ตอนที่ 1813

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 1,813 : สัญญาเป็นตาย

 

“ใช่แล้วอาวุโส”

 

ต่อหน้าต้วนหลิงเทียนจ้าวคุนนั้นเผยทีท่าหยิ่งยะโส ทว่ายามเผชิญหน้ากับผู้อาวุโสโถงเป็นตาย มันแลเรียบร้อยดั่งลูกแมว

 

ส่วนต้วนหลิงเทียนก็ตอบคำอาวุโสด้วยการพยักหน้า

 

“เจ้าคือหลิงเทียนงั้นหรือ?”

 

เห็นได้ชัดว่าอาวุโสโถงเป็นตายให้ความสนใจในตัวต้วนหลิงเทียนมากกว่าจ้าวคุน เพราะกับจ้าวคุนเพียงเหลือบมองผ่านๆ ส่วนต้วนหลิงเทียนกลับมองถามด้วยท่าทางให้ความสนใจ

 

เห็นฉากนี้สองตาจ้าวคุนเผยประกายเย็นเยียบสว่างวาบขึ้นมาทันที ‘เฒ่าชรานี้มีตาหามีแววไม่ เจ้ามิรู้หรือไรหลิงเทียนกำลังจะกลายเป็นคนตาย!’

 

ถึงแม้มันไม่อยากยอมรับแค่ไหนแต่มันก็ต้องยอมรับ แต่หากไม่คำนึงถึงความแข็งแกร่งกล่าวแค่พรสวรรค์…มันก็ไม่อาจเทียบหลิงเทียนได้เลย!

 

ถึงแม้พลังฝึกปรือของมันตอนนี้จะสูงกว่าหลิงเทียน แต่มันอายุเท่าไหร่ แล้วหลิงเทียนอายุเท่าไหร่!?

 

ไม่อาจเอามาเทียบกันได้เลย!

 

เมื่อเห็นอาวุโสโถงเป็นตายของวังนภาให้ความสนใจ ต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย ก่อนที่จะพยักหน้ารับไปเบาๆกล่าวตอบ “ใช่ ข้าคือหลิงเทียน”

 

“ข้าได้ยินมาว่าเจ้าบรรลุถึงเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดแล้ว…ทว่าอีกคนกลับบรรลุถึงอริยะเซียนขั้นต้นเมื่อไม่กี่วันที่ผ่าน เจ้าแน่ใจหรือว่าเจ้าคิดลงนามในสัญญาเป็นตายและประลองเป็นตายกับคนผู้นี้? เพราะต่อให้เจ้ายอมแพ้การประลองก็มิอาจหยุด…”

 

อาวุโสวังนภากล่าวถาม

 

คราวนี้ไม่ทันทีที่ต้วนหลิงเทียนจะตอบคำอะไร กลับเป็นจ้าวคุนที่รีบกล่าวออกมาก่อน “อาวุโส ทานมีหน้าที่ดูแลโถงเป็นตาย เช่นนั้นท่านก็มีหน้าที่เป็นได้แค่พยานในการประลองและลงนามเป็นตายของพวกเรา เรื่องอื่นๆไม่ใช่เรื่องที่ท่านต้องห่วงไม่ใช่หรือ?”

 

แม้กล่าวไปแบบนี้อาจทำให้มันผิดใจกับอาวุโสโถงเป็นตาย แต่มันก็ยอม

 

ใครจะไปรู้ เกิดปล่อยให้อีกฝ่ายโน้มน้าวเกลี้ยกล่อมต่อไป หลิงเทียนเปลี่ยนใจขึ้นมามันจะทำยังไง!

 

หากหลิงเทียนเกิดเปลี่ยนใจขึ้นมาจริงๆ มันจะไปร่ำร้องฟ้องใครได้?

 

มันกำลังจะฆ่าหลิงเทียน เพื่อรับรางวัลจากอาวุโสผู้พิทักษ์จ้าว!

 

“จ้าวคุน นี่เจ้าตั้งคำถามกับการทำงานของข้างั้นหรือ?”

 

ในฐานะที่เป็นถึงอาวุโสดูแลโถงเป็นตาย อาวุโสวังนภาคนนี้ไหนเลยเป็นตะเกียงขาดน้ำมัน มองถามจ้าวคุนอีกครั้งสองตาเผยประกายคมกล้าน่ากลัวนัก!

 

“จ้าวคุน มิกล้า!”

