ผลประโยชน์ที่ไม่เคยนึกถึง

 

ตอนนี้ในโลกอินเตอร์เน็ตต่างพูดคุยกันถึงเรื่องๆหนึ่ง

 

“ไม่อยากเชื่อเลยว่านังแมวอ้วนจะลดน้ำหนักได้”

 

“ยัยเด็กอ้วนนั่นลดน้ำหนักลงกลายเป็นเซ็กซี่ซะจนทำให้เจิดจ้าจนตาฉันบอดได้เลย”

 

“ฉันเองก็ตะลึงเหมือนกันพอรู้ว่าดาราอ้วนที่ป่วยติดเตียงมานานหลายปีคนนั้นลดความอ้วนได้ตั้ง 300 ชั่งแน่ะ”

 

“ฉันไม่สนใจหรอกว่าใครจะอ้วนหรือใครจะผอม ตอนนี้ฉันสนแค่จะทำให้รอยแผลเป็นบนหางตาหายออกไปจากตาที่แสนสวยของฉันซักที”

 

“ใช่แล้ว คุณพี่คนนั้นต่อให้มีแผลเป็นก็หล่ออยู่แล้ว แต่ตอนนี้รอยแผลเป็นหายเป็นยิ่งหล่อขึ้นขนาดเดินผ่านยังต้องหันมองตามเลย”

 

“ในที่สุดแผลเป็นบนหน้าอกของนางฟ้าของฉันก็หายซักที”

 

“พวกเราได้กำไรจากเรื่องนี้เต็มๆเลย เย้ (จะได้เห็นหน้าอกอีกครั้งแล้ว)”

 

ก่อนที่จะกลับไปเรื่องนั้น

แมวอ้วนได้ทวิสติดข้อความ@ชื่อซูจิ้งพร้อมพิมบอกว่า “พอนึกตอนที่เธอได้เป็นดาราเพราะรูปร่างของเธอนั้น เธอปวดใจเรื่องนั้นทุกที่ และยิ่งไปกว่านั้นที่เธอออกจากวงการก็เพราะรูปร่างของเธอเช่นกัน ตอนนี้ฉันลดน้ำหนักได้แล้ว ขอขอบคุณซือหยาผงลดน้ำหนักและซูจิ้งผู้พัฒนาผลิตภัณฑ์ตัวนี้ขึ้นมา”

 

ดาราอ้วนอีกคนก็ทวิสข้อความ@ชื่อซูจิ้งเหมือนกันพร้อมพิมไว้ว่า “ขอบคุณซือหยาผงลดความอ้วน ขอบคุณซูจิ้ง”

 

ดารานักแสดงฝึมือขั้นเทพก็ยังทวิสข้อความ@ชื่อซูจิ้งโดยพิมไว้ว่า “ขอขอบคุณซือหยาผงลบรอยแผลเป็นและซูจิ้งผู้ภัฑนาผลิตภัณฑ์ตัวนี้ ตอนแรกที่ผมได้ยินว่าผงนี้สามารถลบรอยแผลเป็นได้ผมก็ยังไม่เชื่อ ผมเองก็เคยได้ยินชื่อเสียงเขามานาน และก็อยากมีส่วนร่วมกับเขาทั้งในเหตุการณ์ไฟไหม้ เหตุการณ์จี้เครื่องบิน หรือแม้แต่ตอนเล่นปากัว นึกไม่ถึงเลยว่าจะได้ส่วนร่วมกับผลิตภัณฑ์นี้หลังจากแผลเป็นทั้งหมดของผมไป อยากพบเขาตัวเป็นๆ ซักทีจริงๆ”

 

นางฟ้าแสนเซ็กซี่ได้ทวิสข้อความ@ชื่อซูจิ้งเอาไว้ว่า “ขอบคุณซือหยาผงลบรอยแผลเป็น ขอบคุณซูจิ้ง คุณคือคนที่ช่วยชีวิตของฉัน”

 

