ตอนที่ 639 คนเลวเต็มไปหมด (1+2)

My House of Horrors คฤหาสน์สยองขวัญของผม

“เสียงกรีดร้องจากโรงพยาบาล? แต่ประตูเหล็กล็อกเอาไว้ และหน้าต่างรอบ ๆ ยังติดเหล็กดัดกันขโมยเอาไว้ คนที่ด้านนอกเข้าไปไม่ได้หรอก” หมอนั้นกลัวว่าเฉินเกอจะตัดสินใจอะไรบ้า ๆ ลงไป ดังนั้นจึงก้าวเท้าออกไปแล้วพูด “พลังหยินมักจะรวมตัวกันในสถานที่อย่างโรงพยาบาล อย่างไรเสีย มันก็เป็นสถานที่ที่เกิดการตายอยู่ทุกวัน ผมแนะนำให้พวกเราอยู่ให้ไกลจากที่นี่”

“คุณมีเหตุผล” มองโรงพยาบาลแล้ว เฉินเกอก็นึกถึงฉากโรงพยาบาลระดับสี่ดาวในจิ่วเจียงตะวันออก และจากประสบการณ์ก่อนหน้าของเขาแล้ว โรงพยาบาลนั้นไม่ใช่สถานที่ที่มีชีวิตชีวาเลยจริง ๆ “งั้น พวกเราค่อยกลับมาทีหลัง พวกเราไปที่อื่นกันก่อน อันที่จริง ผมค่อนข้างสนใจหมาหน้ายิ้มนั่นนะ”

“นั่นไม่ได้หมายความว่าพวกเราควรไปที่นั่น! คุณไม่ได้ยินที่ผมพูดก่อนหน้านี้เหรอ? คุณคิดว่าผมพูดเล่นหรือไง? คุณไม่รู้หรอกว่าผมผ่านอะไรมาบ้าง!” ชายขี้เมาดิ้น และผลักเฉินเกอออกไป “ฟังผมนะ อย่าไปที่นั่น ถ้าไปเจอกับหมาหน้าคนนั่นมันก็สายเกินกว่าจะเสียใจแล้ว!”

“มันเป็นหมาที่มีใบหน้าแบบหน้าคนหรือว่าเป็นคนกันแน่? คุณอธิบายละเอียดกว่านี้ได้ไหมว่าเขาดูเป็นยังไง?”

เห็นได้ชัดเจนว่าเฉินเกอนั้นไม่เข้าใจสิ่งที่ชายขี้เมาพยายามจะสื่อ และนี่ก็ทำให้ชายขี้เมากระทืบเท้ากับพื้นอย่างโกรธเกรี้ยว “แค่กลับไปที่รถเมล์ก็พอไหม ที่นี่ไม่ปลอดภัย ทุก ๆ ตึกที่นี่มีผีซ่อนอยู่ ผมไม่ได้โกหกคุณ!”

“ผมรู้ว่าคุณไม่ได้โกหก” เฉินเกอกำลังจะพูดบางอย่างตอนที่มีเสียงลั่นขึ้นขัดจังหวะเขา มันเหมือนมีคนทำของบางอย่างตกพื้นใกล้ ๆ กับพวกเขา

“คนที่ในโรงพยาบาลเจอพวกเราแล้ว!” ชายขี้เมาสะดุ้งตัวโยนทันทีและหน้าอกของเขาก็กระเพื่อมอย่างรุนแรง– ปฏิกริยาของเขานั้นเทียบได้กับแมวบ้านที่ตกใจกลัว “พวกเราต้องออกไปจากที่นี่ทันที!”

