บทที่ 2319 โทษทัณฑ์ 3 / บทที่ 2320 โทษทัณฑ์ 4

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 2319 โทษทัณฑ์ 3

นางกำนัลเย่สะดุ้งโหยงคุกเข่าลงเสียงดังตุบ

“องค์ราชันย์ทรงไว้ชีวิตด้วย…”

โขกศีรษะร้องขอชีวิตไม่หยุด

ตี้ฝูอีไม่สนใจ นางกำนัลจึงหันไปขอร้ององค์หญิงย่วนย่วนตามสัญชาตญาณ อยากให้นางช่วยพูดแทนตน

ใบหน้าเฉิดฉันขององค์หญิงย่วนย่วนเดี๋ยวเขียวเดี๋ยวซีด นางกำนัลเย่เป็นคนสนิทของนาง และเป็นแขนขาให้นาง แถมยังจงรักภักดีต่อนางด้วย นางหักใจสังหารนางไม่ลง…

นางก้าวเข้าไปหา

“พี่ใหญ่…”

คิดจะขอความเมตตาให้นางกำนัลเย่

ตี้ฝูอีมองนางอย่างยิ้มมิเชิงยิ้มแวบหนึ่ง

“อะไร? เจ้าต้องการจัดการบ่าวของเจ้าเองหรือ? ก็เอาสิ เปิ่นจวินยกนางให้เจ้า ย่วนย่วน อย่าได้ทำให้เปิ่นจวินผิดหวัง…”

วาจานี้ของเขาคล้ายแฝงความนัยอันลึกล้ำไว้ องค์หญิงย่วนย่วนแข็งทื่อไปแวบหนึ่ง เม้มปากแน่น

นางกำนัลเย่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก คุกเข่าลงตรงแทบเท้านาง

“องค์หญิง บ่าวทราบความผิดแล้ว วันหน้าจะปรับปรุง…”

นางกล่าวประโยคนี้ยังไม่จบก็ผงะอยู่ตรงนั้นแล้ว!

ทวนนิ้ว[1]ที่ส่องประกายเย็นเยียบเล่มหนึ่งเสียบเข้าที่อกนาง ทะลุออกด้านหลัง เสียบทะลวงหัวใจของนาง!

นางเบิกตากว้าง มององค์หญิงที่ตนซื่อสัตย์ภักดีด้วยเสมอมา ดวงตาเปี่ยมความความตกตะลึงเหลือเชื่อ

องค์หญิงย่วนย่วนอยู่ใกล้นางยิ่งนัก เอ่ยกระซิบริมหูนาง

“เจ้าจากไปอย่างสบายใจเถิด เราผู้เป็นองค์หญิงจะเลี้ยงดูครอบครัวเจ้าเอง…”

นางกำนัลเย่ค่อยๆ ทรุดลงไป กองอยู่ท่ามกลางฝุ่นธุลี ชักอยู่สองสามครั้ง แล้วแน่นิ่งไป

ความจริงแล้วนางเป็นเด็กกำพร้า ไม่มีครอบครัวที่ต้องเลี้ยงดู…

องค์หญิงย่วนย่วนชักทวนนิ้วของตนออกมา โลหิตอุ่นร้อนกระฉูดออกมาจากทรวงอกของอีกฝ่าย กระเด็นเปื้อนหว่างคิ้วนาง นางใช้มือถูอย่างแรง ปลายนิ้วสั่นระริกเล็กน้อย

ถึงอย่างไรก็เป็นการลงมือสังหารคนที่ภักดีต่อตนมากที่สุด ในใจของนางจึงมีความรู้สึกแปลกๆ อยู่เช่นกัน…

เมื่อเงยหน้าขึ้น มองเห็นตี้ฝูอียืนอยู่ไม่ไกล มือข้างหนึ่งบังดวงตาของทารกน้อยในอ้อมแขนไว้ กำลังมองนางอย่างเฉยชา

