บทที่ 1868 - ไม่มีทางเอาชนะได้ พ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิง

Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล

AST
  บทที่1868 – ไม่มีทางเอาชนะได้ พ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิง
  ชิงสุ่ยไม่พูดอะไรต่อเขาทำเพียงแค่มองในยิ้มเช่นเดียวกับชิงห่านอี่ที่ยังคงยืนนิ่งอยู่ด้านข้าง ลึกๆแล้วเธอรู้สึกดีผิดปกติที่ชายคนนี้ประกาศว่าเธอคือหญิงสาวเขา แต่ก็แน่นอนว่าคำพูดนี้ย่อมสร้างผลกระทบต่อหญิงสาวคนอื่นๆ
  ”ข้ารู้ว่าเจ้าตอนนี้อาจจะยังไม่รู้สึกอะไรกับข้าจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่เจ้าจะหาข้ออ้างเพื่อหลีกเลี่ยงการเจอกับข้า ข้าจะไม่บังคับเจ้าให้ทำในสิ่งที่เจ้าไม่ชอบ แต่บอกข้าหน่อยเถอะว่าชายคนนี้มีอะไรดีกว่าข้า อย่างน้อยการที่ข้าได้รู้อาจจะเป็นสิ่งที่ทำให้ข้ายอมพ่ายแพ้อย่างแท้จริง”ชายคนนั้นกล่าวกับชิงห่านอี่หลังจากต้องมองชิงสุ่ยพักใหญ่
  มันคงเป็นเพราะเขาคงสัมผัสได้ถึงความบริสุทธิ์จากตัวของชิงห่านอี่ซึ่งแตกต่างจากอีเย่เจี้ยนเก้อที่ยังคงบริสุทธิ์ในทางด้านลักษณะและที่สำคัญเขาก็คงรู้ว่าเด็กที่อุ้มอยู่ในอ้อมอกของชิงสุ่ยคือลูกของอีเย่เจี้ยนเก้อ
  ชิงสุ่ยตกใจและมองดูชิงห่านอี่ด้วยท่าทางแปลกๆเขาไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะโดนดูถูก คำพูดของชายผู้นั้นบ่งบอกความหมายอย่างชัดเจน ความหมายที่ว่าชิงสุ่ยไม่ดีพอสำหรับชิงห่านอี่
  ชิงห่านอี่มองกลับมาที่ชิงสุ่ยพร้อมกับรอยยิ้มจางๆบนใบหน้า
  ”ไม่มีประเด็นอะไรเลยที่ข้าจำเป็นต้องหลีกเลี่ยงเจ้าข้าได้แสดงความชัดเจนกับเจ้าแล้ว โปรดอย่ามายุ่งกับข้าเลย”ชิงห่านอี่กำลังมองดูชายที่มีพรสวรรค์ในด้านการตามตื้อ
  ”เจ้าชื่ออะไร?เจ้ากล้าที่จะเอาตัวเองมาเทียบกับข้ารึ? เอาแบบนี้แล้วกัน ใครก็ตามที่พ่ายแพ้จะต้องหายไปจากที่นี่ทันที”ชายคนนั้นกล่าวทักทายชิงสุ่ยซึ่งๆหน้า
  ชายผู้นั้นอาจมองตัวเองว่าเป็นคนที่สง่างามแต่สำหรับชิงสุ่ยเขาไม่ต่างจากคนโง่
  ”พระราชวังทองคำศักดิ์สิทธิ์อย่างนั้นรึ?เจ้าคงคิดว่าตัวเองสูงศักดิ์มากสินะ เจ้าเคยคิดหรือไม่ว่าที่เจ้ามีวันนี้ได้ก็เพราะบรรพบุรุษของเจ้า? เจ้าเคยคิดหรือไม่ว่าเจ้าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้พระราชวังทองคำศักดิ์สิทธิ์หายไปจากโลกนี้”ชิงสุ่ยเหลือบมองชายผู้นั้นก่อนจะอุ้มลูกของเขาส่งต่อให้กับอีเย่เจียนเก้อดูแล
  ขณะที่ชายคนนั้นได้ยินเขาก็เปลี่ยนจากรอยยิ้มเป็นหน้าบึ้งตึงพร้อมกับมองดูชิงสุ่ยด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตร”ตระกูลของข้ามอบสิ่งต่างๆมากมายให้กับข้า แต่ข้ากล้าบอกเลยว่าต่อให้มีสิ่งของเรานั้นความแข็งแกร่งของข้าก็ไม่แตกต่าง ความแข็งแกร่งที่ข้าได้รับติดตัวมาตั้งแต่กำเนิดเหมือนโชคชะตา มันคือความแข็งแกร่งที่เจ้าไม่ควรดูถูก”
