ตอนที่ 2643 เมืองไลท์ฟอร์จที่น่าอัศจรรย์

ดินแดนลับโบราณ เมืองไลท์ฟอร์จ :

ซือเฟิงและผู้รอดชีวิตคนอื่นๆในทีมของเขาได้มาถึงใจกลางพลาซ่าที่เต็มไปด้วยแสงไฟ

พลาซ่านี้มันมีขนาดมหึมา และก็ต้องบอกเลยว่ามันมีขนาดเทียบเท่ากับสนามกีฬาสี่แห่งเลย และที่อยู่ตรงกลางนั้นก็คือรูปปั้นที่มีความสูงกว่าหนึ่งร้อยเจ็ดเมตร โดยรูปปั้นเหล่านี้ทุกรูปมีลักษณะที่แตกต่างกัน บ้างเป็นนักรบสวมชุดเกราะ บ้างเป็นนักเวทย์ถือคทา และบ้างก็เป็นนักธนูที่ถือธนูอยู่ แม้ว่าจะมีรูปลักษณ์ที่แตกต่างกัน แต่รูปปั้นเหล่านี้ก็มีความคล้ายคลึงกันตรงที่พวกมันทั้งหมดล้วนมีออร่าที่ทรงพลัง ซึ่งมันให้ความรู้สึกราวกับว่ารูปปั้นนี้มีชีวิต

เมื่อได้เห็นรูปปั้นเหล่านี้ ซือเฟิงและคนอื่นๆต่างก็เต็มไปด้วยความตกตะลึง

“เมืองโบราณแห่งนี้นั้นน่าทึ่งจริงๆ เพียงแค่รูปปั้นบริเวณพลาซ่าเทเลพอร์ตนี้มันก็มากเพียงพอแล้วที่จะทำให้ผู้เล่นในโลกภายนอกบ้าคลั่งได้” ซือเฟิงอุทาน ขณะที่เขามองไปยังรูปปั้นตรงหน้าเขาอย่างพินิจพิเคราะห์

รูปปั้นเหล่านี้ที่พลาซ่าอาจดูธรรมดา แต่ในความเป็นจริงแล้ว พวกมันมีข้อมูลมากมายเกี่ยวกับเทคนิคการต่อสู้ขั้นพื้นฐานที่ถูกจัดเตรียมไว้สำหรับอาชีพของรูปปั้นแต่ละรูป

ณ เวลานี้ผู้เล่นทุกคนใน God domain นั้นรู้ถึงการมีอยู่ของเทคนิคการต่อสู้แล้ว อย่างไรก็ตามจำนวนผู้เล่นที่มีโอกาสได้เรียนรู้เทคนิคการต่อสู้นั้นก็ยังคงจัดว่ามีน้อยมากๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้เล่นอิสระ

อย่างไรก็ตามภายในเมืองไลท์ฟอร์จ ข้อมูลเกี่ยวกับเทคนิคการต่อสู้ขั้นพื้นฐานกับถูกจัดแสดงเอาไว้ราวกับมันเป็นขยะไร้ค่า และผู้เล่นก็จะสามารถเรียนรู้เทคนิคการต่อสู้ที่ว่านี้ได้อย่างอิสระ เมื่อใดก็ตามที่พวกเขาต้องการโดยที่มันก็ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆเลย ยิ่งไปกว่านั้นเทคนิคการต่อสู้ขั้นพื้นฐานเหล่านี้ยังถูกแบ่งออกมาให้สำหรับแต่ละสายอาชีพโดยเฉพาะแล้ว ความมั่งคั่งและความเอื้อเฟื้อของเมืองไลท์ฟอร์จนั้นมันช่างน่าประหลาดใจอย่างแท้จริง

