บันทึกมงกุฎขนนก (นิยายแปล)
บทที่ 4 ร้านสมุนไพรหอม
ภายหลังเมื่อข้อพิพาทระหว่างหลี่ชางม่าวกับนางเก๋อซื่อเสร็จลงหลี่ชางม่าวจึงไปศาลากลางหมู่บ้านนางเก๋อซื่อส่งหลี่ชางม่าวแล้วเมื่อกลับเข้าห้องมองเห็นพู่ห้อยที่ฮวาหว่านบรรจงทำให้
ขณะที่นางเก๋อซื่อหยิบพู่ห้อยในใจก็สับสนจนไม่รู้เป็นรสชาติอะไรนางเห็นใจกับความเคราะห์ร้ายของฮวาหว่าน
ได้ยินเสียงเปิดประตูรั้วบ้านดังแว่วมา นางเก๋อซื่อซ่อนเก็บอารมณ์เพื่อไปทำงานต่อก่อนหยิบพู่ห้อยผูกไว้ตรงเข็มขัด
พอถึงตรงลานบ้านเห็นฮวาหว่านนางเก๋อซื่อเตรียมจะปั้นหน้าหาได้ยากที่ฮวาหว่านจะชิงเอ่ยปากขึ้นก่อน
“ท่านป้าคะเมื่อครู่ท่านอาโม่เห็นปิ่นหญ้าที่ข้าทำบอกว่าเครื่องประดับหญ้านี้หากนำไปขายในเมืองหลวงชิ้นหนึ่งสามารถขายได้สามเหรียญปกติกลางวันข้ามีเวลาว่างจึงคิดจะทำไปขายในเมืองหลวงให้มากหน่อย”
นางเก๋อซื่อเหลือบตามองเล็กน้อยต้องกล้ำกลืนคำสบถที่มักเอ่ยออกมาเป็นประจำลงคอไปคิ้วของนางขมวด” บ้านของเราทำให้เจ้าอดอยากเหน็บหนาวหรืออย่างไรถึงต้องหาเรื่องอีก เงินที่เจ้าหาได้ยังไม่พอซื้อซาลาเปายัดไส้สักชิ้นหรอกนะ”
” ไม่ใช่ค่ะท่านป้าวันหนึ่งข้าสามารถร้อยเครื่องประดับหญ้าได้ยี่สิบชิ้นคำนวณแล้วก็จะได้เงินหกสิบเหรียญนะคะพอได้เงินมาแล้วข้าจะมอบให้ท่านภายหลังพี่ชายจะได้แต่งเจ้าสาวอย่างสมฐานะ” ปกติฮว่าหว่านเป็นคนไม่ค่อยพูดจาแต่ชอบยิ้มแย้มความยินดีบนใบหน้าไม่แฝงเลศนัยอันใดบริสุทธิ์จนสะกดใจผู้คน
ในใจของนางเก๋อกลายเป็นความสับสน” เจ้าได้ยินหมดแล้วนี่? ”
” อา? ข้าแค่ได้ยินบิดาของเซียงลี่กำลังปรึกษาเรื่องการแต่งงานของพี่สาวคนที่สองของเซียงลีถึงคิดขึ้นมาได้” ฮวาหว่านกระพริบตาอันสดใส “ต่อไปพี่ชายแน่นอนว่าจะต้องเป็นขุนนางร่ำรวยคนหนึ่ง”
นางเก๋อซื่อถอนใจฮวาหว่านเป็นเด็กสาวที่ทำให้ผู้คนอยากทะนุถนอม หน้าตางดงามหากไม่ใช่เพราะว่าครอบครัวประสบเคราะห์ร้ายกลายเป็นตัวโชคร้ายแล้วล่ะก็นางเองก็คงไม่รังเกียจที่จะให้เป็นคู่ของบุตรชาย
“เหรินเอ๋อร์คงไม่อยากได้เงินสองเหรียญของเจ้าหรอกนะเจ้าเก็บไว้เองเถอะ” นางเก๋อซื่อหน้าตึงแต่ก็ไม่ได้ต่อว่านางอีก
ฮวาหว่านยังคงหิ้วตะกร้าอาหารที่นางเก๋อซื่อจัดเตรียมไว้เป็นอาหารกลางวันไปส่งที่อำเภอกวงหยาง
พอถึงตอนเย็นหลี่ชางเม่ากับหลี่จงเหรินรู้เรื่องที่ฮวาหว่านวางแผนไว้โดยเฉพาะเรื่องที่นางจะเข้าเมืองคนเดียวจึงรีบคัดค้านทันทีแต่ก็จนใจกับความตั้งใจของฮวาหว่าน
