ตอนที่ 545 สายตาที่รังเกียจ

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด

แหล่งแลกเปลี่ยนซื้อขายสินค้าที่ใหญ่ที่สุดและเป็นเพียงแห่งเดียวในเมืองซิ่งหัวก็คือโรงประมูลซิ่งหัว

เนื่องจากเมืองซิ่งหัวแห่งนี้เป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ของสมาคมช่างหลอม โรงประมูลซิ่งหัวจึงคึกคักอยู่เสมอ ผู้คนมากมายต่างเดินทางมาที่โรงประมูลซิ่งหัวเพื่อแลกเปลี่ยนสินค้าตามต้องการ

โรงประมูลซิ่งหัวเป็นแหล่งซื้อขายวัสดุสำหรับสิ่งหลอมที่ใหญ่ที่สุด อีกทั้งยังมีของดีหลากหลายอย่างจากช่างหลอมฝีมือดีของสมาคม

สมาคมช่างหลอมและโรงประมูลซิ่งหัวมีความสัมพันธ์ที่ดีแบบคู่ค้าทางธุรกิจ อาวุธและอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่หลอมโดยสมาคมจะถูกนำมาปล่อยประมูลที่โรงประมูลซิ่งหัว ในขณะเดียวกัน โรงประมูลซิ่งหัวก็จะสนับสนุนและจัดหาวัสดุสำหรับสิ่งหลอมที่เท่าเทียมกันตามที่สมาคมช่างหลอมต้องการ ความสัมพันธ์ของทั้งสองฝ่ายจึงราบรื่นและเป็นไปได้ด้วยดีเสมอมา

อย่างไรก็ตาม โรงประมูลซิ่งหัวแห่งนี้ค่อนข้างลึกลับและแทบไม่มีใครทราบว่ามีผู้ใดอยู่เบื้องหลังหรือมันเป็นของขุมกำลังใด ถึงกระนั้นก็ไม่มีใครที่จะกล้าเข้ามาสร้างปัญหาความวุ่นวายที่นี่

ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือเดินเข้าไปในบริเวณของโรงประมูลซิ่งหัวอย่างช้า ๆ ขณะมองดูอาคารสองชั้นที่ดูไม่หรูหราหรือกว้างใหญ่นักและรู้สึกได้ว่าโรงประมูลซิ่งหัวแห่งนี้ไม่ต้องการทำตัวโดดเด่นและโฉ่งฉ่างเกินไป

เวลานี้มีผู้คนเดินทางเข้าออกจากประตูโรงประมูลซิ่งหัวมากมายและหลายคนมาที่นี่เพื่อเข้าร่วมงานประมูลครั้งใหญ่ที่จะจัดขึ้นโดยโรงประมูลซิ่งหัว

เด็กรับใช้สองคนประจำอยู่ที่ทางเข้าซึ่งเป็นจุดต้อนรับของโรงประมูลซิ่งหัว เนื่องจากโรงประมูลแห่งนี้ไม่กว้างใหญ่นักทว่าเป็นที่สนใจของผู้คนมากมาย บริเวณนี้จึงแออัดไปด้วยผู้คน สำหรับผู้ที่ต้องการเข้าไปภายในจะต้องจ่ายค่าเข้าเป็นเงินจำนวนหนึ่ง เพราะเหตุนั้นหลายคนจึงทำได้เพียงสอดส่องมองดูโรงประมูลด้วยความสงสัยใคร่รู้ เมื่อเห็นหลายคนที่เข้าไปภายในโรงประมูล แววตาของพวกเขาเหล่านั้นก็ฉายแววความริษยาเล็กน้อยทว่าสีหน้าก็กลับเป็นปกติอย่างรวดเร็ว

ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือจ่ายค่าเข้าในราคาหนึ่งพันหินผลึกและมุ่งหน้าเข้าไปภายในอาคารโรงประมูลทันที

ในเวลานี้ไม่มีห้องแยกพิเศษที่เหลือว่างอีกแล้วและทั้งสองเลือกเดินไปนั่งลงบริเวณมุมหนึ่งของห้องโถง

เนื่องจากโรงประมูลซิ่งหัวเป็นเพียงอาคารขนาดเล็ก ห้องโถงภายในจึงรองรับแขกได้เพียงสองถึงสามร้อยคนเท่านั้น แม้ว่าฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือจะปลีกวิเวกไม่สุงสิงกับผู้ใด ทว่าด้วยความโดดเด่นและความลึกลับน่าค้นหา ทั้งสองจึงดึงดูดสายตาของผู้คนโดยรอบอย่างง่ายดาย

“บุรุษสวมหน้ากากทั้งสองคนเป็นใครกัน ?”