  ชิงสุ่ยได้แต่ยิ้ม”ความซื่อสัตย์ของเจ้ามีค่าควรสรรเสริญ เมื่อเทียบกับเหล่าเศรษฐี เจ้าฉลาดและมีความเย่อหยิ่งน้อยกว่า ช่างน่าเสียดายที่เจ้าขาดความใคร่รู้ เมื่อเจ้ายังไม่รู้สึกตัว เดี๋ยวข้าจะสอนมันเอง”
  ”ออกไปด้านนอกกันถ้าอยู่ที่นี่ มีหวังพระราชวังทั้งหมดต้องพังทลายแน่”ชายผู้นั้นหันหลังกลับและเดินออกไปข้างนอกทันที
  ชิงสุ่ยยังคงยิ้มตอบ”ช่างน่าเศร้าที่เจ้าพูดเช่นนั้น แต่ก็เสียดายที่เจ้าไม่มีปัญญาทำมัน”
  ”อย่าคิดว่าตัวเองสูงส่ง”ชายผู้นั้นตอบกลับโดยไม่หันหลังมอง
  ”ชิงสุ่ยเจ้าต้องระวังตัวให้มาก”ชิงห่านอี่กล่าวด้วยความเป็นห่วง
  ”เจ้ากำลังเป็นห่วงข้าสินะ?ถ้าเช่นนั้นทำไมไม่ให้ข้าจุมพิตเจ้าสักทีล่ะ?”ชิงสุ่ยกล่าวเล่ห์เหลี่ยมอย่างมีชั้นเชิง
  แม้ชิงห่านอี่จะรู้ว่าสิ่งที่ชิงสุ่ยทำเพื่อปั่นป่วนองค์ชาย3 แต่คำพูดของเขาก็ยังคงสร้างความน่าเขินอายแก่เธอ โดยเฉพาะเรื่องการจูบ หากมันจะเกิดขึ้นจริงๆก็ควรทำในที่ลับและเป็นเรื่องส่วนตัว
  ”ชิชะข้าก็แค่เป็นห่วง ระวังเอาไว้ก็ดี ถึงแม้ข้าจะรู้ว่าเขาไม่มีโอกาสที่จะสู้กับเจ้าได้เลย”ชิงห่านอี่จ้องมองชิงสุ่ยอย่างหนักแน่น
  ชิงสุ่ยยิ้มและเดินตามออกไปข้างนอกอย่างช้าๆเขาแทบไม่สนใจองค์ชายสามแห่งพระราชวังทองคำศักดิ์สิทธิ์เลยแม้แต่นิดเดียว และด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขามันก็กลายเป็นเรื่องง่ายทันทีที่จะเข้าใจความแข็งแกร่งของศัตรู แน่นอนว่าศัตรูก็มองเห็นความสามารถพื้นฐานของชิงสุ่ย แต่ปัญหาเดียวคือสิ่งที่ชิงสุ่ยเปิดเผยให้ศัตรูเห็นมันเป็นเพียงแค่ภาพลวงตา
  ”ข้าจินเต๋ายินดีที่ได้เจอเจ้า”ชายที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกล่าวกับชิงสุ่ย
  ”ข้าชิงสุ่ยยินดีเช่นกัน”ชิงสุ่ยบอกชื่อของเขา แน่นอนว่ามีคนเพียงน้อยนิดรู้จักชื่อนี้
  อาวุธทั้ง2 ชิ้นปรากฏขึ้นในมือของจินเต๋า มันคือกระบี่คู่ที่ยอมไปด้วยสีทองคเข้ม แม้ภายนอกจะดูสดใสแต่ก็ไม่อาจปิดจิตสังหารอันเยือกเย็นได้
  อาวุธทั้ง2 ชิ้นคุณภาพค่อนข้างดี แต่เนื่องจากศัตรูอ่อนแอเกินไป ชิงสุ่ยจึงพยายามหาอาวุธที่เหมาะสม แต่ดูเหมือนจะไม่จำเป็น
  ”อาวุธของเจ้าออกมาซะกระบี่มันไม่มีตา ข้าไม่อยากฉวยโอกาสสำคัญเหนือเจ้า”จินเต๋ากล่าวทันทีหลังจากไม่เห็นท่าทีในการจับอาวุธของชิงสุ่ย
  ทางด้านชิงสุ่ยเขากำลังมองดูการกระทำของอีกฝ่าย แล้วพบว่าการกระทำของเขาอาจเป็นการดูหมิ่นศัตรู ซึ่งสีหน้าท่าทางของจินเต๋าไม่ได้ดูมีความสุขกับมันเลย
  ”ไม่ใช่ว่าข้าจะดูถูกเจ้าแต่เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้าเลย ฉะนั้นอาวุธก็ไม่จำเป็น เจ้าเข้ามาได้เลย”ชิงสุ่ยส่ายหน้าพร้อมกับกล่าวและแสดงท่าทางท้าทาย
  ”ในเมื่อเจ้าคิดจะขุดหลุมฝังตนเองก็อย่ามาเสียใจภายหลังแล้วกัน”จินเต๋ารู้สึกโกรธเคืองชิงสุ่ยมาก เขาเปล่งเสียงตะโกนและใช้กระบี่คู่พุ่งโจมตีเฉือนชิงสุ่ย
  10กระบวนท่า 10 เพชฌฆาตสังหาร ผ่าเฉือน!!