หลี่จงเหรินก้มลงไตร่ตรองชั่วขณะ “น้องสาวเจ้าอย่าเพิ่งรีบเข้าเมืองหลวงไว้รอวันมะรืนสำนักปราชญ์จะหยุดเรียนสิบวันข้าจะไปเป็นเพื่อนเจ้าเอง”
ไม่ต้องรอให้ฮวาหว่านอ้าปาก นางเก๋อซื่อตวาดเสียงดัง “เจ้าไม่ต้องทบทวนบทเรียนแล้ว? เข้าเมืองไปเที่ยวเล่นไม่สู้พีกผ่อนอยู่บ้านหรอกนะ”
หลี่จงเหรินไม่ตอบคำนางเก๋อซื่อเป็นหลี่ชางม่าวที่ถลึงตาใส่นางเก๋อซื่อแทนนางเก๋อซื่อขมุบขมิบปากสุดท้ายไม่กล้าสอดคำ
หลี่ชางม่าวกล่าวยิ้มๆ “เหรินเอ๋อร์พูดถูกแล้ววันนั้นข้าจะไปนำรถลากลับมาเจ้าสองคนพี่น้องไปเดินเที่ยวที่ตลาดในเมืองก่อนเหรินเอ๋อร์ควรจะเพิ่มกระดาษส่วนเด็กน้อยเจ้าชอบสิ่งใดก็ซื้อกลับมา”
รอจนถึงวันที่เข้าเมืองหลี่ชางม่าวออกเดินทางแต่เช้าตรู่ไม่นานก็จูงลาแคระร่างตระหง่านสีดำหูยาวกลับมา ด้านหลังของลาแคระยังลากถังสำหรับใส่ถ่านหินมาด้วย
หลี่จงเหรินกับฮวาหว่านรูปผอมบอบบางเมื่อนั่งในถังนั้นกลับดูกว้างไปเลย
ลาแคระกินหญ้าจนอิ่มหนำแล้ว ไม่จำเป็นต้องให้หลี่จงเหรินคอยกระตุกบังเหียนก็วิ่งตะบึงไปเบื้องหน้าไม่ถึงหนึ่งชั่วยามรถลาก็มาถึงเมืองหลวงผ่านทางประตูหนานเฮย
ฮวาหว่านตั้งแต่ถูกท่านลุงรับมาอยู่ด้วยที่หมู่บ้านหยิวเซียวก็ไม่เคยกลับมาเมืองหลวงความคักคึกของเมืองหลวงยังติดอยู่ในความทรงจำบางครั้งเมื่อเผชิญกับคุณชายสูงศักดิ์บนม้าตัวใหญ่ฮวาหว่านก็รีบชักลาหลบเลี่ยงไปด้านข้างหลี่จงเหรินกับรู้จักขี่ม้าอดใจไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นมองหลายครั้ง
วันนี้แผงขายของของโม่ฟู๋ตั้งอยู่ด้านนอกประตูของร้านสมุนไพรหอมสองพี่น้องมาถึงถนนพันโหลว อย่างรวดเร็วก็แลเห็นท่านอาโม่ฟู๋และร้านสมุนไพรหอมที่ท่านอาโม่ฟู๋เคยกล่าวถึง
แม้ว่าจะไม่ได้เข้าไปในร้านก็สามารถได้กลิ่นหอมฉุนรุนแรงถึงฮวาหว่านจะไม่มีความรู้ด้านสมุนไพรแต่ก็พอรู้ว่าที่กำลังเผาอยู่ในนั้นมีเครื่องเทศราคาแพงอยู่ไม่น้อยเลย
ฮวาหว่านเงยหน้าขึ้นมองป้ายของร้านสมุนไพรหอม “อี้เซียงถาง -ศาลาสุคนธรส” กลับเคยได้ยินมาก่อนเป็นร้านที่มีชื่อเสียงมากในเมืองหลวงแต่วันนี้เป็นครั้งแรกที่นางได้มาเยือน
หลี่จงเหรินพาฮวาหว่านเข้าไปทักทายโม่ฟู๋ พร้อมหยิบผลไม้แห้งที่ห่อกระดาษเล็กๆจากในผ้าคลุม “ท่านอาโม่ฟู๋นี้เป็นท่านพ่อกับท่านแม่ให้ข้านำมามอบให้ท่าน”
” อ๋ายส์ พ่อแม่เจ้าเกรงใจเกินไปแล้ว” โม่ฟู๋รับผลไม้แห้งหันไปพูดกับฮวาหว่าน “เจ้าหว่านน้อยนำเครื่องประดับหญ้ามาหรือไม่?”
