AST
บทที่1867 – องค์ชายสามแห่งพระราชวังทองคำศักดิ์สิทธิ์
ชิงซิ่วร่างกายเติบโตขึ้นเป็นอย่างมากอาจเป็นเพราะวัยทารกจึงมีพัฒนาการที่เร็วไวนัก ถือเป็นเรื่องที่โชคดีมาก เพราะเด็กน้อยยังคงจำคนอื่นไม่ได้ แต่เด็กน้อยกลับคุ้นเคยกลิ่นอายรอบตัวชิงสุ่ย เด็กน้อยจึงยอมให้ชิงสุ่ยอุ้ม และเหมือนจะชอบการที่ถูกชิงสุ่ยอุ้มเอามากๆ
”เรื่องของเจ้าทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่นหรือไม่?”อีเย่เจี้ยนเก้อกล่าวถามชิงสุ่ยหลังจากทุกคนนั่งลง
”อืมทุกอย่างเป็นไปตามแผน”
”งั้นก็ดีแล้วเออ นอกจากนี้มีอีกอย่างหนึ่งที่ข้ายังไม่ได้บอกเจ้า”อีเย่เจี้ยนเก้อนึกอะไรบางอย่างได้ก่อนจะกล่าว ”อย่าไปพูดถึงมันอีก!!”แต่ก่อนที่อีเย่เจี้ยนเก้อจะได้เปิดปากชิงห่านอี้ก็รีบกล่าวขัดจังหวะ
ชิงสุ่ยมองดูด้วยความสับสน”มันเกิดอะไรขึ้น”
”ให้น้องห่านอี่เล่าด้วยตัวเองเถิดนางคงไม่ต้องการให้ข้าบอกเจ้า”อีเย่เจี้ยนเก้อยิ้มก่อนจะผลักความรับผิดชอบให้กับชิงห่านอี้
ชิงสุ่ยยิ้มและจ้องมองชิงห่านอี่”หากตัดสินจากสีหน้าการแสดงออกของเจ้า ดูเหมือนว่าเจ้าจะเจอคนที่ชอบแล้ว”
ชิงห่านอี้รู้สึกประหลาดใจในคำพูดของชิงสุ่ยก่อนที่เธอจะแสดงสีหน้าเศร้าเศร้า”เจ้าอยากเห็นข้าถูกชายอื่นรังแกอย่างนั้นรึ?”
ชิงสุ่ยไม่ได้คาดหวังแล้วว่าชิงห่านอี้จะคิดมากคำพูดของเขาเป็นเพียงแค่คำพูดล้อเล่นเท่านั้น
”ไม่เลยข้าแค่อยากยืนยัน ถ้าหากคนที่เจ้ามีจริง ข้าจะทำให้มันกลายเป็นขันทีเอง”ชิงสุ่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง
”คำพูดของเจ้ามันไร้สาระจริงๆจริงๆแล้วมันก็มีอยู่คนนึง นั่นคือองค์ชายสามแห่งพระราชวังทองคำศักดิ์สิทธิ์ เขาเคยมาที่นี่และต้องการจะแต่งงานกับข้า แต่ข้าก็ปฏิเสธไปแล้ว และดูเหมือนเขาก็จะไม่ยอมแพ้เอาซะด้วย ถึงกระนั้นเขาก็ไม่ได้ทำอะไรเกินเลย เขาจะมาที่นี่ทุกๆ 2-3 วัน แต่ข้าก็ไม่อนุญาตให้เขาเข้ามาภายในพระราชวังอาทิตย์อัสดง”ชิงห่านอี้กล่าวด้วยน้ำเสียงกังวลขณะจ้องมองชิงสุ่ย
”พระราชวังทองคำศักดิ์สิทธิ์?”ชิงสุ่ยไม่รู้อะไรเลยสักอย่าง
