TB:บทที่ 199 ไปทะเล (1)
“จริงอยู่ที่หนทางปิศาจทั้งแปดกลุ่มมีคำสั่งให้เราฆ่า คุณเฉิน แต่นั่นเป็นคำสั่งของกลุ่มเรา ไม่ใช่สิ่งที่เราหวังจะทำ ตอนนี้คุณแข็งแกร่งกว่าเราไปมาก ฉันไม่มีจุดประสงค์จะเป็นศัตรูกับคุณ เอาเป็นว่ามาบอกความซาบซึ้งและความขุ่นเคืองใจกันไหม” ใบหน้าของหลินหยู่แสดงสีหน้าหญิงสาวที่เปราะบางตอนที่เธอกล่าว
หากพลังของเฉินหลงยังคงเป็นระดับกำเนิด ภารกิจสังหารเฉินหลงยังคงดำเนินต่อไป ทว่าตอนนี้พลังของเฉินหลงได้ไปถึงขั้นของพลังลมปราณ ด้วยระฆังทองระดับสิบสอง แม้พวกเขาแปดคนจะร่วมมือกันแล้ว พวกเขาก็ยังไม่อาจเป็นคู่ต่อสู้ของเฉินหลง ดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงยอมแพ้ไป
แม้สีหน้าหญิงสาวเปราะบางจะเป็นการเสแสร้ง แต่เฉินหลงรู้ว่าคำพูดของเธอเป็นของจริง
“ฉันเชื่อเธอก็ได้ แต่เธอยังปล่อยชายชุดดำไปอยู่ดี เธอควรอธิบายเรื่องนี้ให้ฉันฟังหน่อยนะ”
“ไม่ต้องกังวลไป ฉันจะเอาหัวของชายคนนั้นให้ในเร็วๆนี้” น้ำเสียงของหลิน มีความขุ่นเคืองที่ไม่อาจหายไปได้อยู่
เฉินหลงรู้ว่าสิ่งที่เธอกล่าวคือความจริงแต่เขายังคงถามต่อไป “แล้วทำไมฉันต้องเชื่อเธอละ ฉันไม่รู้ว่าคนคนนั้นเป็นใคร เช่นนั้นแล้วเธอจะเอาหัวของคนคนนั้นให้ฉันแล้วค่อยบอกฉันว่าเขาเป็นใครแบบนี้ ฉันก็ไม่รู้เลยว่าเป็นเขา”
“ชายคนนั้นชื่อหลินช่า เขาเป็นทายาทของกลุ่มจื่อซิน แห่งปิศาจทั้งแปด หากคุณหาหลินช่าอีกคนเจอ หลังฉันเอาหัวเขามาให้คุณแล้ว ฉันจะเอาหัวฉันมาให้คุณด้วย” หลินกล่าวอย่างตั้งใจจริง สำหรับน้องของเธอแล้ว เธอจำต้องรีบฆ่า
“ใครคืออีกสามคนที่เหลือหรือ นอกจาก ไป๋ชีเหวิน หลินหยู่ จางเฟิงหยาง หลานหลี่เย่ และจากกลุ่มจื่อซิน หลินช่า” เฉินหลงมองหลินหยู่และถามออกไป
เฉินหลงรู้จักคนพวกนั้จากกลุ่มหนทางปิศาจทั้งแปด ตอนนี้เขามีโอกาสดีๆที่จะรู้จักอีกสามคนที่เหลือจากหลินหยู่
“เจา จ่ง เป็นอาจารย์ของเมียงชิง” หยู่ไป๋เป็นกลุ่มบัวขาว และหลินเป็นกลุ่มจักรพรรดิต่อต้านสวรรค์” หลินหยู่ว่าไปอย่างง่ายๆ
เมื่อเฉินหลงรู้ว่าหลินหยู่ไม่ได้โกหก เขาจึงกล่าวว่า “เธอไปได้แล้วตอนนี้ ฉันหวังว่าเธอจะทำอย่างที่พูดได้และเอาหัวของหลินช่ามาให้ฉัน”
เนื่องจากเขาได้คำตอบจากหลินหยู่แล้ว เฉินหลงจึงไม่กักเธอไว้ต่อ แม้เธอจะดูดีและป็นหญิงสาวที่งดงาม แต่หากเขาประมาทเธอไปสักนาที อาจจะเกิดอันตรายขึ้นได้
