“เย่หย่งหง ทางที่ดีที่สุดก็อย่าได้เจอผม ไม่งั้นผมรับประกันว่าจะทำให้คุณรู้ว่าอะไรคือหมัดและเท้าไม่มีตา!”
เห็นว่าเซวหมานจื่อสาวเท้าเดินมาอย่างรวดเร็ว เย่เทียนใช้สายตาเย็นชากวาดมองเย่หย่งหง ทันใดนั้นหันศีรษะไปตะโกนใส่เซวหมานจื่อ “หมานจื่อ เขาบาดเจ็บค่อนข้างสาหัส แบกเขาไปที่เขตรักษาก่อนเถอะ!”
“ได้!”
เซวหมานจื่อพยักหน้าเล็กน้อย ขณะเดียวกันก็ถลึงตามองเย่หย่งหง แล้วอุ้มโอชิที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสขึ้น จากนั้นรีบเดินไปในเขตรักษาทันที
เวลานี้ เจ้าหน้าที่รักษาก็รีบเข้ามา เซวหมานจื่อวางบนเปลยกผู้ป่วยอย่างระมัดระวัง ไฟแห่งความโมโหลุกโชนขึ้นในใจ!
นี่ก็คือเรื่องที่ไม่อาจจะปฏิเสธว่าไม่ดีทั้งหมดได้ ถึงแม้โอชิจะเป็นคนของเขตทหารอื่น แต่ยังไงก็อยู่ภายใต้การบัญชาการของถังเหวินหลง ว่าไปแล้วก็คือค่ายเดียวกัน!
ในการแข่งขัน ชนะหรือแพ้กลับยังพูดง่าย แต่ถ้าจงใจทำร้ายชีวิตด้วยวิธีที่โหดเหี้ยม เรื่องนี้ยกโทษให้ไม่ได้!
ไม่ว่าในกรณีใด สิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่เป็นเพียงเรื่องแทรกแซงเล็กๆ เท่านั้น และไม่ส่งผลต่อความคืบหน้าของการแข่งขันเลย
เช่นเดียวกับที่เย่หย่งหงพูดว่าหมัดและเท้าไม่มีตาในสนาม แม้ว่าโอชิจะถูกฆ่าโดยเย่หย่งหงจริงๆ คนอื่นก็พูดอะไรไม่ได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตอนนี้เขาแค่บาดเจ็บสาหัสเท่านั้น
การแข่งขันดำเนินต่อไป และหลังจากรอไม่นานก็ยืนขึ้นอีกครั้ง ประกาศว่าในบรรดาผู้เข้าแข่งขันเกือบ 100 คน มีเพียง 16 คนเท่านั้นที่ผ่านเข้ารอบต่อไปได้สำเร็จ หลังจากชนะสี่ครั้งติดต่อกัน
ไม่รู้ว่ามันเป็นข้อตกลงลับหรือเปล่า แต่ไม่มีผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในเก้าเขตทหารมาปะทะกันในรอบแรก และอีกเจ็ดคนที่เหลือมาจากโลกแห่งศิลปะการต่อสู้!
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากใกล้เที่ยงวันแล้ว การแข่งขันรอบต่อไปจึงมีขึ้นในตอนบ่าย
หลังจากการแข่งขันสี่รอบติดต่อกัน เย่เทียนก็หิวจนท้องแบนราบแล้ว ตอนนี้ ภายใต้การนำของเซวหมานจื่อ เขามาถึงพื้นที่โรงอาหารที่สร้างขึ้นชั่วคราว
ที่จริงแล้วนี่คือในหุบเขาลึกและเป็นป่าเก่าแก่มาก โรงอาหารนี้เป็นเพียงเต็นท์กันแดดเท่านั้น ด้านล่างตั้งอาหารไว้ ไม่มีแม้แต่โต๊ะและเก้าอี้อาหาร
เย่เทียนไม่สนใจมากนัก เขาเดินตาม เดินตามเซวหมานจื่อเข้าแถวอาหาร และเลียนแบบคนอื่นในการนั่งยองๆ ใต้ร่มเงาของต้นไม้ข้างๆ
แน่นอน พวกที่นั่งยองๆ ใต้ร่มเงาต้นไม้ส่วนมากคือคนของหน่วย ผู้เข้าร่วมการแข่งขันจากโลกแห่งศิลปะการต่อสู้ต่างก็ทำหน้าประหม่า ถึงแม้จะไม่พอใจในการจัดการแบบนี้ ทว่าเหมือนจะคาดการณ์ถึงว่าจะเกิดสถานการณ์แบบนี้ จึงยกอาหารกลับไปที่เต็นท์กันแดด
เพราะถึงอย่างไร อย่างน้อยที่นั่นก็มีโต๊ะเก้าอี้ไม่ใช่หรือ?
