บทที่ 2321 โทษทัณฑ์ 5 / บทที่ 2322 เจ้าตัวแสบของบ้านใด 2

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 2321 โทษทัณฑ์ 5

ทั้งร่างนางปานถูกเข็มเหล็กนับหมื่นพันทิ่มแทงไปทั่วทั้งบนล่าง เจ็บปวดจนต้องกลิ้งเกลือกอยู่ในตาข่ายฟ้าดิน ผ่านไปครู่หนึ่งก็กรีดร้องโหยหวน…

ตี้ฝูอีไม่มองนางอีก หันไปถามคนสนิทผู้นั้น

“ตอนที่เปิ่นจวินมอบตาข่ายฟ้าดินให้เจ้าเคยกล่าวไว้อย่างไร?”

ศีรษะของคนสนิทผู้นั้นชุ่มไปด้วยเหงื่อ

“องค์ราชันย์ตรัสว่าตาข่ายผืนนี้ใช้จับกุมเพียงคนร้ายที่มีโทษมหันต์ ให้ผู้อื่นหยิบยืมไม่ได้เด็ดขาด หากว่าฝ่าฝืน ให้หิ้วหัวมาเข้าเฝ้า…”

“หวาซวี่เยวี่ยเป็นคนร้ายที่ทำชั่วหรือ?”

“ม…มิใช่พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมผิดไปแล้ว ยอมตายเพื่อชดใช้ความผิดพ่ะย่ะค่ะ!”

คนสนิทหยิบดาบขึ้นมาหมายจะบั่นคอในทันใด!

ตี้ฝูอีดีดนิ้วคราหนึ่ง คมดาบเบี่ยงออกจากลำคอเขา เอ่ยอย่างเฉยเมย

“วันนี้เห็นแก่ที่เจ้าภักดีต่อเปิ่นจวินเสมอมา จะไว้ชีวิตเจ้าสักครั้ง! ตัดมือชดใช้ความผิดเสียเถอะ ถ้าวันหน้าทำผิดอีก จะไม่ผ่อนปรนเด็ดขาด!”

คนสนิทผู้นั้นเก็บชีวิตกลับมาได้ ย่อมโขกศีรษะขอบคุณ ตัดมือข้างหนึ่งทิ้งจริงๆ

กลยุทธ์เชือดไก่ให้ลิงดูในครั้งนี้ของตี้ฝูอียอดเยี่ยมนัก เหล่าองครักษ์มารคนสนิทที่เหลือต่างเงียบกริบปานจักจั่นยามเหมันต์ ไม่กล้าละเมิดคำสั่งของท่านราชันย์มารผู้นี้อีกทั้งในทางลับทางแจ้ง ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด

ยามที่ตี้ฝูอีจะจากไปได้กวาดตามององค์หญิงย่วนย่วนที่ร้องโหยหวนอยู่ในตาข่ายฟ้าดินแวบหนึ่ง เอ่ยสั่งการ

“เฮ่าเอ๋อร์อยู่ในตาข่ายนานเท่าใด ก็ให้นางอยู่นานเท่านั้นเถิด พอครบเวลาแล้วค่อยปล่อยตัวนาง…”

“พ่ะย่ะค่ะ!”

ตี้ฝูอีอุ้มหนูน้อยจากไปแล้ว แต่กลับไม่มีผู้ใดกล้าหย่อนยานต่อคำสั่งของเขาอีก

องค์หญิงย่วนย่วนดิ้นรนกรีดร้องอยู่ในตาข่ายผืนนั้นยี่สิบนาทีเต็มๆ ถึงถูกปล่อยออกมา พอปล่อยออกมาแล้วทั้งร่างคนล้วนย่ำแย่ไปหมด บั่นทอนชีวิตไปกว่าครึ่งแล้ว จะลุกก็ลุกไม่ขึ้น…

….