“ใจเย็น ยิ่งพวกเราอยู่ใกล้กับอันตรายเท่าไหร่ พวกเราก็ยิ่งต้องไม่ตื่นตระหนก” เฉินเกอเดินตรงไปยังแหล่งที่มาของเสียง หมอตามหลังเขาไปติด ๆ ชายขี้เมานั้นไม่กล้าพอที่จะอยู่ที่นั่นคนเดียว ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงตามไปพร้อมกับสีหน้าไม่ยินยอมนัก เดินฝ่าหมอกไป เฉินเกอก็ไปหยุดที่อีกฟากของโรงพยาบาล และเขาก็เห็นกรรไกรชุ่มเลือดเล่มหนึ่งนอนอยู่บนพื้น

“นี่ไม่ใช่อาวุธของชายคนนั้นเหรอ? ทำไมมันมาอยู่ที่นี่ล่ะ?” เฉินเกอมองขึ้นไปบนตึกด้วยดวงตาหยินหยาง แผ่นไม้กระดานของหน้าต่างบานหนึ่งที่ชั้นสามนั้นกำลังสั่น “เขาหลบอยู่ในโรงพยาบาลเหรอ? แต่ทำไมเขาถึงโยนกรรไกรทิ้งออกมาล่ะ? ไม่ใช่ว่านี่เป็นอาวุธของเขาเหรอ? ต่อให้จะขอความช่วยเหลือ มันก็ควรจะโยนอย่างอื่นออกมามากกว่าหรือเปล่า?”

เฉินเกองุนงงกับการกระทำของมือกรรไกร เขาเก็บกรรไกรเอาไว้ให้ตัวเองและกลับไปที่ประตูหน้าของโรงพยาบาล

“รีบไปก่อนที่มันจะสายเกินไปเถอะ ผมไม่อยากติดอยู่ที่นี่” ชายขี้เมาเบียดตัวเข้าไปที่หน้าประตู “ก่อนหน้านี้ ผมลืมบอกพวกคุณเกี่ยวกับผีอีกตนที่ผมเจอ กระทั่งบนถนนที่นี่ก็ไม่ปลอดภัย ตอนที่คุณข้ามแยก จะมีผีตนหนึ่งโบกมือให้คุณ มันจะตามคุณไป แล้วยังเลียนแบบใบหน้าของคุณ พอมันปรากฏตัวขึ้น คุณก็จะเห็นว่าคุณดูเป็นอย่างไรตอนที่ตายแล้ว”

ชายขี้เมาพยายามเกลี้ยกล่อมให้เฉินเกอเปลี่ยนใจ แต่มันก็ไม่ได้ผลเลยแถมเฉินเกอยังพยายามเขย่าประตูเหล็กของโรงพยาบาลด้วย

“เขากำลังทำอะไรน่ะ?” ชายขี้เมาแตะแขนหมอ

“บางที เขาอาจจะอยากดูว่าประตูเหล็กน่ะมั่นคงพอให้กักพวกผีเอาไว้ในโรงพยาบาลไหม” หมอเดาพร้อมกับยิ้มแหย เขาเองก็ไม่ค่อยเข้าใจสิ่งที่เฉินเกอกำลังทำ

“เดี๋ยวนะ พวกคุณยังคิดว่าผมยังเมาอยู่ใช่ไหม? คุณคิดว่าสิ่งที่ผมเห็นก่อนหน้านั้นเป็นส่วนหนึ่งของจินตนาการจากความเมาของผมใช่ไหม?” ชายขี้เมาคว้าไหล่หมอเอาไว้ด้วยสองมือ “ผมไม่ได้โกหกคุณ ผมสาบาน! เชื่อผมนะ! ผมพยายามช่วยคุณ! ทุกตึกที่นี่มันเป็นที่อยู่ของผีอย่างน้อยก็หนึ่งตนนะ!”

อารมณ์ของเขาพลุ่งพล่าน เขาหันไปหาเฉินเกอและพยายามดึงเฉินเกอออกมา “อยู่ให้ห่างจากประตูนั่น! คุณจะถูกดึงเข้าไปถ้าอยู่ใกล้เกินไป!”

ชายขี้เมาเพิ่งพูดจบตอนที่เขาเห็นชายหนุ่มที่ดูราวกับพระอาทิตย์ดึงค้อนอันใหญ่หน้าตาน่ากลัวออกมาจากกระเป๋าสะพายหลัง ดวงตาสี่ข้างสบกัน และเปลือกตาของชายขี้เมาก็กระตุก

“คุณเล่าที่เหลือให้ผมฟังได้หลังจากที่พวกเราเข้าไปในนี้แล้ว” เฉินเกอยกค้อนขึ้นสูงแล้วกระแทกมันเข้ากับแม่กุญแจที่ล็อกเอาไว้

ปัง!

