ตอนที่ 121-3 ข้าวใหม่ปลามัน ตัวติดกันราวกับตังเม

จำนนรักชายาตัวร้าย

อวี้เฟยเยียนพยายามอดกลั้นเอาไว้เช่นนี้ ทำให้ซย่าโหวฉิงเทียนไม่พึงพอใจ เขากุมเท้าน้อยๆทั้งสองข้างของนางเอาไว้ในมือแล้วหยอกเย้ามันเล็กน้อย จนสุดท้ายอวี้เฟยเยียนทนไม่ไหว ครางออกมาอย่างยอมจำนน

 

 

“แมวน้อย เท้าของเจ้าช่างน่ารักจริงๆ!”

 

 

เท้าของนางไม่เพียงแต่มีขนาดเล็กจิ้มลิ้มน่ารัก ยังขาวสะอาดนวลเนียนราวกับหยกบริสุทธิ์ ใช้เพียงมือเดียวก็กุมเอาไว้ได้พบดิบพอดี ทั้งยังเป็นจุดที่อ่อนไหวไวต่อความรู้สึกของนางอีกด้วย

 

 

มองดูชายหนุ่มผู้เย่อหยิ่งสูงส่งที่กำลังกุมฝ่าเท้าเล็กๆของตนเองเอาไว้นั้น อวี้เฟยเยียนก็ถึงกับเงยหน้าน้ำตาไหลพราก ปากก็พร่ำว่า

 

 

“สัตว์ร้าย ออกไปนะ!”

 

 

กว่าที่อวี้เฟยเยียนจะตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ก็ปาเข้าไปช่วงเที่ยง

 

 

นางเหลือบไปเห็นซย่าโหวฉิงเทียนกำลังอ่านอะไรบางอย่างท่าทางจริงจังเป็นการเป็นงาน

 

 

จวบจนกระทั่งนามองเห็นชัดเจนว่าสิ่งที่อยู่ในมือของซย่าโหวฉิงเทียนคือชุนกงถูนั่นเอง อวี้เฟยเยียนก็ถึงกับกัดฟันกรอดอีกด้านก็น้ำตาไหลพรากแทบสลบลงไปบนเตียง

 

 

นางจะต้องตามหาคนวาดชุนกงถูให้เจอ แล้วทรมานคนผู้นั้นให้หนัก!

 

 

ท่าทางที่ปรากฏอยู่ในนั้นมีมากมายที่ไม่สามารถที่จะใช้ร่างกายมนุษย์กระทำตามได้ทั้งหมด แล้วเหตุใดถึงต้องวาดมันออกมาเพื่อมอมเมาทำร้ายซย่าโหวฉิงเทียนด้วยนะ!

 

 

‘หรือไม่รู้ว่าคนที่เด็ดขาดหัวรั้นเฉกเช่นซย่าโหวฉิงเทียน จะคิดจริงจังกันนะหา?’

 

 

‘ทรมานคนไม่ให้พักไม่ให้ผ่อนเช่นนี้ ใจร้ายนัก!’

 

 

หลังจากที่รับอาหารกลางวันเรียบร้อยและให้ซย่าโหวฉิงเทียนบีบนวดคลายความเมื่อล้าให้แล้ว ซย่าโหวฉิงเทียนก็พานางไปยังห้องฝึกซ้อม

 

 

แมวน้อย พละกำลังของเจ้ายังอ่อนแอเกินไป!

 

 

คำพูดของซย่าโหวฉิงเทียนทำเอาอวี้เฟยเยียนสำลักแทบเป็นแทบตาย

 

 

เมื่อเข้าใจในสาเหตที่มาที่ไปของคำพูดนี้แล้ว อวี้เฟยเยียนก็ขอกล่าวจากใจเลยว่า นางนับว่าแข็งแกร่งมากแล้ว!

 

 

หากว่าเป็นหญิงสาวธรรมดาทั่วไปละก็ต้องมาเจอสัตว์ป่าที่แสนแข็งแกร่งของเขาละก็ เลือดสาดกระเซ็นท่วมห้องหอไปแล้ว!

 

 

ยิ่งกว่านั้นพละกำลัง ความอดทนอดกลั้นและการคงสภาพของสมรรถนะของเขาอยู่เหนือคนทั่วไปมากเช่นนั้น โชคยังดีที่นางเป็นถึงปรมาจารย์ เป็นคนธรรมดาคงจะทานทนไม่ไหวเป็นแน่ เห็นทีว่าเขาอาจจะต้องกลายเป็นพ่อหม้ายในคืนวันแต่งงานเป็นแน่!