ใครคนหนึ่งกล่าวเสียงเบาขณะชำเลืองมองไปที่ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือด้วยความสงสัยใคร่รู้

ผู้ที่อยู่ถัดจากเขาก็ส่ายหน้าเบา ๆ และกล่าวตอบ “เรื่องนั้นข้าเองก็ไม่รู้ ข้ารู้เพียงว่าพวกเขาเหมือนจะมาถึงเมืองซิ่งหัวเมื่อวานนี้และดูเหมือนจะไม่ใช่บุคคลที่ธรรมดาเลย”

ทุกคนตั้งข้อสันนิษฐานคาดเดาในใจเกี่ยวกับตัวตนของฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือ

หลายคนคิดว่าทั้งสองมาจากขุมกำลังใหญ่บางแห่งและเก็บตัวสงบเสงี่ยมเช่นนี้เพราะไม่ต้องการให้ผู้อื่นทราบถึงตัวตนที่แท้จริง บางคนไม่เห็นด้วยกับข้อคาดเดานั้นและคิดว่าทั้งสองน่าจะมาจากตระกูลลับ เพราะถึงแม้ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือจะสวมหน้ากากบดบังใบหน้า แต่ทั้งสองก็ดูอายุยังน้อย และหากทั้งสองมาจากขุมกำลังใหญ่ของดินแดนเทพมายาจริง หลายคนในที่นี้ก็น่าจะเคยได้ยินข้อมูลเกี่ยวกับลักษณะของพวกนางมาบ้างแล้ว

คนอื่น ๆ ก็คิดว่าฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือเป็นเพียงผู้ฝึกยุทธ์ธรรมดาทั่วไปและเป็นเพียงแค่การที่ทั้งสองมีกลิ่นอายและรูปลักษณ์ที่โดดเด่นกว่าปกติ รวมถึงสวมหน้ากากบดบังใบหน้าจึงทำให้ทั้งสองดูลึกลับไม่ธรรมดาเช่นนี้

อย่างไรก็ตาม คนส่วนใหญ่รู้สึกได้ว่าข้อสันนิษฐานประการที่สองมีความเป็นไปได้มากที่สุด มีเพียงตระกูลลับเท่านั้นที่จะมีจอมยุทธ์ที่โดดเด่นและอายุน้อยเช่นนี้ได้

ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือไม่สนใจสายตาของทุกคนขณะนั่งลงที่มุมหนึ่งอย่างเงียบ ๆ และรอให้งานประมูลเริ่มต้น

หลังจากนั่งรอครู่ใหญ่ เด็กรับใช้คนหนึ่งก็วิ่งเข้ามาหาทั้งสองโดยที่มีม้วนกระดาษฉบับหนึ่งในมือ

“ท่านทั้งสองขอรับ งานประมูลจะเริ่มขึ้นในอีกหนึ่งก้านธูป นี่คือรายการสิ่งของที่จะปล่อยประมูลในครานี้ เชิญท่านอ่านข้อมูลล่วงหน้าได้ก่อนเลยขอรับ”

หลังจากยื่นม้วนกระดาษให้กับฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือ เด็กรับใช้ก็กล่าวด้วยน้ำเสียงสุภาพนอบน้อม

ทันทีที่ทั้งสองเข้ามาในโรงประมูล เขาก็รีบตรงไปแจ้งผู้จัดการของโรงประมูลอย่างรวดเร็ว แม้ไม่ทราบตัวตนที่แท้จริงของฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือ พวกเขาก็รู้สึกได้ว่าจอมยุทธ์สวมหน้ากากทั้งสองต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน เขาจึงปฏิบัติต่อทั้งคู่อย่างสุภาพ