“ไม่ต้องกังวลไป ฉันจะทำตามอย่างที่ฉันพูด” สิ้นคำ หลินหยู่จากไป
หลังจากเห็นร่างของหลินหยู่หายไปแล้ว เฉินหลงไปที่ที่เขาจากมา รถของเขายังคงอยู่ที่นั้น
เฉินหลงกลับไปยังที่จอดรถและในตอนที่เขากำลังจะขึ้นรถนั้นเขาได้ยินเสียงเรียกชื่อเขา
“น้องเฉินหรือ”
เฉินหลงมองไปทางต้นเสียง ลั่วฮุ่ยและหมินซีออกมาจากรถแลนด์โรเวอร์และมองเขาอย่างประหลาดใจ
“น้องเฉินจริงๆด้วย” ลั่วฮุ่ยและคนอีกสองคนเมื่อเห็นว่าเป็นเฉินหลงจริงๆแล้วจึงรีบเดินมาหาอย่างตื่นเต้น
“พี่สี่ พี่สะใภ้ ทำไมพวกพี่อยู่ที่นี่” เฉินหลงตื่นเต้นเล็กน้อย และในเวลาเดียวกันเขารู้สึกว่าช่างเป็นโชคชะตาที่กำหนดจริงๆให้พวกเขามาเจอกันที่นี่โดยไม่คาดคิด
“พี่สี่ของนายและฉันกำลังจะออกทะเลและเพื่อหาอะไรสนุกๆทำ เราไม่คิดว่าจะเจอนายที่นี่ ไปด้วยกันเถอะนะ” อันหมินซีเดินไปทางเฉินหลง จับแขนเฉินหลงและกล่าวไปอย่างเอ็นดู
ลั่วฮุ่ยที่มองความใกล้ชิดของเฉินหลงและหมินซีพลันยิ้มไปด้วย เขารู้ว่าอันหมินซีมองว่าเฉินหลงเป็นน้องชายและไม่ได้มีความรักระหว่างชายหญิง
แต่อย่างไรก็ตามแต่ เฉินหลงรู้สึกเขินอายเพราะการกระทำของหมินซี
“พี่สาวครับ คุณและพี่สี่สองคนจะไปเที่ยวอย่างโรแมนติกกัน ผมไม่อยากจะไปเป็นก้างขวางคอ” เฉินหลงอยากจะดึงมือเขาออก ทว่าหมินซีจับให้แน่นขึ้น เฉินหลงรู้สึกเห็นใจเมื่อเธอขยับไป เขาอดไม่ได้ที่จะบอกความจริงใจนั่นไป
“น้องเอ๋ย ความจริงแล้วพวกเราไม่ได้ไปกันแค่สองคนนะ แต่ยังมีสาวสวยไปด้วย ฉันจะแนะนำให้นายรู้จักเธอตอนนี้แหละ” อันหมินซีกล่าวพร้อมรอยยิ้ม
ลั่วฮุ่ยกล่าวต่อไปพร้อมกับเธอ “ใช่แล้ว ไม่ใช่ว่าคราวนี้เราจะไปทะเลกันแค่สองคนหรอกนะ แล้วก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่เราจะพบกันที่นี่ ออกไปในทะเลกันแล้วไปสนุก ตามปกติแล้ว เราควรจะไปในเมืองหลวงเพื่อตามหานาย แต่นายรู้ใช่ไหมว่าชื่อเสียงพี่สาวฉันไม่ค่อยจะสู้ดี พวกเราเลยเข้าไปหานายไม่ได้ พี่สาวของนายรู้สึกผิดมาโดยตลอด หากนายไม่ไปสนุกกับเราคราวนี้ ฉันไม่คิดว่าเธอจะยอมหรอกนะ”
อันหมินซีไม่กล่าวอะไร แต่เธอบีบแขนเฉินหลงแรงขึ้น
“ใช่แล้ว ใช่ ฉันไปไม่ได้ ถ้านายไม่ยอมไป” และเพราะลั่วฮุ่ยกล่าวเช่นนั้น เฉินหลงจึงทำได้เพียงรับคำ
อีกอย่างหนึ่ง เขาไม่อาจอยู่ที่วิลล่าของเขาได้แล้วตอนนี้ หากเขาใช้โอกาสนี้ออกไปหาอะไรสนุกๆทำ คงจะเบี่ยงเบนความสนใจเขาไปได้บ้าง
