ตอนที่ 121-4 ข้าวใหม่ปลามัน ตัวติดกันราวกับตังเม

จำนนรักชายาตัวร้าย

ถึงแม้ว่าในวันแต่งงานซย่าโหวฉิงเทียนจะกระทำการที่แปลกประหลาดไปบ้าง แต่เห็นแก่ที่เขาดีกับอวี้เฟยเยียนมากถึงเพียงนี้ ประมุขสกุลอวี้ก็ใจกว้างพอที่จะไม่ไปคิดเล็กคิดน้อยเรื่องการกระทำของเขาในวันแต่งงานนั่นอีก

 

 

ขอเพียงแต่พวกเขาสองคนสมัครสมานสามัคคี รักใคร่ปรองดองกันก็เพียงพอแล้ว!

 

 

หลังจากที่กินข้าวกันเสร็จเรียบร้อย พ่อบ้านเซี่ยงก็เดินเข้ามาท่าทางร้อนรน

 

 

“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”

 

 

เห็นสีหน้าคนสนิทของตนออกอาการร้อนรนอย่างเห็นได้ชัด อวี้จิงเหลยจึงกล่าวถามขึ้น

 

 

“เรียนเอ่อ…”

 

 

พ่อบ้านเซี่ยงเหลือบมองไปที่ซย่าโหวฉิงเทียนและอวี้เฟยเยียนแวบหนึ่ง ท่าทางไม่กล้าที่จะเอ่ยปาก

 

 

“พูดมาเถอะ พวกเขาไม่ใช่คนนอก!”

 

 

เรื่องเป็นเช่นนี้ขอรับ!

 

 

ที่แท้แล้ว คนของจวนสกุลอวี้ที่มีหน้าที่จ่ายตลาดเลือกซื้อผลไม้ ไปได้ยินเรื่องซุบซิบนินทาบางอย่างมาขณะที่ออกไปจับจ่ายซื้อผักผลไม้ที่ตลาด เรื่องมีอยู่ว่าตอนนี้ผู้คนต่างก็เอาไปลือกันให้สนั่นเมืองว่าอวี้เฟยเยียนคือคู่หมั้นของซย่าโหวหนาน มาตอนนี้กลับมาแต่งงานกับซย่าโหวฉิงเทียน ดังนั้นระหว่างลุงกับคู่หมั้นของหลานชาย จึงมีเรื่องคาวๆรักๆใคร่ๆที่ปิดบังเอาไว้มาตั้งนานแล้ว…

 

 

ถึงแม้พ่อบ้านเซี่ยงจะใช้คำง่ายๆมารายงานเรื่องที่เกิดขึ้น ทว่าอวี้จิงเหลยกลับฟังดูก็รู้ทันทีว่าเรื่องราวมันน่ารังเกียจเพียงไหน

 

 

“บัดซบ! ใครกันที่คอยยุยงปลุกปั่นเรื่องจากถูกเป็นผิดได้!”

 

 

อวี้จิงเหลยโมโหโกรธาจนเกือบจนล้มโต๊ะด้วยซ้ำ

 

 

อวี้เฟยเยียนและซย่าโหวหนานยกเลิกการหมั้นหมายไปตั้งนานแล้ว นางและคนผู้นั้นไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันแม้แต่น้อย

 

 

ตอนนี้หลานสาวของเขากลับต้องมาถูกสวม ‘ตำแหน่งคู่หมั้นของรัชทายาทองค์ก่อน’ เข้าให้ ทั้งยังถูกสร้างเรื่องอื้อฉาวมาใส่ร้ายป้ายสีอีกด้วย คนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ต้องการสร้างปัญญาให้กับหลานสาวของเขาและสามีอย่างนั้นหรือ?

 

 

ส่วนสีหน้าของซย่าโหวฉิงเทียนยิ่งไม่ต้องพูดถึง น่ากลัวจนไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาบรรยายได้

 

 

“เห็นทีว่าช่วงนี้พี่คงจะปล่อยปละละเลยใจดีเกินไป คนพวกนั้นถึงได้ลืมเลือนวิธีการในแบบของพี่ไปเสียแล้ว!”

