ถึงแม้ว่าในวันแต่งงานซย่าโหวฉิงเทียนจะกระทำการที่แปลกประหลาดไปบ้าง แต่เห็นแก่ที่เขาดีกับอวี้เฟยเยียนมากถึงเพียงนี้ ประมุขสกุลอวี้ก็ใจกว้างพอที่จะไม่ไปคิดเล็กคิดน้อยเรื่องการกระทำของเขาในวันแต่งงานนั่นอีก
ขอเพียงแต่พวกเขาสองคนสมัครสมานสามัคคี รักใคร่ปรองดองกันก็เพียงพอแล้ว!
หลังจากที่กินข้าวกันเสร็จเรียบร้อย พ่อบ้านเซี่ยงก็เดินเข้ามาท่าทางร้อนรน
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
เห็นสีหน้าคนสนิทของตนออกอาการร้อนรนอย่างเห็นได้ชัด อวี้จิงเหลยจึงกล่าวถามขึ้น
“เรียนเอ่อ…”
พ่อบ้านเซี่ยงเหลือบมองไปที่ซย่าโหวฉิงเทียนและอวี้เฟยเยียนแวบหนึ่ง ท่าทางไม่กล้าที่จะเอ่ยปาก
“พูดมาเถอะ พวกเขาไม่ใช่คนนอก!”
เรื่องเป็นเช่นนี้ขอรับ!
ที่แท้แล้ว คนของจวนสกุลอวี้ที่มีหน้าที่จ่ายตลาดเลือกซื้อผลไม้ ไปได้ยินเรื่องซุบซิบนินทาบางอย่างมาขณะที่ออกไปจับจ่ายซื้อผักผลไม้ที่ตลาด เรื่องมีอยู่ว่าตอนนี้ผู้คนต่างก็เอาไปลือกันให้สนั่นเมืองว่าอวี้เฟยเยียนคือคู่หมั้นของซย่าโหวหนาน มาตอนนี้กลับมาแต่งงานกับซย่าโหวฉิงเทียน ดังนั้นระหว่างลุงกับคู่หมั้นของหลานชาย จึงมีเรื่องคาวๆรักๆใคร่ๆที่ปิดบังเอาไว้มาตั้งนานแล้ว…
ถึงแม้พ่อบ้านเซี่ยงจะใช้คำง่ายๆมารายงานเรื่องที่เกิดขึ้น ทว่าอวี้จิงเหลยกลับฟังดูก็รู้ทันทีว่าเรื่องราวมันน่ารังเกียจเพียงไหน
“บัดซบ! ใครกันที่คอยยุยงปลุกปั่นเรื่องจากถูกเป็นผิดได้!”
อวี้จิงเหลยโมโหโกรธาจนเกือบจนล้มโต๊ะด้วยซ้ำ
อวี้เฟยเยียนและซย่าโหวหนานยกเลิกการหมั้นหมายไปตั้งนานแล้ว นางและคนผู้นั้นไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันแม้แต่น้อย
ตอนนี้หลานสาวของเขากลับต้องมาถูกสวม ‘ตำแหน่งคู่หมั้นของรัชทายาทองค์ก่อน’ เข้าให้ ทั้งยังถูกสร้างเรื่องอื้อฉาวมาใส่ร้ายป้ายสีอีกด้วย คนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ต้องการสร้างปัญญาให้กับหลานสาวของเขาและสามีอย่างนั้นหรือ?
ส่วนสีหน้าของซย่าโหวฉิงเทียนยิ่งไม่ต้องพูดถึง น่ากลัวจนไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาบรรยายได้
“เห็นทีว่าช่วงนี้พี่คงจะปล่อยปละละเลยใจดีเกินไป คนพวกนั้นถึงได้ลืมเลือนวิธีการในแบบของพี่ไปเสียแล้ว!”