สายตานั้นคล้ายว่าจะไม่มีความอบอุ่นใดอยู่เลย ทำให้หัวใจนางพลันหนาวสะท้าน เส้นขนทั่วร่างลุกชันขึ้นมา…

จู่ๆ นางก็หวนนึกถึงท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายในอดีตที่สามารถกระทำการอย่างไร้ขีดจำกัดได้เสมอขึ้นมา วิธีการก็โหดเหี้ยมอำมหิต ระหว่างที่พูดคุยยิ้มหัวอยู่ก็สามารถสังหารคนได้อย่างไร้ซึ่งสัญญาณบอกเหตุ หาใช่สุภาพชนไม่ ไม่เห็นผู้ใดอยู่ในสายตา ตอนนั้นถึงแม้นางจะชอบเขาจนคลั่งแล้ว แต่ก็ยังกลัวเขามากอยู่ดี!

เพียงแต่หนึ่งปีมานี้เขาดีต่อนางยิ่งนัก และอ่อนโยนยิ่งนักเสมอมา ทำให้นางหลงลืมนิสัยในการจัดการเรื่องราวของเขาไป…

“พ…พี่ใหญ่…”

เสียงนางก็สั่นเช่นกัน

“น้อง…เป็นน้องที่อบรมไม่เข้มงวด จัด…จัดการนางไปแล้ว”

ตี้ฝูอียิ้มบางๆ แวบหนึ่ง เป็นรอยยิ้มที่คลุมเครือนัก

“เปิ่นจวินนึกว่าเจ้าจะปล่อยนางไปเสียอีก ถึงอย่างไรนางก็ภักดีต่อเจ้าเสมอมา”

องค์หญิงย่วนย่วนตะลึงงัน น้ำตาคลอเบ้า

“ย่วนย่วนก็หักใจจากนางไม่ลง…แต่ถึงอย่างไรนางก็ทำผิดใหญ่หลวง น้องจึงทำได้เพียง…ทำได้เพียง…”

ตี้ฝูอียิ้มแล้ว

“ย่วนย่วน เจ้ามีเมตตามาโดยตลอด ปฏิบัติต่อบ่าวไพร่อย่างอ่อนโยน ที่เปิ่นจวินยกนางให้เจ้า อันที่จริงก็เป็นการมอบโอกาสรอดให้นาง นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะสังหารนาง…”

ย่วนย่วนนิ่งงัน

ชาวมารที่มุงดูอยู่มองนางด้วยสายที่พิกลอยู่บ้าง…

เดิมทีทุกคนคิดว่าที่นางลงมือปองร้ายสัตว์วิเศษและบุตรของผู้อื่นนั้น เป็นเพราะแรงหึงหวงของอิสตรี ถึงทำให้นางกลายเป็นคนโหดเหี้ยมเช่นนี้ นับว่าพอเข้าใจได้ แต่ธาตุแท้มิใช่คนเลวร้าย ยังคงเป็นองค์หญิงผู้ใจดีมีเมตตา

กลับคาดไม่ถึงเลยว่านางจะลงมือสังหารข้ารับใช้ที่จงรักภักดีเพื่อให้ตนพ้นผิดได้!

ถึงแม้การพูดนินทาของนางกำนัลเย่จะเป็นความผิด แต่ฟังจากบทสนทนาของสองนายบ่าวแล้ว เห็นได้ชัดว่าเป็นองค์หญิงย่วนย่วนผู้นี้แสร้งทำให้คนอื่นจินตนาการไปเช่นนี้ มิเช่นนั้นนางกำนัลคงไม่เข้าใจไปแบบนี้…

ถ้าพูดถึงความผิด องค์หญิงผู้นี้ย่อมผิดยิ่งกว่า เพียงโยนเคราะห์กรรมไปให้นางกำนัลเท่านั้น…

————————————————————————————-

บทที่ 2320 โทษทัณฑ์ 4

ไม่นึกเลยว่าองค์หญิงผู้นี้จะไร้ความปราณีได้เช่นนี้!