เพราะความหนาหนักของหมอกสีเลือด เสียงจึงไม่ก้องไปไกลนัก ทุบที่เดิมอีกสามครั้ง ในที่สุดเฉินเกอก็ทำลายล็อกได้ “อยู่ใกล้ ๆ ผมเอาไว้ ถ้าคุณอยู่ห่างเกินไป ผมก็ไม่สามารถรับรองความปลอดภัยของคุณได้”

ตอนที่หมอได้ยินเฉินเกอพูดอย่างนั้น เขาก็เริ่มตามไปอย่างไม่ลังเล

“เฮ้! เกิดอะไรขึ้นน่ะ? ทำไมคุณถึงแบกค้อนนั่นมาด้วยในเมื่อแค่จะขึ้นรถเมล์?” ชายขี้เมามือจับอยู่ที่ไหล่หมอ ”พวกคุณสองคนเคยมาที่นี่มาก่อนเหรอ?”

“เขาเคยสร้างเครื่องประกอบฉากให้กับสวนสนุก ดังนั้นมันก็ปกติแล้วที่เขาจะมีค้อนอยู่กับตัวไหม?” หมอพูดข้ออ้างที่เฉินเกอบอกเขาเอาไว้ก่อนหน้านี้ให้ชายขี้เมาฟังเร็ว ๆ

“คนทำอุปกรณ์ประกอบฉาก?” ตอนที่ชายขี้เมาพยายามเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างค้อนกับสวนสนุก เฉินเกอและหมอก็เข้าไปในโรงพยาบาลแล้ว “เฮ้ รอผมด้วย!”

ยืนอยู่ที่ประตูชั้นล่าง เฉินเกอก็เปิดเครื่องเล่นเทป ถือกระเป๋าทั้งสองใบไว้ในมือข้างหนึ่ง และถือค้อนคุณหมอนักเจาะกะโหลกเอาไว้ในมืออีกข้าง ขอบคมของค้อนทำให้เกิดเสียงน่าขนลุกเมื่อมันถูกลากไปตามพื้นโรงพยาบาล เฉินเกอหรี่ตาเพื่อมองให้ชัดขณะจ้องไปตามทางเดินด้านซ้าย

“คุณเจออะไรไหม?” หมอดูเหมือนจะรู้ว่าที่นั่นอันตรายมากและพยายามติดหนึบกับเฉินเกอเอาไว้

“ไม่นานนี้มีคนเข้ามาในโรงพยาบาลนี่” เฉินเกอชี้ไปที่รอยเท้าบนพื้น “เพราะฝนตกหนักก่อนหน้านี้ ผู้โดยสารส่วนใหญ่บนรถเมล์ของเราล้วนตัวเปียก ดังนั้น รอยเท้าเหล่านี้น่าจะเป็นพวกเขาทิ้งเอาไว้ แล้วคุณดูที่ขนาดกับรูปร่างของรอยเท้าเหล่านี้สิ รอยใหญ่สี่รอยเล็กหนึ่ง ดังนั้น พวกเขาน่าจะเป็นครอบครัวสามคนกับคนบ้าที่เรียกตัวเองว่ามือกรรไกร”

การสังเกตของเฉินเกอนั้นถูกต้องและแม่นยำ “รอยเท้าทั้งหมดชี้ไปทางด้านซ้าย ดังนั้นพวกเขาก็น่าจะเข้าไปในทางเดินด้านซ้าย”

“พระเจ้า! คุณนี่สายตาดีสุดยอดไปเลย! คุณมองเห็นมันชัดเจนขนาดนั้นทั้งที่ในนี้มันมืดสนิทเลยนะ?” ชายขี้เมาตอนนี้ประทับใจในตัวเฉินเกอมาก

“ตามผมมา” เฉินเกอเข้าไปในทางเดินด้านซ้าย เขาวางเจ้าแมวขาวเอาไว้บนไหล่ และดึงเอาโทรศัพท์ของเขาออกมาเปิดใช้ไฟฉาย “มีห้องพักผู้ป่วยเรียงรายอยู่สองด้านของทางเดิน ประตูถูกแง้มเปิดเอาไว้ ดังนั้นผมสงสัยว่ามีบางอย่างออกมาจากในนั้นตอนไหนก็ได้ ระวังทุกอย่างเอาไว้นะ”

