บทที่ 619 ผมมาแข่งขัน

ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

เมื่อเห็นหยูเกาหมิงปรากฏ เย่เทียนก็รีบสาวเท้าและเดินเข้าไปหาหยูเกาหมิง

ซึ่งหมอหลายๆ คนที่เดินผ่านเย่เทียนแต่ไม่ได้ใส่ใจเขาสักเท่าไหร่

หยูเกาหมิงที่ยืนอยู่ข้างๆ ผู้ได้รับบาดเจ็บคนหนึ่งและกำลังตรวจดูอาการให้ผู้ป่วยอย่างละเอียด จึงไม่ได้สังเกตเห็นเย่เทียน

“อาการของคุณไม่ได้สาหัสขนาดนั้นแล้ว แต่คุณต้องเอายากลับไปกิน ไม่งั้นอาจมีอาการตามมาภายหลังได้”

หลังตรวจเสร็จ หยูเกาหมิงก็พูดกับผู้ได้รับบาดเจ็บ “ถ้ารู้สึกผิดปกติหรือไม่สบายตรงไหนก็โทรหาผมได้เลยนะ”

“ขอบคุณท่านหยูครับ!”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ผู้ป่วยก็พยักหน้ารัวๆ และแสดงความเคารพต่อหยูเกาหมิงแพทย์ผู้เป็นที่เคารพนับถือของทุกคน

หยูเกาหมิงยิ้มอย่างใส่ใจ “จะเกรงใจทำไม คุณคือเสาหลักของประเทศจีนนะ และนี่เป็นหน้าที่ผมอยู่แล้ว”

“ท่านหยู!”

ทันใดนั้น คำทักทายดังขึ้นจากด้านหลัง หยูเกาหมิงจึงหันไปมองอย่างไม่ตั้งใจ และเห็นดวงตาสีเข้มของเย่เทียนกำลังมองเขาอยู่

เมื่อเห็นว่าเป็นเย่เทียน หยูเกาหมิงจึงมีความสุขมากและยิ้มพูดว่า “เย่เทียน ก็ว่าทำไมเอ็งหายไปไหนตั้งนาน ที่แท้ก็ซ่อนตัวอยู่ที่นี่เหรอ!”

เย่เทียนรู้สึกอึดอัดจนทำตัวไม่ถูก เขายกมือปัดจมูกโดยไม่รู้ตัว เพราะเขามาที่นี่ในฐานะผู้เข้าแข่งขันต่างหาก!

แต่หยูเกาหมิงไม่ได้สนใจเรื่องการตีรันฟันแทง จึงไม่ได้ไปชมการแข่งขันในช่วงเช้า และไม่มีทางรู้ว่าเย่เทียนมาที่นี่ในฐานะผู้แข่ง เขาจึงไม่ได้คิดมากและยิ้มพูดว่า “มา มา ทักษะทางการแพทย์ของเอ็งไม่ธรรมดา ช่วยรักษาคนพวกนี้ให้ที เดี๋ยวข้าจะแนะนำผู้อาวุโสหลายๆ คนให้เอ็งรู้จัก”

“คือว่า……”

เย่เทียนที่ได้ยินเช่นนี้ก็ยิ่งทำตัวลำบาก จากนั้นพูดเบาๆ ว่า “ท่านหยูครับ เดี๋ยวผมมีธุระต้องทำต่อ น่าจะไม่ว่างช่วยท่านแล้วครับ”

“มีธุระงั้นเหรอ?”

หยูเกาหมิงขมวดคิ้วทันทีและมองเย่เทียนด้วยความสงสัย “แล้วเอ็งยุ่งกับธุระอะไรล่ะ? เอ็งมาที่นี่ก็เพื่อช่วยเหลือทีมแพทย์ไม่ใช่เหรอ?”

“นี่นายหมายความว่าไง! อาจารย์อุตส่าห์เรียกนายมาช่วยดูผู้ป่วย แต่นายกลับมีข้ออ้างเยอะแยะแบบนี้ นายไม่อยากทำงานแล้วใช่ไหม?!”

