TB:บทที่ 198 ชายในชุดดำ

 

“มีการลอบโจมตีหรือนี่”

เขารู้สึกได้ถึงโอกาสอันอันตรายเบื้องหลังเขา เฉินหลงไม่อยากจะคิดถึงเรื่องนี้ เขารีบเริ่มทำการใช้จิตวิญญาณแห่งระฆังทอง

การโจมตีที่ฉับพลันนี่โจมตีในเวลาที่ถูกต้อง ทว่าก็ไม่อาจจะดูถูกไปได้ เฉินหลงไม่แน่ใจว่าถ้าเขาไม่ส่งฉีของระฆังทองระดับสิบสองไปรอบๆแล้ว เขาอาจจะรับมือลำบาก

 

เมื่อดาบเบื้องหลังเฉินหลงแทงเข้าไปในระฆังทอง ในทันทีทันใดมีเสียงของทองคำปะทะเหล็กกล้าดังออกมา

ในขณะเดียวกันนั้น ดาบยังมีพลังหมุนวนอีกด้วย คล้ายกับเป็นสว่านที่ค่อยๆเจาะทะลุเข้าไปข้างใน

ระฆังทองที่ไม่ต้องแม้จะสะท้อนกลับการโจมตีของลิงคลั่งยังเริ่มทำงานเนื่องจากการแรงโจมตีนี่

อักษรรูนทำให้ระฆังทองเริ่มกระพริบแสง เพื่อป้องกันพลังของดาบ

ในความเป็นจริงแล้ว พลังของดาบนี้ไม่แข็งแกร่งไปกว่าลิงอสูรคลั่งเลย ทว่าเป็นที่ความเข้มข้น ดังนั้นพลังจึงมีความรุนแรงมากกว่า

หลังจากที่โล่ระฆังทองขวางดาบได้แล้ว เฉินหลงได้หันไปและมองชายคนหนึ่งที่แอบลอบโจมตีเขา

ชายคนนี้ปกปิดกายอยู่ในชุดเข้ารูปสีดำและแม้แต่ตาของเขายังซ่อนไว้ใต้ผ้า

 

เขาเห็นระฆังทองของเฉินหลงที่ขวางกระบวนท่าสังหารของเขาได้ เขายังรู้ด้วยว่าเขาไม่อาจจะฆ่าเฉินหลงได้ ดังนั้นเขาจึงหันและพร้อมจะหนีไป

อย่างไรเสียเฉินหลงไม่ใช่คนที่โดนทำร้ายแล้วจะไม่สู้กลับ

เขาเห็นชายในชุดดำต้องการจะกลับออกไปแล้ว เขาจึงสู้ต่อไปด้วยนิ้วมือของเขา เขาโจมตีคู่ต่อสู้ด้วย “ตัดจุดชีพจรโลหิต” หลายต่อหลายครั้ง

ในเวลาเดียวกัน ชายในชุดดำได้เข้าโจมตีกลับอย่างรวดเร็ว

 

พลังของชายในชุดดำนี้เป็นเพียงระดับกำเนิด ทว่าพลังของเขาทำให้เฉินหลงรู้สึกอันตรายกว่ากู่เหวินที่มีพลังลมปราณ เขาซุ่มโจมตีด้านข้างเฉินหลง ก่อนที่เขาจะเคลื่อนที่หลบไป เฉินหลงไม่อาจจับได้ถึงตัวตนเขา ศัตรูเช่นนี้คงไม่ทิ้งเขา แล้วหนีไปหรอก เฉินหลงจึงยอมล้มเลิกการตามกู่เหวินและเลือกที่จะติดตามชายในชุดดำไป

ในทันทีที่ดาบของชายชุดดำสั่นไหว เขาฟันและทำลาย พลังฉี “ตัดจุดชีพจรโลหิต” ของเฉินหลงไป

อย่างไรเสียชายในชุดดำเจ็บปวดอย่างมากและพลังงานของ “ตัดจุดชีพจรโลหิต” นั่นช่างทรงพลังเกินจะทานทน

 

ขณะเดียวกัน ใจของชายชุดดำยังมีความขมขื่นปะทุออกมาอีกด้วย เฉินหลงได้ทิ้งการตามกู่เหวินมาเพื่อตามเขาต่อ ชายคนนี้ประหลาดใจจนพูดไม่ออก

