ตอนที่ 35-1

จารใจรัก

เซี่ยฟางหวาเม้มปาก นึกไม่ถึงเลยว่าหินยักษ์กลิ้งลงมาเพราะถูกวางกลไกเอาไว้ นางหันไปมองหลี่มู่ชิง 

 

           “วางกลไกแบบใดไว้ เจ้าพอจะอธิบายได้หรือไม่” หลี่มู่ชิงเอ่ยถามชิงเกอ  

 

           “ใช้แผ่นยืดหดติดตั้งล้อกลิ้งและโซ่เอาไว้ ขอเพียงดึงแผ่นยืดหกออก โซ่ก็จะลากล้อกลิ้งกลิ้งไปข้างหน้า เมื่อกระแทกกับหินยักษ์ มันก็จะกลิ้งตกลงมาจากเนินขา” ชิงเกอตอบ “ล้อกลิ้งมีอยู่ราวๆ สิบล้อ พอกลิ้งพร้อมกันจะมีน้ำหนักประมาณหนึ่งร้อยชั่ง ทำให้เกิดแรงพอที่จะกระแทกหินยักษ์ได้” 

 

           “กลไกยอดเยี่ยมถึงเพียงนี้ ไม่ได้สร้างกันแค่ในคืนเดียวเป็นแน่” หลี่มู่ชิงกล่าว 

 

           เซี่ยฟางหวาพยักหน้าเห็นด้วย นางก็เชี่ยวชาญวิชากลไกเช่นกัน หากจะสร้างกลไกเช่นนี้ นอกจากผู้เชี่ยวชาญวิชากลไกโดยเฉพาะ ยังต้องเป็นจอมยุทธ์ทรงพลัง ถึงจะรวบรวมก้อนหินขนาดใหญ่มาพักไว้ที่จุดเดียวกันกลางภูเขาได้ อีกอย่างตรงนี้ห่างจากค่ายใหญ่เขาตะวันตกไม่ถึงสิบลี้ ไม่ใช่ทุกคนที่จะวางแผนสร้างสถานการณ์อย่างเงียบเชียบเช่นนี้ตรงระหว่างเมืองหลวงกับค่ายทหารได้ 

 

           “พี่สะใภ้ ตอนนี้จะทำเช่นไรต่อ” อวี้จั๋วถามพลางมองหินยักษ์เบื้องหน้าที่ปิดทางเป็นภูเขาขนาดย่อม 

 

           เซี่ยฟางหวาไม่ตอบ 

 

           “หินยักษ์มากถึงเพียงนี้ หากอาศัยกำลังคนย้ายออก ด้วยจำนวนคนที่มีในตอนนี้ถึงฟ้ามืดแล้วก็คงย้ายได้ไม่ถึงไหน” หานซู่กล่าว  

 

           หลี่มู่ชิงพยักหน้า “มีอีกวิธีหนึ่งที่จะย้ายหินยักษ์พวกนี้ออกได้อย่างรวดเร็ว เปิดทางให้เดินทางต่อได้” 

 

           “คุณชายหลี่ วิธีใดหรือ” หานซู่รีบถาม 

 

           “ดินปืน” หลี่มู่ชิงตอบ 

 

           หานซู่มีสีหน้าเปลี่ยนไป “ดินปืนเป็นสิ่งที่ใช้กันในกองทัพ ทุกทีจะเก็บไว้ที่คลังทหาร หากไม่มีป้ายคำสั่งจากฝ่าบาท ผู้ใดก็มิอาจนำออกมาใช้ได้” หยุดเว้นช่วงแล้วกล่าวต่อ “ถึงแม้เราจะกลับไปขอพระราชโองการที่เมือง ฝ่าบาททรงอนุญาตให้นำดินปืนมาใช้ได้ เช่นนั้นเมื่อวกกลับมาอีกครั้ง ฟ้าก็มืดแล้วเช่นกัน” 

 

           หลี่มู่ชิงหันไปมองเซี่ยฟางหวา 

 

           “ฟ้ามืดแล้วอย่างไร” เซี่ยฟางหวาเอ่ยขึ้น 

 

           หานซู่มึนงง 

 