“เย่เทียน นอกจากคุณกับผม และเจ็ดคนที่ออกจากโลกแห่งศิลปะการต่อสู้ที่ผมไม่เข้าใจแล้ว ที่เหลือเจ็ดคนนั้นเก่งกาจมาก มีชื่อเสียงในเขตทหารในประเทศอยู่ไม่น้อย ต่อไปคุณต้องระมัดระวังให้ดีด้วยล่ะ!”
เซวหมานจือป้อนข้าวเข้าปากคำใหญ่สองคำ แล้วบอกเย่เทียนอย่างคลุมเครือไม่ชัดเจน “ว่าไปแล้ว เย่หย่งหงก็ร้ายกาจเกินไปจริงๆ เมื่อกี้ผมได้ยินบุคลากรทางการแพทย์บอกว่า โอชิได้รับบาดเจ็บไม่เบา ช่วงนี้อย่าคิดจะได้ทำงานหนักเลย อย่างน้อยก็คงต้องไปใช้เวลาสิบวันหรือครึ่งเดือนไว้พักฟื้นที่โรงพยาบาล ถ้าเป็นผมคงไม่อภัยให้เขาแน่นอน!”
ขณะที่พูด บนใบหน้าของเซวหมานจื่อก็แสดงสีหน้าที่โมโหออกมา
เย่เทียนได้ยินแบบนี้ กลับไม่ได้เอามาใส่ใจมากเกินไป ถึงแม้รอบต่อไปจะมีแต่ยอดฝีมือ แต่วันนี้เขาฝึกชี่มาเจ็ดขั้นแล้ว นับได้ว่าเป็นยอดฝีมือในยอดฝีมืออีก!
ทว่า เซวหมานจื่อพูดถึงเย่หย่งหงอีกครั้ง ทำให้นัยน์ตาของเย่เทียนเต็มไปด้วยความเย็นยะเยือกอีกครั้ง ตอนนั้นเขาถูกตระกูลเย่ไล่ออกมา เพราะว่าเย่หย่งหง และพ่อของเย่หย่งโซ่ เรื่องดีๆ ที่ลุงใหญ่คนนั้นของเขาทำ วันนี้ เขาจะเก็บดอกเบี้ยเล็กน้อยก่อน!
“เดี๋ยวกินข้าวเสร็จ เราไปเยี่ยมโอชิกัน!”
เมื่อคิดถึงแบบนี้ เย่เทียนก็ไม่ได้ถ่วงเวลา หลังจากกินมื้อง่ายๆ อย่างรวดเร็ว ก็ตรงไปที่เขตการแพทย์โดยตรง
เมื่อเทียบกันแล้ว เขตการแพทย์ดีกว่าไม่น้อย ไม่เพียงแต่โต๊ะเก้าอี้พวกนั้น ยิ่งไปกว่านั้นก็คืออุปกรณ์ทางการแพทย์ที่เยอะขึ้นไม่น้อย
แต่น่าเสียดาย คนที่อยู่ที่นี่ แทบจะทุกคนจะได้รับบาดเจ็บไม่มากก็น้อย และมันให้กลิ่นอายเหมือนค่ายผู้ลี้ภัย
เย่เทียนเดินเข้าไปในด้านใน แล้วหาตำแหน่งของโอชิเจอโดยเร็ว
ส่วนด้านข้างโอชิ ก็คือชายสองคนนั้นที่ติดตามเขาอยู่ก่อนหน้านี้
พอเห็นเย่เทียนกับเซวหมานจื่อเข้ามา พวกเขารีบได้สติกลับมาทันที
“ไอ้เย่หย่งหงมันร้ายกาจเกินไปแล้ว แค่การแข่งขันเท่านั้น กลับลงไม้ลงมือแรงขนาดนี้!”
เมื่อเทียบกับชายที่สูงกว่านิดเดียว นิสัยดูใจร้อนไม่น้อย สีหน้าเต็มไปด้วยความโมโห
“นั่นแหละๆ หมานจื่อ เย่เทียน พวกนายต้องเรียกความเป็นธรรมให้กับโอชิสิ!”
เซวหมานจื่อได้ยิน จึงพูดราวกับเป็นศัตรูของเขา “พวกนายวางใจเถอะ! ถ้าข้ากับมันได้เจอกัน ข้ารับประกันเลยว่าไม่มีทางอภัยให้มันแน่นอน!”