น้ำเสียงของซย่าโหวฉิงเทียนนิ่งเรียบกังวาน ราวกับส่งมาจากฟากฟ้า ทว่ากลับทำให้ผู้คนที่อยู่ ณ ที่นั้น นอกเหนือจากอวี้เฟยเยียน รู้สึกหวั่นใจ
จริงๆด้วย!
พวกเขาหลงลืมไปได้อย่างไร ซย่าโหวฉิงเทียนมีชื่อเสียงมาจากสังหาร กลิ่นคาวเลือดและกองกระดูกมนุษย์นี่นา
“ท่านปู่ เรื่องนี้ท่านไม่ต้องเหนื่อย”
ซย่าโหวฉิงเทียนฉีกยิ้ม ทว่าจุดแดงที่หว่างคิ้วของเขาเด่นชัด
“ข้าก็อยากจะดูสิว่าใครกันที่มันอาจหาญถึงเพียงนี้!”
เดิมทีวันนี้นับเป็นวันดี ใครจะคาดคิดว่าจะมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นได้
ซย่าโหวฉิงเทียนไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก เขากำลังขุ่นเคืองใจอย่างหนัก——
ซย่าโหวฉิงเทียนฝากอวี้เฟยเยียนไว้ที่จวนพระยาภักดี ส่วนตัวเขาขอตัวกลับจวนอ๋องไปก่อน
“คงจะไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นใช่ไหม!”
มู่เหนียนซีมองอวี้เฟยเยียนด้วยสายตาตื่นตระหนก เมื่อครู่หน้าตาท่าทางขอซย่าโหวฉิงเทียนน่าหวาดกลัวเหลือเกิน ท่าทางราวกับจะฉีกคนเป็นชิ้นๆอย่างไรอย่างนั้น! น่าหวาดกลัวยิ่งนัก!
“ท่านป้าสามวางใจได้!”
อวี้เฟยเยียนเองก็ไม่ชอบใจกับพวกที่ชอบเอาคนอื่นไปพูดจาให้ร้ายลับหลังเช่นกัน
‘พวกเขาคิดว่านางเป็นพระโพธิสัตว์ที่คอยแต่ช่วยเหลือคนตกทุกข์ได้ แล้วจะไม่มีอารมณ์ไม่มีหัวใจหรืออย่างไร?’
“เรื่องนี้หากไม่เลือดตกยางออกกันเสียบ้างคงจะไม่มีวันแก้ไขได้! หึๆ…”
อวี้เฟยเยียนยิ้มหวาน ทว่าอวี้จิงเหลยและอวี้เชียนเสวี่ยกลับมองเห็นเงาของของซย่าโหวฉิงเทียนในตัวของนาง
ผัวเมียคู่นี้ แม้กระทั่งลักษณะท่าทางยังเหมือนกันถึงเพียงนี้!
ชิงหงทำงานได้อย่างรวดเร็ว เพียงไม่นานก็สืบหาที่มาที่ไปของเรื่องนี้มาได้
พระชายาแห่งหนิงอ๋องหลังจากที่กลับถึงเมืองหลวงก็จัดงานชมดอกไม้ที่จวน และเสียงลือเสียงเล่าอ้างเล่านี้ก็มาจากนางนั่นเอง แม้ว่าในตอนนั้นนางเพียงแค่เอาเรื่องนี้พูดคุยกับเหล่าคุณหญิงคุณนายทั้งหลายเล่นๆเท่านั้น จึงไม่รู้ว่าเรื่องนี้มันแพร่งพรายออกไปได้อย่างไร
“ดีมาก!”
