ตอนที่ 307 เขาตีตราจองเอาไว้แล้ว

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

หนุ่มน้อยผู้นั้นฮึดฮัดไม่พอใจที่สุด ใบหน้าและลำคอของเขาแดงก่ำไปหมด

 

 

คุณหนูเซิงเซิงคือแสงจันทราในใจของเขา คือสตรีที่งดงามที่สุดในโลกหล้านี้

 

 

ไม่เพียงแต่เขา ในสายตาของบุรุษที่ยังมิได้แต่งงานในเมืองกู่เย่ว นางก็คือสตรีที่ทุกผู้ต่างมุ่งหมายจะมาสู่ขอกลับไปยกย่องเป็นภรรยา

 

 

แต่น่าเสียดาย เพราะราชโองการแต่งตั้งเพียงฉบับเดียวแท้ๆ คุณหนูเซิงเซิงกลายเป็นพระสนมกุ้ยเฟย

 

 

ถึงแม้จะเป็นเพียงแต่ฐานะในนามเท่านั้น แต่ก็เท่ากับว่าคุณหนูเซิงเซิงก็ถูกหน่วงเหนี่ยวกักขังเอาไว้เสียแล้ว

 

 

ถึงแม้ว่าทางจวิ้นอ๋องจะมิได้เห็นดีเห็นงามกับการแต่งตั้งครั้งนี้ แต่ราชโองการยากจะขัดขืน ถึงแม้ว่าจีเฉวียนจะมิได้มีรับสั่งเรียกเซิงเซิงเข้าวังไป แต่ว่าโดยฐานะ ก็ถือว่านางได้กลายเป็นสตรีของฮ่องเต้ไปแล้ว

 

 

คนอย่างพวกเขาก็ได้แต่เพียงเฝ้ามองดูเท่านั้น

 

 

ได้แต่ต้องเก็บงำความขื่นขมนี้เอาไว้อยู่ลึกๆ ในก้นบึ้งของหัวใจ ไม่อาจจะเปิดเผยออกมาได้แม้แต่น้อย

 

 

หากมิใช่เพราะว่ามีราชโองการแต่งตั้งฉบับนั้นขวางอยู่ เกรงว่าคนที่พากันมาสู่ขอคงจะเหยียนย่ำประตูตำหนักจนทรุดไปนานแล้ว

 

 

แววตาของเหลียงจวิ้นอ๋องทอประกายเย็นยะเยือก เขาประคองถ้วยน้ำชาที่เย็นชืดแล้วเอาไว้ในมือ พลางมองออกไปยังดอกไห่ถางที่ปลิวตามลมด้านนอกหน้าต่าง กล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “เช่นนั้นก็เตรียมการรับเสด็จฮ่องเต้ให้ดีแล้วกัน”

 

 

“ท่านอ๋อง พวกเราจะยังไม่มีแผนการรับมือหรือขอรับ?” เหล่าทหารต่างอดจะวิตกกังวลไม่ได้

 

 

“ในตอนนี้จีเฉวียนผู้นั้นมีชื่อเสียงดีงามสูงส่ง เกรงว่าคงไม่อาจจะจัดการได้ง่ายๆ”

 

 

พอพึ่งจะกล่าวจบไป ก็เห็นเงาร่างสีชมพูปรากฏขึ้นที่ด้านนอกห้องโถงหลัก

 

 

ผู้คนทั้งหลายต่างก็พากันหุบปากลง ทุกสายตาต่างก็มองไปยังร่างของสาวน้อย เห็นนางค่อยๆ เดินเข้ามาทีละก้าว พอมาถึงข้างกายของเหลียงจวิ้นอ๋อง ก็คำนับครั้งหนึ่ง ส่งเสียงเรียกอย่างนุมนวลเชื่อฟังว่า “ท่านปู่”

 

 

เหลียงจวิ้นอ๋องเห็นรองเท้าและชายกระโปรงของนางเลอะโคลน ก็รู้ทันทีว่านางพึ่งจะออกไปข้างนอกอีกแล้ว

 

 

เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย “ปู่บอกเจ้าหลายหนแล้ว ว่าอย่าได้เข้าไปในป่าเพียงลำพัง”

 

 

