TB:บทที่ 201 ไปทะเล (3)

“ไม่มีทาง! พวกเขาจะต้องตอบแบบเดียวกับที่ตอบฉันแน่นอน” สายตาของเจิ้งหยู่เรียบเฉย

ตอนนี้ผู้หญิงคนที่มีความสัมพันธ์ในทางที่ดีกับอีกฝ่ายนั้น อาการหนักมากกว่าฝ่ายชายเสียอีก และคำพูดแบบนี้ก็เป็นเหมือนคำพูดหลอกเด็ก ในบางครั้งพวกเขาก็ไม่กลัวว่าจะต้องหลอกตัวเองเพราะเห็นแก่พวกพ้องหรอก

 

“นอกจากนี้ พวกเขายังบอกว่ารสนิยมของคุณก็เปลี่ยนไป ไม่ใช่เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับผมเหรอครับ?” เฉินหลงถามด้วยรอยยิ้ม

เขาสามารถเรียกได้ว่าเป็นเนื้อสดใหม่* ในยุคแห่งเนื้อสดใหม่นี้ ยังมีคนที่ไม่ชอบคนประเภทนี้อยู่อีก เรื่องนี้ทำให้เฉินหลงนึกสงสัย

 

“ไม่ใช่ว่าฉันไม่ชอบเขาหรอกนะ แต่ฉันแค่รู้สึกว่าเขาไม่เหมือนคนที่มีวุฒิภาวะสักเท่าไหร่” เจิ้งหยู่ตอบตามความจริง

“ก็ผมไม่รู้ว่าคุณจะมีรสนิยมที่แน่วแน่ขนาดนั้น” เฉินหลงล่ะสงสัยจริงๆว่าผู้หญิงอย่างเจิ้งหยู่จะชอบผู้ชายที่ดูเป็นผู้ใหญ่หรือออกแนวลุงได้ยังไง

เจิ้งหยู่หันไปมองเฉินหลงเป็นตาเดียว “ยังไงซะ ตอนนี้รสนิยมของฉันก็เปลี่ยนไปแล้ว ฉันอยากกินเนื้อสดใหม่จังเลย!”

เฉินหลงถึงกับอดไม่ได้ที่จะหลุดหัวเราะออกมา

เมื่อเห็นเฉินหลงและเจิ้งหยู่ที่ทั้งพูดคุยและได้หัวเราะให้กันแล้ว หมินซีก็ได้หันหน้าไปขยิบตาให้ลั่วฮุ่ย

 

สำหรับเฉินหลง หมินซีช่างเป็นคนมองโลกในแง่ดีเสียจริง เธอมีความคิดที่ว่า ถ้าได้เขามาเป็นลูกเขยของตัวเองคงเป็นเรื่องที่ดีไม่น้อย แต่เมื่อเธอเห็นเจิ้งหยู่กับเฉินหลงมีปากเสียงกันอย่างดุเดือด เป็นธรรมดาที่เธอจะรู้สึกไม่ดี

ถึงลั่วฮุ่ยจะคิดว่ามันไม่ได้มีเรื่องผิดปกติอะไรเกิดขึ้น แต่ในเมื่อเป็นคำขอของภรรยา เขาก็ต้องรับฟังและทำตามเธอแต่โดยดี ทันใดนั้นเขาก็ลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวว่า “ฉันยังมีห้องเกมกับคาราโอเกะที่นี่ด้วยนะ พวกเธออยากลองไปเล่นที่นั่นไหม? ฉันคิดว่าถ้าจะไปทะเลตอนกลางคืน มันคงไม่ปลอดภัยสักเท่าไหร่ เอาไว้เราค่อยไปทะเลกันวันพรุ่งนี้ดีกว่านะ”

เนื่องจากว่าไม่มีเด็กวัยรุ่นคนไหนที่ไม่ชอบการเล่นสนุก ฝ่ายเจิ้งหยู่ที่ได้ยินว่าบนเรือยอทช์ลำนี้ยังมีสิ่งให้ความบันเทิงประเภทอื่นจึงได้สติหลุดไปในทันที

 

จากนั้น ลั่วฮุ่ยและคนอื่นๆได้พากันไปยังห้องที่รวบรวมความบันเทิงต่างๆเอาไว้

ในตอนที่หญิงสาวทั้งสองคนเห็นตู้คาราโอเกะ พวกเธอก็รีบเดินตรงไปที่ตู้ในทันที เพราะในโลกนี้ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่ไม่ชอบการร้องเพลงหรอกนะ