ไม่หรอก การผูกใจเจ็บระหว่างเฉินหลงและกู่เหวินช่างฝังลึกไปกว่าเขา ทำไมเฉินหลงจึงจะตามเขามาต่อกัน

เขาคาดไม่ถึงว่าในใจเฉินหลงแล้ว เขาอยากจะฆ่ากู่เหวิน ทว่าชายชุดดำนั่นคุกคามเฉินหลงมากกว่า เฉินหลงจึงปล่อยกู่เหวินไปและมาจัดการกับเขาต่อ

พลังของเฉินหลงในความคิดเขานั่นอยู่ในจุดต่ำสุด แม้เขาจะต้องการฆ่าเฉินหลง ทว่าคงเป็นไปไม่ได้ ตอนนี้เขาจ้องมองไปที่เฉินหลงแต่ไม่มีทางใดจะหลบหนีไปได้เลย และหากเขาให้เฉินหลงตามเขามาทัน เขาคงโดนทรมาณจนตายเป็นแน่

 

แต่อย่างไรเสีย ความไวของท่าร่างชายชุดดำใช้ช่างรวดเร็วเหลือเกิน ทว่าพลังของเฉินหลงนั้นแข็งแกร่งกว่าเขา และเขาบินขึ้นไปบนท้องฟ้า เฉินหลงกักเขาไว้ได้ จึงคงเป็นเรื่องยากหากจะหนีจากการติดตามของเฉินหลง

สามนาทีต่อมาเฉินหลงวิ่งไล่ชายชุดดำและโจมตีหลังของเขา

เมื่อรับรู้พลังของเฉินหลงแล้วชายชุดดำไม่กล้าจะรับการโจมตีของเฉินหลงด้วยหลังของเขา เขาจึงทำได้เพียงหันไปและรับการโจมตีของเฉินหลง

“ปัง”

เฉินหลงโจมตีชายคนนั้นโดยตรง

เนื่องจากศีรษะของชายคนนั้นปกปิดด้วยเครื่องใส่ศีรษะสีดำ จึงไม่มีเลือดหยดกระจายออกมา ทว่าเฉินหลงแน่ใจเหลือเกินว่าเขาโจมตีให้ศัตรูเขาได้รับบาดเจ็บแน่นอน

 

ชายชุดดำยังได้ใช้โอกาสนี้เพื่อสร้างระยะห่างจากเฉินหลง ทว่าความว่องไวช้าลงไปเพราะอาการบาดเจ็บของเขา

“เขาช่างแข็งแกร่งขนาดที่หากเขาไม่หนีไป เขาอาจตายได้วันนี้ ดูเหมือนจะมีทางเดียว” ชายในชุดดำไม่มีทางเลือกใดนอกจากจะเอาตัวรอด

หลังจากตัดสินใจได้แล้ว ความไวของชายในชุดดำได้เพิ่มขึ้นไปอย่างมาก และเขารีบสร้างระยะห่างระหว่างเขาและเฉินหลง

เขาเห็นความเร็วของชายชุดดำเพิ่มขึ้นขนาดนั้นแล้ว เฉินหลงพลันนึกถึงอี้หยาง

“คนของหนทางปิศาจ คงปล่อยแกไปไม่ได้”

“ม่านกำบังเชิงซิง”

เท้าของเฉินหลงพลันขยับและความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นไปเช่นกัน

“ม่านกำบังเชิงซิง” คือม่านกำบังที่ประยุกต์ใช้กับคนคนหนึ่งในแผนภาพม่านกำบังหว่าน พลังงานในร่างได้สกัดออกมาสร้างม่านกำบังที่มีความเร็วเล็กน้อย ตราบใดที่พลังของผู้ใช้ไม่หยุดไป ม่านกำบังจะยังใช้ได้ต่อ

 

ตามปกติแล้วชายชุดดำคิดว่าเขาคงหนีออกไปได้หลังใช้วิชาลับ แต่อย่างไรก็ตาม ความเร็วของเฉินหลงได้เร่งขึ้นด้วยเช่นกัน

