บทที่ 1870 - ความหนาวเหน็บ และความไร้ชีวิตชีวาของหอคอยจักรพรรด

Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล

AST
  บทที่1870 – ความหนาวเหน็บ และความไร้ชีวิตชีวาของหอคอยจักรพรรดิ
  เสียงร้องครวญครางยังคงดังอย่างต่อเนื่องพร้อมกับใบหน้าแดงกล่ำใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเขินอาย
  หลังจากช่วงเวลาสำคัญผ่านไปทั้งห้องก็กลับสู่ความเงียบสงบอีเย่เจี้ยนเก้อนอนนอนขดอย่างเฉื่อยชาอยู่ภายใต้อ้อมแขนชิงสุ่ย ใบหน้าของเธอแสดงให้เห็นถึงความเหนื่อย แต่ก็เต็มไปด้วยร่องรอยแห่งความพึงพอใจ ซึ่งมันยิ่งทำให้ชิงสุ่ยมีความสุขมากยิ่งขึ้น
  ในเมื่อเขามีหญิงสาวแสนน่ารักคนนี้อยู่แล้วเขายังต้องการอะไรอีก
  ”ข้าเป็นคนที่ไม่ค่อยอยู่นิ่งเจ้าคิดถึงข้าบ้างหรือไม่?”ชิงสุ่ยก้มหน้าจูบหน้าผากอีเย่เจี้ยนเก้อ  ”เจ้าเอาแต่ออกเดินทางไปนู่นไปนี่ตลอดเวลาเจ้านั่นแหละมีเวลาคิดถึงข้าบ้างหรือไม่? ถึงยังไง ข้าก็คงไม่อาจรั้งเจ้าไว้ได้”อีเย่เจี้ยนเก้อกล่าวด้วยท่าทางที่ดูเกียจคร้าน
  ”แล้วจะรู้สึกเสียใจที่เลือกข้าหรือไม่?”ชิงสุ่ยรู้ดีว่าเขาคงไม่อาจอยู่กับหญิงสาวของเขาคนใดคนหนึ่งได้นานนักแล้วตัวของเขาก็ยังมีเรื่องมากมายที่จะต้องทำ รวมถึงการป้องกันภัยและการออกตามหาหลายสิ่งหลายอย่าง
  ชิงสุ่ยอยากจะหยุดพักแต่ถ้าหากเขาไม่อาจแก้ปัญหาบางอย่างในชีวิตได้ร่างกายและชีวิตก็คงไม่อาจสงบ ชิงสุ่ยยังคงต้องแก้ไขปัญหาของถานท่ายหลิงเยียน ซึ่งตอนนี้เธอเองคงเป็นคนที่วิตกกังวลมากที่สุด หากไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ เธอก็ยังคงเป็นทุกข์ ในเมื่อหญิงสาวของตนมีความทุกข์เขาจะมีสุขได้อย่างไร?
  ”ทำไมข้าต้องเสียใจชีวิตการเป็นอยู่ของข้าก็เกินความฝันของข้าแล้ว ข้าไม่คิดเลยว่าเราจะมาไกลได้ขนาดนี้ และข้าก็ไม่มีวันเชื่อว่าเราจะหยุดอยู่แค่ปัจจุบัน”อีเย่เจี้ยนเก้อมองดูชิงสุ่ยด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความสุขใจ
  ”ย้อนกลับไปเมื่อตอนนั้นตอนแรกที่เราเจอกันเจ้าช่วยเหลือข้า นั่นคือความประทับใจแรกที่ข้ามีต่อเจ้า”ชิงสุ่ยนึกถึงเรื่องเก่าๆ
  ”จริงๆแล้วตอนที่ข้าช่วยเจ้าครั้งแรกข้าไม่ได้คิดอะไรเลย และคิดว่าเจ้าเป็นเพียงแค่เด็กน้อยเท่านั้นเอง”อีเย่เจี้ยนเก้อใบหน้าชมพูระเรื่อขณะที่เธอนึกถึงเรื่องราวเก่าๆ
  ”ถ้าเช่นนั้นตอนนี้เจ้าก็คงเป็นดังสุภาษิตที่ว่าวัวแก่กินหญ้าอ่อนสงสัยเจ้าจะต้องตอบแทนข้าบ้างล่ะ”ชิงสุ่ยยิ้มขณะจ้องมองเธอ
  ”เจ้านั่นแหละคือวัวแก่!!”อีเย่เจี้ยนเก้อโต้เถียงกลับไปทันทีก่อนจะแสดงใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
  ในขณะที่ชิงสุ่ยและอีเย่เจี้ยนเก้อกำลังโต้เถียงในเรื่องต่างๆชิงซิ่วตัวน้อยก็ลืมตาตื่น ทั้งสองจึงหันไปเล่นกับเด็กน้อยตัวเล็กๆกันอย่างสนุกสนาน การมีเด็กน้อยร่วมกันทำให้ทั้งสองเต็มเปี่ยมไปด้วยความอบอุ่นและความรัก
  ในวันที่สองชิงสุ่ยตื่นตั้งแต่เช้าตรู่ก่อนจะเริ่มพายุแห่งความรักอีกครั้งในห้องจนกระทั่งเสร็จสิ้นและออกมารับประทานอาหารในช่วงเช้าพร้อมกับหญิงสาวคนอื่นๆ แต่ที่ผิดสังเกตมากที่สุดก็คงเป็นใบหน้าของอีเย่เจี้ยนเก้อที่ยังคงแดงกล่ำ