“พกมาด้วยข้าทำมาตั้งสามสิบอัน”
ฮวาหว่านจะหยิบปิ่นปักผมให้โม่ฟู๋ดูโม่ฟู๋กลับโบกมือ” นำมาก็ดีแล้วข้าทราบดีถึงฝีมือของเจ้าแค่ตามข้าเข้าไปพบเถ้าแก่ในร้านก็พอ”
เถ้าแก่อันของศาลาสุคนธรสกำลังให้ลูกค้าชั้นสูงทดสอบกลิ่นหอมหลังจากที่พนักงานในร้านช่วยถ่ายทอดคำพูดของคนทั้งสามแล้วผ่านไปสิบห้านาทีเถ้าแก่ร้านจึงค่อยลงมา
โม่ฟู๋โค้งคำนับเถ้าแก่ร้านเถ้าแก่พยักหน้าให้โม่ฟู๋สายตาเพ่งไปยังฮวาหว่านใบหน้าที่งดงามหาได้ยากเสียดายที่สวมใสดสื้อผ้าเก่าเสื่อมสภาพเถ้าแก่อันแค่เพียงพูดอย่างไม่ใส่ใจ “นำมาให้ข้าดู”
ความจริงแล้วเถ้าแก่ไม่ใคร่สนใจเครื่องประดับหญ้ามากนักแต่ว่าเมื่อวันก่อนโม่ฟู๋โอ้อวดไว้มากมายเขาจึงรับคำไปอย่างนั้นเอง
ในมุมมองของเถ้าแก่เพิ่มของกำนัลของแถมให้ลูกค้าไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรแต่ก่อนปกติเขาใช้ยาลูกกลอนทำเป็นของกำนับภายหลังก็พบว่าไม่ค่อยเป็นที่พึงพอใจนัก ลูกค้าของศาลาสุคนธรสส่วนใหญ่เป็นคนชั้นผู้ดีมีตระกูลแขกชั้นสูงต่างก็มีสิ่งที่ตนเองชื่นชอบอื่นๆอีกล่ะโดยเฉพาะอย่างยิ่งของแถมราคาถูกย่อมไม่อยู่ในสายตาหบายครั้งที่มอบให้ลูกค้ายังไม่สนใจจะนำกลับไปด้วยตอนหลังเขาเลยเปลี่ยนมาเป็นรูปปั้นคนเล็กๆกลับมีคุณชายคุณหนูจำนวนไม่น้อยรู้สึกสนใจในความแปลกใหม่
ฮวาหว่านเปิดผ้าคลุมเถ้าแก่หยิบเครื่องประดับหญ้าหลายชิ้นเคาะในอุ้งมือเห็นว่าน่าสนใจอยู่บ้างรูปแบบส่วนมากเมื่อเปรียบกับเครื่องประดับที่วางขายบนถนนเดียวกันยังแปลกใหม่กว่าชิ้นละสามเหรียญก็ราคาถูกมากเพียงแต่ไม่รู้ว่าลูกค้าชั้นสูงพวกนั้นจะรังเกียจเครื่องถักหญ้าของเล่นแแบนี้หรือไม่อีกอย่างหญ้าถักยังไม่มีราคากว่ารูปปั้นดินเสียอีก
ขณะที่เถ้าแกกำลังหน้านิ่วคิ้วขมวดแขกชั้นสูงที่กำลังทดสอบกลิ่นหอมด้านบนนั้นค่อยๆเดินลงมา