“นี่ อย่าพยายามมากไปสิ” ชายในชุดดำร้องอย่างขมขื่นในใจ

“คุณเฉิน ผมแค่ได้ความวางใจจากผู้อื่นว่าผมช่างซื่อสัตย์ เมื่อครั้งนี้ได้รู้พลังของคุณแล้ว ผมจะไม่กลับมาอีก คุณไม่ต้องไล่ตามผมแล้ว” เขาหวังว่าจะกล่อมเฉินหลงได้

“ฉันจะช่วยชีวิตนาย ฉันไม่ไล่นายหรอก” เฉินหลงว่า

แต่อย่างไรเสีย หนทางปิศาจทั้งแปดกลุ่มได้ออกคำสั่งจะฆ่าเขา จะมีเหตุผลใดให้เฉินหลงปล่อยคนตรงหน้าเขาไป

เขาเห็นเฉินหลงกล่าวเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับที่เขาพูด ชายในชุดดำไม่เสียคำพูดเขาอีกแล้วพยายามจะหลบหนี

เขาตัดสินใจได้ว่าหากเฉินหลงยังคงไล่เขาต่อหลังเขาใช้วิชาลับไปแล้วเขาคงเหนื่อยล้า และเขาจะสู้ให้ถึงที่สุด

สิบนาทีต่อมา หลังจากที่วิชาลับของชายชุดดำหมดเวลาไป เขารู้สึกหนาวเย็นจนเขาหยุดวิ่งและหันไปเผชิญหน้ากับเฉินหลงตรงๆ

หลังจากชายในชุดดำหยุดวิ่งไป เฉินหลงโจมตีชายในชุดดำ

เขาเห็นหมัดของเฉินหลง ชายในชุดดำทำได้เพียงพยายามพัฒนาพลังของตนและพร้อมจะทำลายตัวเขาไปพร้อมกับเฉินหลง

“วิญญาณทำลาย”

การโจมตีของหลินหยู่ทรงพลังกว่าการโจมตีโดยชายชุดดำก่อนหน้านัก เฉินหลงทำได้เพียงใช้หลังมือของเขารับมีดสั้นคู่ไว้

 

ในครั้งนี้ ชายในชุดดำใช้โอกาสนี้หนีไปจากการกักขังของเฉินหลงและได้หายไปกับความมืด

“เธออีกแล้ว และเพราะเธออยากจะตาย ฉันจะช่วยเธอเอง” เขาเห็นหลินหยู่มาทำลายเรื่องของเขาและทำให้ชายในชุดดำชื่อหลินช่าหนีไปได้ ดังนั้นเขาจึงอยากให้เห็นหลินหยู่เป็นตัวอย่าง

มีดสั้นของหลินหยู่สั่นไหว เมื่อมีดนั้นมาถึงฝ่ามือของเฉินหลง

จากนั้นด้วยพลังที่ปะทุอีกครั้ง จึงเกิดระยะห่างระหว่างเธอและเฉินหลง

จากนั้น เธอรีบกล่าวว่า “คุณเฉิน ฉันไม่มีจุดประสงค์จะเป็นศัตรูกับคุณ” เฉินหลงสามารถจะตามหลินช่าได้ หลินช่ามีพลังเทียบเท่ากับตัวเธอ เธอต้องพัฒนาพลังของเธอ หากเธอไม่โจมตีกลับแรงๆแล้ว เธอคงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา

 

“เธอไม่อยากเป็นศัตรูกับฉัน หากมีคนปล่อยศัตรูของฉันไป คนคนนั้นก็เป็นศัตรูของฉันแล้ว อีกอย่าง พวกเธอจากกลุ่มทั้งแปดแห่งหนทางปิศาจมายังจีนเพื่อเอาหัวของใครสักคนไปด้วย เธอบอกวว่าเธอไม่อยากเป็นศัตรูของฉัน เธอคิดจริงๆหรือว่าฉันเป็นคนโง่ เธอกับหลินช่า ทั้งคู่เป็นพวกคนชั่วร้าย หากฉันปล่อยเขาไป เธอคงต้องเอาชีวิตเธอมาแลกเองแล้วละ”

เฉินหลงรู้สึกเกินพอกับพวกปิศาจพวกนี้ เขาพยายามจะฆ่าคนที่ข่มให้ปิศาจเกรงกลัวได้ เขาจะต้องฆ่าสักคนหนึ่งแต่เมื่อหลินหยู่มาทำร้ายเขา ดังนั้นเฉินหลงต้องฆ่าเธอ