ไหวชิ่งกงจู่ไม่พอใจในตัวกูสือซานเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เวลานี้สีหน้าของนางยิ่งถมึงทึงมากขึ้น “มีที่ใดไม่เหมาะสมกัน? ราชครูกู หากท่านไม่เหมาะสม เช่นนั้น จะให้องค์หญิงอย่างข้าทำตามสัญญานั้นหรือ ถึงจะเหมาะสม? ท่านอย่าลืมว่าสถานะของท่านคืออันใด และสถานะองค์หญิงอย่างข้าคืออันใด? ”
นางพูดพลางมองกูสือซานด้วยสายตาดุดัน
ทว่าไม่มีผู้ใดคาดคิด แววตาของกูสือซานกลับเผยความร้ายกาจ เขาจ้องไหวชิ่งกงจู่และพูดว่า “องค์หญิงโปรดไตร่ตรอง”
แม้เยวี่ยไหวชิ่งจะเป็นเชื้อพระวงศ์ และกูสือซานเป็นขุนนาง ทว่าแววตาของกูสือซานที่จ้องมองไหวชิ่งกงจู่ ไม่เหมือนขุนนางมองเชื้อพระวงศ์แม้แต่น้อย ทั้งยังรู้สึกถึงความกระด้างกระเดื่อง
ผู้ที่มีสายตาหลักแหลมย่อมมองออก เมื่อไหวชิ่งกงจู่สบสายตานั้น ร่างของนางพลันสั่นเทาเล็กน้อย
ดูแล้ว… เรื่องราวบางอย่างในแคว้นไหวเจียงคงซับซ้อนอยู่บ้าง
ขณะที่ผู้ที่มีสายตาแหลมคมคิดว่าไหวชิ่งกงจู่เกิดหวาดกลัวกูสือซาน ทันใดนั้น ไหวชิ่งกงจู่ก็กัดฟันกรอดและพูดว่า
“กูสือซาน ข้าไม่สนใจ ท่านรับปากเสด็จพ่อไว้แล้วว่าจะมาแคว้นหนานหลีเพื่อคุ้มครองข้า หากข้าเป็นอันใดไป ท่านอย่าคิดว่าจะได้กลับไปเมืองหนานเจียงอย่างสวัสดิภาพ หากท่านไม่ยินยอมทำแทนข้า ข้าก็จะรับผิดชอบทำในสิ่งที่เดิมพันเอาไว้ หลังจากทุกอย่างเสร็จสิ้น ข้าจะปลิดชีพตนเองเพราะทนความอับอายไม่ไหว”
นางพูดพลางใช้มือเรียวยาวของตนปลดสายรัดเอวออก ภายในดวงตามีน้ำตาคลอเบ้า
ผู้กล้ายอมสละชีพ ไม่ยอมถูกดูหมิ่น
กูสือซานเป็นถึงราชครูแคว้นไหวเจียง เขาไม่อาจทำเรื่องเช่นถอดเสื้อผ้าต่อหน้าผู้คนมากมาย
ไหวชิ่งกงจู่ชำเลืองหางตามองกูสือซาน เขาเห็นนางปลดสายรัดเอวออกแล้ว ทว่าเขายังแสดงสีหน้าเย็นชา ทันใดนั้น นางก็ร้องไห้เสียงดัง ฮือ…
“พี่หลานอวี่ ท่านรีบมาดู! ราชครูรังแกข้า เขาไม่สนใจข้าแล้ว! ฮือ ฮือ ฮือ… พี่หลานอวี่ วันนี้ไหวชิ่งได้รับความอับอาย ต่อไปคงไม่มีเกียรติให้กลับไปเยือนแคว้นไหวเจียงอีกแล้ว ต่อไป ท่านจะไม่ได้พบไหวชิ่งอีกแล้ว ฮือ ฮือ… พี่หลานอวี่! ”
แม้ผู้อื่นจะไม่ทราบว่าหลานอวี่คือผู้ใด ทว่าซูจิ่นซีเคยพบนางมาแล้วครั้งหนึ่ง
หลานอวี่ เจ้าสำนักห้าพิษแห่งแคว้นไหวเจียง นางเคยช่วยชีวิตกูสือซาน ตอนอยู่ที่นอกเมืองหลวงแคว้นจงหนิง
ครั้งนั้น หากหลานอวี่ไม่ช่วยกูสือซาน เขาคงตายภายใต้เงื้อมมือของซูจิ่นซีกับเยี่ยโยวเหยาไปนานแล้ว