”พวกมันตั้งอยู่บริเวณส่วนลึกของแดนทะเลเหนือแม้แต่บริเวณรอบๆพวกเราเองก็มีกองกำลังแข็งแกร่งมากมายซ่อนตัวอยู่ ซึ่งพระราชวังทองคำศักดิ์สิทธิ์จะถือเป็นหนึ่งในกองกำลังเหล่านั้น เพียงแค่อยู่ห่างจากพวกเราไปอีกเล็กน้อย เมื่อเทียบกับถ้ำวารีจันทราและถ้ำคลื่นจันทรา พระราชวังทองคำศักดิ์สิทธิ์ดูเหมือนจะแข็งแกร่งกว่าอยู่เล็กน้อย พวกมันเรียกตัวเองว่าเผ่าราชากุ้ง 5 หัว และภายในร่างกายของพวกมันไหลเวียนไปด้วยสายเลือดนักรบโบราณ”
เดิมทีชิงสุ่ยเตรียมตัวจะวิพากษ์วิจารณ์ว่ากลุ่มคนเหล่านั้นคงจะเป็นกลุ่มคนสืบทอดสายเลือดปีศาจแต่เมื่อมองดูหลัวชิงเฉินและมูหยุนชิงเก้อที่ยืนอยู่ด้านข้าง ความคิดทั้งหมดก็พลันสลายหายไป แนวคิดก่อนหน้าเป็นเพียงแค่เหงาคิดไร้สาระ ตราบใดที่สิ่งมีชีวิตหนึ่งได้รับสติปัญญา สิ่งมีชีวิตเหล่านั้นจะวิวัฒนาการและถูกมองว่าไม่ต่างจากมนุษย์ จริงๆแล้วมนุษย์เมื่อหลายร้อยชั่วอายุคนก่อนหน้า เผ่าพันธุ์มนุษย์เองก็เป็นเพียงแค่ลิง ซึ่งลิงก็เป็นรากฐานเดิมของมนุษย์
ทันทีที่ทุกคนกำลังถกเถียงประเด็นนี้ทหารยามเฝ้าทางเข้าก็เร่งรีบฝีเท้าเดินเข้ามาภายในห้องโถงอย่างเร็วไว
”องค์เหนือหัวชายหนุ่มคนนั้นกลับมาอีกแล้ว แล้วเขายืนยันจะเข้ามาข้างในให้ได้” ”ปล่อยให้มันเข้ามา”ชิงสุ่ยตอบกลับอย่างรวดเร็วเพราะรู้ดีว่าชายคนนั้นคงจะเป็นคนที่ดื้อรั้นเอาการ
ในขณะที่ทหารยามเร่งฝีเท้าออกไปข้างนอกชิงสุ่ยแลดูจะสงบนิ่งมากที่สุด ส่วนชิงห่านอี้แลดูจะทุกข์ร้อนใจเอามากๆ
กายาเก้าหยินของชิงห่านอี้คงจะเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ดึงดูดผู้คนมากที่สุดมันไม่ใช่เป็นเพียงการล่อลวงจากลักษณะภายนอก แต่มันเป็นพลังดึงดูดที่ส่งผ่านออกมาจากภายใน พลังที่ติดตัวมาตั้งแต่กำเนิด
มันจึงไม่แปลกเลยที่ผู้ชายจะชอบหญิงสาวลักษณะแบบนี้ยิ่งดึงดูดจากภายในมากเท่าไหร่เสน่ห์ที่ส่งผ่านออกมาก็จะมีมากเท่านั้น แต่แน่นอนว่าคนที่เกิดมาพร้อมร่างกายเก้าหยินอาจจะส่งผลดีและผลเสียเพราะมัน ยิ่งถ้าหากองค์ชายสามแห่งพระราชวังทองคำศักดิ์สิทธิ์รู้ว่าชิงห่านอี้ครอบครองกายาเก้าหยิน เขาจะยิ่งอกแตกตายถ้าหากไม่ได้ครอบครองมันเป็นสมบัติส่วนตน ในช่วงขณะชายหนุ่มคนหนึ่งก็เดินตรงเข้ามาในห้องโถงใหญ่เมื่อสายตาชิงสุ่ยมองดูชายคนนั้น เขาก็อดเอ่ยชมจากใจโดยไม่รู้ตัว
