บทที่ 2323 เจ้าตัวแสบของบ้านใด 2 / บทที่ 2324 เจ้าตัวแสบของบ้านใด 3

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 2323 เจ้าตัวแสบของบ้านใด 2

หลังจากสอบถามย่วนย่วน ย่วนย่วนพลันมีสีหน้าคับข้อง บอกว่าใช้วิชาเชิดหุ่นทำให้เขาลอยอยู่ในอากาศแล้วลากไป ภายหลังพอไปถึงสถานที่ปลอดภัยแห่งหนึ่งถึงได้จ้างรถม้า เข้าสู่อาณาจักรมาร…

เขาบาดเจ็บภายใน ซ้ำยังมีคุณสมบัติพิเศษ สามารถรักษาฟื้นฟูตัวเองได้ สิ่งที่เรียกว่าเฝ้าดูแลปรนนิบัติเขาอย่างใกล้ชิดของย่วนย่วน ก็เป็นเพียงการเฝ้าอยู่ข้างกายเขาเท่านั้น

เขายังจดจำท่าทางโล่งอกของย่วนย่วนในตอนที่เขาฟื้นขึ้นมาได้ บอกว่าเคยคิดจะรักษาให้เขาแล้ว แถมยังพาเขาไปหาหมอด้วย ผลคือไม่ว่าจะเป็นนางหรือว่าหมอ ล้วนไม่อาจสัมผัสร่างเขาได้เลยสักนิด ได้แต่ยอมรามือ…

หลังจากเขาฟื้น อาการบาดเจ็บภายในดีขึ้นไม่น้อยแล้ว ผ่านช่วงที่อันตรายที่สุดมาแล้ว

ย่วนย่วนอยากรักษาให้เขา เขาไม่ยินยอม เขารักษาตัวเองก็เพียงพอแล้ว

หลังจากเขาฟื้นขึ้นมาแล้วทำการรักษาตัวเอง อาการบาดเจ็บภายในก็ดีขึ้นอย่างรวดเร็ว…

โรคไม่ชอบใกล้ชิดกับผู้อื่นของเขาเคยถูกย่วนย่วนขุ่นเคือง ถูกคนสนิทบ่นกระปอดกระแปด กล่าวว่าหากเขาบังเอิญพบพานอันตรายใหญ่หลวงเข้า คิดจะช่วยเขาล้วนต้องเหนื่อยยากนัก

เขาก็ทราบว่าโรคนี้ค่อนข้างแย่ แต่ให้เปลี่ยนแปลงในชั่วขณะก็ทำไม่ได้ มีแต่ต้องทำให้ตนแข็งแกร่งขึ้น โอกาสบาดเจ็บจะได้น้อยลงหน่อย

โชคดีที่ร่างกายของเขามีความพิเศษมาตั้งแต่เล็ก ความสามารถในการฟื้นฟูตัวเองกล้าแกร่งยิ่ง ดังนั้นนับแต่เขาเติบใหญ่มาจนถึงบัดนี้ โอกาสที่จะเกิดภัยคุกคามถึงชีวิตอย่างแท้จริงมีอยู่น้อยยิ่ง เกิดขึ้นเพียงครั้งสองครั้งเท่านั้น

เขาหลุบตามองหนูน้อย ร่างกายของเด็กคนนี้ก็พิเศษเช่นกัน

ในใจเขาฉงนคลางแคลงในตัวเด็กคนนี้อย่างยิ่ง แต่ก็ไม่ปฏิเสธการคว้าจับของเขา

มือใหญ่จับจูงมือน้อย ดูเข้ากันดียิ่ง

หรือเป็นเพราะแรกเริ่มเขาได้ยอมรับไปแล้วว่าเป็นบุตรของตน ดังนั้นจึงไม่ปฏิเสธเขา?