 

 

น้ำเสียงของซย่าโหวฉิงเทียนนิ่งเรียบกังวาน ราวกับส่งมาจากฟากฟ้า ทว่ากลับทำให้ผู้คนที่อยู่ ณ ที่นั้น นอกเหนือจากอวี้เฟยเยียน รู้สึกหวั่นใจ

 

 

จริงๆด้วย!

 

 

พวกเขาหลงลืมไปได้อย่างไร ซย่าโหวฉิงเทียนมีชื่อเสียงมาจากสังหาร กลิ่นคาวเลือดและกองกระดูกมนุษย์นี่นา

 

 

“ท่านปู่ เรื่องนี้ท่านไม่ต้องเหนื่อย”

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนฉีกยิ้ม ทว่าจุดแดงที่หว่างคิ้วของเขาเด่นชัด

 

 

“ข้าก็อยากจะดูสิว่าใครกันที่มันอาจหาญถึงเพียงนี้!”

 

 

เดิมทีวันนี้นับเป็นวันดี ใครจะคาดคิดว่าจะมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นได้

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก เขากำลังขุ่นเคืองใจอย่างหนัก——

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนฝากอวี้เฟยเยียนไว้ที่จวนพระยาภักดี ส่วนตัวเขาขอตัวกลับจวนอ๋องไปก่อน

 

 

“คงจะไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นใช่ไหม!”

 

 

มู่เหนียนซีมองอวี้เฟยเยียนด้วยสายตาตื่นตระหนก เมื่อครู่หน้าตาท่าทางขอซย่าโหวฉิงเทียนน่าหวาดกลัวเหลือเกิน ท่าทางราวกับจะฉีกคนเป็นชิ้นๆอย่างไรอย่างนั้น! น่าหวาดกลัวยิ่งนัก!

 

 

“ท่านป้าสามวางใจได้!”

 

 

อวี้เฟยเยียนเองก็ไม่ชอบใจกับพวกที่ชอบเอาคนอื่นไปพูดจาให้ร้ายลับหลังเช่นกัน

 

 

‘พวกเขาคิดว่านางเป็นพระโพธิสัตว์ที่คอยแต่ช่วยเหลือคนตกทุกข์ได้ แล้วจะไม่มีอารมณ์ไม่มีหัวใจหรืออย่างไร?’

 

 

“เรื่องนี้หากไม่เลือดตกยางออกกันเสียบ้างคงจะไม่มีวันแก้ไขได้! หึๆ…”

 

 

อวี้เฟยเยียนยิ้มหวาน ทว่าอวี้จิงเหลยและอวี้เชียนเสวี่ยกลับมองเห็นเงาของของซย่าโหวฉิงเทียนในตัวของนาง

 

 

ผัวเมียคู่นี้ แม้กระทั่งลักษณะท่าทางยังเหมือนกันถึงเพียงนี้!

 

 

ชิงหงทำงานได้อย่างรวดเร็ว เพียงไม่นานก็สืบหาที่มาที่ไปของเรื่องนี้มาได้

 

 

พระชายาแห่งหนิงอ๋องหลังจากที่กลับถึงเมืองหลวงก็จัดงานชมดอกไม้ที่จวน และเสียงลือเสียงเล่าอ้างเล่านี้ก็มาจากนางนั่นเอง แม้ว่าในตอนนั้นนางเพียงแค่เอาเรื่องนี้พูดคุยกับเหล่าคุณหญิงคุณนายทั้งหลายเล่นๆเท่านั้น จึงไม่รู้ว่าเรื่องนี้มันแพร่งพรายออกไปได้อย่างไร

 

 

“ดีมาก!”

