TB:บทที่ 200 ออกไปทะเล (2)
นี่ยังเป็นครั้งแรกที่เฉินหลงขึ้นเรือยอร์ช เขาสงสัยไปทุกอย่างบนเรือนั้น
เรือยอร์ชของลั่วฮุ่ยตกแต่งราวกับเป็นวิลล่าที่หรูหรา ไม่ต้องประหลาดใจไปว่าทำไมคนรวยบางคนจึงชอบที่จะขับเรือยอร์ชและจัดปาร์ตี้บนเรือนี้เป็นครั้งคราว ดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะสมเหตุสมผล
“น้องเฉิน นี่เป็นครั้งแรกที่ออกทะเลหรือไม่” ลั่วฮุ่ยมองเฉินหลงที่มองไปยังทุกอย่างบนเรือยอร์ชอย่าสงสัยแล้วถามออกไปพร้อมรอยยิ้ม
“นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมออกทะเลไป แต่นี่คือครั้งแรกที่ผมขึ้นยอร์ชแบบนี้” เฉินหลงตอบตามความจริง
ว่าตามความจริงแล้ว เงินทองของเฉินหลงนั่นไม่ใช่ว่าเขาจะซื้อเรือยอร์ชแบบนี้ไม่ได้ ทว่าในฐานะที่เป็นเศรษฐีใหม่ เขาจึงยังคิดไม่ถึงว่านี่คือสิ่งที่คนรวยจริงๆเขาทำกัน
“ชอบไหมละ ถ้านายชอบ ฉันจะจองเรือยอร์ชใหญ่ๆให้ ไม่ใช่ว่าพี่นายขี้งกหรอกนะ แต่ชื่อของพี่สะใภ้นายอยู่บนเรือลำนี้แล้ว ไม่เช่นนั้นฉันคงให้เรือยอร์ชนายไปเลย” ลั่วฮุ่ยกล่าว
ลั่วฮุ่ยต้องการจะให้เรือยอร์ชนี้กับเฉินหลง ไม่ใช่เพราะว่าเขาคิดว่าเฉินหลงไม่สามารถจะซื้อได้ ทว่าเพราะเขาคิดว่าเขาติดหนี้เฉินหลงมากเหลือเกิน และการมอบสิ่งของให้เฉินหลงทำให้เขารู้สึกดีขึ้น
“พี่สี่ อย่าว่ามากกว่าความไปเลย อีกอย่างผมไม่ต้องการเรือยอร์ช” เฉินหลงรีบกล่าวตอบ
“ไม่ได้สำคัญหรอกว่าเรือนี่จะใช้ได้ในอนาคตไหม แต่คิดไหมว่าหากนายอยากออกท่องเรืออย่างโรแมนติกกับแฟนสาวหรือจะพาครอบครัวออกทะเลไปบ้างบางครั้ง ไม่ใช่ว่ามีเรือยอร์ชแล้วจะสะดวกหรือ”
น้ำเสียงของเหล่าฮุ่ยในตอนนั้นช่างเหมือนกับฝ่ายขายที่พยายามจะขายสินค้าให้ออก
จากคำของลั่วฮุ่ย เฉินหลงคิดจริงๆแล้วว่าเหตุผลของลั่วฮุ่ยช่างสมเหตุสมผล อีกสิ่งหนึ่งเขายังคุ้นชินกับการเห็นคนรวยจัด “งานเลี้ยงทะเลและท้องฟ้า” บนเรือยอร์ชของพวกเขาที่เต็มไปด้วยสาวสวยและสิ่งต่างๆมากมาย
“พี่สี่ สิ่งที่พี่ว่ามามีเหตุผลนะครับ ผมคงต้องซื้อยอร์ชแบบนี้จริงๆแล้ว พี่สี่ผมจะไปซื้อได้ที่ไหนกัน แล้วราคาเท่าไหร่จะเทียบกับทัศนียภาพที่บนเรือยอร์ชนี่” เฉินหลงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าเขาอยากจะซื้อเรือนี้จริงๆสักลำ
“น้องเฉิน ไม่ต้องเป็นกังวลเรือยอร์ชนี่ไป ฉันจะช่วยนายเอง” ลั่วฮุ่ยกอดบ่าของเฉินหลงและกล่าวอย่างมีความสุข
“ได้สิ ผมจะขอบคุณพี่มาก” ลั่วฮุ่ยกล่าวเช่นนี้ เฉินหลงไม่อาจปฏิเสธได้