“พี่ชาย อย่าทำให้ผมกลัวสิ”

“ผมไม่ได้พยายามหลอกให้คุณกลัวผมแค่กำลังบอกความจริงคุณ” เฉินเกอก้มตัวลงไปอีก “มาดูรอยเท้าพวกนี้สิ ตอนต้นทางเดิน รอยเท้าพวกนี้มีระยะห่างสม่ำเสมอ แต่หลังจากผ่านห้องพักผู้ป่วยสามและสี่ รอยเท้าก็เริ่มทับซ้อนกันและยังดูวุ่นวาย นี่หมายความมีบางอย่างที่ไม่ได้คาดคิดเกิดขึ้นกับพวกเขาตอนที่พวกเขาผ่านห้องพักผู้ป่วยที่สามและสี่ พวกเขาน่าจะหยุดอยู่ตรงนี้ครู่หนึ่ง”

“พูดอีกอย่างหนึ่ง คุณพยายามจะบอกว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นในห้องพักผู้ป่วยที่สามหรือสี่?” หมอจับความตั้งใจของเฉินเกอได้ในทันที

“มีความเป็นได้สูงมาก แต่นั่นก็ไม่ได้ตัดความเป็นไปได้อื่นออกไป แค่ต้องระวังมากขึ้นตอนที่พวกคุณเดินผ่านห้องพักผู้ป่วยสองห้องนั้น” เฉินเกอมองไปยังประตูสองบานที่เปิดแง้มเอาไว้ ผ่านช่องว่างมืด ๆ นั่นให้ความรู้สึกเหมือนมีปิศาจน่ากลัวจะโผล่หัวออกมาเมื่อไหร่ก็ได้

“พยายามรักษาระยะให้แน่ใจว่าไม่ถูกทิ้งไว้ด้านหลัง” เฉินเกอลากค้อนเดินไปตามทางเดิน ที่นี่นั้นเงียบอย่างน่ากลัว เมื่อพวกเขาผ่านห้องพักผู้ป่วยห้องแรกและห้องที่สอง  เฉินเกอก็ไม่ได้สังเกตเห็นอะไรที่ผิดปกติ แต่ว่า ตอนที่พวกเขาเข้าใกล้ห้องพักผู้ป่วยห้องที่สาม เจ้าแมวขาวบนไหล่ของเขาร้องเหมียวและขดตัวหลบที่ด้านหลังคอเขา

แทบจะในเวลาเดียวกับที่เจ้าแมวขาวเตือนเขา เฉินเกอก็ยกค้อนในมือขึ้นและเหวี่ยงไปที่ประตูที่แง้มอยู่ของห้องพักผู้ป่วยสามอย่างไม่ลังเล ประตูเหวี่ยงอย่างแรงจากแรงกระแทกและกระแทกเข้ากับผนัง

ปัง!

มันเผยให้เห็นเงาร่างหนึ่งซึ่งเดิมซ่อนอยู่ด้านหลังประตู เงานั่นสวมชุดผู้ป่วยอยู่ เขามีผิวซีดเป็นสีเทา และภายใต้ผมด้านหน้าที่ยุ่งเหยิงนั้นเป็นดวงตานิ่งงันคู่หนึ่ง เขาตัวแข็งอยู่กับที่ถือประวัติผู้ป่วยของใครสักคนเอาไว้ในมือ ลายมือไก่เขี่ยบนนั้นอ่านได้ว่า ‘หาฉันให้เจอสิ’

“ทำไมถึงมาซ่อนอยู่ตรงนี้? พยายามจะเล่นเกมกับฉันใช่ไหม?” เฉินเกอเผยรอยยิ้มสนใจ เขากำลังต้องการเกมต่าง ๆ มาเพิ่มความสนุกของบ้านผีสิงของเขาเพื่อดึงดูดผู้เข้าชมมากขึ้น