           “ทั้งคดีสังหารหมอหลวงซุน สร้างกลไกศิลายักษ์ ทั้งหมดเกิดขึ้นเพื่อขัดขวางเส้นทางไปค่ายใหญ่เขาตะวันตก ทว่าเหตุใดต้องขัดขวางด้วย ถึงแม้วันนี้ขัดขวางได้ แล้วพรุ่งนี้เล่า มีหรือจะไม่เหมือนกัน” เซี่ยฟางหวาพลันหรี่ตาลง  

 

           “พรุ่งนี้เกรงว่าจะหนักกว่า” หลี่มู่ชิงเอ่ยสมทบทันที 

 

           “ถูกต้อง พรุ่งนี้น่าจะหนักกว่า” ใจของเซี่ยฟางหวาเย็นเยียบ “มีคนไม่อยากให้หมอหลวงซุนไปค่ายใหญ่เขาตะวันตก และไม่อยากให้ข้าไปด้วยเช่นกัน” 

 

           “หรือว่าผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้กลัวว่าหากหมอหลวงซุนกับพระชายาน้อยไปถึงที่นั่นแล้วจะเกิดเรื่องใดขึ้น” หานซู่ผงะตกใจ  

 

           “ฟังว่าขุนนางชันสูตรศพที่ค่ายใหญ่เขาตะวันตกใช้งานไม่ได้ ฉินเจิงจึงให้ข้ากับหมอหลวงซุนไปตรวจสอบศพเอง” ใบหน้าเซี่ยฟางหวาเย็นชา “ปัญหาต้องอยู่ที่ศพแน่นอน” 

 

           “ถ้าเป็นเช่นนี้ อย่างไรวันนี้เราก็ต้องไปถึงค่ายใหญ่เขาตะวันตกให้ได้” หานซู่รีบเอ่ยขึ้น 

 

           “อืม” เซี่ยฟางหวาพยักหน้า 

 

           “แล้วหินยักษ์พวกนี้…” หานซู่กัดฟัน “หรือว่าเราต้องย้ายเอง” 

 

           “ไม่ต้องย้ายเอง” เซี่ยฟางหวาหันไปถามชิงเกอ “ภายในครึ่งชั่วยาม นำดินปืนมาได้หรือไม่” 

 

           “ได้” ชิงเกอผงกศีรษะ 

 

           เซี่ยฟางหวายกมือไล่เขา 

 

           ชิงเกอหายตัวไปในชั่วพริบตา 

 

           “พระชายาน้อย ท่านจะนำดินปืนมาใช้เป็นการส่วนตัวหรือ ดินปืนเป็นสิ่งที่ใช้ในกองทัพ หากฝ่าบาททรงทราบเข้า เช่นนั้น…การนำดินปืนมาใช้เป็นการส่วนตัวจะต้องโทษหนัก” หานซู่เห็นเช่นนี้ก็หน้าถอดสี  

 

           “ใต้เท้าหาน คดีค่ายใหญ่เขาตะวันตกหากไม่ตรวจสอบให้กระจ่าง เช่นนั้นท่านรู้หรือไม่ว่าจะเกี่ยวพันไปอีกกี่จวนหรืออีกกี่คน นอกจากนี้คดีหมอหลวงซุนถูกฆาตกรรม บางทีเพราะเส้นทางที่ถูกขัดขวางนี้เองทำให้ถูกใส่ความและไม่อาจพิสูจน์ความบริสุทธิ์ได้ เทียบกับการนำดินปืนมาใช้เป็นการส่วนตัวแล้วถูกฝ่าบาททรงตัดสินโทษพวกเรา อย่างใดสำคัญกว่ากัน” เซี่ยฟางหวามองหานซู่ด้วยสายตาเรียบเฉย  

 

           หานซู่อึ้ง 

 

           “อีกอย่างฝนตกหนักถึงเพียงนี้ ร่องรอยทั้งหมดจะถูกชะล้างออก ผู้อื่นยังสร้างแผนลอบทำร้ายขัดขวางอย่างต่อเนื่องได้ แล้วเหตุใดเราจะนำดินปืนมาใช้เงียบๆ ไม่ได้เล่า ในเมื่อไม่มีหลักฐานมัดตัว ผู้ใดจะเอาผิดเรื่องเราใช้ดินปืนได้” เซี่ยฟางหวามองเขา 