ไม่ว่าจะเป็นชาวเน็ตหรือดาราคนไหนก็ตามยิ่งมึนงงกับข้อความเหล่านี้

ไม่มีใครคิดมาก่อนว่าผลิตภัณฑ์ต่างๆของซือหยาที่สร้างแรงสั่นสะเทือนให้วงการเครื่องสำอางนั้น จะมีซูจิ้งเป็นผู้พัฒนาผลิตภัณฑ์เหล่านี้

ตอนนี้หัวข้อการสนทนาในโลกอินเตอร์เน็ตเปลี่ยนไปเล็กน้อย นั่นคือมีการเอ่ยถึงซูจิ้งในทุกเหตุการณ์เหล่านี้

 

“พระเจ้า ซูจิ้งอีกแล้วหรอ ทำไมหมอนี่ชอบเปิดตัวได้น่าประหลาดใจทุกทีเลย“

 

”ไอ้เจ้านี่ไม่เคยตกเป็นข่าว ไม่เคยออกรายการ ไม่เคยเล่นละครทีวีหรือแสดงหนัง ไม่เคยเล่นโฆษณา แต่อยู่ๆเป็นข่าวซะอย่างนั้น”

 

“หมอนี่ไปรู้วิธีลดน้ำหนัก กระชับทรวดทรง และการลบลอยแผลเป็นพวกนี้มาจากไหนกัน มีอะไรในโลกที่หมอนี่ไม่เข้าใจบ้างไหมเนี่ย”

 

“แฟนคลับของเขาไม่ได้กล่าวเกินจริงเลยแม้แต่น้อย เขานี่เทพชัดๆ”

 

“แต่ต้องขอบคุณเขาหล่ะนะที่ช่วยเทพของพวกเรา”

 

“ขอบคุณที่ช่วยเทพธิดาของผมให้สามารถสยายปีก(หน้าอก)ได้อีกครั้ง”

 

ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามีคนจ่ายเงินให้คนพวกนี้รึเปล่า แต่แฟนคลับของดาราขั้นเทพและดารานางฟ้า(หน้าอก)ต่างพุ่งเป้าไปที่ไมโครบล็อกของซูจิ้ง พร้อมทั้งกระหน่ำข้อความว่า “ขอบคุณท่านเทพ” นับหมื่นข้อความ

 

แฟนคลับของซูจิ้งได้ยิ้มหน้าบานกันอีกครั้ง ถึงแม้พวกเขาจะไม่ได้เจอซูจิ้ง พวกเขาก็ยังคงคิดถึงซูจิ้งยู่เสมอ พวกเขาต่างคอยคิดว่าเรื่องราวของซูจิ้งจะออกมาในรูปแบบไหนในครั้งต่อไป

แต่ไม่มีใครคืดว่าเรื่องราวของซูจิ้งจะโผล่มาแบบนี้

ซูจิ้งช่างเป็นคนที่ทำให้แฟนคลับตื่นตะลึงได้ทุกครั้งที่มีเรื่องราวของเขาปรากฎออกมา

ตอนนี้ชื่อเสียงของซูจิ้งในรายการจัดระดับดาราได้เพิ่มขึ้นอีกแล้ว เขาเป็นคนเดียวที่ขึ้นอันดับได้ด้วยเรื่องพวกนี้

 

ณ บ้านของซูจิ้งตอนนี้เขาได้นำตราเทวฑูตออกมาดูดซับพลังงานศักดิ์สิทธิ์อยู่

นี่เป็นผลจากการที่หวังซือหยาใส่ชื่อของซูจิ้งในทุกผลิตภัณฑ์ที่เขาได้มีส่วนแบ่งด้วย

ถึงเขาจะไม่ค่อยชอบใจนักแต่มันก็ช่วยเพิ่มพลังงานศักด์สิทธิ์ในเหรียญตราได้อย่างดี

ทำให้เขาเกลียดการทำแบบนี้ของซือหยาไม่ลงเลยทีเดียว

 

ในวันต่อๆมาซูจิ้งยังคงดูดซับพลังงานจากเหรียญตราอย่างต่อเนื่อง

เขาเองก็อยากจะดูดซับทั้งวันไปเลยแต่ก็ทำไม่ได้เพราะเขายังต้องกิจวัตรประจำวันของเขาอีกสามอย่างด้วย