ตอนที่เฉินหลงและลั่วฮุ่ยคุยกันอยู่นั้น หมินซีและอีกสามสาวกำลังคุยกันอยู่
ยิ่งไปกว่านั้น อันหยายังลอบมองเฉินหลงเป็นบางครั้งด้วย สายตาของเธอเต็มเปี่ยมไปด้วยความประหลาดใจและสงสัยใคร่รู้
“พี่สาว นี่พี่บอกความจริงอยู่ใช่ไหม” อันหยาถามหมินซี
“เธอเป็นน้องสาวฉัน ฉันจะโกหกไปทำไม จริงๆนะเขาเป็นคนดี เธอต้องคว้าโอกาสที่อยู่ตรงหน้าเธอสิ อย่างไรเสียหากไม่มีโชคชะตากำหนดไว้แล้ว เธอก็ไม่ต้องรอขออะไรอีก” อันหยาว่า
ตั้งแต่เฉินหลงช่วยตัวเธอ ความประทับใจต่อเฉินหลงของหมินซีดีเยี่ยมมาโดยตลอด
หากไม่ใช่ว่าเธอแก่กว่าเฉินหลงเป็นสิบปีและไม่ได้มีลั่วฮุ่ยอยู่ด้วยแล้ว เธอจึงไล่ตามเฉินหลงไปอย่างห้าวหาญ
“พี่สาว ไม่ว่าพวกเขาพูดอย่างไร พี่ก็ยังเป็นสาวสวยอยู่ดี คงจะไร้เหตุผลไปที่จะให้คนอย่างพี่ไปไล่ตามใคร” อันหมินซีทำให้อันหยาเขินอายนิดหน่อย
และแม้เธอจะประทับใจเฉินหลงแต่เธอคงปล่อยตัวปล่อยใจเธอไปทันใดที่เธอพบเขา ก็คงไม่ดี
ในตอนนั้นเอง เจิ้งหยู่เปิดปากพูดขึ้นว่า “ฉันคิดว่าพี่หมินซีจะพูดถูกซะอีกว่าเขานี่ยอดจริงๆ เขาช่างหล่อเหลาและเขารักษาโรคได้ อย่างไรเสียดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้เป็นเด็กชายที่จะรับทุกคนที่เชิญชวนนะดังนั้นนี่น่าจะเป็นเรื่องดีที่จะทำได้ แต่อันหยาถ้าเธอไม่อยากทำอะไร ฉันจะไม่สุภาพแล้วนะ มีผู้ชายดีๆอยู่ในโลกนี้น้อยเหลือเกิน เธอไม่ควรจะพลาดไปสักคน”
เมื่อกล่าวจบ เจิ้งหยู่ยังยืนขึ้นและจัดเสื้อเธอให้ตรง พร้อมที่จะไปจัดการ
อันหยาเห็นเจิ้งหยู่กำลังจะเข้าหาเขาแล้ว อันหยากล่าวไปว่า “หยู่เอ่อ ไม่ใช่ว่าเธอชอบพวกลุงๆหรือ แล้วเธอมาสนใจพวกคนหนุ่มสดใหม่แบบนี้ได้อย่างไรกัน”
“ช่วยไม่ได้ ตอนนี้มีผู้ชายดีๆน้อยเกินไป ฉันเจอคนหนึ่งแล้ว ไม่ว่าจะเป็นลุงหรือคนหนุ่มสดใหม่ ฉันคงไม่ปล่อยไปหรอก” เจิ้งหยู่กล่าวไปตามจริง
เมื่อฟังเรื่องของเฉินหลงจากปากของหมินซี เจิ้งหยู่ที่ชอบคนแก่มากกว่ายังสนใจใคร่รู้ในตัวเฉินหลง และด้วยความเข้าใจของอันหยา เฉินหลงจะต้องเป็นคนในฝันของเธอแน่นอน ดังนั้นเธอจึงตื่นเต้นเนื่องจากความจริงและเรื่องโกหกครึ่งๆกลางที่เธอได้ยินมา
“หากเธอจะไปก็ไปเลย ฉันคงไม่ทำแบบนั้นหากฉันเจอใครสักคน” แม้เฉินหลงจะเป็นคนแบบที่อันหยาชอบ แต่ใจจริงแล้วอันหยาไม่เข้าหาเพราะเธอไม่ต้องการจะไปแหย่คนอื่นทันทีที่เพิ่งเจอหน้า
“นั่นแหละคือสิ่งที่ฉันจะพูด ฉันจะไป” สิ้นคำ เจิ้งหยู่เดินไปหาเฉินหลงจริงๆ