ถึงแม้เหล่าชาวมารจะไม่ได้พูดอะไร แต่ในใจเริ่มเดียดฉันท์ในตัวองค์หญิงผู้นี้ขึ้นมาแล้ว…

แม้กระทั่งเหล่านางกำนัลข้ารับใช้ที่ติดตามอยู่ข้างกายนางเหล่านั้นก็อดไม่ได้ที่ถอยออกไปสองสามก้าว เว้นระยะห่างจากนาง

ตี้ฝูอีมองนางอีกแวบหนึ่ง น้ำเสียงเอื่อยเฉื่อย

“ย่วนย่วน ในสายตาเจ้า เปิ่นจวินเป็นอะไรกับเจ้า?”

ย่วนย่วนก้มหน้าลง

“ท่าน…ท่านเป็นพี่ใหญ่ของข้า…”

ตี้ฝูอีพยักหน้านิดๆ

“ที่แท้เจ้าก็ทราบดีว่าเปิ่นจวินเป็นพี่ใหญ่ของเจ้า…เช่นนั้นก็อย่าได้คิดเป็นอื่นอีก!”

ใบหน้าของย่วนย่วนร้อนฉ่า ศีรษะแทบจะมุดลงดินแล้ว

“ทราบแล้ว…”

“เจ้าเคยดูแลเปิ่นจวินอยู่เกือบเดือน เป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตเปิ่นจวินไว้ บุญคุณช่วยชีวิตควรทดแทนดุจสายนที จึงรับเจ้าเป็นน้องสาวของเปิ่นจวิน เอ็นดูเจ้าห่วงใยเจ้า ให้เจ้าไม่ต้องโดนผู้อื่นหยามหมิ่นอีก เอ็นดูเจ้าเหมือนน้องสาวแท้ๆ ตอบแทนน้ำใจของเจ้า แต่ก็มีเพียงเท่านี้”

“ทราบแล้ว…”

ย่วนย่วนปรารถนาจะหาซอกหลืบแล้วมุดเข้าไปยิ่งนัก

“เป็นน้องที่ผิด…ผิดไปแล้ว”

ตี้ฝูอีไม่สนใจนางอีก มองดูทารกน้อยในอ้อมแขน หนูน้อยมองเขาอยู่ตลอด ดวงตากระจ่างแวววาวดุจแก้วผลึก

ตี้ฝูอีชะงักไปแวบหนึ่ง เดิมทีเขาคิดจะใช้วิธีอื่นมาจัดการย่วนย่วนอีก แต่พอมองดวงตาที่ใสกระจ่างถึงเพียงนี้ของเด็กน้อย ทั้งรู้สึกว่าไม่อาจทำเกินเลยไปได้ ไม่อยากให้เด็กน้อยเห็นวิธีการอันดำมืดของเขา จึงอุ้มเขาหมายจะออกเดิน

จู่ๆ หนูน้อยก็แบมือน้อยๆ ที่กำเอาไว้ตลอดออกมา บนฝ่ามือเขามีรอยแดงจางๆ สายหนึ่งอยู่ คล้ายถูกสิ่งใดรัดจนเป็นรอย

หนูน้อยยื่นมือมาตรงหน้าเขา มองตาละห้อย

“เจ็บ…ฮึกๆ…”

เขามองแวบเดียวก็รู้แล้วว่าแผลนี้ได้มาจากตาข่ายฟ้าดิน สีหน้าตี้ฝูอีครึ้มลงไป ทายาที่แผลให้เขาไปพลาง เอ่ยถามลูกน้องคนสนิทไปพลาง

“เปิ่นจวินมอบตาข่ายฟ้าดินให้เจ้าเพื่อให้เจ้าใช้จับคนร้ายที่ทำชั่ว ใครให้เจ้านำมันไปใช้กับเด็กน้อย?!”

