อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 1727 ผมจะน้อมรับมันไว้
เห็นจางเซวียนผลีผลามรับคำท้าของผู้เฒ่าหยู บรรพบุรุษเก่าแก่ของตระกูลจางถึงกับพรั่นพรึง
“คุณพิจารณาถี่ถ้วนแล้วหรือ?” เขาถามจางเซวียนด้วยความกังวลใจ “คุณไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้อสูรหรือรากไม้นะ ใช้ได้เฉพาะอาวุธของตัวเองเท่านั้น และตอนนี้ก็สายเกินกว่าจะคืนคำแล้ว”
“ผมไม่คิดจะถอย และหวังว่าอีกฝ่ายจะไม่ถอยเหมือนกัน” จางเซวียนตอบอย่างมั่นใจ เขายืดตัวตรงและพูดต่อ “การเอาชนะเผ่าพันธุ์ปีศาจเป็นส่วนหนึ่งของความรับผิดชอบของผมในหน้าที่ปรมาจารย์ ต่อให้ผมไม่อาจเทียบชั้นกับมันได้ และทุกอย่างที่ทำไปกลายเป็นความสูญเปล่า ผมก็จะไม่ถอย!”
“พูดได้ดีมาก!” บรรพบุรุษเก่าแก่ของตระกูลจางคำรามพร้อมกับหัวเราะลั่น
“ทำใจให้สบายและใช้สมาธิกับการกำจัดเผ่าพันธุ์ปีศาจเถอะ ในเมื่อเรายอมรับข้อตกลงแล้ว ผู้เฒ่าหยูคนนั้นก็คงไม่กล้ากลับคำและเข้ามาก้าวก่ายการดวลหรอก และถ้าเขาเปิดการโจมตีล่ะก็ จะต้องเจอกับศิลปะเพลงดาบอันดุเดือดของผมแน่!”
“เฮอะ! ผมจะดีใจมาก ขอแค่คุณไม่คืนคำก็พอ!” ผู้เฒ่าหยูคำรามตอบ “อย่างที่พวกคุณได้ยินแล้ว เจ้าหนุ่มนั่นท้าทายพวกเราทุกคน ซึ่งพวกคุณก็มีทางเลือกในการที่จะเล่นงานเขาให้สิ้นซากหากพวกคุณต้องการ…เผ่าพันธุ์แห่งจิตวิญญาณของพวกเราได้รับการถ่ายทอดสายเลือดของเทพเจ้ามา เราคือผู้ไร้เทียมทาน และจะไม่ยอมพ่ายแพ้ให้กับเผ่าพันธุ์มนุษย์ หากพวกคุณเพลี่ยงพล้ำในการต่อสู้ครั้งนี้ ผมก็ไม่คิดว่าพวกคุณควรจะมีชีวิตอยู่ในโลกนี้อีกต่อไป แต่หากเอาชนะเขาได้ ผมจะมอบเลือดหยดหนึ่งของผมให้กับพวกคุณทุกคน!”
“หยดเลือดของนายท่าน?”
“นายท่านวางใจเถอะ พวกเราจะไม่ทำให้นายท่านผิดหวัง!”
เมื่อได้ยินเรื่องผลตอบแทน ใบหน้าของบรรดาเผ่าพันธุ์ปีศาจก็แดงก่ำด้วยความตื่นเต้น นัยน์ตาของพวกมันเป็นประกายเจิดจ้า
“ลุยเลย!”
ฟึ่บ!
ทันทีที่จบประโยค เผ่าพันธุ์ปีศาจราว 10 ตัวก็เข้าตีวงล้อมจางเซวียน สกัดกั้นเส้นทางหลบหนีของเขาไว้หมด
“คุณ…”
นึกไม่ถึงว่าเผ่าพันธุ์ปีศาจจะหน้าไม่อายถึงขนาดเข้ารุมจางเซวียน เหล่าปรมาจารย์ที่อยู่ในโดมใบไม้ผลิอบอุ่นพากันโกรธเกรี้ยว
“ไม่เป็นไร ผมรับมือได้ พวกคุณไม่จำเป็นต้องฝ่าฝืนกฎเพื่อเรื่องเล็กน้อยเพียงเท่านี้…” เห็นเหล่าปรมาจารย์ตั้งท่าจะเข้ามาช่วยเขา จางเซวียนโบกมือและหัวเราะหึๆ จากนั้นก็หันไปตั้งคำถามกับเผ่าพันธุ์ปีศาจ “ก่อนหน้านี้ เราตกลงกันแล้วว่าผมใช้อาวุธของผมได้ ถูกไหม?”