สำหรับคนอื่น ๆ ที่เข้ามาร่วมงานประมูลครานี้ ตัวแทนจากขุมกำลังอันดับต้น ๆ ล้วนนั่งอยู่ในห้องแยกบนชั้นที่สอง ส่วนในโถงด้านล่างเป็นที่นั่งสำหรับตัวแทนจากขุมกำลังเล็ก ๆ และจอมยุทธ์อิสระทั้งหลาย ยิ่งไปกว่านั้น โรงประมูลซิ่งหัวมีข้อมูลเกี่ยวกับคนเหล่านี้อยู่แล้วและผู้จัดการโรงประมูลมิได้ให้ความสนใจมากนัก

มีเพียงฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือเท่านั้นที่ทุกคนในโรงประมูลไม่มีข้อมูลใด ๆ และผู้จัดการก็ทำได้เพียงกำชับลูกน้องของตนให้ต้อนรับทั้งสองอย่างสุภาพและอย่าทำสิ่งใดให้ทั้งสองขุ่นเคืองใจเด็ดขาด

ฉินอวี้โม่เพียงยิ้มบาง ๆ และรับม้วนกระดาษหนังแกะนั่นมาก่อนไล่อ่านข้อมูลที่ระบุไว้พร้อมกับหานโม่ฉือข้างกาย

ในงานประมูลครานี้ไม่มีสิ่งใดวิเศษวิโสนักและทั้งหมดล้วนเป็นรายการสิ่งของที่ฉินอวี้โม่เคยเห็นหรือเคยได้ยินมาก่อน ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งของเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นวัสดุสำหรับการหลอมอุปกรณ์ที่แม้จะล้ำค่าทว่าก็หาพบได้ไม่ยากนัก

นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์อาวุธจำนวนหนึ่ง แม้ว่าระดับของพวกมันจะไม่ถือว่าต่ำ พวกมันก็ยังไม่ได้อยู่ในสายตาของฉินอวี้โม่ เมื่อนั่งรอระยะหนึ่งนางก็เริ่มหมดความสนใจลงเรื่อย ๆ หลังจากกวาดสายตามองไปรอบ ๆ และเห็นว่าคนอื่น ๆ ยังคงมีดวงตาเป็นประกายด้วยความตื่นเต้น ฉินอวี้โม่ก็ไม่กล่าวสิ่งใดและเพียงเอนกายพิงไหล่กว้างของบุรุษข้างกายเพื่องีบหลับพักสายตา

หานโม่ฉือขยับตัวเล็กน้อยเพื่อทำให้ฉินอวี้โม่พิงได้สบายยิ่งขึ้น เขาเองก็ไม่สนใจสิ่งของในรายการของประมูลเช่นกัน อย่างไรก็ตาม งานประมูลครานี้ครึกครื้นยิ่งนัก เขาจึงต้องการรอชมเรื่องน่าตื่นเต้นที่อาจเกิดขึ้น

เวลานี้สายตาของหลายคนยังคงจับจ้องมาที่ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือ เมื่อเห็นท่าทางใกล้ชิดและคลุมเครือไม่ชัดเจนของทั้งสอง ดวงตาของคนเหล่านั้นก็เบิกกว้างด้วยความตกใจเล็กน้อย

‘ข่าวลือที่ว่าจอมยุทธ์ผู้ลึกลับทั้งสองนี้มีความสัมพันธ์พิศวาสตัดแขนเสื้อคงจะเป็นเรื่องจริง…’

* 断袖 ตัดแขนเสื้อ มาจาก ตำนานรักที่กลายมาเป็นสำนวนจีน ‘ต้วนซิ่วจือผี่ (斷袖之癖)’ แปลว่า ‘พิศวาสจนตัดแขนเสื้อ’ ซึ่งมีความหมายเปรียบเปรยถึงคนรักร่วมเพศ

ด้วยความใกล้ชิดและแนบแน่นเช่นนี้ เกรงว่าจะเป็นการกระทำของคนสองคนที่มีความรักใคร่ต่อกันเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ทุกคนไม่กล่าวสิ่งใดออกไป พวกเขาเพียงมองไปที่ฉินอวี้โม่และเหมือนจะกังวลว่าจะรบกวนการงีบหลับของนาง พวกเขาจึงลดเสียงกระซิบกระซาบเบาลงเรื่อย ๆ

“เจ้าสองคนนั้นน่าสนใจจริง ๆ ข้าล่ะอยากรู้ยิ่งนักว่าพวกเขาเป็นใครกันแน่”

ภายในห้องพิเศษบนชั้นที่สอง บุรุษหนุ่มรูปงามคนหนึ่งกล่าวพร้อมเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ขณะสายตามองตรงไปที่ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือด้วยความสงสัยใคร่รู้

“คุณชายขอรับ ท่านอยากให้ข้าไปสืบข้อมูลดูรึไม่ ?”