ทว่าครั้งนี้… ไหวชิ่งกงจู่ใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวร้องเรียกชื่อหลานอวี่ ดูแล้ว ความสัมพันธ์ของทั้งสามคนคงไม่ธรรมดา…
เป็นดั่งที่ไหวชิ่งกงจู่คาดเดาไว้ ในที่สุดกูสือซานก็ทนไม่ไหว เขาพูดว่า “พอแล้ว ราชครูอย่างข้าทำแทนเจ้าก็ได้! ”
แววตาของไหวชิ่งกงจู่ทอประกาย นางเช็ดคราบน้ำตาและพูดว่า “ที่ท่านพูดมา เป็นความจริงหรือ? ”
กูสือซานมองไปทางตงหลิงหวงครั้งหนึ่ง ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ราชครูอย่างข้าเป็นชายฉกรรจ์อกสามศอก วาจาหนักแน่นดั่งขุนเขา จะพูดโป้ปดได้อย่างไร? ”
กูสือซานหนอ กูสือซาน เจ้าตกหลุมพรางไหวชิ่งกงจู่เสียแล้ว
ไหวชิ่งกงจู่รีบหันหลังไปถามตงหลิงหวง “ตงหลิงหวง ก่อนหน้านี้ พวกเราตกลงกันว่า ข้าจะถอดเสื้อผ้าเข้าร่วมการแข่งขัน บัดนี้ราชครูกูรับปากจะทำแทนข้าแล้ว ทว่าเขาไม่ได้เข้าร่วมการแข่งขัน มิสู้ให้เขาถอดเสื้อผ้าวิ่งรอบสนามแข่งขันสองรอบคงได้กระมัง? ”
ต่อให้เป็นตงหลิงหวงเอง นางก็ไม่สะดวกใจที่จะพูดเรื่องการถอดเสื้อผ้าต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้ เมื่อพูดออกมาก็คงตะขิดตะขวงใจ ทว่าเยวี่ยไหวชิ่ง แม่นางผู้นี้ กลับพูดออกมาโดยไม่รู้สึกเขินอาย หน้าไม่แดง ทั้งไม่รู้สึกตื่นเต้นแม้แต่น้อย…
ตงหลิงหวงพยักหน้า เรื่องนี้ก็ตกลงกันตามนี้ ไหวชิ่งกงจู่รีบดึงตัวซูอวี้ขึ้นมาบนเวที และมอบพื้นที่ว่างตรงกลางซึ่งทุกคนสามารถมองเห็นได้ให้กูสือซาน
กูสือซาน… ต้องการบีบคอไหวชิ่งกงจู่เสียจริง ทว่าไหวชิ่งกงจู่ยกฮ่องเต้แห่งแคว้นหนานหลีกับหลานอวี่มากดดันเขา เขาไม่มีทางปฏิเสธได้
ยิ่งไปกว่านั้น เขายืนต่อหน้าผู้คนมากมาย ทั้งยังตอบตกลงว่าจะทำแทนไหวชิ่งกงจู่ต่อหน้าตงหลิงหวงด้วยน้ำเสียงจริงจัง ดังนั้นเรื่องนี้ เขาต้องทำให้สาสมกับที่เป็นลูกผู้ชาย
“ราชครูกู สุดยอด! ”
“ราชครูกู พวกเราเป็นกำลังใจให้ท่าน! ”
“ราชครูกู พวกเราเคารพท่าน! ”
“ราชครูกู เป็นลูกผู้ชายที่ยอดเยี่ยมที่สุดในอาณาจักรเทียนเหอ… ”
ดังนั้น กูสือซานจึงถูกจัดแจงให้ขึ้นไปบนเวทีท่ามกลางเสียงโห่ร้อง
หลังจากนั้น เสียงกรีดร้องของทุกคนก็ยิ่งดังขึ้น กูสือซานถอดเสื้อผ้าออกจากร่างทีละชิ้น สุดท้ายก็เหลือเพียงกางเกงชั้นในเพียงตัวเดียว
“ว้าว… ”
บรรดาหญิงสาวต่างพากันก้มหน้าแดงก่ำด้วยความเขินอายเกินกว่าจะหันไปมอง ทว่ายังมีสตรีที่เป็นชาวยุทธภพซึ่งไม่ได้สนใจเรื่องนี้ พวกนางจ้องมองกูสือซานด้วยแววตากล้าหาญ