“แน่นอน!” เสียงผู้เฒ่าหยูดังกึกก้อง
“ถ้าอย่างนั้นก็ดีเลย ให้ผมนำอาวุธออกมาก่อนที่จะเริ่มการดวลนะ” จางเซวียนพยักหน้า เขาสะบัดข้อมือ และหอกสวรรค์กระดูกมังกรก็ปรากฏอยู่ในมือของเขา ด้วยการกวัดแกว่งเบาๆ มันก็กลายร่างเป็นมังกรดึกดำบรรพ์ตัวใหญ่มหึมาที่โผขึ้นสู่กลางอากาศ
“นี่คือ…หอกสวรรค์กระดูกมังกรของนักปราชญ์โบราณหรันชิว ของล้ำค่าระดับนักปราชญ์โบราณใช่ไหม? ไม่หรอก…ไม่ใช่นี่ พละกำลังของมันถูกสกัดกั้นไว้ ตอนนี้จึงสามารถสำแดงพลังได้ในระดับของนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่เท่านั้น เพียงเท่านี้ทำร้ายพวกเราไม่ได้หรอก…” เห็นอาวุธที่จางเซวียนนำออกมา ผู้เฒ่าหยูนัยน์ตาเบิกโพลงด้วยความประหลาดใจก่อนจะครุ่นคิดหนัก
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหอกสวรรค์กระดูกมังกรจะเป็นอาวุธที่มีอานุภาพไร้เทียมทานมากหากมีความแข็งแกร่งถึงขีดสุด ซึ่งแม้แต่ตัวเขาเองก็ยังต้องวิ่งหนีไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้หากต้องเผชิญหน้ากับมัน แต่เรื่องนี้จะเปลี่ยนไปหากพละกำลังของมันถูกสกัดกั้นไว้
เพราะบริวารส่วนใหญ่ของเขามีวรยุทธขั้นชั่วกัลปาวสานแล้ว และเกือบทุกตัวก็มีของล้ำค่าระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่อยู่ในครอบครอง อย่างน้อยที่สุด ก็น่าจะทำให้หอกสวรรค์กระดูกมังกรอ่อนแรงลงได้มาก
ผู้เฒ่าหยูมั่นใจว่าบริวารของเขาจะรับมือไหว แต่ครู่ต่อมา ชายหนุ่มก็สะบัดข้อมืออีกครั้งและนำ โลหะก้อนใหญ่ออกมา
มันเป็นของล้ำค่าระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่เช่นกัน
“ก้อนอิฐที่มีวรยุทธระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่? ดูเหมือนจะถูกหลอมขึ้นจากหม้อต้นกำเนิดทองคำด้วย…ใครกันที่ร่ำรวยถึงขนาดนำหม้อต้นกำเนิดทองคำมาใช้ในเรื่องแบบนี้?” ผู้เฒ่าหยูขมวดคิ้ว
แต่นั่นยังไม่จบ
ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ!
ในชั่วพริบตา อาวุธก็ปรากฏเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เกิดเป็นวงล้อมที่คุ้มกันจางเซวียนไว้
กระบี่เปลวเพลิงสีดำ หอกของเป่ยชิง พันธนาการถ่วงวิญญาณ หินหมึกของนักปราชญ์โบราณจื่อร่ง…
ของล้ำค่า 6 ชนิดแผ่แรงกดดันน่าสะพรึงออกมา เทียบได้กับนักรบที่มีวรยุทธขั้นชั่วกัลปาวสาน โลกจารึกถึง 6 คน
“คุณ…คุณมีของล้ำค่าที่ทรงพลังขนาดนี้อยู่ในครอบครองได้อย่างไร?” ทุกคนคิดว่าชายหนุ่มคงแค่นำของล้ำค่าระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ออกมาสักชิ้นหนึ่งเพื่อช่วยเหลือเขาในการต่อสู้ เพราะถึงอย่างไร ของล้ำค่าระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ก็เป็นทรัพย์สมบัติที่มีมูลค่ามาก แต่ใครจะไปรู้ว่าอีกฝ่ายจะงัดของล้ำค่าออกมาได้มากมายขนาดนี้ในชั่วพริบตา?
ช่างเป็นภาพที่หรูหราฟู่ฟ่าจนทำให้ทุกคนจังงัง
อย่าว่าแต่ความหายากและมูลค่าของของล้ำค่าระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ แค่เพียงจะทำให้ของล้ำค่าสักชิ้นยอมจำนนได้ก็ต้องใช้เวลาหลายสิบปีหรือแม้แต่เป็นร้อยปีแล้ว
แต่ชายหนุ่มอายุเพียง 20 ปีคนหนึ่งสามารถทำให้ของล้ำค่าจำนวนมากยอมจำนนได้ ช่างเหลือเชื่อเสียจริง
“เล่นงานมัน!”