ซย่าโหวฉิงเทียนใช้ตราทางการทหาร สั่งการให้ทหารล้อมจวนหนิงอ๋องเอาไว้
เรื่องใหญ่ถึงเพียงนี้ แน่นอนว่าย่อมทำให้ประชาชนชาวเมืองหลวงตื่นตระหนกตกใจเป็นอย่างมาก
แต่เมื่อนำข่าวลือที่กำลังแพร่สะพัดอยู่ในขณะนี้กับการกระทำของซย่าโหวฉิงเทียนมาประติดประต่อเข้าด้วยกัน ทุกคนถึงได้เข้าใจในที่สุด เรื่องนี้จะต้องเกี่ยวข้องกับหนิงอ๋องอย่างแน่นอน
งานราตรีชมดอกไม้จัดขึ้นห้าวัน และวันนี้เป็นวันสุดท้าย
ใครจะคาดคิดว่าซย่าโหวฉิงเทียนจะนำกำลังบุกเข้ามา
บรรดาคุณหญิงคุณนายที่อยู่ในงาน เมื่อเห็นซย่าโหวฉิงเทียนเดินถมึงทึงเข้ามาพร้อมกับไอสังหารที่เต็มเปี่ยม ต่างก็ตกใจจนขวัญเสียไปตามๆกัน
ในตอนนี้หลินเจียงอ๋องมิควรจะอยู่เป็นเพื่อนเมียที่เพิ่งแต่งานหมาดๆที่จวนหรอกหรือ?
แล้วเขามาที่จวนหนิงอ๋องทำไมกัน?
“เสด็จลุงสิบสี่…”
ได้ยินว่าจวนหนิงอ๋องถูกกำลังทหารล้อมเอาไว้ด้วยแล้ว ทั้งได้มาเห็นสีหน้าโกรธเกรี้ยวของซย่าโหวฉิงเทียนอีก ทำเอาชยาแห่งหนิงอ๋องตกใจจนเกือบจะร้องไห้ทีเดียว
เกิดเรื่องอะไรขึ้น?
“ชิงหง!”
ซย่าโหวฉิงเทียนขี้เกียจจะพูดมากอีกต่อไป เขาตวัดมือเป็นสัญญาณ พลันชิงหงก็รีบวิ่งออกมาแล้วไร่เรียงเรื่องราวว่าพระชายาแห่งหนิงอ๋อง เมื่อไหร่เวลาใด พูดอะไรกับใครไปบ้างออกมาโดยละเอียดทุกเม็ด
บรรดาฮูหยินและราชนิกูลที่คุยกับพระชายาหนิงอ๋องในวันนั้น เมื่อได้ยินในสิ่งที่ชิงหงรายงานไปก็ถึงกับแข้งขาอ่อน ทรุดลงที่พื้นไปตามๆกัน
พวกนางปิดประตูคุยกันอยู่ในที่รโหฐานมิใช้หรือ แล้วหลินเจียงอ๋องรู้ได้อย่างไร?
แต่ทว่าคนที่หวาดกลัวที่สุดเห็นจะหนีไม่พ้น พระชายาแห่งหนิงอ๋อง
นางเพียงแต่หลุดปากเอ่ยเรื่องที่นางคาดเดาออกไปเท่านั้นเอง นึกไม่ถึงว่าเรื่องนี้จะถูกแพร่งพรายออกไปทั้งซย่าโหวฉิงเทียนมาคิดบัญชีถึงที่ภายในเวลาอันรวดเร็วเช่นนี้
“เจ้ามีปัญหากับข้า?”
“เสด็จลุงสิบสี่——”
“บอกมา!”
ซย่าโหวฉิงเทียนไม่มีความอดทนพอที่จะมาทนดูผู้หญิงบีบน้ำตา
อีกอย่างหนึ่งในสายตาของเขา นอกจากแมวน้อยแล้ว คนอื่นล้วนแล้วแต่หน้าตาอัปลักษณ์ทั้งสิ้นสำหรับเขา!
“ข้า ข้าเปล่า…”
ชายาแห่งหนิงอ๋องร่างสั่นระริกด้วยความหวาดกลัว มองดูแล้วก็ให้น่าสงสารยิ่งนัก แต่ทว่ากลับมิสามารถขอความเห็นใจจากซย่าโหวฉิงเทียนได้เลยแม้แต่น้อย
“เหอะๆ——”