“ปีนี้ทุกบ้านเก็บเกี่ยวได้มาก ทุกที่ทุกทางล้วนมีแต่สีทองอร่าม สวยงามน่าดูมากจริงๆ เจ้าค่ะ” ดวงตาของเหลียงเซิงเซิงเป็นประกาย “หลานคิดว่า หากว่าฮ่องเต้ทรงได้มาทอดพระเนตร จะต้องพอพระทัยมากอย่างแน่นอน”

 

 

พอเหลียงเซิงเซิงกล่าวประโยคนี้ออกมา สีหน้าของทุกผู้คนก็เปลี่ยนไป

 

 

คุณหนูน้อยยังคงจดจำฮ่องเต้ผู้นั้นได้ด้วยหรือ?

 

 

“ผู้คนภายนอกต่างพูดกันว่า พระองค์ทรงเป็นฮ่องเต้ที่ดี” เหลียงเซิงเซิงเปลี่ยนชาร้อนให้เหลียงจวิ้นอ๋อง “บางทีที่พระองค์เสด็จมาครั้งนี้ อาจจะมาเพื่อทอดพระเนตรดูทิวทัศน์ของกู่เย่ว ชื่นชมความอุดมสมบูรณ์ก็เป็นได้นะเจ้าคะ?”

 

 

ผู้คนทั้งหลายถูกความไร้เดียงสาของนางทำเอาน้ำตาจะไหลแล้ว

 

 

คุณหนูน้อยสูญเสียบุพการีตั้งแต่เยาว์วัย อีกทั้งไม่มีพี่ชายน้องสาว ถูกท่านอ๋องกล่อมเกลี้ยเลี้ยงดูมากับมือ สามารถกล่าวได้ว่าเติบโตขึ้นมาในความรักอันลึกล้ำของท่านอ๋อง ดังนั้นอุปนิสัยจึงใสซื่อบริสุทธิ์อย่างยิ่ง

 

 

คล้ายกับว่า ในดวงตาของนางนั้น โลกนี้ไม่มีผู้ร้ายใดๆ

 

 

ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีแต่ความงดงาม……

 

 

ไม่รู้ว่าหลายปีมานี้ จวิ้นอ๋องต้องทำงานหนักเช่นไร จึงทำให้นางมีแต่ความบริสุทธิ์งดงามขนาดนี้

 

 

“คุณหนูน้อย คนภายนอกนั้นมีพวกคนไม่ดีอยู่มากมาย คำพูดของพวกเขาเชื่อถือไม่ได้หรอกขอรับ” ทหารหนุ่มผู้นั้นกล่าวเสียงเข้ม “ท่านจิตใจบริสุทธิ์ผุดผ่องและมีเมตตา แต่โปรดอย่าได้ถูกหลอก ฮ่องเต้เสด็จมาครั้งนี้ จะต้องมีพระประสงค์จะพาท่านเข้าวังไปแน่ ยิ่งไปกว่านั้น…พระองค์อาจจะต้องการยึดเมืองกู่เย่วนี้กลับไปอีกด้วย”

 

 

แค่ประโยคเดียว สีหน้าของเหลียงเซิงเซิงก็เปลี่ยนไปในทันที

 

 

นางสัมผัสไฝแดงบนริมฝีปากล่างอย่างสับสน จากนั้นก็ส่ายศีรษะ ค่อยหันไปหาเหลียงจวิ้นอ๋องกล่าวว่า “ท่านปู่เจ้าคะ ข้าไม่อาจเข้าวัง และไม่ต้องการเป็นกุ้ยเฟยเจ้าค่ะ”

 

 

นางสัญญากับคนผู้นั้นเอาไว้แล้ว ….ในเมื่อถูกเขาตีตราไปแล้ว ก็ต้องเป็นคนของเขา

 

 

ชั่วชีวิตนี้ ไม่มีทางมีใจเป็นอื่นอีก

 

 

เนื่องเพราะมีราชโองการของฮ่องเต้ ทำให้นางมีฐานะเป็นกุ้ยเฟยอยู่กับตัว และยังมีความรักที่ยิ่งใหญ่ของท่านปู่ ดังนั้นจึงไม่กล้าละทิ้งทุกอย่างไปหาเขา

 

 