ภายในตำหนักมาร

ตี้ฝูอีจ้องตาหนูน้อยที่อยู่บนเตียงหลังเล็ก

แววตาตี้ฝูอีพินิจใคร่ครวญ แววตาหนูน้อยกระจ่างใสไร้เดียงสา สีหน้ายังดูเป็นหนูน้อยที่ว่าง่ายยิ่งนัก

ทั้งสองสบตากันเช่นนี้อยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดพ่อหนูน้อยก็ทนไม่ไหวแล้ว

“ท่านจะไม่ไปหาท่านแม่ข้าจริงๆ หรือ?”

ตี้ฝูอียิ้มแวบหนึ่ง พลันเอ่ยถามประโยคหนึ่ง

“แล้วนางใช่แม่เจ้าจริงๆ หรือ?”

ร่างเด็กน้อยแข็งทื่อไปแวบหนึ่ง

“เหตุใดจึงถามเช่นนี้?”

ตี้ฝูอีกล่าวอย่างเฉยชา

“ข้าจับชีพจรนางดูแล้ว มิใช่ชีพจรของสตรีที่เคยผ่านการคลอดบุตร เจ้าไม่ใช่บุตรของนาง เจ้าเป็นใครกันแน่?!”

หนูน้อยถอนหายใจ

“ที่แท้ท่านก็มองออกแต่แรกแล้ว กระนั้นท่านก็ยังชิงข้ามาจากนาง ยอมรับข้า ซ้ำยังประกาศต่อหน้าสาธารณชนว่าคือเจ้านายตัวน้อยของอาณาจักรมาร สูงศักดิ์ไร้ใดเทียม…”

ตี้ฝูอีแย้มยิ้ม รอยยิ้มดูอันตรายอยู่บ้าง

“เจ้าคิดว่ายังไงล่ะ?”

หนูน้อยกลอกตา

“ท่านคิดจะใช้ข้าดึงดูดความสนใจของศัตรูของท่านกระมัง?! ยอมรับข้ารักถนอมข้าต่อหน้าผู้คน ทำให้ศัตรูของท่านคิดว่าข้าคือยอดดวงใจของท่าน…ให้ข้าเข้าแทนที่ตำแหน่งขององค์หญิงย่วนย่วน ใช่หรือไม่?”

ตี้ฝูอีเลิกคิ้ว ยื่นมือไปลูบหัวเขา

“เป็นทารกน้อยที่เฉลียวฉลาดจริงๆ เปิ่นจวินชอบนัก! หากว่าเจ้าเป็นเด็กดี เปิ่นจวินจะอบรมเลี้ยงดูเจ้าให้กลายเป็นนายน้อยของอาณาจักรมาร…”

หนูน้อยเอียงหัว หลบหลีกฝ่ามือเขา “ที่แท้ท่านก็คิดจะใช้ข้าเป็นตัวล่อเป้าตัวใหม่จริงๆ ด้วย จุ๊ๆ ช่างเจ้าเล่ห์โดยแท้! ไร้คุณธรรมโดยแท้! คนที่ท่านใส่ใจจริงๆ คงจะมีเพียงท่านแม่กระมัง? เจ้ารู้สึกว่าประวัติความเป็นมาของข้าไม่แน่ชัด เกรงว่าข้าจะประสงค์ร้ายต่อนาง ดังนั้นจึงหาเรื่องแย่งตัวข้ามาเก็บไว้ข้างกาย ใช่ไหม?”

ตี้ฝูอีพินิจเขาเล็กน้อย นี่ใช่เด็กจริงๆ น่ะหรือ?

สติปัญญาเช่นนี้เกรงว่าผู้ใหญ่ก็เทียบเขาไม่ติดเลย!

“ใช่ นางไม่เคยคิดระแวงเด็กเล็กๆ เลย โดยเฉพาะก้อนแป้งที่น่ารักน่าเอ็นดูอย่างเจ้า นางยิ่งจะมอบกายถวายชีวิตให้เจ้า เจ้าขายนางไม่แน่ว่านางอาจจะช่วยเจ้านับเงินด้วยซ้ำ…ดังนั้นต้องให้เจ้ามาอยู่ข้างการเปิ่นจวินถึงจะปลอดภัยหน่อย”

….