ในระยะนี้ของเกม แม้แต่สมาชิกของมหาอำนาจที่แท้จริงต่างๆก็ยังจะต้องจ่ายในราคาที่เหมาะสมและมีส่วนร่วมในกิลที่มากเพียงพอเพื่อเรียนรู้เทคนิคการต่อสู้ขั้นพื้นฐาน แต่อย่างไรก็ตามผู้เล่นกับจะสามารถเรียนรู้เทคนิคการต่อสู้ขั้นพื้นฐานนี้ได้อย่างอิสระในพลาซ่าแห่งนี้

นอกจากนี้มานาโดยรอบภายในเมืองไลท์ฟอร์จนั้นมันก็มีความหนาแน่นมากเช่นกัน หากผู้เล่นด้ไปฝึกฝนในสนามประลองของเมืองไลท์ฟอร์จ ความเร็วในการปรับปรุงของพวกเขาจะสูงกว่าปกติหลายเท่าแน่นอน

“มานาที่นี่นั้นพิเศษมากๆ ถ้าฉันสามารถฝึกที่นี่ได้ในระยะยาว ฉันน่าจะสามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของฉันได้เพิ่มอีก” ไวโอเล็ตคลาวด์กล่าวอย่างตื่นเต้นผ่านแชททีม

“แน่นอนเลย แค่ยืนอยู่ที่นี่เฉยๆ ฉันก็รู้สึกได้แล้วว่าฉันสามารถจะควบคุมการเสริมพลังให้มานาของฉันได้ ซึ่งหากฉันสามารถใช้ประโยชน์จากประสบการณ์นี้ได้ ฉันก็จะสามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของตัวเองได้เพิ่มเติมเช่นกัน” อควาโรสกล่าวพลางพยักหน้า

ทุกคนในทีมนั้นล้วนสังเกตเห็นถึงเอฟเฟคพิเศษของมานาในเมืองไลท์ฟอร์จ และนี่มันก็ทำให้ดวงตาของพวกเขาเปล่งประกายด้วยความตื่นเต้นกับการค้นพบนี้

สำหรับสมาชิกของไวโอเล็ทซอร์ดอย่างคริมสันสตาร์ และไวน์ไฟเตอร์ มันไม่มีอะไรน่าสนใจไปกว่าการพายามปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของพวกเขาให้ได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ให้เร็วที่สุด หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือการปลดล๊อคศักยภาพร่างมานานั้นเป็นสิ่งที่มหาอำนาจต่างๆพยายามทำอย่างต่อเนื่องเพื่อให้มันสำเร็จ

สำหรับสมาชิกของสภาสิบแปดปีก และของหอการค้าอาซูอย่างซินฟูลเฟรม โซริทารี่ฟรอสต์ และหยานเซี่ยวเฉียนที่สามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้ว การจะทะลุขีดจำกัดหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ไปให้ได้เป็นความฝันที่พวกเขาต้องการจะบรรลุ เพราะท้ายที่สุดความแตกต่างระหว่างศักยภาพร่างมานาที่ทะลุเกณฑ์หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ไปแล้ว กับที่ยังไม่ทะลุ นั้นมันมีขนาดใหญ่มาก ซึ่งพวกเขาก็สามารถดูได้จากไวโอเล็ตคลาวด์เป็นตัวอย่าง

อย่างไรก็ตามการพยายามจะทะลุขีดจำกัดหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ไปให้ได้นั้น มันยากมาก ในความเป็นจริง พวกเขาแทบจะไม่มีโอกาสทำเช่นนั้นเลยด้วยซ้ำ แต่อย่างไรก็ตามตอนนี้มานาของที่นี่กับให้เบาะแสแก่พวกเขา ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องปกติที่พวกเขาจะตื่นเต้นมากๆกับการค้นพบเรื่องนี้

ในสถานการณ์เช่นนี้ซินฟูลเฟรม โซริทารี่ฟรอสต์ และหยานเซี่ยวเฉียนนั้นก็อดไม่ได้ที่จะอิจฉาสมาชิกสภาสิบแปดปีก และไวโอเล็ทซอร์ด เพราะท้ายที่สุดแล้วสมาชิกของสภาสิบแปดปีกและไวโอเล็ทซอร์ดจะสามารถเข้ามาฝึกฝนในเมืองนี้ได้ทุกเมื่อที่พวกเขาต้องการ ในทางกลับกันสมาชิกของหอการค้าอาซูจะมีเวลาอยู่แค่ราวสองวันเท่านั้น

