมือเอาไว้!

ฝ่ามือเขาร้อนผ่าว แววตาก็คล้ายเพลิงที่ลุกโชน

“เขาเป็น…ให้ข้าดูเขาหน่อย…”

กู้ซีจิ่วขมวดคิ้ว เธอเห็นท่าทางตี้ฝูอีก็รู้แล้วว่าเขาเข้าใจผิดอะไรอยู่ สูดหายใจเฮือกหนึ่งแล้วเอ่ยไปว่า

“เจ้าไม่จำเป็นต้องดู เจ้าไม่มีความเกี่ยวข้องกับเขา!”

จะไม่มีความเกี่ยวข้องได้อย่างไร?!

ลูกของนางก็คือลูกของเขา! เขาเป็นพ่อเด็ก ความสัมพันธ์ล้นเหลือ!

ตี้ฝูอีสูดหายใจนิดๆ

“ซีจิ่ว อย่าถือทิฐิเลย ไม่ว่าอย่างไร เขาก็เป็นบุตรชายของข้า ต่อให้เจ้าถือโทษข้า ก็ไม่อาจตัดสายสัมพันธ์ระหว่างข้ากับเขาได้…”

….