ฮวาหว่านแอบเหลือบตามองฮูหยินตระกูลสูงสวมเสื้อสีน้ำผึ้งบางเบาที่ส่วนหน้าของเสื้อเป็นผ้าต่วนท่อนล่างสวมกระโปรงสีเหลืองอ่อนสิบหกจีบบนมวยผมปักด้วยปิ่นทองประดับพลอยสีน้ำทะเลร้อยดอกโบตั๋นด้วยไหมเล็กละเอียดดอกโบตั๋นนั้นสั่นไปมาเมื่อยามที่ฮูหยินท่านนี้ก้าวลงจากบันไดไม้ ยิ่งทำให้คนตาลายพร่าพรายที่ด้านหลังของนางยังติดตามด้วยสาวใช้สวมเสื้อนวมลายดอกอีกสองคน
ชั่วพริบตาเถ้าแก่ก็เปลี่ยนสีหน้า ยิ้มหวานเดินไปหาฮูหยินตระกูลสูงท่านนั้น “ฮูหยินเว่ยเหตุใดจะกลับแล้วข้าเพิ่งจะให้เด็กเตรียมยาจีนผสมน้ำผึ้งและลูกแพรไว้กำลังจะส่งขึ้นไปให้ท่าน
” ไม่ต้องลำบากท่านแล้วที่จวนยังมีเรื่องอื่นอีกข้าออกมานานแล้วควรจะกลับไปเสียที” ฮูหยินหยิบผ้าเช็ดหน้าที่ทำจากผ้าไหมกดบนขมับเมื่อครู่เพิ่งลองยาเสร็จร่างกายจึงร้อนอยู่บ้าง
“ใช่ๆทุกวันนี้เว่ยฮูหยินเป็นใหญ่ลำดับสองเรื่องใหญ่เรื่องเล็กต้องให้นางจัดการทุกวันล้วนยุ่งมากแต่ไม่รู้ว่าสมุนไพรหอมของวันนี้ฮูหยินเว่ยจะยังคงพอใจคำพูดของเถ้าแก่จึงให้เกียรติเป็นพิเศษ
ในเมืองหลวงชนชั้นสูงแซ่เว่ยมีไม่มากนัก ทว่าฮวาหว่านแอบคิดคำนวณ แอบใช้เสียงเล็กเบี่ยงเบนสายตา แกว่งแขนไปมาๆ จนมือที่สะบัดผ้าคลุมเริ่มปวดขึ้นมา
ฮูหยินพลันส่งเสียงหัวเราะสองครั้ง “เถ้าแก่อันสมุนไพรในร้านของท่านนั้นดีที่สุดแล้ว `ท่านคัดเลือกพูมารี (พืชมีกลิ่นหอมชนิดหนึ่ง) กำยาน และจันทร์หอมส่งไปที่จวนของข้าสักสามตลับ”
“ได้เลยขอรับฮูหยินเว่ยโปรดวางใจ ช่วงบ่ายยามเซิน (บ่ายสามโมงถึงห้าโมงเย็น) รับรองส่งถึงจวนท่านตรงเวลา
แววตาของฮูหยินทอประกายเย่อหยิ่งสายหนึ่ง ใครเล่าจะไม่รู้กันว่าหากไปส่งของยังจวนฟู่เลยช่วงยามเซินก็จะไม่ได้รับเงิน จำเป็นต้องอีกสองวัน คำพูดเหล่านั้นล้วนแต่กล่าวเหมือนกระตือรือร้นเกินไป
ช่วงจังหวะที่ฮูหยินเดินถึงฮวาหว่านนั้น นางยกมือขึ้นปิดจมูกโดยไม่ตั้งใจ ทำเหมือนไม่ตั้งใจแต่แอบชำเลืองมองปิ่นดอกหญ้าเหล่านั้น