โดยที่ไม่รอให้เย่เทียนตอบสนอง เหอหงที่กำลังตรวจอาการผู้ป่วยข้างๆ ก็เดินเข้ามาแล้วเพ่งมองเย่เทียนอย่างไม่พอใจ

อันที่จริงแล้วหยูเกาหมิงเคยเจอเหอหงไม่กี่ครั้งเท่านั้น และความสัมพันธ์ก็ไม่ได้แน่นแฟ้นอะไรเลย เดิมทีหยูเกาหมิงควรต้องเป็นผู้อำนวยการทีมแพทย์ในครั้งนี้ แต่ด้วยนิสัยชอบอยู่คนเดียวมาตลอด จึงมอบให้เหอหงเป็นผู้อำนวยการแทน

นี่จึงเป็นเหตุที่ทำให้เหอหงได้ใจมาก เขายังคงคิดว่าหยูเกาหมิงเห็นแก่ความสามารถของเขา จึงได้รับเขาเป็นลูกศิษย์ และครั้งนี้ก็เป็นโอกาสในการทดสอบเขา เขาจึงแสดงศักยภาพของคนอย่างเต็มที่

ท้ายที่สุดแล้ว การที่ได้รู้จักหยูเกาหมิงผู้ซึ่งเป็นแพทย์แถวหน้าของประเทศนั้นเป็นความฝันของแพทย์ทุกคนอย่างปฏิเสธไม่ได้!

แต่เหอหงไม่เคยรู้จักเย่เทียน ในขณะที่เขากำลังตรวจอาการผู้ป่วยอยู่นั้น บังเอิญได้ยินเย่เทียนปฏิเสธหยูเกาหมิง เขาจึงรีบเข้ามาแล้วต่อว่าเย่เทียนอย่างไร้เหตุผล

เย่เทียนที่ได้ยินเช่นนี้ก็เหลือบมองเหอหงอย่างประหลาดใจ เพราะเขาไม่เคยเจอไอ้หมอนี่มมาก่อน จึงต้องขมวดคิ้วด้วยความสงสัย

ก่อนที่เย่เทียนจะพูดอะไร เซวหมานจื่อที่ยืนอยู่ด้านหลังก็เข้ามาด้วยความโกรธบนใบหน้าอันหยาบกร้านของเขา เพราะเขามองว่าเย่เทียนอยู่ในระดับเดียวกันกับเขา แล้วจะปล่อยให้คนมารังแกเย่เทียนได้อย่างไร?

“เฮ้ย หมอคนนี้พูดจายังไงกัน? เย่เทียนเป็นผู้เข้าร่วมการแข่งขันนะ แถมยังเข้ารอบแรกไปแล้วด้วย แล้วจะมีเวลามาช่วยคุณดูคนป่วยได้ยังไง?!”

เซวหมานจื่อรูปร่างสูงใหญ่และเสียงพูดก็ดังสนั่นอยู่แล้ว จึงทำให้ได้ยินเสียงของเขาอย่างชัดเจนและทำให้ดึงดูดความสนใจของผู้คน

แต่เย่เทียนไม่ใช่คนขี้อายอะไร เขาจึงไม่สนใจคนรอบข้างและยิ้มพูดกับหยูเกาหมิงว่า “ท่านหยู ผมมาเมืองจินในครั้งนี้ก็ตั้งใจมาเข้าร่วมการแข่งขันคัดเลือกนะครับ”

“ตั้งใจมาเข้าร่วมการแข่งขันคัดเลือก?” หยูเกาหมิงรู้สึไม่คาดคิดอย่างกะทันหัน

ต้องเข้าใจว่าคนที่สามารถเข้าร่วมการแข่งขันคัดเลือกของทีมสายฟ้านั้นต้องอยู่ในระดับทหารเท่านั้น หรือคนส่วนน้อยที่ต้องมีฝีมือและศักดิ์ศรีมากพอถึงจะเข้าร่วมได้ แล้วเย่เทียนมีสิทธิ์กับเขาได้อย่างไร?

“ใช่ครับ! อีกอย่างผมผ่านรอบแรกไปแล้ว คิดว่าคงไม่มีเวลามาช่วยท่านแล้วนะครับ”

เย่เทียนยิ้มพูดอย่างอึดอัดใจ เพราะเขาเคยได้รับรางวัลเหรียญทองจากสมาคมทางการแพทย์ แต่ไม่ได้เข้าช่วยเหลือผู้ป่วยด้วยกัย

“ถึงว่าล่ะ ทำไมไม่เคยเห็นเอ็งอยู่ในศูนย์การแพทย์ในค่ายเลย ที่แท้เอ็งเป็นถึงผู้เข้าร่วมการแข่งขันเลยเหรอ!”

หยูเกาหมิงเป็นคนที่อยู่ในสังคมโลกกว้างอยู่แล้ว หลังจากตะลึงงันไปสักพัก เขาก็ตั้งสติได้และส่ายหัวอย่างขมขื่น และสายตาอันลึกล้ำที่มองเย่เทียนก็ยิ่งซับซ้อนมากขึ้น

เพราะเขาไม่เคยรู้เลยว่า นอกจากฝีมือทางการแพทย์แล้ว เย่เทียนยังมีความสามารถในด้านอื่นๆ อีกด้วย เมื่อฟังจากน้ำเสียงของเย่เทียนแล้ว เขายังประสบความสำเร็จในการแข่งขันรอบแรกอีกด้วย!