————————————————————————————-

บทที่ 2322 เจ้าตัวแสบของบ้านใด 2

ตี้ฝูอียังคงรู้จักนิสัยของกู้ซีจิ่วเป็นอย่างดี ตอนเขายังเด็กก็เคยทำตัวน่ารักต่อหน้านางมาก่อน ผลคือนางดีต่อเขาแทบจะมอบกายถวายชีวิตให้เลย ซ้ำยังไปส่งเขากลับบ้านด้วย มอบของขวัญให้เขา…สุดท้ายยังมอบตัวเองให้เขาด้วย

เรื่องเช่นนี้จะเกิดขึ้นเป็นครั้งที่สองไม่ได้เด็ดขาด จะปล่อยให้มีคนที่สองที่ได้กำไรเช่นนี้อีกไม่ได้!

ตี้ฝูอีเพ่งพิศหนูน้อยที่อยู่เบื้องหน้าผู้นี้อย่างไม่สบอารมณ์ ดูน่ารักน่าเอ็นดูยิ่งนัก ผู้ใดจะทราบได้ว่ามิใช่มารเฒ่าไร้ยางอายอันใดจำแลงกายมา…

เขาจำได้ว่าบิดาเขาก็มีโรคประหลาดที่จะกลายเป็นเด็กน้อยอยู่ระยะหนึ่ง…

ผู้ที่อยู่เบื้องหน้านี้อาจจะเป็นโรคพิสดารเช่นเดียวกันนี้ก็ได้…

หนูน้อยกะพริบตาปริบๆ

“เจ้าระแวงข้ามากไปหน่อยหรือเปล่า? ข้ายังเดินไม่ได้ด้วยซ้ำ”

ตี้ฝูอียิ้มนิดๆ

“ใช่รึ?”

พลันดึงเขาให้ลุกขึ้นยืน จากนั้นก็ปล่อยมือ…

หนูน้อยหงายหลังลงไปบนฟูกอีกครั้งเสียงดังปุ หวิดจะหัวฟาดแล้ว!

เขาฝืนพลิกตัวกลับมา พยายามเงยหน้ามองตี้ฝูอี

“เจ้าทำอะไรน่ะ?!”

อารมณ์เสียที่เมียหนีเลยมาลงกับลูกหรือไง?!

ตี้ฝูอีก็ตกใจเช่นกัน

เขานึกว่าเด็กคนนี้เสแสร้ง ไม่นึกเลยว่าจะเดินไม่ได้จริงๆ…

“เจ้าอายุเท่าไหร่กันแน่?”

ตี้ฝูอีกอดอกมองเขา

เด็กน้อยนอนคว่ำฟุบลงบนหมอนแล้วหลับตาลง

“เรื่องนี้ยากจะพูด…”

“ยากจะพูดก็ต้องพูด!”

ตี้ฝูอีไม่ปล่อยเขาไป

หนูน้อยถอนหายใจ

“ลิขิตสวรรค์ไม่อาจแพร่งพราย”

ตี้ฝูอีพูดไม่ออกแล้ว…

เขากำมือ เขามีนับหมื่นวิธีที่จะทำให้คนพูดความจริงออกมา แต่สำหรับเด็กคนนี้แล้ว ล้วนทารุณเกินไปทั้งสิ้น เขาหักใจไม่ลง

น้อยครั้งนักที่ตี้ฝูอีจะใจอ่อน โดยเฉพาะหลังจากตรากตรำอยู่ในอาณาจักรมารมากว่าหนึ่งปีแล้ว หัวใจถูกหล่อหลอมให้แข็งแกร่งยิ่งกว่าเหล็กกล้า

ความทุกข์ยากทำให้คนเติบใหญ่ กว่าหนึ่งปีที่เขาอยู่ในแดนอสุราได้ประสบเรื่องราวมากกว่าระยะเวลาเจ็ดแปดปีที่อยู่ดินแดนเบื้องบนเสียอีก ย่อมเติบใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็วยิ่ง!