อย่างไรก็ตาม ในครั้งนี้เฉินหลงได้ตัดสินใจแล้วว่าเขาจะไม่ร้องเพลง และเลือกที่จะเล่นเกมแทน เพราะเขารู้ว่าทั้งสองสาวก็เหมือนกับลู่เซียง เขาจึงปล่อยให้พวกเธอได้ร้องเพลงเป็นเวลาหลายชั่วโมง

หลังจากที่เล่นเกมและได้ร้องเพลงอยู่ไม่กี่ชั่วโมง ในตอนนี้เข็มนาฬิกาได้เดินมาจวนจะถึงเลข 12 แล้ว เฉินหลงกับคนที่เหลืออยู่จึงตัดสินใจแยกย้ายกันกลับไปยังห้องของตัวเองเพื่อทำการพักผ่อน

คืนนี้เป็นคืนแรกของเฉินหลงที่ได้นอนกลางทะเล ทำเอาเขารู้สึกตื่นเต้นจนแทบจะข่มตานอนไม่หลับเลยทีเดียว

 

วันรุ่งขึ้น หลังจากที่เฉินหลงทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว ลั่วฮุ่ยก็ได้พาเขาไปล่องเรือยอทช์

แน่นอนว่าครั้งนี้เฉินหลงไม่ได้เป็นคนขับเรือยอทช์ เขาแค่นั่งมองลั่วฮุ่ยขับเรือยอทช์เท่านั้น แต่เพราะระบบอัจฉริยะ ใช้เวลาไม่นาน เฉินหลงก็เข้าใจวิธีและหลักการขับเรือยอชท์ได้

“นี่ น้องชาย นายเคยไปที่เรือคาสิโนไหม?” จู่ๆลั่วฮุ่ยก็หันไปมองเฉินหลงและเอ่ยถาม

เฉินหลงทำเพียงแค่ส่ายหน้าตอบเขาไป

ทันใดนั้น ระบบอัจฉริยะก็ได้ส่งข้อมูลที่เกี่ยวกับเรือคาสิโนให้แก่เฉินหลง

 

ในช่วงปีแรกๆ เรือคาสิโนเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการเล่นพนันท่ามกลางทะเลหลวงเนื่องจากรัฐบาลได้แบนการพนัน แต่อย่างไรก็ตาม ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมามันก็ได้กลายเป็นโปรเจ็ครีสอร์ทเพื่อความบันเทิงบนเรือเฟอร์รี่ลำใหญ่ ถือเป็นสถานที่ที่รวมที่พักและสถานบันเทิงเข้าด้วยกัน  บนเรือสำราญ นอกจากคุณจะได้เพลิดเพลินกับการบริการของโรงแรมระดับห้าดาวแล้ว ที่นี่ยังเป็นแหล่งที่รวบรวมช้อปต่างๆในระดับลักซูรีแบรนด์ในโลกเอาไว้ เพื่อให้ผู้โดยสารได้เพลิดเพลินกับการช้อปปิ้งอีกด้วย

ลั่วฮุ่ยอธิบายให้เฉินหลงได้เข้าใจด้วยรอยยิ้ม

 

“พี่สี่ จู่ๆทำไมพี่ถึงพูดเรื่องเรือพนันขึ้นมาได้ล่ะครับ? แล้วอย่างนี้พี่จะไม่อยากขึ้นไปเล่นกับพวกเขาที่นั่นเหรอครับ?” เฉินหลงเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม

“นั่นเป็นเพราะว่า ในอีก 2 วันจะมีเรือสำราญแล่นผ่านมา ได้ข่าวว่าน้องๆของนายไม่ได้มีเวลามาเล่นสนุกนานแล้วนี่ พวกเราก็ไปหาอะไรสนุกๆทำกันเถอะ” ลั่วฮุ่ยตอบ

“ถ้าอย่างนั้นก็จัดไปเลยครับ!” เฉินหลงรู้ดีว่าถึงเขาจะไม่เห็นด้วย มีอันหมินซีได้คะยั้นคะยอให้เขาตอบตกลงแน่นอน ดังนั้นเขาจึงยอมตอบตกลงไปแต่โดยดี

นอกจากนี้ วิลล่าของเขายังต้องใช้เวลาในการซ่อมแซม ถ้าเขาขอตัวกลับไปที่ปักกิ่งก่อนเวลา เขาคงไม่มีที่ให้ซุกหัวนอนแน่นอน ด้วยเหตุนี้เขากับลั่วฮุ่ยและคนอื่นๆจึงตัดสิ้นใจที่จะขึ้นไปบนเรือสำราญเพื่อไปเปิดหูเปิดตา