ผู้ที่ดูเหมือนคนรับใช้กล่าวขณะมองตรงไปที่ทั้งสองเช่นกันและแววตาแสดงถึงความรังเกียจอย่างชัดเจน

‘บุรุษทั้งสอง’ แสดงท่าทางที่แนบชิดไม่ต่างจากสามีภรรยาเช่นนี้ หากทราบตัวตนของทั้งสอง เขาจะสั่งคนเผยแพร่เรื่องนี้ไปทั่วทั้งดินแดนอย่างแน่นอน ผู้ที่กระทำการน่ารังเกียจเช่นนี้สมควรได้รับการดูถูกเหยียดหยามจากผู้อื่น

“ไม่ต้อง ต่อให้เจ้าไป เจ้าก็คงจะไม่ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์มา”

บุรุษหนุ่มรูปงามส่ายศีรษะเบา ๆ ขณะใบหน้ายังเปื้อนยิ้ม หากสามารถสืบหาตัวตนที่แท้จริงของทั้งสองคนนี้ได้ง่าย ๆ ผู้คนทั้งโรงประมูลก็คงจะไม่สงสัยกันอย่างชัดเจนเช่นนี้

“สำหรับทุกคนที่มาที่เมืองซิ่งหัวครานี้และผู้ที่มาเข้าร่วมงานประมูล เจ้าได้สืบข้อมูลอย่างชัดเจนแล้วหรือยัง ?”

หลังจากกวาดสายตามองผู้ที่อยู่ในห้องโถง บุรุษคนนั้นก็กล่าวขึ้นอีกครั้ง เห็นได้ชัดว่าตัวตนและสถานะของเขาสูงส่งพอสมควร

“คุณชายขอรับ สำหรับทุกคนที่เราจับตาดูอยู่ล้วนมาที่นี่กันแล้ว อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีใครพบเห็นตัวแทนจากขุมกำลังที่ดึงดูดความสนใจของผู้คนเมื่อไม่นานมานี้”

คนรับใช้กล่าวอีกครั้งทว่าน้ำเสียงเปี่ยมไปด้วยความสงสัยใคร่รู้เมื่อกล่าวถึงขุมกำลังดังกล่าว

“โอ้ ? ขุมกำลังใดกัน ?”

บุรุษรูปงามที่ถูกเรียกว่าคุณชายดูจะไม่สนใจข่าวสารในดินแดนนี้มากนักขณะเอ่ยถามด้วยความฉงนเล็กน้อย

“ขุมกำลังจากดินแดนทางเหนือ เมื่อไม่นานมานี้ขุมกำลังต่าง ๆ ในดินแดนทางเหนือได้รวมกันกลายเป็นปึกแผ่นเดียวกัน พลังของพวกเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างมากและมีพัฒนาการที่รวดเร็ว ส่วนผู้ที่ผนึกกำลังทั้งหมดของดินแดนทางเหนือและถูกแต่งตั้งให้กลายเป็นผู้ปกครองของดินแดนทางเหนือในตอนนี้ก็เป็นจอมยุทธ์ที่มากความสามารถ ยิ่งไปกว่านั้นก็ยังเป็นถึงช่างหลอมในระดับปรมาจารย์ ไม่มีทางที่คนผู้นั้นจะไม่มาที่นี่ในครานี้”

คนรับใช้กล่าวด้วยน้ำเสียงเจือความดูหมิ่นเล็กน้อย ในช่วงที่ผ่านมานี้ดินแดนทางเหนือได้สร้างความฮือฮาเป็นอย่างมาก ทว่านั่นไม่มีผลใด ๆ สำหรับพวกเขา

ยิ่งไปกว่านั้น แม้จะกล่าวว่าผู้ปกครองของดินแดนทางเหนือทรงพลังยิ่งนัก พวกเขาก็ไม่ได้สนใจอยู่ดี ต่อให้จะแข็งแกร่งเพียงใด หากเปรียบเทียบกับพวกเขา มันก็ยังห่างชั้นกันอีกมาก

“โอ้ ?”

