บทที่ 2317 โทษทัณฑ์ / บทที่ 2318 โทษทัณฑ์ 2

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 2317 โทษทัณฑ์

คนผู้นั้นสวมเสื้อคลุมสีไผ่มรกต บนหน้าสวมหน้ากากทรงผีเสื้อหลากสีสันไว้ เผยนัยน์ตาดอกท้อที่ส่องประกายข้างหนึ่ง หน้าตายิ้มแย้มมาตั้งแต่กำเนิด ยามที่มองดูคนมักจะแฝงท่าทางสนอกสนใจเอาไว้เสมอ…

ในมือโบกพัดขนห่านอันหนึ่งดูพิลึกพิลั่นยิ่งนัก เป็นชายชุดไผ่คนนั้น

จุดที่เขาปรากฏตัวเจ้าเล่ห์อย่างยิ่ง เบียดอยู่เยื้องไปทางซ้ายของกู้ซีจิ่ว หากว่าตี้ฝูอียังจับนางไว้อีก ถูกเขาเบียดเข้ามาเช่นนี้ ก็จะยื้อยุดกันจนข้อแขนนางหลุด!

ดังนั้นตี้ฝูอีจึงทำได้เพียงปล่อยมือ

กู้ซีจิ่วถือโอกาสถอยกรูดไป เว้นระยะห่างกับเขา อยู่ห่างจากการไขว่คว้าของเขา

เมื่อชายชุดไผ่ผู้นี้ปรากฏตัว แทบทุกคนที่อยู่ในพื้นที่ต่างลอบสูดหายใจลึกๆ เฮือกหนึ่ง

ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นเขา!

ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะแล่นออกมายุ่งเรื่องชาวบ้านด้วย!

ชายชุดไผ่ผู้นี้เป็นคนพิลึกคนหนึ่งของอาณาจักรมาร ไม่ชอบแก่งแย่งชิงอำนาจ แต่วรยุทธ์สูงส่งเลิศล้ำ เรียนรู้ศาสตร์วิชาเบ็ดเตล็ดมากมาย มีสมญานามว่าคุณชายไผ่ขจี

ยามที่ขุมกำลังต่างๆ ของอาณาจักรต่อสู้ชิงอำนาจกัน อุปราชมารน้อยใหญ่เหล่านั้นต่างคิดดึงตัวเขามาเข้าพวก ต้องการใช้งานเขา ผลคือคนผู้นี้ไม่ไว้หน้าเลยสักคน ผู้ใดมาเชิญก็ไม่ไป

ด้วยหลักการที่ว่าอัจฉริยะที่ข้าใช้การได้ถึงจะเป็นยอดคน หากข้าไม่อาจใช้งานได้ก็ควรสังหารเสีย อุปราชมารเหล่านั้นเชื้อเชิญเขาไม่ได้ เกรงว่าเขาจะถูกอุปราชมารตนอื่นชักจูงไป จึงส่งคนมากำจัดเขา ผลคือคนที่ถูกส่งมาประหนึ่งซาลาเปาที่เข้าปากสุนัข ไม่เคยได้กลับไปเลย

เพียงแต่คนเหล่านั้นก็ไม่หายสาบสูญไป แต่ถูกห้อยไว้ในดงไผ่ของอาณาจักรมาร ห้อยต่องแต่งอยู่บนกิ่งไม้ปานเนื้อแห้งตากลม แต่ละคนหน้าตาอัปลักษณ์ชวนสยอง ข่มขวัญคนได้ยอดเยี่ยมนัก ไปๆ มาๆ เช่นนี้ ก็ไม่มีใครกล้าคิดทำร้ายเขาอีก