 

สองวันถัดมา เฉินหลงก็ได้มีช่วงเวลาที่ดีและน่าจดจำมากมายในการมาเที่ยวทะเลในครั้งนี้

การดำน้ำ เล่นเซิฟ และตกปลา ถ้าไม่ใช่เพราะบนเรือไม่มีผู้หญิงสวยๆ กับเขาที่ไม่ใช่เจ้าของที่ได้ประโยชน์จากมันล่ะก็ เฉินหลงก็คงจะได้เพลิดเพลินกับการถูกรายล้อมไปด้วยสาวสวยในชุดบิกินี่สุดเซ็กซี่ไปแล้ว

ตามที่ลั่วฮุยได้บอกเขาไว้ ในช่วงกลางวัน เรือสำราญเก้าชั้นก็ค่อยๆแล่นตรงมาทางเขาช้าๆจากอีกฟากของทะเล คนทั้งสี่คนรวมถึงลั่วฮุยได้เปลี่ยนจากเรือยอทช์ไปขึ้นเรือสำราญ เขาคิดว่ามันเป็นเพราะลั่วฮุ่ยคนนี้ที่ได้พูดคำว่า ‘เฮลโหล’ ออกไป

 

ในตอนที่ลั่วฮุยได้ขึ้นไปบนเรือสำราญ ชายคนหนึ่งที่อายุประรมาณสี่สิบปี สูงประมาณ 180 เซนติเมตร บริเวณริมฝีปากของเขาไว้หนวดเคราที่ทำให้เขาดูเท่ห์มาก นอกจากนี้การแต่งตัวของเขานั้นดูดีแถมยังดูมีรสนิยมมากอีกด้วย เขาเดินเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้ม จากนั้นก็สวมกอดลั่วฮุ่ย เขาดูตื่นเต้นเล็กน้อยจากนั้นก็พูดขึ้นมาว่า “พี่สี่! ผมไม่ได้เจอพี่มาตั้งสิบกว่าปีแล้ว แต่พี่ก็ยังดูไม่เปลี่ยนไปจากเดิมเลยนะ”

“เฟิงจื่อ นายเปลี่ยนไปเยอะเลย นายดูเท่มากกว่าเมื่อก่อนเยอะเลย” ลั่วฮุ่ยกำหมัดแล้วต่อยเบาๆเข้าไปที่อกขอชายคนนั้นสองที ดูเหมือนว่าเขาและชายคนนี้จะเป็นคนที่เคยรู้จักกันมาก่อน

 

“การที่ผมได้เป็นเฮ่อเฟิงในทุกวันนี้ได้ ทั้งหมดเป็นเพราะพี่ครับ ถ้าไม่ใช่เพราะพี่ ผมเองนึกไม่ออกเลยว่าตอนนี้ตัวเองจะยังนอนอยู่ข้างๆคูน้ำเหม็นๆนั่นอยู่รึเปล่า” เฮ่อเฟิงกล่าว ขอบตาของเขาเริ่มแดงก่ำ

แต่ก่อนเฮ่อเฟิงเคยเป็นกุ๊ยข้างถนน แต่ต่อมาหลังจากที่เขาได้พบกับลั่วฮุย ลั่วฮุยก็ได้ช่วยเขาให้หลุดพ้นจากชีวิตบัดซบ นอกจากนี้อีกฝ่ายยังมอบเงินจำนวนหนึ่งให้เขา เพื่อนให้เขาได้มีชีวิตเป็นของตัวเอง เฮ่อเฟิงจะไม่ทำให้ลั่วฮุ่ยผิดหวังเด็ดขาด เนื่องจากว่าตอนนี้เขาเพิ่งกลายเป็นผู้ถือหุ้นรายเล็กของเรือสำราญนั่นเอง

ลั่วฮุ่ยพยักหน้าตอบด้วยรอยยิ้ม ถึงเขาไม่พูด เขาก็รู้ว่าลูกน้องของเขาจะต้องคิดถึงเขาแน่นอน เขาถึงต้องการมาที่เรือสำราญของอีกฝ่ายเพื่อความสนุก

 

ในเวลาเดียวกัน ดวงตาของเฮ่อเฟิงก็ได้ไปสะดุดเข้ากับหมินซีกับเฉินหลงที่ยืนอยู่ข้างๆ

เมื่อเขาได้เห็นหน้าหมินซี จู่ๆใบหน้าของเขาก็ดูตกใจขึ้นมาทันที จากนั้นเขาก็ได้กล่าวคำทักทายอีกฝ่ายว่า “สวัสดีครับ พี่สะใภ้ คุณยังสบายดีใช่ไหมครับ?”