 

จ้าวคุนเร่งก้มหน้าลงไป ทว่ามันยังกล่าวออกมาสืบต่อ “ดังคำที่ว่า ‘วาจาหวังดีฟังขัดหู’ ข้าหวังว่าอาวุโสจักไม่ปล่อยให้ความรู้สึกส่วนตัวรบกวนหน้าที่ เช่นนั้นเรื่องนี้ขอท่านอย่าได้ยุ่งเกี่ยวมากเกินไป! “

 

“ไม่ใช่ธุระอันใดของเด็กน้อยเจ้า ที่จะมากล่าวสอนว่าตาแก่เช่นข้าต้องทำงานอย่างไร!”

 

อาวุโสวังนภาไม่คิดเลยว่าจ้าวคุนยังจะกล้าทำตัวไร้เดียงสา

 

“ไม่ใช่ธุระที่มันจะกล่าวสอนเจ้าว่าควรทำงานอย่างไร แต่ข้าคิดว่าข้าสามารถเป็นธุระสอนเจ้าได้ใช่หรือไม่?”

 

ในขณะที่ทุกคนคิดว่าจ้าวคุนกล้ากล่าววาจาเช่นนี้ท่าทางจะโชคร้ายแน่แล้ว พลันมีเสียงน่าเกรงขามเปี่ยมอำนาจหนึ่งดังมาแต่ไกล ดึงดูดความสนใจของทุกคนไปทันที

 

กล้ากล่าววาจาเช่นนี้กับอาวุโสดูแลโถงเป็นตายของวังนภา พวกมันทุกคนใคร่รู้นักว่าเป็นผู้ใด!

 

“ท่านพ่อ!”

 

จ้าวจี้เป็นคนแรกที่จดจำเสียงนี้ได้ แม้จะไม่ทันได้หันไปมองก็ตามที

 

หลังจากจำเสียงได้ จ้าวจี้ก็หันไปมองด้วยความประหลาดใจ ค่อยเห็นร่างชายวัยกลางคนหนึ่งเหินลงมาจากฟ้า ลอดประตูโถงเป็นตายเข้ามา

 

“เป็นรองจ้าวตำหนัก จ้าวเติง!”

 

“ไม่คิดเลยจริงๆว่ากระทั่งรองจ้าวตำหนักจ้าวเติงก็มา! ดูเหมือนการเข่นฆ่ากันระหว่างจ้าวคุนกับหลิงเทียนนั้นเป็นอะไรที่น่าสนใจนัก!”

 

“หากรู้ว่ากระทั่งรองจ้าวตำหนักอย่างจ้าวเติงยังถึงกับมาเอง พวกที่ไม่คิดมาดูวันนี้ต้องเสียใจแน่!”

 

หลังจากที่รับทราบอัตลักษณ์ของผู้มาว่าคือ จ้าวเติง ศิษย์ตำหนักฟ้าลี้ลับที่มาร่วมชมอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ วาจาดังขึ้นก้องโถงทันที

 

“จ้าวเติง?”

 

ต้วนหลิงเทียนขมวดคิ้วเล็กน้อย ด้วยไม่คิดว่าชายคนนี้จะถ่อมาด้วย

 

มันมาทำอะไรน่ะเหรอ?

 

ไม่พ้นอยากเห็นเขาถูกจ้าวคุนฆ่าตายแน่นอน!

 

‘น่าเสียดาย ที่เจ้าต้องผิดหวัง’

 

“น้องหลิงเทียน!”

 

ทันใดนั้นเองมีอีกเสียงหนึ่งโพล่งดังมาแต่ไกล ยังเป็นเสียงที่ต้วนหลิงเทียนคุ้นเคยนัก

 

“พี่กู่!”

 

เห็นคนที่เร่งรุดมา ยิ้มหายากผุดขึ้นที่มุมปากต้วนหลิงเทียน เขาไม่คิดเลยจริงๆว่ากู่ลี่จะมาด้วย

 

“หืม? รองจ้าวตำหนักจ้าวก็มาด้วยงั้นหรือ…ดูเหมือนท่านรองจ้าวก็อยากชมดูการประลองครั้งนี้ไม่น้อย!”