ชายหนุ่มผู้นี้มีอายุประมาณ30ปี แต่รูปลักษณ์ภายนอกถือได้ว่าสูงส่ง เขามีลักษณะหน้าตาบ่งบอกถึงกษัตริย์ ดวงตาสดใสเหมือนดวงดาว จมูกรูปหยดน้ำมุมปากโค้งทำมุมอย่างเหมาะสม แค่ลักษณะจากภายนอกก็บอกอย่างชัดเจนว่าชายหนุ่มคนนี้มีความสามารถพิเศษ
แม้ว่าเขาจะทำตัวสบายๆแต่กิริยาการเดินแต่ละก้าวกับเต็มไปด้วยความสง่างาม ความสง่างามที่ไม่ได้เกิดจากความเสแสร้ง รอบๆร่างกายของเขาเปล่งกลิ่นอายแห่งความงดงามของผู้ใหญ่
ชิงสุ่ยค่อยๆขยับสายตาไปมองชิงห่านอี้และกล่าวหยอกล้อเล็กน้อยว่า”ชายหนุ่มผู้นี้เมื่อเทียบกับข้าแล้วใครหล่อเหลากว่ากัน?”
”สวัสดีเหล่าผู้ปกครองดูเหมือนว่าข้าจะได้กลับมาที่นี่อีกครั้ง”ชายคนนั้นเดินเข้ามาภายในห้องโถงพร้อมกับกล่าวด้วยน้ำเสียงแหลมสูง แต่ก็ยังคงดูสงบนิ่ง
”ถ้าจำไม่ผิดข้าเคยบอกเจ้าแล้วว่าเจ้าไม่ควรกลับมาที่นี่อีกมิใช่รึ?”ชิงห่านอี้ที่ยืนอยู่ด้านข้างชิงสุ่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ดูไม่พอใจ
”ข้ารู้ว่าตอนนี้เจ้าอาจจะยังไม่ชอบข้าแต่เจ้าก็ไม่สามารถหยุดข้าให้ไม่ชอบเจ้าได้ ไม่ใช่ว่าข้าไม่เคารพคำพูดของเจ้า แต่ทุกคนย่อมมีอิสระในการจะชอบผู้อื่น ซึ่งตัวข้าก็ไม่ได้เข้าไปยุ่งย่ามกับกิจวัตรประจำวันของเจ้าเลย นั่นยังไม่ดีพออีกหรือ?”
”คงไม่ดีแน่ๆเพราะนางคือผู้หญิงของข้า”ทันใดนั้น ชิงสุ่ยก็กล่าวเสียงแทรกขึ้นมา เขามั่นใจมากกว่าชายคนนี้กำลังแสดงกิริยาจอมปลอม ซึ่งดูเหมือนว่าชายคนนั้นคงคิดว่าตัวเองฉลาดที่สุดในห้อง และไม่ได้ให้ความสำคัญกับชิงสุ่ยเพียงเพราะคิดว่าตัวเองนั้นแข็งแกร่งกว่า
ชายผู้มาเยือนชำเลืองมองชิงสุ่ยก่อนจะมองเห็นว่าชิงสุ่ยกำลังอุ้มเด็กน้อยอยู่ในอ้อมอก ซึ่งเขาเองก็คงจะรู้ว่าเด็กคนนี้เป็นลูกของอีเย่เจี้ยนเก้อ มันยิ่งทำให้สายตาของเขาเต็มไปด้วยความรุนแรงที่พุ่งพล่านออกมาจากจิตใจ
”ผู้หญิงของเจ้า…..นางเป็นผู้หญิงของเจ้าอย่างนั้นรึ?”ชายคนนั้นต้องมองชิงสุ่ยด้วยสายตาที่ไม่อยากเชื่อ