เมื่อตระหนักถึงสิ่งนี้โซริทารี่ฟรอสต์ และหยานเซี่ยวเฉียน จึงนั่งและทำการจดจ่ออยู่กับความรู้สึกที่พวกเขากำลังประสบอยู่อย่างเต็มที่ เพราะท้ายที่สุดพวกเขาไม่รู้ว่าอีกนานเท่าไหร่ พวกเขาจึงจะได้รับโอกาสให้มาเยี่ยมชมเมืองไลท์ฟอร์จอีกครั้ง

“มันยังมีเวลาอีกพอสมควรก่อนที่วงเวทย์เล่นแร่แปรธาตุจะหายไป เราไปดูที่คฤหาสถ์ของลอร์ดผู้ปกครองเมืองไลท์ฟอร์จกันก่อนเป็นอย่างแรกเถอะ มันจะไม่สายเกินไปหรอกที่จะมาเริ่มฝึกในภายหลัง” ซือเฟิงกล่าวแนะนำพลางหัวเราะเบาๆ เมื่อเขาเห็นหยานเซี่ยวเฉียนและสมาชิกของหอการค้าอาซูคนอื่นๆนั่งลงเพื่อหมุนเวียนมานาในร่างของพวกเขา

“ฉันเดาว่าคุณพูดถูกนะ …” หยานเซี่ยวเฉียนตอบพลางพยักหน้า ขณะที่เธอเลิกคิดเรื่องการฝึกไปในทันที เพราะท้ายที่สุดเมื่อครุ่นคิดให้ดีนั้น ซือเฟิงก็พูดถูกจริงๆ

เอฟเฟคพิเศษของมานาในเมืองโบราณแห่งนี้มันอาจกล่าวได้ว่าเป็นเพียงโบนัสพิเศษเท่านั้น มูลค่าและคุณค่าที่แท้จริงของเมืองนั้นก็จะยังคงอยู่ที่คฤหาสถ์ของลอร์ดผู้ปกครองเมือง ซึ่งผู้เล่นจะสามารถใช้คะแนนสะสมของเมืองแลกเปลี่ยนเป็นไอเทมต่างๆที่พวกเขาต้องการได้

ซึ่งปัจจุบันทุกคนนั้นล้วนมีคะแนนสะสมของเมืองไลท์ฟอร์จกันอยู่ห้าร้อยแต้ม ดังนั้นมันจึงจะเป็นเรื่องน่าเสียดายมาก หากพวกเขาไม่ใช้มัน

ซือเฟิงและคนอื่นๆนั้นใช้เวลากว่าสองชั่วโมงในการเดินทางไปตามถนนสายหลักของเมืองไลท์ฟอร์จ ก่อนที่พวกเขาจะมาถึงตรงหน้าของคฤหาสถ์ของลอร์ดผู้ปกครองเมืองที่มีความสูงหกร้อยเมตร

ขณะที่อัศวินหลายสิบคนที่อยู่ในเครื่องแบบเต็มยศก็ยืนเฝ้าอยู่ที่ตรงหน้าทางเข้าของคฤหาสถ์ ซึ่งอัศวินเหล่านี้ไม่เพียงแต่จะมีเลเวลหนึ่งร้อยแปดสิบ และอยู่ในขั้นสามเท่านั้น แต่พวกเขายังมีชนชั้นสิ่งมีชีวิตเทียบเท่ากับสายพันธุ์โบราณอีกด้วย และออร่าที่พวกมันแผ่ออกานั้นก็เทียบเท่ากับมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายในเลเวลเดียวกันเลย

สำหรับหัวหน้าอัศวินที่เป็นผู้นำอัศวินเหล่านี้นั้น เขาเป็น NPC ขั้นสี่ที่แท้จริงเลย และการปรากฎตัวของเขามันก็สร้างแรงกดดันอย่างรุนแรงให้กับซือเฟิง