 

กู่ลี่ที่เข้ามาในโถงเป็นตาย ก็มองจ้าวเติงทันที ยังกล่าวทักอีกฝ่ายก่อน

 

“ข้าบังเอิญผ่านมาแถวนี้เลยแวะมาชมดู”

 

จ้าวเติงกล่าวออกเสียงเรียบ

 

ในตำหนักฟ้าลี้ลับ หากไม่นับฐานะบรรดาศักดิ์อะไร ชาติกำเนิดของมันกับกู่ลี่ล้วนคล้ายคลึงกัน เพราะเป็นบุตรชายของอาวุโสผู้พิทักษ์ทั้งคู่

 

แต่ในแง่พรสวรรค์..มันไม่อาจเทียบกู่ลี่ได้

 

ส่วนในแง่พลังฝีมือนั้น…ตอนนี้แม้มันจะเหนือกว่ากู่ลี่ แต่นั่นเป็นเพราะมันแก่กว่ากู่ลี่มาก! หากกู่ลี่มีอายุเท่ามันในตอนนี้ น่ากลัวว่าพลังฝีมือของอีกฝ่ายจะเหนือกว่ามันโดยสิ้นเชิง!!

 

กระทั่งหลังจากนี้ผ่านไปไม่กี่สิบปี มีความเป็นไปได้กว่า 8 ใน 10 ที่กู่ลี่จะเอาชนะมันได้!

 

ด้วยเหตุผลทั้งมวล มันจึงไม่กล้าละเลยกู่ลี่

 

กู่ลี่พยักหน้าให้จ้าวเติงอีกครั้ง ก็ก้าวไปหยุดยืนข้างๆต้วนหลิงเทียน

 

อย่างไรก็ตามคนแรกที่มันเอ่ยทักกลับไม่ใช่ต้วนหลิงเทียน แต่เป็นผู้อาวุโสดูแลโถงเป็นตาย ที่ยืนอยู่ตรงหน้าต้วนหลิงเทียน “อาจารย์อาเฉิง ไม่พบกันไม่กี่ปี หากแต่ท่านยังแลดูอ่อนเยาว์เหมือนกาลก่อน!”

 

“เด็กน้อย…ส่วนเจ้ากี่ปีต่อกี่ปีก็ยังปากหวานเหมือนเคย ตอนนี้ข้าได้ยินว่าเจ้ากลายเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในรายนามฟ้าลี้ลับแล้วงั้นหรือ?”

 

อาวุโสวังนภากล่าวตอบ

 

“น้องหลิงเทียน นี่คือท่านอาจารย์อาของข้า เฉิงอวิ๋น กล่าวได้ว่าท่านเป็นศิษย์น้องของท่านพ่อข้า…ทั้งคู่มีอาจารย์คนเดียวกัน”

 

ตอนนี้เองกู่ลี่พลันแนะนำเฉิงอวิ๋นให้ต้วนหลิงเทียนรู้จัก

 

“อาวุโสเฉิง ก่อนหน้านี้ข้าไม่ทราบว่าท่านเป็นอาจารย์ของของพี่กู่…หากข้าเสียมารยาทใดไปต้องขออภัยท่านแล้ว”

 

พอรับทราบว่าอีกฝ่ายมีตัวตนเช่นไร ต้วนหลิงเทียนเริ่มกล่าวขอขมาออกมาก่อนทันที

 

อันที่จริงตอนแรกที่เฉิงอวิ๋นกล่าววาจาคล้ายจะแจ้งเตือนเขา ก็ทำให้เขางุนงงไม่น้อยว่าทำไม

 

เพราะเขาไม่รู้จักอาวุโสวังนภาคนนี้เลย ไฉนอีกฝ่ายจะต้องมาเตือนเขาด้วย

 

ตอนนี้พอทราบว่าอีกฝ่ายคืออาจารย์อาของกู่ลี่ เขาก็รู้ได้ทันทีว่าทำไม

 

เขาเชื่อว่าอีกฝ่ายสมควรรู้ว่าเขากับกู่ลี่มีสัมพันธ์อันดีต่อกัน หาไม่แล้วคงไม่คิดกล่าวเตือนเขาแบบนั้น

 

ต้วนหลิงเทียนคิดเรื่องนี้ได้ จ้าวคุนที่ยืนข้างๆก็คิดได้ไม่ต่าง สีหน้ามันเปลี่ยนไปทันใด ใจลอบภาวนาไปอย่างร้อนรน ว่าอย่าได้เกิดเหตุเปลี่ยนแปลงอะไรอีกเลย!

 

หลิงเทียนต้องลงนามในสัญญาเป็นตายกับมัน!

 

อย่าได้มาเปลี่ยนใจเอาวินาทีสุดท้าย!