หลังจากนั้น เฉินหลงตามลั่วฮุ่ยไปยังท่าเรือของจิงเหมิน ที่ที่มีเรือยอร์ชขนาดเล็กใหญ่อยู่มากมาย
“พี่เขยและพี่สาวคะ พี่สองคนมาช้าจริงๆ” เมื่อเฉินหลง และพวกเขารวมสามคนไปถึงที่ท่าเรือแล้ว หญิงสาวคนหนึ่งนั่งอยู่ที่ท่าเรือและยืนขึ้นโบกมือให้อย่างตื่นเต้นจากข้างๆ
ด้านข้างของหญิงสาว มีหญิงสาวอีกคนยืนอยู่
“มากันแล้ว ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเธอช่างไม่มีความอดทน” เมื่อได้เห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของหญิงสาว เธอมองเฉินหลงและเดินเข้ามาหา
เมื่อเขาเข้าหาเธอ เฉินหลงมองดูเธอ เธออายุราวยี่สิบปีและมีอะไรบางอย่างที่คล้ายกับหมินซี เธอดูโตกว่าหมินซีเล็กน้อยแต่เขารู้สึกว่าถึงความเป็นเด็กกว่า
เมื่อหญิงสาวเห็นว่าหมินซีจับมือเฉินหลงอยู่ เธอดูประหลาดใจ เธอกระซิบบอกหมินซีและหมินซีกระซิบตอบ “พี่คะ หากพี่อยากจะหาแฟนหนุ่มมาเล่นๆ แล้วพี่ก็ไม่ควรพาพี่เขยมาและซ่อนเขาไว้นะ แน่นอนว่าคงไม่ใช่เรื่องดีสำหรับพี่เขย แต่ทำไมถึงแปลกๆที่พี่เขยไม่หึงกัน”
อันหมินซีตีหัวของหญิงสาวเบาๆ และกล่าวไปว่า “สาวน้อย ทุกๆวันนี้เธอคิดอะไรอยู่เนี่ย คนนี้คือน้องชายของพี่เขยเธอ เฉินหลง แล้วเขาเป็นคนหล่อ หากพี่สาวอ่อนกว่าเขากว่าสิบปี พี่คงทิ้งพี่เขยไปหาเขา”
เฉินหลงในสายตาหมินซีและหญิงสาวอีกสองคน อดไม่ได้ที่จะกรอกตา ยังมีคนอื่นอีกหลายคนที่เป็นเช่นนี้ อย่าทำตัวต่างไปเลย
“น้องเอ๋ย นี่น้องสาวของพี่ อันหยา” หลังจากพี่น้องสองคนกล่าวอะไรอีกเล็กน้อบ หมินซีแนะนำน้องสาวเธอให้เฉินหลงรู้จัก
“สวัสดีค่ะ พี่หลง นี่คือเพื่อนฉันค่ะ เจิ้งหยู่” อันหยายิ้มให้เฉินหลง
“สวัสดี สวัสดี” เฉินหลงว่า และยื่นมือออกไปหาอันหยาและเจิ้งหยู่เพื่อเขย่าทักทาย
“เอาล่ะ พวกเธอจะยืนอยู่ตรงนี้แล้วคุยกันทั้งคืนเลยไหม” ในตอนนั้นเองลั่วฮุ่ยได้ขึ้นไปบนเรือยอร์ชที่ยาวกว่าสามสิบเมตรแล้ว
ในความเป็นจริงแล้วทรัพย์สินของลั่วฮุ่ยสามารถซื้อเรือยอร์ชพวกนี้ได้โดยไม่มีปัญหาใดๆเลย แต่อย่างไรเสียเมื่อคิดว่าจะซื้อเรือยอร์ชแล้วก็เท่านั้นแหละ เขาจะได้ใช้ชีวิตอยู่ในโลกของเขาสองคนกับหมินซี ทำไมพวกเขาจะต้องมีลำใหญ่ด้วย แค่เรือยาวสามสิบเมตรก็ได้แล้ว
แต่ไม่ว่าอย่างไร เนื่องจากสุขภาพก่อนหน้านี้อของหมินซีทำให้ไม่เหมาะกับการออกทะเล และนี่เป็นครั้งแรกที่เรือยอร์ชชื่อหมินซีจะออกแล่นในทะเล