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนใช้ตราทางการทหาร สั่งการให้ทหารล้อมจวนหนิงอ๋องเอาไว้

 

 

เรื่องใหญ่ถึงเพียงนี้ แน่นอนว่าย่อมทำให้ประชาชนชาวเมืองหลวงตื่นตระหนกตกใจเป็นอย่างมาก

 

 

แต่เมื่อนำข่าวลือที่กำลังแพร่สะพัดอยู่ในขณะนี้กับการกระทำของซย่าโหวฉิงเทียนมาประติดประต่อเข้าด้วยกัน ทุกคนถึงได้เข้าใจในที่สุด เรื่องนี้จะต้องเกี่ยวข้องกับหนิงอ๋องอย่างแน่นอน

 

 

งานราตรีชมดอกไม้จัดขึ้นห้าวัน และวันนี้เป็นวันสุดท้าย

 

 

ใครจะคาดคิดว่าซย่าโหวฉิงเทียนจะนำกำลังบุกเข้ามา

 

 

บรรดาคุณหญิงคุณนายที่อยู่ในงาน เมื่อเห็นซย่าโหวฉิงเทียนเดินถมึงทึงเข้ามาพร้อมกับไอสังหารที่เต็มเปี่ยม ต่างก็ตกใจจนขวัญเสียไปตามๆกัน

 

 

ในตอนนี้หลินเจียงอ๋องมิควรจะอยู่เป็นเพื่อนเมียที่เพิ่งแต่งานหมาดๆที่จวนหรอกหรือ?

 

 

แล้วเขามาที่จวนหนิงอ๋องทำไมกัน?

 

 

“เสด็จลุงสิบสี่…”

 

 

ได้ยินว่าจวนหนิงอ๋องถูกกำลังทหารล้อมเอาไว้ด้วยแล้ว ทั้งได้มาเห็นสีหน้าโกรธเกรี้ยวของซย่าโหวฉิงเทียนอีก ทำเอาชยาแห่งหนิงอ๋องตกใจจนเกือบจะร้องไห้ทีเดียว

 

 

เกิดเรื่องอะไรขึ้น?

 

 

“ชิงหง!”

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนขี้เกียจจะพูดมากอีกต่อไป เขาตวัดมือเป็นสัญญาณ พลันชิงหงก็รีบวิ่งออกมาแล้วไร่เรียงเรื่องราวว่าพระชายาแห่งหนิงอ๋อง เมื่อไหร่เวลาใด พูดอะไรกับใครไปบ้างออกมาโดยละเอียดทุกเม็ด

 

 

บรรดาฮูหยินและราชนิกูลที่คุยกับพระชายาหนิงอ๋องในวันนั้น เมื่อได้ยินในสิ่งที่ชิงหงรายงานไปก็ถึงกับแข้งขาอ่อน ทรุดลงที่พื้นไปตามๆกัน

 

 

พวกนางปิดประตูคุยกันอยู่ในที่รโหฐานมิใช้หรือ แล้วหลินเจียงอ๋องรู้ได้อย่างไร?

 

 

แต่ทว่าคนที่หวาดกลัวที่สุดเห็นจะหนีไม่พ้น พระชายาแห่งหนิงอ๋อง

 

 

นางเพียงแต่หลุดปากเอ่ยเรื่องที่นางคาดเดาออกไปเท่านั้นเอง นึกไม่ถึงว่าเรื่องนี้จะถูกแพร่งพรายออกไปทั้งซย่าโหวฉิงเทียนมาคิดบัญชีถึงที่ภายในเวลาอันรวดเร็วเช่นนี้

 

 

“เจ้ามีปัญหากับข้า?”

 

 

“เสด็จลุงสิบสี่——”

 

 

“บอกมา!”

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนไม่มีความอดทนพอที่จะมาทนดูผู้หญิงบีบน้ำตา

 

 

อีกอย่างหนึ่งในสายตาของเขา นอกจากแมวน้อยแล้ว คนอื่นล้วนแล้วแต่หน้าตาอัปลักษณ์ทั้งสิ้นสำหรับเขา!

 

 

“ข้า ข้าเปล่า…”

 

 

ชายาแห่งหนิงอ๋องร่างสั่นระริกด้วยความหวาดกลัว มองดูแล้วก็ให้น่าสงสารยิ่งนัก แต่ทว่ากลับมิสามารถขอความเห็นใจจากซย่าโหวฉิงเทียนได้เลยแม้แต่น้อย

 

 

“เหอะๆ——”