ผู้ป่วยที่ด้านหลังประตูดูเหมือนจะสังเกตเห็นบางอย่าง เขาต้องการโยนประวัติผู้ป่วยที่ในมือทิ้ง แต่ว่าเฉินเกอไม่ให้โอกาสเขา เขาพุ่งเข้าไปในห้องและเพื่อป้องกันไม่ให้หมอและชายขี้เมาเห็นว่าเขากำลังจะทำอะไร เขายังปิดประตูลงหลังจากผ่านประตูเข้าไป

หมอและชายขี้เมาตัวแข็งทื่ออยู่ในทางเดินและไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ความสนใจของพวกเขานั้นถูกเสียงดังลั่นตอนที่ค้อนกระแทกเข้ากับประตูดึงไป

“เขาไปไหนแล้ว?”

“ผมไม่รู้ ผมคิดว่าเขาถูกลากเข้าไปในห้องพักผู้ป่วย?”

“คุณแน่ใจไหม? ทำไมมันดูเหมือนเขาพุ่งเข้าไปในนั้นด้วยตัวเองล่ะ?”

เสียงแทรกดังมาจากในห้องพักผู้ป่วย และสิบวินาทีให้หลัง เฉินเกอก็เดินออกมาจากห้องพร้อมรอยยิ้มพึงพอใจ ถือหนังสือการ์ตูนเล่มหนึ่งเอาไว้ในมือ

“โรงพยาบาลนี่อันตรายทีเดียว พวกคุณต้องระวังนะ” เฉินเกอเก็บหนังสือการ์ตูนลงไปและเดินลึกเข้าไปในทางเดินคนเดียว พึมพำบางอย่างที่ทั้งหมอและชายขี้เมาไม่เข้าใจ “งั้น ก็เกมเล่นซ่อนหา? น่าสนใจทีเดียว เอาละ ฉันรับการท้าทายของพวกแก ฉันจะหาพวกแกทั้งหมดให้เจอ!”

ทั้งกลุ่มหยุดเดินเมื่อมาถึงชั้นสอง พื้นที่ตรงหน้าห้องพักผู้ป่วยห้องแรกตรงที่พวกเขาเลี้ยวออกมาจากช่องบันไดนั้นมีเลือดสด ๆ สาดกระจายอยู่ กระทั่งสถานที่เกิดเหตุฆาตกรรมยังดูไม่นองเลือดขนาดนี้

หมอขมวดคิ้ว เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่ง และเขาก็ยังรู้สึกไม่สบายใจเมื่อมอง ชายขี้เมานั้นตรงกันข้าม เขายกมือปิดปากเพราะว่าเขาเริ่มขย้อนอากาศออกมา

“ผีที่ในโรงพยาบาลนี่แค่ชอบเล่นเกมเท่านั้น และพวกเขาปกติก็ไม่ทำร้ายผู้คน แล้วทำไมถึงมีเลือดอยู่ในทางเดินเยอะขนาดนี้?” เฉินเกอย่อตัวลงมองรอยเลือด เขาดูเหมือนกับหมอนิติเวชที่เปี่ยมประสบการณ์สักคนทีเดียว “รอยเลือดสาดดูไม่เป็นรูปแบบเดียวกัน และยังมีเลือดมากเกินไป ไม่ว่าจะเป็นการบาดเจ็บที่ส่วนไหนของร่างกายก็ไม่มีทางสร้างสถานที่เกิดเหตุเช่นนี้ได้”

เฉินเกอใช้นิ้วก้อยแตะเลือด และเขาก็ยกขึ้นมาดมหลังจากถูปลายนิ้วดูแล้ว “นี่ไม่เหมือนกลิ่นเลือดคน”

ตอนที่เขาพูดอย่างนั้น หมอและชายขี้เมาที่ด้านหลังเขาผงะจากความกลัว ความคุ้นเคยกับเลือดคนแบบไหนกันที่ทำให้คนผู้หนึ่งสามารถแยกแยะได้ทันทีแบบนี้?