ในขณะเดียวกันเมื่อทุกคนเดินเข้าไปในห้องโถงแลกเปลี่ยนที่ชั้นหนึ่งของคฤหาสถ์ลอร์ดผู้ปกครอง พวกเขาก็เต็มไปด้วยความตกตะลึงกับภาพเบื้องหน้าที่พวกเขาได้เห็น

ขณะนี้มันมีไอเทมทุกประเภทถูกจัดแสดงไว้ภายในห้องโถง และในหมู่ไอเทมพวกนี้มันก็มีแม้แต่แบบแปลนอาวุธกับอุปกรณ์ระดับอีปิค ไปจนถึงสูตรโพชั่นระดับสุดยอดปรมาจารย์ และเวทย์กับสกิลที่หายากอีกมากมาย นี่ยังไม่นับรวมเทคนิคการต่อสู้ระดับทองแดง แบบแปลนสิ่งก่อสร้างขั้นสูง และแบบแปลนอาวุธสงครามอีก ซึ่งไอเทมเหล่านี้ล้วนเป็นสมบัติล้ำค่าและพบเจอได้ยากมากๆในโลกภายนอก อย่างไรก็ตามตอนนี้มันกับมีสมบัติพวกนี้มากมายมหาศาลอยู่ตรงหน้าของพวกเขา

แน่นอนว่าทุกคนทำได้แค่จ้องมองไปยังไอเทมเหล่านี้เท่านั้น เพราะท้ายที่สุดแม้แต่สมบัติที่ถูกที่สุดนั้นก็ยังต้องใช้คะแนนสะสมในการแลกเปลี่ยนถึงสี่พันแต้ม โดยที่สมบัติบางอย่างนั้นก็ต้องใช้คะแนนสะสมแลกเปลี่ยนในหลักหมื่นแต้มเลย และเนื่องจากแต่ละคนในตอนนี้มีคะแนนะสมเพียงคนละห้าร้อยแต้ม ดังนั้นพวกเขาจึงต้องเลิกคิดถึงสมบัติเหล่านี้ไปเลย

โชคดีที่สมบัติล้ำค่าเหล่านี้นั้นไม่ใช่สิ่งเดียวที่สามารถจะแลกเปลี่ยนได้ มันยังมีไอเทมที่มีราคาถูกลงและใช้ประโยชน์ได้อีกมากมาย ซึ่งตัวอย่างของไอเทมเหล่านี้ก็ได้แก่หินเวทย์มนต์ และโพชั่น Enchanted

ซึ่งสำหรับไอเทมทั้งสองชิ้นนี้ที่ได้ยกตัวอย่างไปนั้น ทั้งสมาชิกของหอการค้าอาซู และของวโอเล็ทซอร์ดนั้นล้วนใช้คะแนนสะสมที่พวกเขามีทั้งหมดในการแลกมันมา

“หัวหน้ากิล ไอเทมที่แลกได้ที่นี่นั้นมันมีจำนวนจำกัด รีบแลกเปลี่ยนคะแนนสะสมของเราให้เป็นหินเวทย์มนต์ขั้นสาม กับ โพชั่น Enchanted ให้ไวที่สุดดีกว่า ถ้าเรามัวแต่รอจนกว่าคนอื่นจะฟื้นคืนชีพขึ้นมา มันอาจจะไม่เหลือให้เราแล้วก็ได้ …” อควาโรสกล่าวอย่างเร่งรีบ ขณะที่เธอมองไปยังซือเฟิงที่ไม่ได้สนใจหินเวทย์มนต์ขั้นสาม และโพชั่น Enchanted มากนัก

ไอเทมทั้งหมดที่มีให้แลกเปลี่ยนที่นี่นั้นมีขีดจำกัด และมีจำนวนจำกัดในการแลกเปลี่ยน แม้ว่าบางไอเทมบางชิ้นอาจจะถูกเติมสต๊อคเข้ามา เมื่อมันหมดไป แต่บางชิ้นก็ไม่ เพราะท้ายที่สุดบางชิ้นนั้นมันหายากมากๆนั่นเอง