  ”พี่สาวเจี้ยนเก้อวันนี้ท่านดูสวยจัง”
  ”ใช่แล้วอ่ะมันเกิดอะไรขึ้น?”หลัวชิงเฉิงกล่าวแสดงความเห็นด้วย
  ”คงเป็นเพราะชิงสุ่ยกลับมาไงล่ะ!!”ชิงห่านอี่กล่าวพร้อมกับรอยยิ้มแน่นอนว่าหญิงสาวคนอื่นๆย่อมรู้เรื่องที่เกิดขึ้นแต่ก็ยังคงกลั่นแกล้งเจี้ยนเก้อ
  ”ทำไมกันนะข้าถึงไม่เห็นสวยขึ้นบ้างเลย?”หลัวชิงเฉิงยังคงถามต่อ
  ”สำหรับเรื่องนี้…..พี่สาวเจี้ยนเก้อคงรู้ดีกว่าใครเพื่อนพี่สาวคงต้องขอบคุณชิงสุ่ยแล้ว”ชิงห่านอี่กล่าวต่อ
  ”พวกเจ้าพูดเหมือนกำลังไม่พอใจเลย?”อีเย่เจี้ยนเก้อกล่าวขัดจังหวะ
  ”พี่สาวเจี้ยนเก้อท่านพร้อมจะแบ่งปันให้กับพวกเราเหรอ ข้าเกรงว่าท่านจะคิดหนักนะ”ชิงห่านอี้พูดด้วยน้ำเสียงที่ต่ำลงพร้อมกับรอยยิ้มแห่งความสนุกสนาน
  แม้จะพยายามกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เบาบางแต่ทุกคนก็ยังคงได้ยินอย่างชัดเจน
  ชิงสุ่ยเองก็ไม่ได้แสดงท่าทีเขินอายเลยจริงๆแล้วเขารู้สึกภูมิใจมากกว่า
  หลังจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จสิ้นชิงสุ่ยก็บอกลาหญิงสาวคนอื่นๆเพื่อเดินทางไปยังหอคอยจักรพรรดิ เพียงแต่ถานท่ายหลิงเยียนและฉินชิงต้องการจะไปด้วย เมื่อได้ยินเช่นนี้ชิงห่านอี่จึงขอติดตามไปด้วยอีกคน
  คำอ้อนวอนส่งตรงถึงชิงสุ่ยจนมันกลายเป็นการบีบบังคับให้เขาไม่มีทางเลือกต้องพาพวกเธอไปด้วยโชคดีที่ทั้งสองสถานที่อยู่ไม่ห่างไกลกัน
  ถึงแม้มหาจักรวรรดิราชันย์ปราชญ์จะเอาชนะจักรวรรดิหิมะนิรันดร์ได้ก็ไม่อาจทำให้พื้นที่รอบๆเมืองหลินห่ายเปลี่ยนแปลงไป มันยังคงเป็นเมืองที่มีหิมะตกตลอดทั้งปี
  หอคอยจักรพรรดิ
  หลังจากที่มาถึงหอคอยจักรพรรดิชิงสุ่ยรู้สึกได้เลยว่าบรรยากาศรอบๆกดดันผิดปกติ แต่เขาก็ไม่ได้มองว่ามันเป็นเรื่องจริงจัง เพราะหอคอยจักรพรรดิยังคงสงบเงียบ แต่มันเป็นความเงียบสงบที่ผิดแปลก เงียบสงบในระดับไร้ผู้คน
  ทั้งหยินต่งและเหลียนหลิงเฟิงต่างก็แสดงสีหน้าอันเป็นสุขเมื่อเห็นชิงสุ่ยกลับมา ทั้งสองรีบวิ่งเข้ามาหาชิงสุ่ยทันทีที่เห็นหน้า
  ”ในที่สุดเจ้าก็กลับมาตอนที่ไม่มีเจ้าอยู่ พวกเราเหมือนขาดแคลนพลังหลักที่จะคอยสนับสนุนพวกเราเลย”เหลียนหลิงเฟิงหัวเราะเบาๆ  ”มีอะไรผิดปกติหรือ?”ชิงสุ่ยสังเกตสีหน้าเหลียนหลิงเฟิงก่อนจะถามอย่างเป็นกันเอง
  ชิงสุ่ยและบรรดาสาวๆสอดส่ายสายตามองดูหลินเฟ่ยและซีฉีชา ก่อนจะมองเห็นลูกชายของหยินต่ง พวกเธอจึงรีบเอาของขวัญออกมาต้อนรับเด็กน้อย
  ชิงสุ่ยเปรียบเสมือนพ่อทูนหัวของเด็กน้อยคนนี้และเขาก็ยังรักเด็กน้อยคนนี้จากใจจริง จึงพยายามมอบสิ่งของต่างๆที่หวังว่าสักวันหนึ่งพวกมันจะช่วยให้อนาคตของเด็กน้อยครูพรหมไปด้วยความสำเร็จ
  ”ทุกอย่างเรียบร้อยดีหรือไม่?”ชิงสุ่ยกล่าวถามเหลียนหลิงเฟิง
  ”ทุกอย่างที่นี้เรียบร้อยดีเพียงแต่มีปัญหาเดียวคือหอคอยจักรพรรดิไม่อาจดำเนินการได้อีกต่อไป เจ้าคงเห็นด้วยตาตัวเองแล้วว่า ที่นี่ไร้ซึ่งผู้คน มีเพียงคนหยิบมือเท่านั้นที่มาใช้บริการพวกเรา”เหลียนหลิงเฟิงกล่าวอย่างช่วยไม่ได้