ลูกน้องคนนั้นเป็นคนสนิทของตี้ฝูอี และถูกองค์หญิงย่วนย่วนหยิบยืมตัวมาในครั้งนี้ด้วย

ตอนที่องค์หญิงย่วนย่วนส่งคนมาขอความช่วยเหลือ ตี้ฝูอีกำลังปิดด่านอยู่

ซ้ำผู้ที่มายังพูดจาน่าสงสาร บอกว่าจวนองค์หญิงถูกปล้นทรัพย์ ถูกขโมยทรัพย์สิน องค์หญิงเกรงว่ากำลังคนจะไม่พอ ดังนั้นจึงให้มาเชิญองครักษ์ของตำหนักราชันย์มารไปช่วยเหลือ…

เนื่องจากองค์หญิงที่ได้รับความเอ็นดูเป็นที่สุดมาขอหยิบยืม คนสนิทผู้นี้ย่อมรับหน้าที่จัดการ เรียกยอดฝีมือมาแปดนาย ติดตามมาด้วย ซ้ำยังนำตาข่ายฟ้าดินมาด้วย

องค์หญิงต้องการใช้เป็นการส่วนตัว เขาก็ไม่ได้ปฏิเสธ มอบมันให้องค์หญิงยืมไป…

ก่อให้เกิดความผิดมหันต์เช่นนี้ขึ้น!

ตาข่ายเกือบจะเอาชีวิตของนายน้อยแล้ว!

ความผิดโทษฐานนี้ใหญ่หลวง คนสนิทผู้นี้เริ่มนึกเดียดฉันท์องค์หญิงขึ้นมาแล้ว ย่อมไม่คิดจะแบกรับความผิดแทนนาง รีบบอกเล่าต้นสายปลายเหตุออกมาอย่างชัดเจน

ตี้ฝูอีฟังด้วยสีหน้าเรียบเฉย

องค์หญิงย่วนย่วนกลับอกสั่นขวัญแขวนขึ้นมาแล้ว รีบคุกเข่าลง

“พี่ใหญ่ ย่วนย่วนไม่ได้คิดจะทำร้ายเด็ก เดิมทีย่วนย่วนคิดจะใช้มันจับตัวหวาซวี่เยวี่ย ไม่นึกเลยว่า…”

ตี้ฝูอีหรี่ตาลงเล็กน้อย แย้มยิ้ม รอยยิ้มนี้เยียบเย็น

“ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ย่วนย่วน เจ้าใช้ตาข่ายนี้ทำร้ายเฮ่าเอ๋อร์ เฮ่าเอ๋อร์เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเปิ่นจวิน และเป็นเจ้านายองค์น้อยของอาณาจักรมาร สูงศักดิ์ไร้ใดเทียม ในเมื่อเจ้าใช้ตาข่ายนี้ทำร้ายเขา ก็ต้องได้รับโทษทัณฑ์กันหน่อย ถึงจะยุติธรรม”

องค์หญิงย่วนย่วนตระหนกแล้ว!

ถอยหลังไปทันที

“ท…โทษทัณฑ์ใด?”

“เช่นเดียวกับเฮ่าเอ๋อร์”

ตี้ฝูอีพลันสะบัดแขนเสื้อ ตาข่ายฟ้าดินที่อยู่บนพื้นลอยขึ้นมา คลี่คลุมองค์หญิงย่วนย่วนไว้ด้านใน…

องค์หญิงย่วนย่วนไม่มีความสามารถพิเศษเฉกเช่นทารกน้อย ที่อยู่ในตาข่ายฟ้าดินได้โดยไม่บุบสลาย ทั้งร่างนางปานถูกเข็มเหล็กนับหมื่นพันทิ่มแทงไปทั่วทั้งบนล่าง

————————————————————————————-

[1] ทวนนิ้ว เป็นอาวุธที่ใช้กันในช่วงยุคปลายของราชวงศ์หมิง มีลักษณะคล้ายทวนขนาดเล็ก มีปลายแหลมที่หัวท้าย ตรงกลางมีแหวนสำหรับใช้สวมติดนิ้วไว้ นับเป็นสนับมือประเภทหนึ่งได้