สำหรับหินเวทย์มนต์ขั้นสาม และโพชั่น Enchanted แม้ว่าพวกมันจะไม่ได้เป็นไอเทมพิเศษ แต่ถ้าทุกคนลงทุนใช้คะแนนสะสมที่พวกเขาได้รับมาห้าร้อยแต้มเพื่อแลกเปลี่ยนเป็นไอเทมสองชิ้นนี้ทั้งหมด ไอเทมทั้งสองชิ้นนี้มันก็จะมีพอให้แค่ประมาณห้าสิบคนเท่านั้น และเมื่อไอเทมทั้งสองชิ้นนี้หมดลง ผู้ที่ต้องการจะแลกเปลี่ยนก็จะต้องจนกว่าระบบจะเติมสต๊อคของมันเข้ามา อย่างไรก็ตามใครกันจะไปรู้ว่าไอเทมทั้งสองชิ้นนี้จะได้รับการเติมสต๊อคเมื่อไหร่

“ไม่จำเป็นต้องเร่งรีบทำแบบนั้น” ซือเฟิงกล่าวพลางส่ายหัว จากนั้นเขาก็เลื่อนสายไปมองชั้นวางที่วางขวดที่ใส่ของเหลวสีฟ้าครามอยู่และพูดว่า “ให้ทุกคนทำการแลกเปลี่ยนโพชั่นฟื้นฟูค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจระดับปรมาจารย์กันก่อน”

“หัวหน้ากิล โพชั่นฟื้นฟูค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจระดับปรมาจารย์นั้นมันมีราคาแพงเกินไป มันมีราคาถึงห้าสิบแต้มต่อขวด เราจำเป็นจะต้องซื้อมันจริงๆงั้นหรอ ?” อควาโรสอดไม่ได้ที่จะรู้สึกไม่พอใจเล็กๆ เมื่อเธอได้เห็นราคาของโฟชั่นฟื้นฟูค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจระดับปรมาจารย์ “โพชั่นนี้จะช่วยผู้เล่นแค่ในการฟื้นฟูค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นโพชั่นนี้แต่ละขวดยังมีผลแค่สองชั่วโมง แม้ว่ามันจะเป็นโพชั่นที่หายากในโลกภายนอก แต่การจะใช้คะแนนสะสมอันมีค่าของเราเพื่อแลกเปลี่ยนมัน มันค่อนข้างจะ ….”

แม้ว่าโพชั่นฟื้นฟูค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจระดับปรมาจารย์นั้นจะหายากอย่างไม่น่าเชื่อ แต่มันก็ไม่ได้มีประโยชน์กับผู้เล่นมากนักเลย เพราะท้ายที่สุดแล้ว ผู้เล่นจะสามารถฟื้นฟูค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจได้ตามธรรมชาติเมื่อเวลาผ่านไป และหากผู้เล่นพักผ่อนในเมืองนั้น อัตราการฟื้นฟูของพวกเขาก็จะเพิ่มขึ้นเร็วขึ้นไปอีก ดังนั้นไอเทมชิ้นนี้มันจึงไม่ได้จัดว่ามีประโยชน์มากนักเลย แถมมันยังมีราคาในการแลกเปลี่ยนถึงห้าสิบแต้มต่อขวด หากใช้คะแนนสะสมที่พวกเขามีแลกไปจริงๆ มันก็จะจัดว่าเป็นการสิ้นปลืองมากๆ

เพราะท้ายที่สุดแม้แต่โพชั่น Enchanted ระดับปรมาจารย์ก็ยังมีราคาเพียงสิบแต้มต่อขวดเท่านั้น และมันยังมีผลกับผู้เล่นถึงหกชั่วโมง !!!