  กระบี่สีทองคำเข้มระเบิดแสงสีทองแพรวพราวเข้าโจมตีไปทางชิงสุ่ย
  ชิงสุ่ยยังคงนิ่งไม่เคลื่อนไหวและจ้องมองจินเต๋าที่กำลังเข้ามากุ้งก้ามกรามขนาดยักษ์ปรากฏภายใต้ดวงตาของเขาพร้อมกับกระบี่ทองคำที่กลายเป็นภาพจำลองวงเล็บขนาดใหญ่
  มันคือภาพลวงตาที่แท้จริงจินเต๋าเสื้อผ้าพันสายเลือดราชันย์กุ้ง 5 หัว แต่จากความรู้สึกของชิงสุ่ยและท่าทางการแสดงของจินเต๋า ชายผู้นี้คงเป็นได้เพียงแค่ราชันย์กุ้งหัวเดียว เพราะเขายังคงขาดศาสตราวุธและพลังอีกมาก จึงเป็นได้เพียงแค่ขีดสูงสุดของ 1 หัวเท่านั้น
  ตัวของจินเต๋ายังคงเยาว์วัยหากได้ทรัพยากรและอาวุธที่เพียงพอ ในอนาคตเขาอาจจะประสบความสำเร็จและการเป็นราชันย์กุ้ง 5 หัวที่แท้จริง แต่ความเป็นไปได้ของเหตุการณ์นี้ก็ค่อนข้างน้อย แต่ใครจะรู้ว่าอนาคตจะเป็นเช่นไร
  ชิงสุ่ยยื่นมือออกไปในชั่วพริบตาแขนของเขาก็ทอแสงสีเขียวหยก และปลดปล่อยกำปั้นออกไปอย่างฉับพลัน
  โฮกกกกกก!!
  เสียงมังกรร้องคำรามดังกึกก้องฝ่ามือขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นพร้อมตะปบเข้าที่กระบี่ทองคำทั้ง 2 เล่ม
  ฝ่ามือกระชากมังกร!!
  ชิงสุ่ยใช้ฝ่ามือกระชากมังกรออกไปจับกระบี่ทองคำที่กำลังท้อแสงสีทองและแล้วทั่วทั้งพื้นที่ก็กลับสู่ความสงบโดยกระบี่ทั้งสองเล่มได้ถูกตรึงอยู่ในมือของชิงสุ่ยเบ็ดเสร็จ
  จินเต๋าพยายามขยับแต่ก็ตระหนักถึงพลังได้ทันทีมันคือความต่างชั้นระหว่างเขาและศัตรู มันเป็นความต่างชั้นที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เหมือนกับผู้ใหญ่กำลังเล่นกับเด็ก
  จิตใจของจินเต๋าถูกความล้มเหลวโจมตีอย่างหนักศัตรูของเขาเองก็ยังเป็นเด็กและตัวของจินเต๋าก็ฝึกฝนทุกวี่ทุกวันจนคิดว่าตัวเองนำหน้าเป็นอัจฉริยะเหนือผู้อื่น แม้แต่ผู้คนในวัยเดียวกันยังต้องกล่าวสรรเสริญเขาทุกครั้ง
  ช่างน่าเศร้าที่จินเต๋าไม่เคยเจอใครที่แข็งแกร่งขนาดนี้มาก่อนชายหนุ่มที่เคยอยู่เหนือผู้คนจึงต้องพบเจอกับความโศกเศร้า ความแตกต่าง ความพ่ายแพ้ราบคาบที่ไม่เคยเผชิญหน้า