ตี้ฝูอีไม่พูดอะไรอีก เพียงมองดูเขา

เจ้าหนูสบตากับเขาอย่างจริงจังนัก คล้ายว่าต้องการจะแสดงให้เห็นความบริสุทธิ์ใจของตน

ทั้งสองสบตากันต่ออีกครู่หนึ่ง ตี้ฝูอีก็เอ่ยขึ้นมา

“บอกอายุไม่ได้ เช่นนั้นชื่อเล่า?”

“เฮ่าเอ๋อร์!”

ครั้งนี้เด็กน้อยเอ่ยตอบเร็วยิ่ง

“แซ่อะไร?”

“ตี้ ตี้เฮ่า” (จักรพรรดิผู้เกรียงไกร)

นามนี้ช่างสูงส่งเลิศล้ำนัก!

เอ๊ะ เขาก็แซ่ตี้หรือ?! คงมิใช่บุตรชายของเขาจริงๆ กระมัง?!

ไม่ถูกสิ เขาเคยร่วมประเวณีกับกู้ซีจิ่วเพียงคนเดียว ส่วนกู้ซีจิ่วก็ชัดเจนว่าไม่เคยให้กำเนิดบุตร เด็กน้อยคนนี้ย่อมมิใช่เชื้อไขของเขา…

เด็กคนนี้พูดศัพท์สมัยใหม่ได้ หรือว่าทะลุมิติมาเหมือนกัน?

จู่ๆ หัวใจของตี้ฝูอีก็ไม่เป็นสุขอยู่บ้าง! ปฏิเสธข้อสันนิษฐานนี้ตามสัญชาตญาณ

ท่านแม่ของเขาเป็นคนที่ทะลุมิติมา ซีจิ่วของเขาก็เป็นคนที่ทะลุมิติมาเช่นกัน คงมิใช่ว่าหนูน้อยที่โผล่ออกมาผู้นี้ก็ทะลุมิติมาเช่นกันกระมัง?!

ไหนเลยจะมีคนทะลุมิติมามากมายขนาดนี้ได้!

เขาเคลื่อนมือไปจับชีพจรของเจ้าหนูทันที ตรวจสอบชีพจรเขาอย่างละเอียด

ขมวดคิ้วนิดๆ เจ้าหนูเป็นอัจฉริยะที่ยากจะพบพานได้ รากฐานบริสุทธิ์เลิศล้ำ อายุแค่นี้พลังวิญญาณกลับบรรลุขั้นแปดแล้ว พอๆ กับตัวเขาในวัยเด็กเลย

เดิมทีตี้ฝูอียังสงสัยอยู่ว่าเขาจะเป็นแตงเฒ่าย้อมสีเขียว…แสร้งว่าอ่อนเยาว์ ดูเหมือนเด็กแต่อายุจริงกลับมากโขแล้ว

แต่พอตรวจดูอย่างละเอียด กลับพบว่ากล้ามเนื้อกระดูกและเส้นเอ็นของเขาล้วนเป็นของทารกน้อยวัยสองสามเดือนจริงๆ เยาว์วัยอย่างยิ่ง

กล่าวอีกนัยคือ อายุปัจจุบันของเด็กคนนี้คือสองสามเดือนจริงๆ

หนูน้อยปล่อยให้เขาสัมผัสอย่างใจกว้าง แสดงสีหน้าว่าในใจข้าไร้มารจึงไม่กลัวจะถูกเจ้าจับได้ออกมา

ตี้ฝูอีชักมือกลับ เขารู้สึกว่าตนก็เป็นคนเฉลียวฉลาดเช่นกัน จับจุดได้เพียงเล็กน้อยก็คาดเดาเรื่องราวได้เจ็ดแปดส่วนแล้ว แต่สำหรับเด็กน้อยที่อยู่เบื้องหน้าคนนี้ เขานึกถึงประวัติความเป็นของเขาไม่ออกเลยจริงๆ…

หนูน้อยจ้องมองเขา

“ท่านพ่อ…”

ตี้ฝูอีตัวสะท้านไปแวบหนึ่ง เอ่ยอย่างไม่ไว้หน้า

“อย่าเรียกพ่อส่งเดช!”