เจิ้งหยู่เดิเข้าหาเฉินหลงและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “คุณเฉิน ฉันได้ยินมาจากหมินซีว่า คุณมีความรู้ทางการแพทย์ ฉันมีปัญหาสุขภาพเล็กน้อยช่วงนี้ คุณช่วยรักษาได้ไหม”
นกในฝูงจะเกาะกลุ่มกัน อันหยาเป็นคนสวย เจิ้งหยู่ไม่เป็นข้อยกเว้น หากคนสวยเข้ามาคุยกับเขา เฉินหลงคงไม่ปฏิเสธ
“ก็ ไม่มีปัญหาอะไรหรอก” เฉินหลงว่าพร้อมรอยยิ้ม
เมื่อเจิ้งหยู่เข้ามาคุยกับเฉินหลงแล้ว ลั่วฮุ่ยยืนขึ้นและนั่งลงข้างหมินซี เขาไม่ต้องการจะเป็นส่วนเกิน
“ฮุ่ย น้องสาวฉันไม่รู้วิธีคว้าโอกาส เด็กดีๆแบบน้องเฉินหลงของฉัน เขาก็ไม่รู้วิธีจะคว้าโอกาส เล่าเรื่องเธอมาหน่อยสิ” อันหมินซีมองน้องสาวเธออย่างไม่มีหนทาง
อีกอย่างเจิ้งหยู่รู้ว่าจะคว้าโอกาสมาได้อย่างไร และน้องสาวเขายังมีสายตาที่ไม่ได้กังวลด้วย
ลั่วฮุ่ยกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ไม่เป็นไรหรอก โชคชะตาเป็นเรื่องหนึ่งที่เธอไม่ต้องไปร้องขออะไร หากเธอเชื่อในโชคชะตาจริงๆ เธอจะได้คู่กันอยู่ดี”
“พี่สาว พี่ได้ยินที่พี่เขยพูดไหม” อันหยากล่าวเรื่องเดิมต่อไป เธอมองไปทางพี่สาวของเธอ
“เอาล่ะ ฉันจะพูดอยู่ดี ถ้าเธอจะมาเสียใจทีหลัง เธออย่ามาโทษว่าฉันไม่ได้เตือนเธอนะ”
อันหมินซีกล่าวจบและมองด้านข้างของเฉินหลง เจิ้งหยู่ยื่นมือไปที่ตัวเฉินหลง แล้วเฉินหลงก็ตรวจชีพจรของเธอ อันหมินซีอดส่ายหัวไม่ได้และถอนหายใจ เขาไม่แสดงท่าทีอะไร คงจะสิ้นหวังหากจะเชื่อมั่นในโชคชะตา
เฉินหลงและเจิ้งหยู่เป็นคนหนุ่มสาวทั้งคู่ อีกอย่างหนึ่งคือเจิ้งหยู่เป็นคนสวยมาก และในทันทีที่พวกเขาสนิทกัน พวกเขาพูดคุยและหัวเราะ เจิ้งหยู่ยังถ่ายรูปเฉินหลงไปสองสามรูปด้วยมือถือของเธอและส่งให้เพื่อนด้วย
“ฮ่ะฮ่ะฮ่า พี่หลงฟังนะ เพื่อนของฉันเริ่มจะปัดหน้าจอไปและพูดว่าฉันเปลี่ยนรสนิยมไปชอบเนื้ออ่อนแล้ว” เจิ้งหยู่วางโทรศัพท์เบื้องหน้าเฉินหลงและกล่าวไป
เจิ้งหยู่เป็นคนสวย กลุ่มเพื่อนของเธอตามปกติแล้วจึงเป็นห่วงมาก รูปของเธอและเฉินหลงได้ส่งไปให้เพื่อนๆของเธอ ที่ตามปกติแล้วเรียกความสนใจเพื่อนๆของเธอด้วย
“มีสาวสวยเยอะมากที่เป็นเพื่อนเธอ” เฉินหลงมองข้อความตอบกลับพวกนั้นและพบว่ามีแต่สาวสวย
“ถ้าพวกเธอทั้งหมดเป็นคนสวย แล้วฉันจะเป็นคนสวยได้อย่างไรกัน” เจิ้งหยู่กระซิบหูเฉินหลง
หลังจากที่ได้ยินคำของเจิ้งหยู่ เฉินหลงอดไม่ได้ที่จะกรอกตา “นี่เธอกลัวว่าจะไม่มีเพื่อนห้ามเลย ถ้าเธอพูดแบบนั้น”