เห็นของล้ำค่าระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่จำนวนมากปรากฏตัวในช่วงเวลาเพียงเสี้ยววินาที เผ่าพันธุ์ปีศาจรู้ทันทีว่าหากเป็นอย่างนี้ต่อไป พวกมันจะต้องพ่ายแพ้แน่ หนึ่งในนั้นจึงตะโกนขึ้นมาเพื่อสั่งการให้ทั้งกลุ่มเข้าโจมตี
“รอเดี๋ยว ผมยังนำของล้ำค่าออกมาไม่หมดเลย!…” จางเซวียนบ่นขณะสะบัดข้อมืออีกครั้ง
ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ!
ของล้ำค่าระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่อีก 4 ชิ้นปรากฏ มันคืออาวุธของเป่ยเฟิงและของล้ำค่าชิ้นอื่นๆที่จางเซวียนได้มาจากการดวล 2 ครั้งก่อนหน้า
ทันทีที่ของล้ำค่าอีก 4 ชิ้นปรากฏ นิ้วของจางเซวียนก็ขยับอย่างแผ่วเบา จัดวางพวกมันไว้ให้อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง
วิ้ง! วิ้ง! วิ้ง! วิ้ง!
ของล้ำค่าระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ทั้ง 4 ผนึกกำลังกันเป็นหนึ่งเดียว แสดงอาการยอมจำนนให้จางเซวียน พวกมันยอมรับเขาเป็นเจ้านายของมัน
ฟิ้วววว!
จากนั้น ของล้ำค่าทั้ง 4 ชิ้นก็ลอยขึ้นสู่กลางอากาศแล้วพุ่งตรงเข้าใส่กองทัพเผ่าพันธุ์ปีศาจ
“ของล้ำค่าระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ 10 ชิ้น? นี่…แบบนี้เรียกว่าการดวลอย่างชอบธรรมหรือ?”
“นี่คือความหมายของการที่เขาพูดว่า ‘ต่อให้ผมเทียบชั้นกับพวกมันไม่ได้และทุกอย่างที่ทำไปต้องสูญเปล่า ผมก็จะไม่ถอย’ ใช่ไหม?”
เห็นของล้ำค่าในตำนานลอยละล่องอยู่รอบตัวจางเซวียน กองทัพเผ่าพันธุ์ปีศาจขนลุกขนชันไปทั้งตัว พวกมันแทบกระอักเลือดออกมาด้วยความท้อใจ
หากเป็นของล้ำค่าเพียงชิ้นเดียว ก็ยังพอจะรับมือไหว แต่นี่มีถึง 10 ชิ้น…นั่นเท่ากับต้องเผชิญหน้ากับนักรบขั้นชั่วกัลปาวสานถึง 10 คนพร้อมๆกัน พวกมันมีโอกาสที่จะรับมือกับพละกำลังระดับนี้ไหวหรือ?
เมื่อหวนนึกถึงคำพูดของชายหนุ่มที่พูดออกมาก่อนหน้า ซึ่งหยิ่งผยองราวกับวีรบุรุษผู้โดดเดี่ยวที่อยู่ท่ามกลางศัตรู พวกมันก็คับอกคับใจจนบอกไม่ถูก
เทียบชั้นไม่ได้*…เทียบชั้นไม่ได้บ้านคุณน่ะสิ!*
ทุกอย่างที่ทำไปต้องสูญเปล่า*!*
คนที่เสียเปรียบน่ะคือพวกเรา ไม่ใช่คุณ*!*
“พวกคุณรีรออะไรอยู่ จะรอให้ความตายวิ่งเข้ามาหรือไง?” ผู้เฒ่าหยูคำรามอย่างคลุ้มคลั่ง
ในฐานะนักปราชญ์โบราณ เขามีชีวิตมายาวนานหลายปีแล้ว แต่ก็ไม่ยังไม่เคยพบอะไรที่น่าหวาดผวาขนาดนี้
“ขะ-ขอรับ!”