ปล่อยให้เขาลอยชายอยู่ในอาณาจักรมาร ขอเพียงเขาไม่ก่อเรื่องก็พอแล้ว

ตอนที่ตี้ฝูอีบุกตะลุยอยู่ในอาณาจักรมาร ย่อมเคยได้ยินชื่อของคนประหลาดผู้นี้อยู่เช่นกัน เพียงแต่เขาไม่สนใจอีกฝ่าย และสั่งการลูกน้องตนไม่ให้ไปยุแหย่หาเรื่องอีกฝ่าย ทำเหมือนอีกฝ่ายไม่มีตัวตนก็พอ

ด้วยเหตุนี้ คุณชายไผ่ขจีที่ถูกมองว่าเป็นตัวปัญหามาโดยตลอดจึงถูกมองข้ามไปอย่างสิ้นเชิง…

คุณชายไผ่ขจีเคยไปหาตี้ฝูอีอยู่หนหนึ่ง เล่ากันว่าคุณชายไผ่ขจีสนใจในตัวตี้ฝูอียิ่งนัก อยากจะประชันกับเขาดูสักยก ผลคือตี้ฝูอีไม่แยแสเขาเลย และไม่รับคำท้าประลองของเขาด้วย หมางเมินเช่นนี้เสมอ

หลังจากตี้ฝูอีก่อตั้งเมืองหลวงแห่งนี้ขึ้น เขาก็ย้ายมาด้วย พำนักอยู่ในป่าไผ่แห่งหนึ่งทางตะวันออกของเมือง

คนผู้นี้พิลึกพิลั่นนัก ไม่ออกมาจากป่าไผ่ง่ายๆ แถมป่าไผ่ทุกแห่งที่เขาอาศัยอยู่ก็จะกลายพันธุ์ไปหมด ต้นไผ่เรียวยาวล้วนเหี่ยวแห้งกลายเป็นต้นไผ่พิสดาร มีเพียงตัวคนเท่านั้นที่เขียวขจีอยู่ท่ามกลางดงไผ่

ป่าไผ่ของเขาเป็นเขตหวงห้ามมิให้ผู้ใดบุกรุก หากบุกรุกเข้าไปมีความเป็นไปได้เกือบสิบส่วนที่จะไม่ได้กลับมาอีก ถูกฝังอยู่ใต้ดินกลายเป็นปุ๋ยให้ต้นไผ่

ชาวมารในเมืองยังคงกริ่งเกรงเขายิ่งนัก พยายามไม่ไปเดินแถวดงไผ่ทางตะวันออกของเมือง เลี่ยงไม่ให้ไปยั่วยุจนเขามาเอาชีวิตน้อยๆ ไป บางครั้งเขาก็ไปดื่มชาจิบสุราที่ร้านอาหารโรงน้ำชาในเมืองบ้างเป็นครั้งคราว เนื่องจากการแต่งกายอันเป็นเอกลักษณ์ของเขา ประชาชนส่วนใหญ่จึงจดจำเขาได้

บัดนี้พอเห็นเขาปรากฏตัวขึ้นมา ล้วนตกใจกันถ้วนหน้า พากันถอยห่างไปหลายก้าว

เหล่าองครักษ์ที่อยู่รอบข้างเข้ามาห้อมล้อมรอบกายนายตน ตั้งท่าเตรียมพร้อม

คุณชายไผ่ขจีกลับซื่อตรงนัก มาอย่างรวดเร็ว และจากไปอย่างรวดเร็วด้วย!

หลังจากเขาโผล่ออกมาอย่างครึกโครม เอ่ยเพียงประโยคนั้นออกมา จากนั้นพลันสะบัดแขนเสื้อ ประตูบานหนึ่งปรากฏขึ้นด้านหลังกู้ซีจิ่วทันที การถอยของกู้ซีจิ่วเป็นการถอยตรงเข้าสู่ประตูบานนั้น หายลับไปในพริบตา