ระยะเวลาหนึ่งปีในอาณาจักรมารกว่าเขาจะไต่เต้าจากจุดต่ำสุดขึ้นมาถึงตำแหน่งในวันนี้ได้ ไม่ทราบว่าต้องพบพานพายุโลหิตมามากน้อยปานใด ใช้กลยุทธ์ที่เจ้าเล่ห์ชั่วร้ายไปมากน้อยแค่ไหน

แน่นอนว่าการกระทำของเขาก็ไร้ขีดจำกัดมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วย โหดเหี้ยมเย็นชา เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย สามารถทำได้ทุกวิถีทาง

ผู้คนมากมายเท่าใดแล้วที่ต้องล้มลุกคลุกคลานด้วยน้ำมือเขา ผู้คนมากน้อยเพียงใดแล้วที่ถูกเขากำราบจนเสียศูนย์

แต่สำหรับเด็กคนนี้ ทราบอยู่ชัดเจนว่าอีกฝ่ายค่อนข้างประหลาด ทว่าเขาทำไม่ลงอย่างน่าประหลาด…

หนูน้อยคล้ายจะตระหนักอะไรได้แล้ว ยื่นมือน้อยๆ ข้างหนึ่งไปจับแขนเสื้อเขา มองเขาอย่างจริงใจ

“ท่านวางใจเถอะ ข้าแค่แวะมาซื้อซีอิ๊วเท่านั้น ไม่มีเจตนาร้ายต่อพวกท่านทั้งสองแน่นอน มีเพียงความปรารถนาดีต่อพวกท่าน…”

ตี้ฝูอีหลุบตามองมือเล็กๆ ที่อวบขาวปานรากบัวข้างนั้น แปลกนักที่ไม่มีความรู้สึกต่อต้านอยู่เลย

หลังจากเขาโตเป็นผู้ใหญ่ ก็ยิ่งไม่ชอบให้คนเข้าใกล้ ต่อให้เป็นข้ารับใช้คนสนิทก็ไม่ยกเว้น คนที่สามารถเข้าใกล้เขาได้จริงๆ แตะเนื้อต้องตัวได้โดยที่เขาไม่รู้สึกต่อต้าน มีเพียงบิดามารดาของเขาและกู้ซีจิ่วเท่านั้น ยามนี้กลับมีหนูน้อยคนนี้เพิ่มเข้ามาอีกคน…

บนร่างเขากางเขตแดนคุ้มกายไว้ ถ้าไม่ใช่คนที่เขาไว้ใจจริงๆ ไม่มีทางเข้าถึงตัวได้

เมื่อก่อนตอนเขาบาดเจ็บหนักจนเกือบสลบไป ถูกหมาป่ากัดทึ้ง หมาป่าเหล่านั้นก็ทึ้งได้เพียงเขตแดนคุ้มกายเขา ยามที่เขตแดนคุ้มกายของเขาถูกกัดทึ้งจนแทบจะแตกออกแล้ว ย่วนย่วนก็โผล่มา ไล่หมาป่าพวกนั้นไปช่วยเขาเอาไว้…

เรื่องราวในภายหลังถึงแม้จะจำไม่ได้เนื่องจากสลบไป แต่เขาทราบชัดเจนว่าย่วนย่วนไม่สามารถเข้าใกล้เขาอย่างแท้จริง ได้ เนื่องจากตอนที่เขาฟื้นขึ้นมาเขตแดนนั้นยังอยู่…

ยามนั้นเขาฉงนยิ่งนักว่าย่วนย่วนที่อยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สามารถเข้าใกล้ตัวเขาได้ พาเขามาถึงอาณาจักรมารได้อย่างไร

หลังจากสอบถามย่วนย่วน ย่วนย่วนพลันมีสีหน้าคับข้อง