 

หากต้วนหลิงเทียนเปลี่ยนใจและเลือกจะไม่ลงนามในสัญญาเป็นตาย มันย่อมไม่กล้าลงมือฆ่าคนในเขตตำหนักฟ้าลี้ลับ ถึงแม้จะอยากทำแค่ไหนก็ตาม

 

“อาวุโสเฉิงในเมื่อทั้งคู่มาเพื่อลงนามในสัญญาเป็นตาย…ท่านก็เอาสัญญาเป็นตายให้ทั้งคู่ประทับลายนิ้วมือเสีย! ข้าอยากเห็นการประลองเป็นตายระหว่างพยัคฆ์มังกรเต็มที คิดว่าสมควรเป็นการต่อสู้ที่น่าดูชมยิ่ง!”

 

ขณะเดียวกันนั้นเอง จ้าวเติงที่มาหยุดยืนข้างๆจ้าวจี้ก็มองกล่าวกับเฉิงอวิ๋นออกมา

 

ความหมายในวาจาไม่ได้มีอะไรมากไปกว่า เร่งรัดให้เฉิงอวิ๋นรีบส่งสัญญาเป็นตายให้ทั้งสองคนจัดการให้เสร็จเรื่อง ปล่อยให้จ้าวคุนกับหลิงเทียนเข่นฆ่ากันเสียที!

 

“ท่านพ่อ!”

 

จ้าวเติงที่กล่าวเร่งเฉิงอวิ๋นจบ พลันได้ยินเสียงแตกตื่นร้อนใจหนึ่งดังเข้าหู

 

จ้าวเติงย่อมจดจำได้ทันทีว่านี่เป็นเสียงของบุตรชาย จึงเร่งกล่าวถามออกไปด้วยความเป็นห่วงทันที “จี้เอ๋อเกิดอะไรขึ้น?”

 

“ท่านพ่อ! ท่านรีบหยุดไม่ให้จ้าวคุนทำสัญญาเป็นตายกับหลิงเทียนเร็วเข้า!!”

 

จ้าวจี้รีบกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงร้อนใจ ยังเต็มไปด้วยความกระวนกระวายใจอย่างเห็นได้ชัด

 

“ทำไมเล่า?”

 

จ้าวเติงถึงกับงุนงง “ไม่ใช่เจ้าอยากให้หลิงเทียนตายหรือไร? วันนี้ตราบใดที่มันลงนามในสัญญาเป็นตาย จ้าวคุนที่ทะลวงถึงอริยะเซียนขั้นต้นแล้วต้องฆ่ามันได้แน่นอน..”

 

“ท่านพ่อ! ท่านรู้แค่ตอนนี้ข้าไม่อยากให้หลิงเทียนถูกมันฆ่าตายแบบนี้…ท่านพ่อ! ข้าอยากฆ่าหลิงเทียนด้วยตัวเองไม่อยากยืมมือผู้ใด!!”

 

จ้าวจี้กล่าวออกมาอีกครั้ง

 

“จี้เอ๋อ เจ้าเวียนหัวหรือ? ไฉนตอนปู่เจ้าออกคำสั่งฆ่ามันเจ้ากลับยินดีนัก…ทำไมมาตอนนี้เกิดเปลี่ยนใจแล้วเล่า?”

 

จ้าวเติงงุนงงไม่น้อย ด้วยไม่เข้าใจว่าบุตรชายมันคิดอะไรอยู่ ใช่รับประทานยาผิดขวดมาหรือไม่?

 

จ้าวจี้แน่นอนว่าไมน่ได้กินยาผิดขวด!

 

เหตุผลที่ทำให้ที่ท่ามันเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ เพราะก่อนหน้านี้มันคิดว่าชั่วชีวิตไม่มีวันก้าวข้ามต้วนหลิงเทียนได้แล้ว!

 

แต่ตอนนี้ด้วยเคล็ดมารกลืนหยินที่มันกำลังจะได้รับ ทำให้มันมั่นใจมากว่าภายในปีสองปีมันต้องก้าวข้ามต้วนหลิงเทียนได้แน่ ดังนั้นมันจึงไม่คิดให้ใครชิงฆ่าต้วนหลิงเทียนไปก่อน!

 

ทว่าเรื่องนี้มันสามารถกล่าวออกมาได้หรือ?

 

“ท่านพ่อ ช่วงนี้พลังฝึกปรือข้าก้าวหน้าเชื่องช้ายิ่ง ไม่พ้นเพราะปมแค้นในใจที่ข้ามีต่อหลิงเทียนแน่…ข้ากลัวว่าหากข้าไม่อาจฆ่ามันกับมือข้า พลังฝึกปรือของข้าคงได้รับผลกระทบ!”