 

           หานซู่ชะงัก 

 

           “หากใต้เท้าหานกลัวว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องก็ไม่ควรตามเราไปค่ายใหญ่เขาตะวันตก กลับไปตอนนี้ยังทัน” เซี่ยฟางหวากล่าวขึ้นอีก 

 

           หานซู่มีสีหน้าเปลี่ยนไป หันมามองหลี่มู่ชิง 

 

           “ข้าไตร่ตรองไม่ถี่ถ้วนเอง เชิญใต้เท้าออกจากเมืองแล้วยังดึงเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องอีก ต้องขออภัยด้วย แต่พระชายาน้อยกล่าวถูกแล้ว หากใต้เท้ากลับเมืองไปตอนนี้ยังทัน หากกังวลเรื่องความปลอดภัยระหว่างเดินทาง ข้าจะส่งคนคุ้มครองใต้เท้ากลับเมือง” หลี่มู่ชิงส่งยิ้มให้เขา  

 

           หานซู่คล้ายตบตีกับความคิดตัวเอง พักใหญ่ต่อมาก็ส่ายหน้าปฏิเสธ “พระชายาน้อยกล่าวถูกแล้ว คดีใหญ่ถึงเพียงนี้ หากไม่ตรวจสอบให้กระจ่างจะพัวพันไปอีกนับไม่ถ้วน ถึงแม้…ต้องนำดินปืนมาใช้ส่วนตัว แต่ก็เพราะปรับตัวตามสถานการณ์ ฝนตกหนักถึงเพียงนี้ หากหลักฐานถูกชะล้างออกไป ขอเพียงพวกเราไม่ยอมรับ ใครก็ไม่อาจหาหลักฐานที่เราใช้ดินปืนเจอ” 

 

           “ใต้เท้าหานรู้ความและเป็นคนฉลาด ทั้งเป็นคนซื่อสัตย์อย่างหาได้ยาก ราชสำนักหนานฉินต้องการผู้มีความยุติธรรมเช่นใต้เท้าอีกมาก นี่เป็นสาเหตุที่มู่ชิงไปเชิญใต้เท้ามาจากกรมอาญา” หลี่มู่ชิงกล่าว 

 

           “คุณชายหลี่ชมเกินไปแล้ว” หานซู่โบกมือ “ข้าน้อยดูแลกรมอาญา รับตำแหน่งใดแล้วก็ควรมีความรับผิดชอบต่องานนั้น คู่ควรกับเครื่องแบบขุนนางที่สวมใส่อยู่ก็พอแล้ว” 

 

           เซี่ยฟางหวาได้ยินเช่นนี้ก็อดไม่ได้ที่จะมองหานซู่ใหม่ ผู้ที่เอ่ยประโยคเช่นนี้ออกมาได้ สมควรแล้วที่ได้รับคำชมจากหลี่มู่ชิง 

 

           ไม่ถึงครึ่งชั่วยาม ชิงเกอก็กลับมาใหม่ ปรากฏตัวขึ้นหน้าเซี่ยฟางหวา “เจ้านาย นำดินปืนมาแล้วขอรับ” 

 

           “เร็วถึงเพียงนี้?” เซี่ยฟางหวามองเขา 

 

           “นำมาจากจวนของคุณชายอวิ๋นหลาน ท่านก็ทราบว่าจวนของคุณชายอวิ๋นหลานอยู่นอกเมืองหลวงห้าลี้ ตรงนี้อยู่ใกล้กับจวนของเขาที่สุดแล้ว” ชิงเกอขยับเข้าใกล้นางแล้วกระซิบบอก  

 

           เซี่ยฟางหวาพยักหน้ารับก่อนเอ่ยบอก “ระเบิดเถอะ” 

 

           ชิงเกอผงกศีรษะก่อนหยิบดินปืนออกมา 

 

           “ถอยไปข้างหลัง” เซี่ยฟางหวายกมือสั่ง 

 

           อวี้จั๋วรีบดึงบังเ**ยนจนรถม้าถอยหลัง หานซู่กับหลี่มู่ชิงก็ถอยไปพร้อมรถม้าเช่นกัน 

 