นั่นคือการฝึกร่างกาย บ่มเพราะพลังต่างๆ และจัดการขยะห้วงเวลาฯ

 

เขาได้นึกถึงของต่างๆ จากห้วงเวลาฯเรื่องกระบี่เทพสังหารที่เขาได้มานั้น

ทั้งชูหยู เบโกเนีย และผงยารักษา ลัวนแล้วแต่ให้ผลลัพท์ที่ไม่ธรรมดาทั้งสิ้น

ยิ่งทำให้เขาตระหนักดีว่าห้วงเวลาฯเรื่องกระบี่เทพสังหารนั้นช่างทรงพลังมากสุดหยั่งถึง

 

วันนี้ซูจิ้งได้รับโทรศัพท์เฉิงหนานเขารีบรับทันที

“อาจิ้งตอนนี้นายว่างรึเปล่า” เฉิงหนานถาม

“ตอนนี้ว่างอยู่นะ จะให้ทำอะไรหรอ” ซูจิ้งถามกลับ

“ทุกอย่างในธุรกิจตอนนี้ถือว่าไปได้สวยหล่ะนะแต่หลังจากที่ฉันลองคำนวนเงินสุทธิที่นายได้รับ ฉันก็นึกได้ว่าตอนนี้นายยังขาดธุรกิจอีกอย่างนึงที่เหมาะกับนายแบบสุดๆไปเลยหล่ะ” เฉิงหนานตอบ

“อะไรหล่ะนั่น” ซูจิ้งถามพร้อมยืนนิ่งคิดตามแต่ก็คิดไม่ออก

“โรงประมูลไง” เฉิงหนานพูดออกมาและกล่าวต่อไปว่า

“ฉันได้ลองคำนวนของที่นายประมูลแล้วได้เป็นเงินกลับมานั้น

มันเป็นกำไรล้วนๆแถมมันยังถือว่าเป็นสัดส่วนกำไรส่วนใหญ่เลยก็ว่าได้

ถ้าดูจากทรัพย์สมบัติทั้งหมดที่นายส่งไปประมูลที่โรงประมูลว่านเป๋านะ

ตอนนี้นายแทบจะถือได้ว่าเป็นคนเดียวที่สร้างกำไรและชื่อเสียงให้กับที่นั่น

ลองคำนวนจากเงินที่โรงประมูลส่งให้นายมหาศาลขนาดนั้นเทียบกับผลกำไรที่โรงประมูลประกาศหักเปอร์เซนต์ไว้นี่คิดได้อย่างนั้นทางเดียวเลย

ฉันก็เลยคิดได้ว่าแทนที่จะส่งของให้คนอื่นกินเงินกำไรไปไม่สู้เราทำของเราเองไม่ดีกว่าหรอ

สู้เอาเงินกำไรที่ให้พวกนั้นไปทำสาธารณะประโยชน์ เลี้ยงสาวๆ กับบรรดาสัตว์เลี้ยงของนายซะยังดีกว่า แถมยังเอาไปลงทุนเรื่องอื่นๆ ได้อีกเยอะเลย

ถ้าจัดการดีๆฉันบอกได้เลยว่าเราสามารถสร้างโรงประมูลที่ยอดยิ่งกว่าโรงประมูลวานเป๋าเสียด้วยซ้ำ

ถึงแม้ค่าใช้จ่ายตอนเริ่มต้นมันจะดูสูงไปหน่อยแต่มันจะเป็นค่าใช้จ่ายคงที่ไม่มีการเพิ่มง่ายๆ

ค่าใช้จ่ายพวกนั้นจะถูกกลบไปมากหรือน้อยแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับสมบัติของนายแล้วหล่ะ”

 

“เธอแน่ใจนะว่าจะจัดการไหว” ซูจิ้งถึงจะพูดไปแบบนั้นแต่สายตาและท่าทางของเขาตอนนี้คิดไปไกลมากแล้ว

ต่อให้เขาไม่เคยจะต้องคิดเรื่องปัญหาที่จะตามมาแต่มันก็พอจะมีปัญหาอยู่บ้างในการตั้งโรงประมูล