ตี้ฝูอีตะลึงงัน

ยามที่ประตูปรากฏขึ้นมาเขาพลันถลาเข้าไป คิดจะดึงกู้ซีจิ่วออกมา

แต่คุณชายไผ่ขจีกลับเร็วกว่าเขาก้าวหนึ่ง

————————————————————————————-

บทที่ 2318 โทษทัณฑ์ 2

แต่คุณชายไผ่ขจีกลับเร็วกว่าเขาก้าวหนึ่ง หัวเราะฮ่าๆ เรือนกายเปล่งแสงวูบ สกัดทางตี้ฝูอีไว้ ซัดฝ่ามือใส่ใส่หน้าอกตี้ฝูอี! ไม่ทราบว่าเจตนาหรือบังเอิญ ฝ่ามือนี้ของเขาซัดไปทางเด็กน้อยที่อยู่ในอ้อมแขนของตี้ฝูอีพอดี…

“ต่ำช้า!”

ตี้ฝูอีย่อมไม่ปล่อยให้เขาซัดโดน เอนหลังแวบ หลบหลีกกระแสฝ่ามือของอีกฝ่าย ขณะเดียวกันก็ตวัดข้อมือ ตั้งรับฝ่ามือของอีกฝ่ายไว้

เกิดเสียงดัง ‘ปัง!’ สองฝ่ามือปะทะกันกลางอากาศ คนทั้งสองต่างเซถอยไปหลายก้าว

“ฮ่าๆๆ น่ายินดีนัก! วันนี้ในที่สุดก็บีบให้เจ้าออกกระบวนท่าได้! ถ้ามีฝีมือเจ้าก็ตามมาสิ!”

คุณชายไผ่ขจีหัวเราะดังลั่น แล้วถอยเข้าสู่บานประตูที่เปิดอ้าบานนั้น…

ประตูบานนั้นดูเก่าแก่ เขียวชอุ่มชุ่มชื่น ตั้งอยู่ตรงนั้น ผุดผาดดั่งคนรัก ทอประกายพร่างพราว ราวกับจะล่อให้คนเข้าไป

เหล่าชาวมารนึกว่าองค์ราชันย์ของพวกเขาจะกระโจนเข้าไปโดยไม่ลังเลเลยเสียอีก กลับคาดไม่ถึงว่าเขาจะอุ้มเด็กน้อยยืนสง่าอยู่ตรงนั้น ไม่มีทีท่าว่าจะตามไปเลย

มีเสียงหัวเราะแผ่วเบาของคุณชายไผ่ขจีแว่วออกมาจากด้านในประตู พลางเอ่ยคาดเดาอย่างแฝงเจตนามุ่งร้าย

“ไม่กล้าตามมารึ? ที่แท้ท่านราชันย์มารก็ต้องการเพียงลูกไม่ต้องการแม่นี่เอง…”

น้ำเสียงตี้ฝูอีเรียบเฉย

“ในเมื่อนางไม่ต้องการรั้งอยู่ข้างกายเปิ่นจวิน ซ้ำยังตอบรับเงื่อนไขของเจ้าขอให้เจ้าช่วยเหลือแล้วมิใช่หรือ? พวกเจ้าเจรจาตกลงกันเองแล้ว เปิ่นจวินก็มิจำเป็นต้องติดตามไป”

“ฮ้า ช่างสมกับเป็นท่านราชันย์มาร ไร้เยื่อใยโดยแท้!”

คุณชายไผ่ขจีหัวเราะเบาๆ ไม่เอ่ยอะไรต่ออีก

ประตูบานนั้นก็เลือนหายไปเช่นกัน ในอากาศเหลือเพียงกลิ่นหอมสดชื่นจางๆ ของลำไผ่

ประชาชนมองหน้ากันเหลอหลา ในใจก็สันนิษฐานเช่นเดียวกับคุณชายไผ่ขจี ที่แท้องค์ราชันย์ก็อยากรั้งตัวแม่ไว้เพื่อลูกจริงๆ ด้วย ตอนนี้ลูกอยู่ในมือเขาแล้ว แม่เด็กก็ไม่จำเป็นขนาดนั้นอีกต่อไปแล้ว