ยิ่งปล่อยให้เวลายืดเยื้อออกไปเท่าไหร่ จางเซวียนก็จะยิ่งมีเวลาผนึกกำลังระหว่างของล้ำค่าแต่ละชิ้นมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งหากของล้ำค่าเหล่านี้ร่วมมือกัน พวกมันย่อมไม่มีโอกาสชนะแน่ ดังนั้นเผ่าพันธุ์ปีศาจจึงพุ่งเข้าใส่อย่างดุเดือด
เผ่าพันธุ์ปีศาจตัวที่คำรามออกคำสั่งให้เปิดการโจมตีเมื่อครู่นี้คือผู้ที่เข้าถึงจางเซวียนเป็นคนแรก อาวุธที่มันใช้คือง้าวที่มีวรยุทธระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่
เขาคือหนึ่งในเผ่าพันธุ์ปีศาจที่มีวรยุทธขั้นชั่วกัลปาวสานโลกจารึกทั้ง 6 ตัว ในแง่ของพละกำลังก็เทียบเท่ากับเป่ยหยวน ความแข็งแกร่งมหาศาลที่เขาสำแดงออกมานั้นหลอมรวมเข้ากันได้อย่างสมบูรณ์แบบกับอาวุธที่ใช้ ด้วยการกวัดแกว่งเพียงเล็กน้อย เสียงระเบิดดังสนั่นก็กึกก้องไปทั่ว มิติที่อยู่โดยรอบถึงกับบิดเบี้ยวเพราะแรงปะทะ
จางเซวียนรู้สึกได้ถึงพละกำลังมหาศาลที่พุ่งตรงลงมายังศีรษะของเขา
ขณะที่ดูเหมือนว่าตัวเขาจะแยกออกเป็น 2 ส่วน เวลาก็ถูกเร่งให้เร็วขึ้นทันที จางเซวียนหันหลังกลับไปเพื่อเผชิญหน้ากับง้าวได้อย่างสบายๆ ก่อนจะเคาะนิ้วลงไปบนนั้น
เกิดเสียงหึ่งด้วยความตื่นเต้นดังมาจากง้าว จากนั้นร่างใหญ่โตของมันก็สั่นสะท้านด้วยความโกรธเกรี้ยว มันดิ้นรนหนีจากมือของเผ่าพันธุ์ปีศาจ หันคมของมันเข้าใส่พร้อมกับกวัดแกว่งอย่างดุเดือด
“เวรแล้ว…”
นัยน์ตาของเผ่าพันธุ์ปีศาจตัวนั้นเบิกโพลงด้วยความพรั่นพรึงกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน
พริบตาต่อมา ศีรษะของมันก็กลิ้งอยู่กับพื้น แม้ตอนที่กำลังจะตาย ก็ยังไม่รู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น
“นั่น…เขาเพิ่งทำให้ง้าวเล่มนั้นยอมจำนนหรือ?”
เหล่าปรมาจารย์ถึงกับจังงังกับสิ่งที่เห็น
ผู้เฒ่าหยูก็แทบคุ้มคลั่ง
ทำให้อาวุธของพวกเขายอมจำนนและแปรเปลี่ยนมาเป็นเจ้านายของมันได้ในระหว่างการสู้รบ…พวกเขามาเจอกับศัตรูที่มีความสามารถระดับนี้ได้อย่างไร?
ยังไม่ทันที่ทุกคนจะหายจังงัง ชายหนุ่มก็พุ่งเข้าใส่กองทัพเผ่าพันธุ์ปีศาจ อาวุธทุกชนิดที่สัมผัสกับปลายนิ้วของเขาแปรพักตร์มาเป็นบริวารของเขาทันที พร้อมกันนั้น ทั้งก้อนอิฐ หอกสวรรค์กระดูกมังกร และอาวุธชิ้นอื่นๆต่างก็ผนึกกำลังกันเพื่อเล่นงานกองทัพเผ่าพันธุ์ปีศาจ
“ตอนแรก ผมคิดว่าเผ่าพันธุ์ปีศาจทำเกินไปที่เข้ารุมสกรัมปรมาจารย์จาง แต่ทำไมตอนนี้ถึงดูเหมือนว่าจะเป็นปรมาจารย์จางที่รังแกพวกมัน?”
“ฉกฉวยเอาอาวุธของศัตรูมาได้ ทั้งยังกลายเป็นเจ้านายของพวกมันด้วย ผมสงสัยเหลือเกินว่าเผ่าพันธุ์ปีศาจพวกนั้นจะช้ำใจสักแค่ไหน!”
“ไม่จำเป็นต้องสงสัยหรอก มันย่อมเลวร้ายกว่าที่คุณจะจินตนาการได้แน่ ไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมปรมาจารย์จางถึงกล้าท้าทายพวกมันทุกตัวพร้อมกันทีเดียว ดูเหมือนเขาเตรียมการไว้แล้วตั้งแต่ต้น เขาวางแผนที่จะสังหารเผ่าพันธุ์ปีศาจทั้งหมด”
…..
ท่ามกลางเสียงออกความเห็นเซ็งแซ่ จางเซวียนหลบออกมาจากกลุ่มฝูงชน เขาเอาสองมือไพล่หลังไว้และเฝ้าดูการต่อสู้อันดุเดือดระหว่างกองทัพเผ่าพันธุ์ปีศาจกับอาวุธทั้งหมดของเขา
จางเซวียนอดรำพึงไม่ได้ “ผมสำนึกในบุญคุณมากเลยสำหรับของขวัญที่พวกคุณมอบให้ ผมจะน้อมรับมันไว้!”