กล่าวได้ว่า กูสือซานเป็นบุรุษที่มีมัดกล้ามจำนวนมาก กล้ามเนื้อหน้าท้องแปดมัดมาตรฐาน กล้ามเนื้อท้องแนวตั้งมาตรฐาน ความกว้างของไหล่มาตรฐาน เอวแคบ ขายาว… ใบหน้าหล่อเหลาคมสันตามมาตรฐาน…
แม้จะสู้จิ่วหรงหรือเยี่ยโยวเหยาไม่ได้ ทว่าเพียงชำเลืองมองก็สามารถดึงดูดผู้คนบนถนน ทำให้เหล่าสตรีอดมองไม่ได้
แน่นอนว่าในบรรดาผู้คนเหล่านั้นก็รวมถึงซูจิ่นซี ถังเสวี่ย ตงหลิงหวง และคนอื่นๆ
ขณะที่กูสือซานกำลังจะเปลื้องผ้าออก ถังเสวี่ยและซูจิ่นซีพลันหันหลังให้เขา
ตงหลิงหวงใช้พัดที่อยู่ในมือปิดตาของตนเองไว้
แม้จะรู้ว่าตงหลิงหวงมองไม่เห็น ทว่ากูสือซานยังคงกำหมัดเบ่งกล้ามของเขาอย่างดุเดือด ทันใดนั้น กล้ามเนื้อมาตรฐานทั้งแปดมัดพลันสะท้องแสงดำขลับ และปรากฏต่อสายตาของทุกคน
“ว้าว… ”
พวกเขาส่งเสียงขึ้นมาอีกครั้ง มีบางคนถึงกับผิวปากด้วยความตื่นเต้น
เวลานี้ ไม่รู้ว่าเป็นผู้ใดในกลุ่มคน จู่ๆ เขาก็ตะโกนขึ้นมาว่า “ราชครูกู ข้าจำได้ว่าก่อนหน้านี้ ตอนที่องค์หญิงเดิมพัน นางกล่าวย้ำว่าต้องถอดเสื้อผ้าจนหมด ห้ามเหลือแม้แต่ชิ้นเดียว! ”
“ใช่แล้ว! ข้าก็จำได้! ”
“ข้าก็จำได้… ”
ไม่ว่าจะจำได้หรือไม่ ทว่าทุกคนต่างเห็นด้วย
มีคนถามไหวชิ่งกงจู่ “องค์หญิง ใช่หรือไม่? ทรงตรัสด้วยพระองค์เอง คงไม่ลืมกระมัง? ”
เยวี่ยไหวชิ่งที่กำลังอารมณ์ดี ทำให้กูสือซานต้องขายหน้าอีกครั้ง
“ใช่! ข้าเคยพูดเช่นนั้นจริง! ”
กูสือซานกัดฟันแน่น
“ถอดเลย ราชครูกู อย่างไรก็มาถึงขั้นนี้แล้ว ไม่ต้องสนใจหนึ่งชิ้นที่เหลือ! ”
“ใช่ เป็นลูกผู้ชายอย่าได้เกรงกลัว เหล่าพี่น้องเราสนับสนุนท่าน! ”
“ใช่แล้ว! ราชครูกู ท่านเท่ที่สุด สตรีอย่างพวกเราก็สนับสนุนท่าน! สนับสนุนท่าน ท่านเท่ที่สุดเลย! ”
ชายหญิงในยุทธภพ… จริงๆ เลย… ช่างใจกล้า ไม่เขินอายกับเรื่องพวกนี้แม้แต่น้อย!
กูสือซานยังมีความลังเลอยู่บ้าง เมื่อเป็นเช่นนั้น… เสียงโห่ร้องของทุกคนก็ดังขึ้นอีกครั้ง กูสือซานค่อยๆ วางมือลงบนกางเกงสีขาวตัวใหญ่ชิ้นสุดท้ายที่อยู่ใต้สะดือของตนเอง…
ทุกคนพลันเงียบเสียงลง…
สถานการณ์เงียบงันอย่างมาก เงียบจนน่าหวาดกลัว… ทุกคนราวกับถูกสะกดจิต พวกเขาต่างเงยหน้ามองไปบนเวทีและกลั้นลมหายใจ ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง เนื่องจากเกรงว่า หากรีบหายใจ จะพลาดการแสดงฉากเด็ด
ในเวลานี้… ต่อให้มีเข็มเล่มหนึ่งตกลงบนพื้น ก็สามารถสร้างแรงสั่นสะเทือนได้อย่างมากทีเดียว
ทีละนิ้ว… ทีละนิ้ว…
นิ้วของกูสือซานจับตะเข็บกางเกงชั้นในสีขาวที่เหลือเพียงตัวเดียว จากนั้นก็ค่อยๆ ดึงลงด้านล่าง…