 

 

แต่ทว่า อวี้เฟยเยียนไม่มีเวลาที่จะมานั่งอธิบายสิ่งเหล่านี้ให้ซย่าโหวฉิงเทียนฟัง เพราะเขาได้เริ่มการฝึกฝนที่เข้มข้นให้กับนางไปเสียแล้ว

 

 

จอมเทพอาวุโสให้เกียรติมาฝึกสอนให้ด้วยตัวเอง นับเป็นเรื่องดีที่ผู้ฝึกวรยุทธ์ทุกคนต่างก็ใฝ่ฝัน แต่หากพวกเขารู้ว่า สาเหตุที่ซย่าโหวฉิงเทียนที่เป็นถึงจอมเทพอาวุโสมาฝึกฝนให้กับนางด้วยตัวเองนั้นก็เพื่อในตอนที่นางและเขากำลังเสพสุขด้วยกันฉันท์สามีนั้น นางจะไม่เหน็ดเหนื่อยจนสลบเหมือดไป ทุกคนคงแทบจะสะดุ้งไปตามๆกันทีเดียว

 

 

เนื่องจากวันที่สามหลังจากแต่งงานจะต้องกลับไปเยี่ยมบ้านเจ้าสาว ดังนั้นคืนนี้ซย่าโหวฉิงเทียนเพียงแค่นอนกอดอวี้เฟยเยียนเท่านั้น โดยที่ไม่ได้ทำอะไรอย่างอื่นอีก

 

 

เมื่อได้นอนหลับอย่างสบายโดยไม่ต้องถูกเขาทรมาน ในวันที่กลับไปเยี่ยมบ้านหลังจากแต่งงานนั้นอวี้เฟยเยียนจึงมีสีหน้าแจ่มใสท่าทีสดชื่นกระปรี้กระเปร่ายิ่งนัก

 

 

มองดูรอยยิ้มอันสดใสของอวี้เฟยเยียน ซย่าโหวฉิงเทียนถึงกับต้องแอบขุ่นเคืองอยู่ไม่น้อย

 

 

เมื่อคืนนี้เขาเอาแต่พลิกไปพลิกมา ตั้งนานกว่าที่จะข่มตาหลับลงได้

 

 

นวลนางเนื้อตัวนุ่มนิ่มอยู่ในอ้อมอก ทว่ากลับต้องอดกลั้นเอาไว้ มันเป็นความทรมานที่หนักหนาสาหัสเหลือแสน

 

 

แมวน้อยตัวแสบไม่เพียงแต่หลับอย่างสบายใจเฉิบ ตื่นเช้ามายังเอาแต่เอายิ้มสีหน้าเปี่ยมสุขอีกต่างหาก นางกำลังหัวเราะใครกัน

 

 

“พี่เตรียมของขวัญเอาไว้แล้ว! เจ้าไม่ต้องกังวลใจ!”

 

 

ถึงแม้ซย่าโหวฉิงเทียนจะทำหน้าบ่อบุญไม่รับมาตลอดทางที่นั่งอยู่บนรถม้า แต่เพียงไม่นานเขาก็กลับคืนสู่ภาวะปกติ

 

 

ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้ว ตราบใดที่อวี้เฟยเยียนยังไม่สำเร็จขั้นที่สูงขึ้น เขาก็จะไม่สามารถครอบครองนางโดยสมบูรณ์และสุขสมร่วมกันอย่างที่สุดได้ ดังนั้น งานเร่งด่วนในตอนนี้ก็คือเขาจะต้องทำให้นางสำเร็จขั้นเพิ่มขึ้นให้ได้!

 

 

‘นางรอได้ แต่เขารอไม่ได้!’

 

 

“กลับไปพี่ค่อยคิดบัญชีกับเจ้า!” ในขณะที่ลงจากรถม้า ซย่าโหวฉิงเทียนจึงแอบไปกระซิบที่ข้างหูอวี้เฟยเยียน

 

 

“มาสิ ใครต้องกลัวใครกันแน่!”