เพราะพูดน่ะมันง่ายแต่ทำน่ะมันยาก นั่นก็เพราะโรงประมูลว่านเป๋าได้สร้างขื่อเสียงสั่งสมมานานปีกว่าจะมีชื่อเสียงได้เหมือนทุกวันนี้

ถ้าจัดการไม่ดีก็จะได้กำไรยากมากๆ ต่อให้มีของดีแค่ไหนก็อาจถูกกดราคาจนไม่ได้อะไรเลยนั่นคือสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดที่จะเกิดขึ้นได้

 

“ถ้าเราพูดถึงเรื่องนี้ในสถานการณ์ปกติมันก็คงดูยากหน่อยหล่ะ แต่ถ้ามีของๆนาย(ขยะของซูจิ้งทั้งหลาย)พวกนั้น

ฉันมีความมั่นใจกว่า 90 เปอร์เซนต์ เพราะยังไงซะของๆนายที่ส่งไปโรงประมูลนั่นก็ของหายากทั้งนั้น

แถมนำออกประมูลแต่ละทีได้ฮือฮากันทั้งโรงประมูล ไหนๆก็ไหนๆแล้วขอถามหน่อยว่าตอนนี้นายมีของอยู่ในมือแค่ไหนกัน” ซูจิ้งเอ่ยถาม

 

“มีแน่น่า เธอไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอก ขอแค่เธอจัดการหาสถานที่เปิดโรงประมูลได้เมื่อไหร่เธอก็แค่มาหาฉันที่บ้านก็พอ” ซูจิ้งตอบพร้อมรอยยิ้ม เขาเองก็เห็นด้วยกับเฉิงหนานอย่างมาก

เงินที่เขาได้มาจากโรงประมูลเอาจริงๆก็แค่เศษเสี้ยวเท่านั้น สู้ทำโรงประมูลเองยังไงก็ได้เงินมากกว่าต่อให้โดนกดราคาก็ตาม

 

“ตกลง” ไม่นานนักเฉิงหนานได้มาที่บ้านของซูจิ้งพร้อมเอกสาร

หลังจากได้รับความเห็นชอบและลายเซ็นต์จากซูจิ้งแล้ว เฉิงหนานได้เริ่มจัดการเรื่องโรงประมูลทันที

ที่จริงเธอได้เตรียมพร้อมมาบ้างแล้วเพราะกลัวซูจิ้งไม่เห็นด้วย

เธอได้หาสถานที่ในการก่อตั้งพร้อมดูช่องทางทางการตลาดไปแล้ว พอซูจิ้งเห็นด้วยแล้วเธอจริงทำต่อได้ง่ายขึ้น

 

แน่นอนโรงประมูลที่เพิ่งตั้งไม่มีชื่อเสียงและไม่ได้รับความนิยม เป็นการยากที่จะหาใครซักคนมาส่งของเพื่อประมูลเป็นสินค้า

เมื่อเทียบผลกำไรที่ได้กับการไปประมูลกับโรงประมูลที่โด่งดังและได้รับความนิยมแล้ว ต่อให้ถูกหักเปอร์เซนต์จากโรงประมูลมากกว่าแต่ก็ยังได้เงินเยอะกว่าอยู่ดี

แต่สำหรับซูจิ้งเขานั้นไม่จำเป็นต้องกังวลในเรื่องนี้ ต่อให้ไม่มีใครมาส่งของลงประมูลในโรงประมูลของเขา เขานั้นก็มีสมบัติเป็นของตัวเองอยู่แล้ว เพียงแต่เขาขาดช่องทางขายทำเงินแค่นั้นเอง

เอาจริงๆต่อให้เขาไม่ตั้งโรงประมูลแค่เขาถือของก้าวเข้าไปในประตูโรงประมูล ด้วยชื่อเสียงของซูจิ้งในด้าน “เทพแห่งการให้ของขวัญ” แล้ว เขาก็ถูกจับตามองแทบจะทุกฝีก้าวที่เข้าไปแล้ว และครั้งนี้เขาก็จะทำอีกเช่นกัน แต่จะเป็นการไปเพื่อโฆษณาโรงประมูลของเขาแทน