“ผ่อนคลายน่า เพียงแค่ให้ทุกคนไปแลกมันตามคำสั่งของฉันเถอะ และฉันรับรองว่าคุณค่าที่ทุกคนจะได้รับจากโพชั่นนี้มันจะเกินความคาดหมายของทุกคนไปอย่างมาก พวกมันมีค่ามากกว่าหินเวทย์มนต์ขั้นสามด้วยซ้ำ ….” ซือเฟิงกล่าวพลางหัวเราะเบาๆ เมื่อเขาเห็นสีหน้าวิตกกังวลของอควาโรส

ในความคิดของเขานั้น ราคาของโพชั่นฟื้นฟูค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจระดับปรมาจารย์มันถูกมากด้วยซ้ำ ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาจะได้รับอนุญาติให้ซื้อโพชั่นนี้ก็ต่อเมื่อพวกเขามีโทเค่นขุนนางเท่านั้น ไม่งั้นพวกเขาจะไม่มีคุณสมบัติเลย

ในชีวิตที่ผ่านมาของเขา หากโพชั่นนี้ถูกนำไปวางขายในตลาดนั้น มันจะมีราคาต่อขวดเทียบเท่ากับวัสดุระดับอีปิคเลย และแม้จะได้ราคาขนาดนี้ มันก็จะยังไม่มีใครเต็มใจจะขายมันด้วยซ้ำ

หลังจากพูดจบ ซือเฟิงก็ใช้คะแนนสะสมทั้งหมดที่เขาได้รับมา แลกเปลี่ยนเป็นโพชั่นฟื้นฟูค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจระดับปรมาจารย์อย่างไม่ลังเล

สำหรับอควาโรส เธอก็ไม่ได้พยายามห้ามปราบซือเฟิงอีกต่อไป เพราะเธอเชื่อใจเขา และเธอก็คิดว่าหัวหน้ากิลของเธอต้องมีเหตุผลในการทำแบบนี้แน่นอน ดังนั้นเธอจึงได้สั่งให้สมาชิกสภาสิบแปดปีกคนอื่นๆที่อยู่ที่นี่แลกเปลี่ยนคะแนนสะสมของตัวเองเป็นโพชั่นฟื้นฟูค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจระดับปรมาจารย์ทั้งหมด ซึ่งนี่รวมไปถึงตัวเธอเองด้วย

สมาชิกของไวโอเล็ทซอร์ดและหอการค้าอาซูต่างรู้สึกสับสนเมื่อได้เห็นฉากนี้ พวกเขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมสภาสิบแปดปีกถึงยอมแพ้ในไอเทมล้ำค่า และเลือกไปแลกโพชั่นแบบนั้น

อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ไม่ได้คิดเรื่องนี้กันนานนัก เพราะท้ายที่สุดมันไม่ใช่เรื่องของพวกเขา และระยะเวลาของวงเวทย์เล่นแร่แปรธาตุของพวกเขามันก็ใกล้จะหมดลงแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงจำเป็นจะต้องรีบแลกเปลี่ยนหินเวทย์มนต์ขั้นสาม กับ โพชั่น Enchanted มาให้ได้มากที่สุดเพื่อไว้ใช้ฝึกฝน ….

หลังจากทุกอย่างเรียบร้อย สมาชิกของไวโอเล็ทซอร์ดและหอการค้าอาซูก็รีบวิ่งไปที่สนามประลองเพื่อฝึกฝนทันที สำหรับสมาชิกสภาสิบแปดปีก พวกเขาได้เดินตรงไปที่กำแพงเมืองภายใต้การนำของซือเฟิง

หวังว่าโพชั่นเหล่านี้จะเพียงพอที่จะทำให้ฉันสามารถก้าวเข้าสู่มาตราฐานความแข็งแกร่งทางจิตใจขั้นสี่ได้

ขณะที่ซือเฟิงมองไปที่รูปปั้นขนาดมหึมาบนกำแพงที่ห่างออกไปนั้น ฝีเท้าของเขาก็ถูกเร่งขึ้นโดยอัตโนมัติ