หากครั้งนี้ฮ่องเต้ทรงเสด็จมาจริงๆ นางก็จะใช้โอกาสนี้….ทูลขอให้พระองค์ถอนราชโองการคืนไป มอบอิสระภาพแก่นาง

 

 

เหลียงจวิ้นอ๋องเห็นดวงตาทั้งสองของนางปรากฏแววหวาดหวั่น เขาก็ยิ่งปวดใจ

 

 

“วางใจเถอะ ในโลกนี้ยังไม่มีผู้ใดที่เหมาะสมคู่ควรกับเจ้า ต่อให้เป็นฮ่องเต้ก็ไม่คู่ควร” เขายื่นมือไปลูบใบหน้ารูปไข่ของนาง ในดวงตามีแต่ความรักถนอมเอาอกเอาใจอย่างที่สุด

 

 

หลานสาวตัวน้อยที่เขาเลี้ยงดูมากับมือจนเติบโต ไหนเลยจะยอมปล่อยให้นางถูกบีบบังคับได้กัน?

 

 

พูดแล้วเขาก็กำชับอีกว่า “ช่วงนี้เมืองกู่เย่วไม่ค่อยสงบ ในป่าลึกบนภูเขามีภูติผีออกอาละวาด เจ้าอย่าได้เข้าไปอีก”

 

 

พูดถึงเรื่องนี้ ก็ช่างเป็นความบังเอิญจริงๆ

 

 

พอจีเฉวียนจะเสด็จมา เมืองกู่เย่วก็ชักจะเกิดความไม่สงบ

 

 

ฟังว่าก่อนหน้านี้พวกพรานที่ขึ้นเขาไปเก็บฟืนหลายคนพากันตายหมด

 

 

ตายไปแล้วแต่ศีรษะกลับหายไปหมด นั่นเป็นภาพที่น่าสยดสยองอย่างยิ่ง

 

 

ยิ่งเข้าไปใกล้ภูเขาฝูซางซาน ก็ยิ่งมีแต่อันตราย

 

 

บางทีอาจเป็นเพราะฝูซางซานเป็นเขตภูติผีของแคว้นกู่เย่ว พอทราบว่าฮ่องเต้แห่งต้าโจวกำลังจะเสด็จมา ก็พากันไม่ยอมอยู่ในความสงบอีกต่อไป

 

 

เนื่องเพราะผู้ที่ประหัตประหารสังหารชาวกู่เย่ว ก็คือเสด็จปู่ของฮ่องเต้พระองค์นี้

 

 

ในเมื่อผู้ที่ผูกความแค้นล่มชาติมาเหยียบย่ำถึงที่ แล้วจะให้สงบนิ่งอยู่ได้อย่างไร?

 

 

ที่หนักหนายิ่งกว่านั้นก็คือ ไม่เพียงแต่ว่าในป่ามีภูติผีอาละวาด หลายวันก่อน ตามชบนทก็มีคนตายอีกด้วย

 

 

หลังถูกฆ่าแล้วก็เอาศีรษะไป บริเวณลำคอมีรอยเขี้ยวกัดลึก นี่จะต้องเป็นพวกภูติผีออกมาอาละวาดอย่างแน่นอน

 

 

แต่ว่าปีศาจตนนี้ที่สุดแล้วคืออะไรกันแน่นั้น พวกเขายังสืบได้ไม่แน่ชัด

 

 

“ภูติผีปีศาจที่ดีก็มีเหมือนกัน” เหลียงเซิงเซิงก้มศีรษะลง นางกระพริบตา มือที่อยู่ใต้แขนเสื้อสั่นน้อยๆ ด้วยท่าทีที่ไม่ค่อยสงบนิ่งนัก

 

 

ตอนที่นางยังเป็นเด็กน้อย ครั้งหนึ่งบังเอิญหลงเข้าไปในภูเขาฝูซางซาน…..ในตอนนั้น มีปีศาจที่งดงามมากผู้หนึ่งช่วยเหลือนางเอาไว้

 

 

ที่จริงแล้ว ปีศาจตนนั้นยังจูบนางอีกด้วย

 

 

ฉะนั้น ตอนนี้ที่ริมฝีปากล่างจึงมีไฝแดงเพิ่มขึ้นมาเม็ดหนึ่ง ปีศาจที่งดงามตนนั้นพูดว่า นั่นคือการตีตราจองจากเขา เมื่อมีตราประทับของเขาก็เท่ากับว่าเป็นคนของเขาแล้ว