ผู้ที่ถูกเรียกว่าคุณชายเลื่อนสายตาไปที่ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือโดยอัตโนมัติ เขามีข้อสันนิษฐานบางอย่างในใจทว่าไม่กล่าวสิ่งนั้นออกไป

“อีกอย่าง ช่วงนี้มีข่าวลือกันหนาหูในดินแดนว่าคุณหนูตระกูลเหมยดูจะสนใจผู้หลอมโอสถระดับปรมาจารย์จากเรือนกระจกน้ำแข็งเป็นพิเศษ เวลาที่ไม่อยู่ในตระกูลเหมย นางก็มักไปที่เรือนกระจกน้ำแข็งอยู่เป็นประจำ เราควรจะสืบเรื่องนี้ให้แน่ชัดดีรึไม่ขอรับ ?”

ผู้ที่ดูเหมือนคนรับใช้นึกบางอย่างขึ้นได้และกล่าวออกไป

“เอาล่ะ เจ้าไปจัดการเถอะ”

บุรุษรูปงามเพียงพยักศีรษะโดยไม่สนใจมากนัก สายตาของเขายังคงจับจ้องอยู่ที่จอมยุทธ์สวมหน้ากากสองคนนั้นด้วยความสงสัยใคร่รู้

อย่างไรก็ตาม ขณะจับตาดูอยู่นั้น เขาก็มองเห็นใครคนหนึ่งเดินเข้ามาและกล่าวบางอย่างกับคนทั้งสอง จากนั้นทั้งสองก็ลุกขึ้นและจับมือกันเดินตรงไปที่ชั้นที่สองของอาคาร

ราวกับจอมยุทธ์ทั้งสองสัมผัสได้ถึงสายตาของเขาและชำเลืองมองกลับมาพร้อมแผ่กลิ่นอายเยือกเย็น แรงกดดันอันทรงพลังที่แผ่ออกมาทำให้เขาประหลาดใจไม่น้อย

หลังจากละสายตาจากบุรุษลึกลับทั้งคู่ เขาก็ตัดสินใจแน่วแน่ที่จะสืบหาข้อมูลเกี่ยวกับตัวตนของคนทั้งสองให้จงได้

ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือสัมผัสได้ถึงสายตาที่มองมาจากห้องแยกห้องหนึ่งบนชั้นที่สองตั้งแต่ต้นทว่ามิได้สนใจเลยสักนิด

งานประมูลเริ่มต้นขึ้นแล้วและฉินอวี้โม่กำลังงีบหลับ ทว่าจู่ ๆ เด็กรับใช้คนหนึ่งก็เดินตรงเข้ามาหาและกล่าวด้วยเสียงเบาโดยบอกว่ามีใครบางคนจากชั้นที่สองเชิญนางและหานโม่ฉือไปนั่งด้วยกัน เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉินอวี้โม่จึงลืมตาตื่นขึ้นมา

เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาดุดันที่จับจ้องมา ฉินอวี้โม่ก็ไม่ชอบใจนัก หานโม่ฉือเองก็มีท่าทีไม่พอใจเช่นกันและเขาก็ต้องการที่จะแผ่แรงกดดันออกไปหมายจะกดขี่บุรุษผู้นั้น

อย่างไรก็ตาม ฉินอวี้โม่ไม่ต้องการให้หานโม่ฉือเปิดเผยความแข็งแกร่งที่แท้จริงออกไปในตอนนี้ นางจึงดึงมือเขาและหยุดการกระทำของเขาไว้

“โม่ฉือ การที่มีห้องแยกพิเศษของตนเอง คนผู้นั้นจะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน เราจะหาทางสืบข้อมูลของเขาในภายหลัง หลังจากนั้นก็จะได้สั่งสอนเขาให้รู้สำนึก”

นางกระซิบข้างหูหานโม่ฉือเบา ๆ ซึ่งเป็นภาพที่ดูแล้วใกล้ชิดแนบสนิทกันอย่างยิ่ง

หานโม่ฉือเพียงพยักศีรษะรับคำขณะจับมือบางของสตรีคนรักและมุ่งหน้าไปบนชั้นที่สอง

.