หนูน้อยมองเขาอย่างระมัดระวังละล้าละลังยิ่งนัก

“เช่นนั้น…ท่านอา?”

————————————————————————————-

บทที่ 2324 เจ้าตัวแสบของบ้านใด 3

ตี้ฝูอีเงียบงัน

“ท่านลุง?”

ยังคงเงียบงันอยู่

หนูน้อยร้อนรนแล้ว

“มิเช่นนั้นเรียกท่านว่าพี่ชายดีไหม?”

เช่นนี้ออกจะลามปามเกินไปแล้ว!

“ต่อหน้าคนอื่นเจ้าเรียกข้าว่าพ่อได้ ในที่ส่วนตัวให้เรียกข้าว่าท่านราชันย์มาร”

ตี้ฝูอีไม่อยากให้เจ้าหนูนี้ซี้ซั้วเรียกไปเรื่อยอีก

หนูน้อยกลับมีหลักการนัก

“แต่ท่านแม่ยังไม่ยอมรับท่าน ข้าไม่อยากเรียกท่านว่าพ่อ…”

“นางไม่ใช่แม่เจ้า!”

“นางใช่ นางยอมรับข้าแล้ว”

ตี้ฝูอีเอ่ยเยาะหยัน

“นางไม่ได้ยอมรับเจ้า เพียงแต่เจ้าทำหน้าหนา เกาะติดนาง นางจึงคร้านจะโต้เถียงกับเจ้าเท่านั้น”

“ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม นางปกป้องข้า ต้องการข้า แม้แต่ชื่อของข้าก็เป็นนางที่ตั้งให้ หากมิใช่ข้าถูกท่านชิงตัวมา ยามนี้ข้าก็คงยังอยู่ข้างกายนาง!”

หนูน้อยพูดจาฉะฉาน

แววตาตี้ฝูอีพลันวูบไหว

“นามตี้เฮ่าของเจ้านางเป็นผู้ตั้งหรือ?”

นางรับบุตรชายบุญธรรม ตั้งแช่ตี้…

อารมณ์ที่หม่นหมองอยู่เล็กน้อยของเขาพลันดีขึ้นมาในทันใด มุมปากผุดรอยยิ้มจางๆ

“ไม่ใช่ นางตั้งนามเฮ่าเอ๋อร์ให้ข้า ส่วนแซ่ตี้นี้…เป็นข้าตั้งขึ้นเอง ข้ารู้สึกว่ามันสง่างามสูงส่งแฝงนัยยะแถมยังเลิศล้ำทรงภูมิด้วย…”

หนูน้อยอธิบาย

ด้วยเหตุนี้ รอยยิ้มตรงมุมปากตี้ฝูอีจึงเลือนหายไปทันที!

“ราชันย์มาร ท่านวางแผนจะให้ข้าได้พบท่านแม่เมื่อไหร่?”

“เจ้าเชื่อไหมว่าเปิ่นจวินจะไม่ปล่อยให้เจ้าได้พบนางอีก?!”

“ท่านไม่ทำหรอก”

สุ้มเสียงหนูน้อยดูมั่นอกมั่นใจ

“ราชันย์มาร ท่านหวังให้ข้าไปส่งต่อวาจาของท่านสินะ”

ตี้ฝูอีนิ่งไปเล็กน้อย

“…ส่งต่อวาจา?”

หนูน้อยยิ้มแย้มน่ารักยิ่ง

“ใช่แล้ว ท่านราชันย์มารมิใช่คนช่างพูด แต่ตอนที่จัดการองค์หญิงย่วนย่วนเมื่อครู่กลับเอ่ยวาจามากมายปานนั้น อธิบายต้นสายปลายเหตุออกมากระจ่างแจ้งถึงเพียงนั้น แม้ว่าจะเป็นการแถลงไขต่อประชาชน แต่ความจริงก็อยากให้ข้ารู้ด้วยกระมัง?”