เฉินเกอลากค้อนเดินผ่านแอ่งเลือดไปอย่างเป็นธรรมชาติมาก ๆ “ไม่ต้องกลัว นี่น่าจะเป็นใครสักคนทำขึ้น ผมมักจะทำอะไรแบบนี้ในบ้านผีสิงเหมือนกัน”

มองแผ่นหลังของเขาแล้ว ชายขี้เมาและหมอก็เริ่มลังเลที่จะตามเขาไป

“มีรอยเท้าปะปนอยู่ในแอ่งเลือด และพวกมันก็ดูคล้ายกับรอยเท้าหนึ่งที่ทางเข้าโรงพยาบาล นี่หมายความว่าหนึ่งในผู้โดยสารจากรถเมล์เคยมาที่นี่มาก่อน” เฉินเกอมองไปยังรอยเท้าเลือดที่บนบันได และสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นสงสัย “มันเหมือนว่าเขาจงใจทิ้งรอยนี่เอาไว้ รอให้พวกเราตามรอยไปเจอเขา นี่จะมีกับดักรอพวกเราอยู่หรือเปล่าเพราะว่ารอยมันชัดขนาดนี้ หรืออาจจะเป็นบางคนสละรองเท้ามาวางกับดักพวกเรา?”

เฉินเกอนั้นใจเย็นมาก หลังจากให้ความเห็นแล้วเขาก็ตัดสินใจตามรอยเท้าขึ้นไปที่ชั้นสาม หลังจากรอยเท้าขึ้นไปที่ชั้นสาม พวกมันก็มุ่งหน้ายังห้องน้ำ รอยเท้านั้นมีแนวเดียว– เข้าไปแต่ไม่ได้กลับออกมา หรือพูดอีกอย่างหนึ่ง คนโง่แค่ไหนก็บอกได้ว่าเจ้าของรอยเท้าน่าจะยังแอบอยู่ในห้องน้ำ

“นี่มันชัดเจนเกินไป ผมสงสัยว่านี่จะเป็นกับดักจริง ๆ พวกคุณสองคนควรจะรออยู่ที่ด้านนอกนี่” เฉินเกอกำค้อนแล้วเข้าไปในห้องน้ำชั้นสามคนเดียว เขากระแทกประตูห้องส้วมสองสามห้องแรกเปิด แต่ว่าในนั้นไม่มีอะไร

“รอยเท้าหายเข้าไปในห้องส้วมสุดท้าย และกรรไกรก็ร่วงลงไปจากห้องน้ำชั้นสาม” เฉินเกอนั้นตื่นตัวอย่างมาก เขาไม่ได้พังประตูห้องส้วมสุดท้ายเข้าไปแต่ว่าปีนขึ้นกำแพงห้องส้วมข้าง ๆ และแอบมองเข้าไปข้างใน

มือกรรไกร ที่เต็มไปด้วยเลือด กำกระเป๋าเก่า ๆ เอาไว้แน่น เขาล้มอยู่ในห้องส้วมสุดท้าย มือของเขากดแน่นอยู่กับปากและจมูก กลัวว่าจะส่งเสียงอะไรออกไป ชายตรงหน้าเฉินเกอนั้นต่างไปจากมือกรรไกรที่เขาพบบนรถเมล์

“ความกล้าหาญของชายคนนี้น้อยกว่าที่คิดเอาไว้ แต่เขากลับกล้ามาที่เมืองหลี่ว่านเพื่อพี่ชายของเขา ถ้าได้รับการฝึกฝนเพียงพอ เขาน่าจะใช้การได้ดีทีเดียว” ดวงตาเฉินเกอมีแววชื่นชมพาดผ่าน เขาถอยออกมาจากกำแพงช้า ๆ และออกจากห้องส้วมมา เขาไม่ได้รุกเข้าหามือกรรไกร แต่ว่าเคาะบนประตูห้องส้วมห้องสุดท้ายเบา ๆ “มีใครอยู่ในนี้ไหม? ผมเป็นผู้โดยสารจากรถเมล์ และผมเห็นกรรไกรเล่มหนึ่งหล่นลงไปจากหน้าต่างเมื่อกี้นี้ ดังนั้นจึงมาดูว่ามีใครอยู่ที่นี่ไหม”