เย่เทียนกลับไม่พูดอะไร เดินสองสามก้าวก็ถึงข้างเตียงโอชิ แล้วมองอาการบาดเจ็บของโอชิ
เขาตบโอชิ แล้วยิ้มพูดเบาๆ “อย่าคิดมากไป คุณอยู่พักผ่อนที่นี่ดีๆ ก็พอแล้ว!”
โอชิเงยหน้ามองเย่เทียนอย่างไร้เรี่ยมแรง สีหน้าฉีกยิ้มออกมาอย่างฝืนทน แล้วพูดอย่างขมขื่น “ผมโทษเขาไม่ได้ นี่ต้องโทษตัวฉันเองที่ฝึกวิชาไม่ดีพอ”
“โอชิ คุณพูดอย่างนี้ไม่ได้ เย่หย่งหงต่างหากที่โหดเหี้ยมเกินไป!”
“ก่อนหน้านี้ผมมองอยู่ล่างเวทีตลอดเวลา เวลานั้นกรรมการประกาศว่าเขาชนะแล้ว แต่เขากลับไม่ได้ยั้งมือเลย!”
เย่เทียนได้ยิน นัยน์ตาดำสนิทก็ยิ่งดูเย็นยะเยือก คำพูดนี้ของเพื่อนโอชิ ได้พิสูจน์การคาดการณ์ก่อนหน้านี้อย่างไร้ข้อสงสัย
ไอ้เย่หย่งหงจ้องจะหาเรื่องคนรอบข้างของเขาชัดๆ เห็นได้ชัดว่าอยากจะใช้อำนาจบารมีมากดขี่เขา!
“เย่หย่งหง ข้าจะให้นายรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่เรียกว่าเสียใจ!”
ในขณะที่พวกขากำลังพูดคุยกันอยู่นั้น ก็มีเสียงฝีเท้าส่งมาจากด้านหลัง และบุคลากรกลุ่มหนึ่งเดินมา
ชายหนุ่มที่ใส่แว่นกรอบทองคนหนึ่งติดตามอยู่ด้านข้างหยูเกาหมิง แล้วกำลังยิ้มพูดอย่างประจบประแจงอย่างมาก “อาจารย์ อาจารย์ยุ่งมาทั้งเช้าแล้ว ไม่งั้นก็ไปพักก่อนไหม? เรื่องพวกนี้ให้พวกเราจัดการก็พอแล้ว”
“ช่างเถอะๆ ให้ข้าดูก่อนค่อยว่ากันเถอะ!”
หยูเกาหมิงกลับพยักหน้าเล็กน้อย แล้วเปรยว่า “ผู้เข้าแข่งขันครั้งนี้ ล้วนเป็นหลักเมืองประเทศจีนของพวกเรา ต่อให้สูญเสียแค่คนเดียวก็ถือว่าเป็นการสูญเสียอันใหญ่หลวงของประเทศจีนของเรา แล้วข้าจะนอนพักอย่างสบายใจได้ยังไง”
“เหอหง นายให้พวกเขาระวังให้มากๆ ต้องรักษาบาดแผลของเสาเมืองพวกนี้ให้หาย เข้าใจไหม?”
“อาจารย์ เรื่องนี้ลูกศิษย์เข้าใจดีครับ!”
ชายใส่แว่นที่ถูกเรียกว่าเหอหงพยักหน้าทันที แล้วหันไปสั่งบุคลากรทางการแพทย์อื่นๆ “พวกคุณได้ยินกันหรือยัง ทุกคนต้องตรวจดูอาการของผู้ได้รับบาดเจ็บทุกคน ห้ามให้เกิดปัญหาอะไรเด็ดขาด!”
บุคลากรทางการแพทย์กลุ่มนี้จะกล้าแสดงความคิดเห็นได้อย่างไร จึงพยักหน้าอย่างไม่หยุดแล้วแยกย้ายกันไปทำงาน
เย่เทียนก็สังเกตเห็นการเคลื่อนไหวของที่นั่น เขาเข้าใจตั้งแต่แรกว่าหยูเกาหมิงต้องมาร่วมการแข่งขันครั้งนี้ จึงไม่ได้รู้สึกคาดคิดไม่ถึงในการปรากฏตัวของเขา
ตอนแรกเขาก็ไม่ได้คิดว่าจะมาเจอหยูเกาหลิง วันนี้ไหนๆ ก็เจอกันแล้ว ไม่ว่าจะด้วยความรู้สึกหรือเหตุผลก็ควรไปทักทายเขา
พอนึกถึงแบบนี้ เย่เทียนจึงสาวเท้าเดินไปทิศทางที่หยูเกาหมิงอยู่….