ตี้ฝูอีเงียบไปครู่หนึ่ง

“…พูดต่อไป!”

หนูน้อยก็ไม่เกรงใจเช่นกัน

“องค์หญิงย่วนย่วนมีบุญคุณช่วยชีวิตท่านไว้ หากนางกระทำความผิดเพียงเล็กน้อย ท่านยังพอให้อภัยนางได้ ไม่บีบคั้นให้จนตรอก แต่ครั้งนี้นางแตะโดนขีดจำกัดของท่าน คนที่นางต้องการทำร้ายคือท่านแม่ คนที่อยากให้ตาข่ายฟ้าดินจับกุมก็คือท่านแม่ ใส่ความท่านแม่ทำลายชื่อเสียงของท่านแม่ ดังนั้นท่านจึงใช้วิธีการดาบนั้นคืนสนอง ไม่เพียงแต่ให้นางได้ลิ้มรสความทรมานของตาข่ายฟ้าดินเท่านั้น ยังทำลายชื่อเสียงนางจนย่อยยับอย่างสิ้นเชิงด้วย…”

ตี้ฝูอีเลิกคิ้ว

“ดูเหมือนเจ้าจะทราบความไม่น้อยเลยจริงๆ เพียงแต่ที่ข้าจัดการนางยังมีเหตุผลอย่างอื่นอยู่ด้วย”

“เหตุผลใด?”

หนูน้อยสนใจใคร่รู้

ตี้ฝูอีเอ่ยถามเขา

“เจ้าทราบฐานะของย่วนย่วนหรือไม่?”

หนูน้อยส่ายหน้า

“ไม่รู้ รู้เพียงว่าวิชาหุ่นเชิดของนางไม่เลวเลย หรือนางยังมีฐานะอื่นอยู่อีก?”

ตี้ฝูอีเคาะหน้าโต๊ะเบาๆ เอ่ยอย่างเฉยเมย

“เมื่อก่อนนางคืออวิ๋นชิงหลัวฮูหยินของเจ้าเมืองลั่วฮวา”

หนูน้อยร้องอ๋อขึ้นมาแล้ว

“ที่แท้นางก็เคยแต่งงานแล้ว! มิน่าเล่าเจ้าถึงไม่ชอบนาง!”

มือของตี้ฝูอีเขกลงบนศีรษะเขาอย่างไร้ซึ่งความเกรงใจคราหนึ่ง

“นี่เกี่ยวอะไรกับการที่เปิ่นจวินจะชอบหรือไม่ชอบนางกัน!”

หนูน้อยหดคอ กะพริบตาปริบๆ รอให้เขาเล่าต่อ

ตี้ฝูอีหลุบตาลง สุ้มเสียงเรียบเฉย

“เปิ่นจวินมิใช่คนไม่สำนึกถึงบุญคุณ นางช่วยข้าไว้หนหนึ่ง ข้าย่อมต้องตอบแทน ฐานะของนางพิเศษ เป็นดวงจิตหนึ่งของพี่สาวอวิ๋นเยียนหลีมาจุติ อวิ๋นเยียนหลีก่อภัยพิบัติขึ้นในแดนอสุรา นางก็เคยสนับสนุนเขาอย่างลับๆ เป็นแขนเป็นขาให้เขา การแต่งงานของนางกับเย่หลิงเจ้าเมืองลั่วฮวาก็มิใช่การแต่งกันจริงๆ เพียงคอยควบคุมให้เขาถวายชีวิตแก่อวิ๋นเยียนหลีอย่างลับๆ เท่านั้น เรื่องพวกนี้ข้าทราบดีทั้งสิ้น”