ผนวกกับองค์ราชันย์ไม่ลงรอยกับคุณชายไผ่ขจียิ่งนักเสมอมา

ส่วนสตรีนางนั้นก็ตอบรับเงื่อนไขที่คุณชายไผ่ขจียื่นให้เพื่อให้ช่วยพาหนี นั่นแสดงให้เห็นว่านางก็ไม่ได้มีความรู้สึกต่อองค์ราชันย์สักเท่าใดเช่นกัน…

บางทีระหว่างองค์ราชันย์กับนางอาจจะเป็นเพียงความเผลอไผลชั่วขณะ มิใช่ใจจริงกระมัง…

เพียงเพิ่มบุตรมาคนหนึ่งเท่านั้น

บัดนี้องค์ราชันย์ได้บุตรชายคืนมาแล้ว ในเมื่อแม่เด็กไม่เต็มใจจะอยู่รั้งอยู่เช่นนั้นก็ปล่อยนางไปเสีย

ต้องเป็นเช่นนี้แน่นอน!

องค์หญิงย่วนย่วนที่เดิมทีสิ้นหวังไปแล้ว ยามนี้กลับมีความหวังเล็กน้อยผุดขึ้นในใจอีกครั้ง ก้าวเข้าไปหาตี้ฝูอีสองก้าว มองไปที่เด็กคนนั้น ทำให้ตนคลี่ยิ้มดุจบุปผา

“พี่ใหญ่ ที่แท้เขาก็เป็นลูกของท่าน มิน่าเล่าถึงได้เฉลียวฉลาดปานนี้ พี่ใหญ่วางใจเถิด ลูกของท่านก็เป็นลูกของข้าด้วย ข้าจะรักถนอมเขาให้มาก…”

พูดยังไม่จบก็ต้องหุบปากลง เนื่องจากในที่สุดตี้ฝูอีก็มองมาที่นางแล้ว

แววตาเขาเยียบเย็น รอยยิ้มตรงมุมปากก็เย็นชา

“ลูกของเปิ่นจวินคือลูกของเจ้างั้นหรือ? ต้องการความรักถนอมจากเจ้าด้วยรึ?”

องค์หญิงย่วนย่วนหน้าซีดทันที ถอยหลังไปก้าวหนึ่ง ฝืนยิ้มแล้วเอ่ยว่า

“ม..ไม่ใช่ น้อง น้องแค่….”

ตี้ฝูอีหันไปมองนางแวบหนึ่ง กล่าวขึ้นช้าๆ

“อันที่จริงเปิ่นจวินประหลาดใจอยู่บ้าง เปิ่นจวินไปขอเจ้าแต่งงานตั้งแต่ยามใดกัน?”

เดิมทีฝูงชนที่มุงดูอยู่พากันแยกย้ายไปแล้ว ทันทีที่ได้ยินประโยคนี้ขององค์ราชันย์ ก็พากันยืนนิ่งอยู่ที่เดิมอีกครั้ง เงี่ยหูฟังเรื่องซุบซิบ

ใบหน้างดงามของย่วนย่วนแดงเถือก

“น…น้อง…น้องไม่ได้พูดเช่นนั้น เป็นบ่าวไพร่…เป็นบ่าวไพร่ที่คาดเดาไปส่งเดช…

ขายสาวใช้คนสนิทของตนออกไปในทันที

ตี้ฝูอีเหลือบมองนางกำนัลเย่ที่ตกใจจนหน้าซีดเผือดแล้วแวบหนึ่ง สุ้มเสียงเรียบเฉย

“มีฐานะเป็นบ่าวไพร่ กลับพูดจานินทาเจ้านาย สังหารเสียเถอะ”

นางกำนัลเย่สะดุ้งโหยงคุกเข่าลงเสียงดังตุบ

“องค์ราชันย์ทรงไว้ชีวิตด้วย…”