           ชิงเกอนำดินปืนไปฝังเอาไว้ในจุดที่ไม่โดนน้ำฝนข้างใต้ก้อนหินยักษ์ เมื่อฝังเอาไว้ดีแล้วก็ถอยกลับมายืนข้างเซี่ยฟางหวา หยิบแท่งจุดไฟออกมาจุดคบไฟในมือ หลังจากนั้นก็โยนคบไฟไปยังเชือกดินปืนที่ยื่นออกมานอกซอกหินยักษ์ 

 

           คบไฟยังไม่ทันถูกสายฝนชโลมดับก็ลุกลามไปโดนเชือกดินปืนข้างใต้หินยักษ์ เมื่อปลายเชือกถูกติดไฟก็ได้ยินเพียงเสียงสะเทือนฟ้าสะเทือนดิน ‘ปังปังปัง’ ดังขึ้นหลายครั้ง หินยักษ์ถูกระเบิดแตกออกเป็นเสี่ยง เศษผงบ้างก็ถูกระเบิดพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า บ้างก็กระเด็นออกมารอบทิศ 

 

           เซี่ยฟางหวา หลี่มู่ชิง ชิงเกอ อวี้จั๋ว ซื่อฮว่า และซื่อม่อต่างมีวิทยายุทธ์ ทั้งหมดสะบัดฝ่ามือปัดเศษก้อนหินที่กระเด็นเข้าหาใบหน้า สงสารก็แต่หานซู่ เขามีทักษะป้องกันตัวเองเพียงพื้นฐาน ดังนั้นตามใบหน้าและลำตัวจึงถูกเศษหินบาดเป็นรอยแผลเล็กน้อย ดูมอมแมมอยู่บ้าง 

 

           เมื่อหินยักษ์ถูกระเบิดออกพร้อมกับเสียงสะเทือนฟ้าดินระลอกหนึ่งจบลง ความเงียบกลับมาแผ่ปกคลุมอีกครั้ง รอบกายนอกจากกลิ่นดินปืนก็ไม่มีเสียงใดดังขึ้นอีก 

 

           “ดินปืนร้ายแรงนัก” หานซู่อกสั่นขวัญแขวน มองหินยักษ์ที่เคยเป็นภูเขาถูกระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ ด้วยความหวาดผวา ก่อนมองไปยังชิงเกอที่ยืนอยู่ข้างเซี่ยฟางหวาด้วยใจที่ยังหวาดกลัว  

 

           ชิงเกอสวมเสื้อผ้าและหน้ากากสีดำ มีเพียงดวงตาที่โผล่ออกมา ไม่แม้แต่จะแลมองหานซู่ 

 

           “ดินปืนอันนี้มีอานุภาพร้ายแรงกว่าของคลังทหารมาก นี่แค่ถุงเดียวเท่านั้นเอง ข้าเคยเห็นดินปืนในคลังทหาร หากจะระเบิดหินยักษ์ขนาดนี้คงต้องใช้สักสามสี่ถุง นี่…” หานซู่หันไปมองเซี่ยฟางหวาอีกครั้ง 

 

           เซี่ยฟางหวาไม่พูดจาแต่โบกมือไล่ชิงเกอ ชิงเกอรีบพรางตัวหายไปทันที นางเอ่ยขึ้น “ไปกันเถอะ” 

 

           อวี้จั๋วรีบผ่อนเชือกบังเ**ยน รถม้าเคลื่อนไปตามทางที่เปิดออกหลังการระเบิด 

 

           หานซู่มองไปยังหลี่มู่ชิง 

 

           “ใต้เท้าหาน ไม่ใช่ทุกคนที่จะได้เปิดโลกใหม่เช่นนี้ วันนี้ท่านกับข้ามีวาสนา เชิญ” หลี่มู่ชิงยิ้ม 

 

           หานซู่พยักหน้า ซับเหงื่อบนหน้าผากก่อนควบม้าเดินทางต่อ คลับคล้ายคลับคลาว่ายังมองเห็นตัวเขาสั่นเทาเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเมื่อครู่ตกใจมาก 

 

           เมื่อทั้งหมดออกเดินทางต่อแล้ว สายฝนก็ชะล้างกลิ่นดินปืนเมื่อครู่ไปอย่างรวดเร็ว ร่องรอยก็ถูกชะล้างจนหมดเช่นกัน