 

จ้าวจี้เร่งหาข้อแก้ตัวอันเหลวไหลทันที

 

“จี้เอ๋อ พ่อรู้ดีว่าเจ้าอยากล้างแค้นด้วยมือของตัวเอง…แต่ด้วยความสามารถของเจ้า ต่อไปช่องว่างระหว่างเจ้ากับหลิงเทียนรังแต่จะเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น! สุดท้ายอย่าว่าแต่เจ้ากระทั่งข้ากับปู่เจ้ายังไม่อาจสู้มันได้!”

 

“และข้าเกรงว่าคงยากจะหาโอกาสอันดีที่จะจัดการกับมันแบบนี้ได้อีก!” จ้าวเติงกล่าว “เช่นนั้นอย่าหาว่าพ่อใจร้ายกับเจ้าเลย แค่ปล่อยให้จ้าวคุนฆ่ามันเถอะ!”

 

“ส่วนเรื่องที่เจ้ากล่าวนั้น สมควรเป็นแค่ความรู้สึกเท่านั้นยังมิร้ายแรงถึงขั้นเป็นมารในใจ เพียงเจ้าเห็นหลิงเทียนตาย มินานปมในใจนี้ก็คลี่คลาย เพราะสุดท้ายผู้ชนะก็คือผู้ที่อยู่รอด…พ่อเชื่อว่าเจ้าต้องก้าวข้ามมันและยืนหยัดได้อีกครั้ง”

 

จ้าวเติงกล่าวออกมาภายในลมหายใจเดียว

 

จากนั้นไม่ว่าจ้าวจี้จะร้องโวยวายหาข้ออ้างแค่ใด จ้าวเติงก็ไม่คิดจะหยุดจ้าวคุน

 

สุดท้ายจ้าวจี้แทบจะเปิดเผยเรื่องมารกลืนหยินออกมา หากทว่ามันยังคงมีสติมากพอจะระงับเรื่องนี้เอาไว้ได้

 

ในระหว่างที่พ่อลูกสนทนากัน อีกด้านเฉิงอวิ๋นก็ส่งเสียงคุยกับกู่ลี่เช่นกัน

 

มันพยายามให้กู่ลี่ช่วยโน้มน้าวต้วนหลิงเทียนอีกแรงว่าอย่าได้ลงนามตอบรับ ‘สัญญาเป็นตาย’ กับจ้าวคุน เพราะมันไม่คิดว่าต้วนหลิงเทียนจะมีโอกาสชนะ

 

กู่ลี่เองก็รับคำโดยการหันไปคุยกับหลิงเทียน

 

ทว่าหลังจากได้รับคำยืนยันจากปากต้วนหลิงเทียน กู่ลี่ก็ได้แต่หันไปอธิบายกับเฉิงอวิ๋น “อาจารย์อาเฉิงท่านอย่าได้กังวล…น้องหลิงเทียนไม่คิดลงมือทำอะไรที่ไม่มั่นใจแน่นอน”

 

ความเชื่อใจ! เรื่องนี้ทำให้เฉิงอวิ๋นจนใจจะกล่าวใดสืบต่อ

 

เพราะกระทั่งเจ้าตัวที่กำลังจะขึ้นไปสู้ยังแลดูสงบใจกว่ามันเสียอีก…

 

ดังนั้นพอจ้าวเติงหันมามองจี้มันอีกครั้ง มันก็หยิบ สัญญาเป็นตายออกมาทันที

 

ตึง!!

 

สัญญาเป็นตายของโถงเป็นตายตำหนักฟ้าลี้ลับนี้กลับเป็นป้ายศิลามหึมาหนึ่ง พอเรียกออกมามันก็ร่วงไปตั้งตระหง่านบนพื้นทันที

 

เมื่อมองข้อความที่จารึกสลักเอาไว้ ก็รู้ได้ทันทีว่ามันคือข้อตกลงที่ทั้งสองฝ่ายจะต้องทำความเข้าใจและยอมรับ

 

ล่างสุด มีที่ว่างเว้นไว้สองช่อง

 

“พวกเจ้าทั้งคู่ประทับรอยนิ้วมือด้วยโลหิตเสีย หลังจากนั้นสัญญาเป็นตายจักถือว่ามีผลบังคับใช้”

 

เฉิงอวิ๋นมองสลับระหว่างต้วนหลิงเทียนกับจ้าวคุนค่อยกล่าว