 

 

เมื่อมาถึงที่หน้าจวนพระยาภักดีแล้ว ก็ทำให้อวี้เฟยเยียนฮึกเหิมเพราะรู้สึกมีกำลังสนับสนุนเต็มที่ จึงไม่เกรงกลัวผลลัพธ์ที่จะตามมาหลังจากไปท้าทายซย่าโหวฉิงเทียนเช่นนั้น

 

 

‘นางจะดื่มด่ำความสุขตรงหน้าให้หนำใจ จะไม่ไปคิดกังวลเรื่องในอนาคตอีกแล้ว!’

 

 

‘ทำกระหยิ่มยิ้มย่องไปเถอะ หลังจากนี้ค่อยว่ากันใหม่!’

 

 

อวี้จิงเหลยและอวี้เชียนเสวี่ยรอคอยอยู่ที่หน้าประตูตั้งแต่เช้า

 

 

หลานสาวจะกลับมาเยี่ยมบ้านทั้งที ประมุขสกุลอวี้จึงตื่นแต่เช้าตรู่ สั่งการให้คนตระเตรียมอาหารสำรับต่างๆที่อวี้เฟยเยียนชอบกิน ชอบดื่มเอาไว้

 

 

อวี้เฟยเยียนแต่งงานไปสองวัน อวี้จิงเหลยก็เป็นกังวลอยู่สองวัน

 

 

ถึงแม้ว่าอวี้จิงเหลยจะรู้ดีว่าซย่าโหวฉิงเทียนดีกับอวี้เฟยเยียนมาก แต่หลานสาวของเขาแต่งงานเข้าเป็นสะใภ้หลวง ไม่ได้มีอิสระเสรีเหมือนเมื่อครั้งที่เป็นแม่นางน้อยอย่างเมื่อก่อนอีกต่อไป แล้วอวี้จิงเหลยจะไม่เป็นห่วงได้อย่างไรกัน!

 

 

จวบจนกระทั่งเห็นซย่าโหฉิงเทียนประคับประคองอวี้เฟยเยียนลงจากรถม้าด้วยตัวเอง ทั้งสีหน้าหลานสาวยังเปล่งปลั่งอิ่มเอมไปด้วยความสุขเช่นนั้น อวี้จิงเหลยจึงวางใจได้ในที่สุด

 

 

“ท่านปู! ท่านลุงสาม!”

 

 

อวี้เฟยเยียนไม่ได้คิดว่าตนเองคือหลานสาวที่แต่งงานออกไปแล้วเลยแม้แต่น้อย นางยังคงทำตัวราวกับมาบ้านของตัวเองอย่างไรอย่างนั้น

 

 

“กลับมาแล้วก็ดี!”

 

 

อวี้จิงเหลยถึงกับน้ำตาคลอเบ้า

 

 

บัดนี้หลานสาวตัวน้อยของเขาโตเป็นผู้ใหญ่จนแต่งงานออกเรือนไปแล้วจริงหรือ เวลาผ่านไปรวดเร็วจริงๆ!

 

 

บางที อีกไม่นานอวี้เฟยเยียนก็จะได้เป็นแม่คนแล้ว ส่วนเขาก็จะมีเหลนเพิ่มมาอีกหนึ่งรุ่น

 

 

“รีบเข้ามาเร็ว!”

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนเองก็มาที่จวนสกุลอวี้หลายต่อหลายครั้งและเขาก็รู้สึกอบอุ่นผ่อนคลายทุกครั้งที่มา เพราะครอบรัวของอวี้เฟยเยียนไม่เคยเห็นเขาเป็นคนนอกเลย

 

 

เนื่องจากสมาชิกสกุลอวี้มีจำนวนไม่มาก ในเวลาที่กินข้าวร่วมกันจึงไม่มีแบ่งแยกชายหญิงก่อนหลัง สมาชิกในครอบครัวทุกคนจะมานั่งรวมกันรับประทานอาหารร่วมกันพร้อมกับพูดคุยด้วยความสนุกสนานครื้นเครง

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนพูดน้อย ตรงกันข้ามกลับเป็นอวี้เฟยเยียนและมู่เหนียนซีที่เอาแต่กระซิบกระซาบเรื่องลับๆกันอยู่สองคนตลอดเวลา

 

 

เห็นซย่าโหวฉิงเทียนเลาะก้างปลาออกทีละอันจนหมดแล้วจึงตักไปไว้ในชามของอวี้เฟยเยียนแล้ว อวี้จิงเหลยก็มองพร้อมกับลูบหนวดไปพลางอย่างพึงพอใจ