สุขภาพของอันหมินซีไม่ค่อยดีนัก เขาทราบเรื่องนี้ดี ถึงเขาอยากจะช่วยขนาดนั้น เขาก็ไม่สามารถช่วยอะไรเธอได้เลย ในตอนที่เขาเห็นหมินซีดูเหมือนคนปกติ เขาเองก็รู้สึกยินดีกับเธอขึ้นมาในทันที

“สบายดีจ้ะ อ๊ะ จริงด้วยสิ เหตุผลที่ว่าทำไมพวกเราถึงออกทะเลในครั้งนี้ได้ ในฐานะโฮส เป็นเพราะพี่ดูแลพวกเราเป็นอย่างดีนี่เอง” อันหมินซีตอบอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม

 

“ใช่แล้วครับ!” เฮ่อเฟิงพยักหน้าตอบเธอในทันที แต่จู่ๆเขาก็ตีศีรษะตัวเองตัง เพี๊ยะ แล้วพูดว่า “อ๊ะ พอเจอพวกคุณแล้ว ผมมัวแต่คุยเพลิน จนลืมเรื่องที่ต้องพาพวกคุณไปที่ห้องพักไปซะสนิทเลย ถ้าอย่างนั้นพวกเราไปยังห้องพักกันแถอะครับ”

ด้วยเหตุนี้ เฮ่อเฟิงจึงพาคนทั้งห้าคนรวมทั้งลั่วฮุยไปยังห้องสวีทบนเรือสำราญ

ห้องสวีทที่เฟิงเป็นคนจัดให้ลั่วฮุยเป็นถึงห้องพักที่ดีที่สุดในเรือสำราญลำนี้ เรียกได้ว่าห้องสวีทนี้สามารถเทียบเท่ากับห้องเพลสซิเด้นสวีทในโรงแรมระดับห้าดาวได้เลย เพราะสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆภายในห้องเป็นุปกรณ์ที่มีคุณภาพสูงทั้งหมด

 

“พี่สี่ เชิญพี่พักผ่อนได้ตามอัธยาศัยเลยนะครับ เมื่อถึงเวลาอาหาร ไว้พวกเราค่อยไปรับปะทานอาหารด้วยกันนะครับ” เขาเอ่ยขึ้นในขณะที่พาลั่วฮุ่ยกับคนอื่นๆมาถึงห้องสวีท

“ได้เลย เฟิงจื่อ พวกฉันจะไปเที่ยวเล่นฆ่าเวลาก็แล้วกัน จริงสิ นายยังมีงานต้องทำบนเรือใช่ไหม เพราะฉนั้นนายไม่จำเป็นต้องมาเฝ้าพวกฉันตลอดเวลาก็ได้ ไม่ต้องห่วง พวกฉันอยู่ได้ นายกลับไปทำงานเถอะ” ลั่วฮุ่ยตอบเขาด้วยรอยยิ้ม

แม้ว่าเฮ่อเฟิงจะเป็นผู้ถือหุ้นรายเล็กของเรือสำราญลำนี้ แต่เขาก็ยังมีงานที่จำเป็นต้องทำ อย่างเช่นกับแขกวีไอพีบางคน ลั่วฮุยต้องการให้เขาไปทักทายคนพวกนั้นด้วยเช่นกัน

 

เฮ่อเฟิงตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย “พี่สี่ พวกเราไม่ได้เจอกันตั้งหลายปีแล้วนะครับ ถึงผมจะยุ่งยังไง ผมก็จะหาเวลามาทานอาหารพร้อมหน้าพร้อมตากับพี่ให้ได้ เอาเป็นว่า อีกสักพัก เมื่ออาหารพร้อมแล้ว ผมจะกลับมาเรียกพี่อีกรอบนะครับ”

หลังจากนั้น เขาก็รีบเดินออกไปจากห้องทันที โดยที่ไม่รอให้ลั่วฮุ่ยตอบอะไรกลับมาเลยสักคำ

*小鲜肉 เนื้อสดใหม่

ใช้พูดถึงไอดอลอายุรุ่นๆ หน้าใหม่ หน้าตาน่ารักใสๆ