 

 

สักวันหนึ่ง เขาจะมารับนาง

 

 

นางย่อมเชื่อและรอคอยเขาอยู่

 

 

รอแล้วรอเล่า ผ่านมาก็นานหลายปีแล้ว

 

 

แต่นางยังเชื่อว่าเขาจะต้องมา

 

 

ดังนั้น….ปีศาจก็ไม่ใช่ว่าจะเลวร้ายไปเสียหมด ต้องมีแบบที่ช่วยเหลือมนุษย์อยู่บ้างแน่นอนจริงไหม?

 

 

หลายปีมานี้นางได้แต่เก็บงำความลับนี้เอาไว้ในก้นบึ้งของหัวใจ โดยมิได้บอกใครทั้งนั้น แม้แต่ท่านปู่ที่นางรักที่สุด นางก็ยังไม่เคยเล่าออกไป

 

 

เหลียงจวิ้นอ๋องทั้งฉุนทั้งขำนาง หลานสาวผู้นี้ของเขาอะไรๆ ก็ดีทั้งนั้น เพียงแต่บริสุทธิ์ใสซื่อจนเกินไป ไม่รู้ว่านี่จะดีหรือไม่ดีกันแน่

 

 

“ต้องเชื่อฟัง ช่วงนี้อย่าพึ่งไป” เขาได้แต่ตบแก้มนางเบาๆ “ตอนที่ฮ่องเต้เสด็จมาแล้ว เจ้าก็ไม่ต้องออกมาเข้าเฝ้าพระองค์ ปู่มีวิธีจะทำให้พระองค์ยอมปล่อยเจ้าไปเอง”

 

 

สาวน้อยที่งดงามโดดเด่นเช่นเซิงเซิง ใครได้เห็นแล้วจิตใจจะไม่หวั่นไหวได้กัน?

 

 

โดยเฉพาะผู้ที่เป็นฮ่องเต้อย่างจีเฉวียน…..หากว่าปล่อยให้พระองค์ได้ทอดพระเนตรความงามของเซิงเซิง เกรงว่านับจากนี้ไปสายพระเนตรของพระองค์ก็คงจะไม่มีทางหันไปหาสตรีอื่นอีกแล้ว

 

 

ตอนนี้ เขาเพียงแต่หวังว่าเซิงเซิงจะมีชีวิตที่สงบสุขมีความสุขไปตลอด

 

 

นางทั้งโชคร้ายและก็โชคดีในคราวเดียวกัน เขาเพียงแต่หวังให้นางมีชีวิตที่ราบรื่น สงบสุขตลอดไป

 

 

เหลียงเซิงเซิงพยักหน้า เดิมทีคิดจะขอให้ท่านปู่เชิญตัวท่านหมอเจียงมาตรวจอาการให้พี่ซิงสักหน่อย แต่คำพูดมาถึงปากก็กลืนลงไป

 

 

ท่านปู่ไม่ชอบคนที่มาจากภายนอก….หากท่านทราบว่านางพาคนนอกเข้ามา….พี่ซิงก็อาจจะถูกขับไล่ออกไป

 

 

คิดๆ ดูแล้ว ยังคงไปเชิญท่านหมอเจียงมาด้วยตนเองดีกว่า

 

 

หากใช้ไม้อ่อนร้องขอล่ะก็ ถึงจะเป็นท่านหมอเจียงที่มีนิสัยแปลกประหลาดก็อาจจะยินยอมมาในที่สุดก็เป็นได้กระมัง?

 

 

ผู้ที่งดงามเช่นพี่สาว ต้องมารับบาดเจ็บที่ศีรษะและขา น่าสงสารจะตาย

 

 

ไม่รู้ว่าทำไม ตั้งแต่แวบแรกที่ได้เห็นพี่ซิง นางก็รู้สึกสนิทสนมคุ้นเคยอย่างประหลาด ราวกับว่า….เคยได้พบที่ไหนมาก่อนอย่างไรอย่างนั้น?

 

 

บางทีอาจจะเป็นเพราะ นางงดงามมากล่ะมั้ง?