แม้แต่หยูเกาหมิงยังรู้สึกแบบนี้ แล้วนับประสาอะไรกับเหอหงที่ยืนอยู่ข้างๆ ล่ะ และในตอนนี้สีหน้าของเขาเริ่มเปลี่ยนไปแล้ว

เพราะคนที่สามารถผ่านการต่อสู้อย่างดุเดือดในช่วงเช้า และยังสามารถเข้ารอบต่อไปได้ จะเป็นคนธรรมดาทั่วไปได้อย่างไร?

หากพูดให้แย่กว่านี้คือ ถ้าอีกฝ่ายไม่พอใจแล้วคิดจะทำร้ายเขา แค่หมัดเดียวก็เพียงพอที่จะส่งเขาไปดื่มชาบ่ายกับยมบาลได้แล้ว!

เมื่อนึกถึงจุดนี้ เห็นได้ชัดว่าเหอหงเริ่มหวาดกลัว และสายตาที่มองเย่เทียนก็เริ่มระมัดระวัง แต่เมื่อเห็นเย่เทียนไม่ได้สนใจตัวเองเลย เขาจึงรู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก

ตูม ตูม!!

ในขณะที่เย่เทียนกำลังจะพูดอะไรต่อ เสียงกลองจากด้านนอกก็ดังขึ้น และเย่เทียนรู้ดีว่านั่นคือสัญญาณเริ่มต้นของรอบต่อไป

“ท่านหยูครับ ท่านยุ่งก่อนเลยนะครับ เดี๋ยวหลังแข่งขัน ผมจะมาขอขมาท่านนะครับ!”

“หมอนี่……”

หยูเกาหมิงส่ายหัวอย่างจนปัญญาแล้วถามต่อ “เอ็งชำนาญเรื่องการฝังเข็มพลังชี่ขนาดนี้ ยังต้องไปต่อสู้กันอีกเหรอ? ทำไมไม่พัฒนาทักษะทางการแพทย์ให้ถึงที่สุดเลยล่ะ?”

“ท่านหยู คือว่า……”

เย่เทียนเปิดปากแต่ไม่รู้ควรตอบอย่างไรดี และสีหน้าก็เต็มไปด้วยความอึดอัด

“ช่างมันเถอะ วันหลังเอ็งค่อยมาวางแผนอนาคตดีกว่า ตอนนี้เอ็งรีบไปแข่งให้เสร็จก่อนเลย!”

หยูเกาหมิงที่เห็นแบบนี้ก็โบกมืออย่างจนใจแล้วย้ำเตือนว่า “ระวังด้วยนะ อย่าให้บาดเจ็บล่ะ!”

“ครับท่าน!”

ทันใดนั้น เย่เทียนรู้สึกเหมือนได้รับการนิรโทษกรรม เขาจึงรีบส่งสายตาให้เซวหมานจื่อแล้วหันเดินจากไป

“เย่เทียน ตาแก่เมื่อกี้คือใครกัน? ทำไมคุณถึงให้เกียรติเขาขนาดนี้ นี่มันไม่ใช่สไตล์คุณเลยนะ!”

หลังเดินออกไปสักพัก เซวหมานจื่อก็ถามเย่เทียนด้วยความสงสัย

“ตาแก่ที่คุณเรียกเขาชื่อหยูเกาหมิง เป็นหนึ่งในแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่สุดของสิบประเทศชั้นนำในประเทศเรา แล้วผมจะไม่เคารพเขาได้เหรอ?”

เย่เทียนแสยะยิ้มและพูดอย่างตรงไปตรงมา

“ให้ตายสิ! ทำไมคุณไม่บอกตั้งแต่แรก? ไม่ได้สิ ต้องกลับไปทำความรู้จักก่อน วันหลังจะได้พึ่งพาแกได้!”

เซวหมานจื่อถึงกับตกใจและเตรียมตัวจะเดินกลับไป

“พอได้แล้ว คุณร่างบึกบึนแล้วมีเอกลักษณ์ขนาดนี้ ท่านหยูต้องจำคุณได้อยู่แล้ว”

“ตอนนี้เขาเป็นผู้อำนวยการของโรงพยายามชั้นนำในเมืองจิน เชื่อว่าด้วยสถานะครอบครัวของคุณ การที่จะเข้าถึงเขานั้นไม่ยากหรอก เรารีบไปกันดีกว่า การแข่งขันจะเริ่มแล้ว!”

เย่เทียนหัวเราะอย่างจงใจแล้วลากเซวหมานจื่อกลับไปในพื้นที่สนามแข่งขัน…