ตอนที่เสียงคุ้น ๆ ดังเข้าไปในห้องส้วม สำหรับมือกรรไกรที่คิดว่าทุกอย่างจบลงแล้ว เสียงนั่นก็ราวกับแสงแรกแห่งฤดูใบไม้ผลิ ขับไล่หมอกและละลายแม่น้ำที่เป็นน้ำแข็ง

มีเสียงประหลาดดังมาจากในห้องส้วม และเฉินเกอก็รู้ว่ามือกรรไกรนั้นกำลังจัดเสื้อผ้าตัวเองและปรับ ‘ท่าทาง’ เขาไม่ขัดชายคนนั้น “คุณเป็นผู้โดยสารเหมือนกันใช่ไหม ผมขอโทษที่รบกวนคุณในเวลาแบบนี้”

เฉินเกอเดินถอยหลังไป ตั้งใจให้มือกรรไกรได้ยินว่าเขาถอยออกไปแล้ว ครู่ต่อมา ประตูก็ถูกผลักเปิด และน้ำเสียงเจ้าเล่ห์ก็ดังมาจากข้างใน “แกหาฉันเจอแล้วเหรอ?”

มือกรรไกรชุ่มเลือดเดินออกมาจากห้องส้วม เขาสวมรอยยิ้มบ้าคลั่งเอาไว้บนใบหน้าไร้อารมณ์ เขายังคงพฤติกรรมแลบลิ้นเลียแผลที่บนแก้มถึงแม้ว่าแทบจะกดความเจ็บปวดที่มาจากแผลไว้ไม่ไหวแล้ว “พวกเราออกไปจากที่นี่กันดีกว่า มีสิ่งประหลาดมากมายอยู่ในโรงพยาบาลนี่ แกน่าจะเห็นเลือดที่สาดอยู่บนพื้นชั้นสองแล้วใช่ไหม? นั่นเป็นผลงานฉันเองตอนที่ฝ่าฝูงพวกผีที่ล้อมฉันเอาไว้เปิดทางโลหิตสายหนึ่ง”

ดวงตาของเขากลอกไปมาอย่างโกรธจัด สีหน้าของเขาน่ากลัว เฉินเกอมองมือกรรไกรตรงหน้า และเขาก็แทบจะโยงชายคนนี้เข้ากับดวงวิญญาณน้อย ๆ ที่อ่อนแอและสิ้นหวังที่เขาเห็นในห้องส้วมก่อนหน้านี้ไม่ได้เลย

“หยุดจ้องตาฉันได้แล้ว มันอันตรายมาก” มือกรรไกรคว้ากระเป๋าด้วยมือหนึ่งแล้วหัวเราะเหี้ยมออกมา บางทีคงเพราะว่าเขานั่งยอง ๆ อยู่นานเกินไปที่ในห้องส้วมนั่น ขาของเขาอ่อนยวบราวกับเส้นหมี่ และมันก็ทำให้เขาเดินกะเผลก

“ผมเข้าใจ พวกเราออกไปจากที่นี่ดีกว่า” เฉินเกอไม่ได้เดินเข้าไปช่วยพยุงมือกรรไกร ‘ฆาตกร’ ล้วนเป็นหมาป่าเดียวดาย และหมาป่าเดียวดายย่อมไม่ต้องการความช่วยเหลือ “นี่ กรรไกรของคุณ ผมเจอมันอยู่ด้านนอกโรงพยาบาล”

รับอาวุธของตัวเองกลับไปแล้วสายตาของมือกรรไกรก็คมกริบยิ่งกว่าเดิม “ดีมาก หากไม่เพราะผีร้ายพวกนั้นทำให้ฉันเสียกรรไกรของฉันไประหว่างการต่อสู้สุดท้าย พวกมันก็คงได้เสียใจไปแล้วที่มาเจอฉันเข้า”

“เข้าใจแล้ว ผมเชื่อคุณ” เฉินเกอลากค้อนเดินออกไปจากห้องน้ำ มันเสียดสีกับพื้นเกิดเสียงที่ทำให้สันหลังเย็นวาบ “อันที่จริง พวกเราก็ไม่ได้ต่างกันนัก พวกเราทั้งคู่ล้วนมีอดีตที่ไม่ต้องการพูดถึง และผมเองก็มาที่นี่เพื่อตามหาคนสองคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตผม”