TQF:บทที่ 699 ข่าวน่าตกใจ (2)

 

จิตสังหารรุนแรงที่มาจากด้านหลังนี้เฉิงเสี่ยวเสี่ยวย่อมรู้สึกถึงมัน และนางไม่พูดอะไร แววตานางเย็นยะเยือก หลังจากที่ปาดดาบไปที่คอของคนๆนึงก็เอียงตัวไปด้านขวานิดหน่อย จู่ๆดาบคมในมือก็พุ่งออกไปกลายเป็นแสงวาบพุ่งใส่อีกฝ่ายด้วยความว่องไวและรุนแรง

 

ชั่วขณะที่ดาบหลุดจากมือไป นางประสานมือ 2 ข้างเป็นสัญลักษณ์ป้องกันการโจมตีจากมังกรเขียวที่แปลงมาจากไม้เท้าไผ่ ผู้เฒ่าชุดเทาไม่แม้แต่จะคิดว่าอีกฝ่ายจะรู้ตัวเร็วขนาดนี้ และยังลงมือแบบไม่เหลือทางให้ถอย

 

แสงเย็นๆวาบผ่านไป ดาบยาวขยายขึ้นในตา ก่อนจะทะลุเข้าหัวไป

 

เร็ว เร็วมาก เร็วจริงๆ….

 

เขาขยับปากทีสองที ตาเบิกกว้าง หงายหลังล้มตึงลงไปราวกับท่อนไม้

 

เมื่อได้เห็นฉากนี้ทั้งหยูเฮงน้อยและขันทีชราต่างถอนหายใจอย่างโล่งอก กลัวจริงๆว่าจะเกิดเรื่องไม่คาดคิด

 

บรรลุเทพเทวาทั้ง 2 ท่านตายแล้ว

 

คนนึงตายด้วยฝ่ามือของหยูเฮงน้อย อีกคนตายด้วยดาบของเฉิงเสี่ยวเสี่ยว สำนักมารไม่มียอดฝีมืออีกต่อไปแล้ว

 

เหล่าผู้อาวุโสและลูกศิษย์ที่คิดจะสู้ด้วยชีวิตพากันหยุดลง อ้าปากค้างมองชายชุดดำทั้ง 2

 

“หนีเร็ว…”

 

ไม่รู้ว่าใครเป็นคนตะโกนขึ้นมา ส่งผลให้ทุกคนตื่นจากภวังค์และได้สติกันหมด ความหวาดกลัวคืบคลานออกมาจากใจ บรรลุเทพเทวาทั้ง 2 ยังถูกกำจัด แล้วพวกเขาจะเอาอะไรไปสู้กับ 2 คนนี้

 

เมื่อคนนึงวิ่ง คนอื่นก็พากันวิ่งไปตามๆกัน ทุกคนล้วนทิ้งสำนักมารไว้ไม่สนใจอีก และวิ่งหนีออกไปสุดชีวิต

 

แต่พวกเขาไม่รู้ว่าเผ่าอสูรที่ได้รับคำสั่งมาถึงพอดี

 

การปะทะกันของคนทั้ง 2 ฝ่ายสร้างปรากฏการณ์เข่นฆ่าที่สะท้านแผ่นดินอีกครั้ง เสียงโหยหวนดังก้องไปทั่วฟ้า สำนักมารเลือดไหลเป็นแม่น้ำ ตายไปแล้วทั้งหมดเท่าไหร่ไม่มีใครรู้

 

การเข่นฆ่าจบลงแล้ว ผู้มีฝีมือชั้นยอดในสำนักแทบจะตายจนสิ้น แต่ผู้มีฝีมือธรรมดากลับไม่ได้เจ็บตายกันมากเท่าไหร่

 

สิ่งที่เหลืออยู่ก็ปล่อยให้เผ่าอสูรจัดการไป หยูเฮงน้อยและเฉิงเสี่ยวเสี่ยวเริ่มค้นหาสมบัติ ไหนๆก็มาแล้วย่อมไม่พลาด

 

มีหยูเฮงน้อยอยู่ที่นี่ ไม่จำเป็นต้องให้ใครนำทางหยูเฮงน้อยก็สามารถหาคลังสมบัติเจอได้ 2 สาวเดินผ่านถนนเล็กๆกลางภูเขาที่สุดแสนจะโบราณ หลังจากที่เดินทะลุโถงทางเดินไปก็มาถึงหน้าตึกเล็กๆที่โบราณและพิถีพิถันอย่างรวดเร็ว

 

“คุณหนู ที่นี่แหละ ไม่คิดว่าพวกเขาจะใจกว้างขนาดนี้ที่เอาของมาเก็บในตึกนี่”

 

หยูเฮงน้อยพินิจพิเคราะห์ตึกโบราณตรงหน้า อุทานและชื่นชม

 

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวเองก็ตั้งใจตรวจดู ก่อนจะเอ่ยขึ้น “เจ้าอย่าดูถูกมันไป อย่างน้อยๆต้องมีวิชาสะกดอยู่ 3 อัน ถ้าพวกเราฝ่าเข้าไปต้องเกิดเรื่องแน่”

 

“อิอิ พวกเราไม่เห็นต้องสนใจวิชาสะกดอะไรนั่นเลย อย่างกับจะขวางพวกเราได้” หยูเฮงน้อยยิ้มแย้ม

 

“ก็จริง” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวหัวเราะ และขี้เกียจจะเสียเวลาคลายวิชาสะกด จึงเข้ามิติไปกับหยูเฮงน้อยและใช้มิติทะลุผ่านวิชาสะกดเข้าไปในตึกเลย

 

“ว้าว ของเยอะจังเลย” เพิ่งจะออกมาจากมิติก็ได้เห็นของกองพะเนินภายในตึกเล็กนี่ เจ้าตัวเล็กอดไม่ได้ที่จะโวยวายออกมา

 

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวใช้พลังจิตสอดส่องดู พบว่านอกจากเหรียญเงินและเหรียญทองแล้ว ยังมีสมบัติหายากมากมาย หินพลังวิญญาณและยาเม็ด ของวิเศษต่างๆ รวมถึงวัตถุดิบสำหรับวิชาต่างๆด้วย แค่ของพวกนี้ก็ถือเป็นลาภก้อนใหญ่แล้ว

 

“สมเป็นสำนักที่มีประวัตินับพันปี ของที่สะสมไว้มีไม่น้อยเลยนะ” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวกล่าวยิ้มๆ

 

“ใช่แล้วคุณหนู ไม่ว่าพวกเขาจะมีมากแค่ไหน ตอนนี้ก็เป็นของพวกเราหมดแล้ว”

 

“ถูกต้อง อย่างไรซะเราก็ต้องการทรัพยากรเรานี้ จะได้เอามาเลื่อนขั้นให้มิติพอดี”

 

ทั้ง 2 ช่วยกันนำเอาของในตึกเล็กนี้เข้ามิติอย่างรวดเร็ว หลังจากที่กวาดล้างตึกเล็กจนเกลี้ยงหยูเฮงน้อยยังไม่หนำใจ โถงปราสาทมีคนอาศัยนางไม่พลาดสักโถงเดียว ไม่ว่าจะเป็นทรัพยากรอะไร ขอแค่เห็นก็จะเก็บเอามา

 

2 สาวกวาดล้างสิ่งของทุกอย่างของสำนักมารมาจนหมดในเวลาครึ่งวัน หยูเฮงน้อยกล่าวไว้ว่าขนสักเส้นก็อย่าเหลือไว้ จะได้ไม่เป็นประโยชน์ต่อคนอื่นแทน

 

ส่วนเผ่าอสูรพันคนที่เฉิงเสี่ยวเสี่ยวเรียกออกมาก็ไม่มีทีท่าว่านางจะเรียกกลับไป นางสั่งให้พวกเขาแยกย้ายไปตามล่าสมบัติตามขุนเขาแล้วค่อยๆทยอยขนกลับชิงยาง แล้วจึงไปหาผู้เฒ่าหยิงที่ตึกจงหยวน

 

เมื่อจัดการคนพวกนี้เสร็จเฉิงเสี่ยวเสี่ยวและหยูเฮงน้อยก็เดินทางกลับชิงยาง

 

รวมเวลาไปกลับของพวกนางยังไม่พ้นวัน ไม่มีใครรู้ว่า 2 สาวออกไปข้างนอก ฟางซูหยุนรู้ว่าพวกนางกลับมาแล้วก็โล่งใจ

 

พวกนางแอบกระซิบเรื่องราวที่เกิดขึ้นที่สำนักมารให้นางฟัง หลังจากที่รู้เรื่องทุกอย่างแล้วฟางซูหยุนแค่ถอนหายใจเบาๆ ไม่ได้พูดอย่างอื่นอีก

 

หลังจากที่เฉิงเสี่ยวเสี่ยวและหยูเฮงน้อยกลับมาก็เก็บตัวฝึกฝนจริงๆ ไม่สนใจเลยว่าโลกภายนอกจะชุลมุนและตื่นตระหนกกันขนาดไหน

 

วันรุ่งขึ้นทั้งเมืองชิงยางก็ฮือฮากันขึ้น ฐานหลักสำนักมารโดนล้างบาง นอกจากพวกลูกศิษย์ธรรมดาแล้ว คนระดับผู้อาวุโสตายกันหมด

 

พอข่าวนี้แพร่ออกไปก็เป็นที่ตกใจ มีคนมากมายที่ไม่เชื่อและไปดูที่สำนักมาร ซึ่งก็ได้พบแค่ศพจริงๆ ไม่มีแม้เงาคนในสำนักมาร

 

ข่าวที่สำนักมารถูกล้างบางเป็นที่พิสูจน์แล้วว่าจริง ฝูงชนอึ้งไปอีกครั้ง ราวกับไม่อยากเชื่อว่าสำนักที่มีบรรลุเทพเทวาคอยพิทักษ์ถึง 2 คนจะถูกล้างบางไป แถมยังไม่มีใครรู้เรื่อง นี่มันน่าตกใจซะจริง

 

ใครเป็นผู้ลงมือนั้นไม่มีใครรู้ รู้แค่มีคนแปลกหน้า 2 คนที่เป็นหัวหน้าปรากฏตัวและฆ่าบรรลุเทพเทวาทั้ง 2 ไป หลังจากนั้นก็เข่นฆ่าเหล่าลูกศิษย์ นอกจากชายชุดดำทั้ง 2 แล้วก็มีคนอื่นอีกนับพันคนที่ลงมือด้วย ซึ่งไม่มีใครรู้ว่าโผล่มาจากไหน

 

ไม่ว่าอย่างไรสำนักมารก็ถูกล้างบางไปแล้วจริงๆ ทุกคนอึ้งกับข่าวนี้

 

จากนั้นเรื่องราวของ 2 สามีภรรยาเจ้าสำนักมารก็ถูกลูกศิษย์ที่เหลือรอดเผยแพร่ออกไป

 

เป็นเพราะภรรยาเจ้าสำนักยั่วยวนผู้อาวุโสบรรลุเทพเทวา ทำให้เจ้าสำนักพิโรธ จึงส่งผลให้มีคนแปลกหน้าลอบเข้ามาในสำนักโดยไม่มีใครรู้ตัว ต้นเหตุที่สมควรตายที่สุดก็คือภรรยาเจ้าสำนักฟางซูเสวี่ย

 

เมื่อข่าวนี้หลุดออกไปก็กระตุ้นต่อมอยากรู้อยากเห็นของชาวบ้านขึ้น เรื่องราวที่เกี่ยวกับภรรยาเจ้าสำนักฟางซูเสวี่ยถูกลูกศิษย์เหล่านั้นเปิดเผยจนหมด

 

เนื่องจากฟางซูเสวี่ยเป็นคนตระกูลฟาง ทำให้หลายๆคนพาดพิงถึงตระกูลฟางไปด้วย ตระกูลฟางจึงได้กลายเป็น 1 ในหัวข้อที่ทั้งชิงยางพูดถึง

 

คำแซวต่างๆก็หลุดออกมา สรุปก็คือคนพวกนี้มีหัวข้อสนทนาใหม่สักที ไม่ว่าจะเดินไปที่ไหนผู้คนก็คุยกันเรื่องสำนักมารและบ้านสามตระกูลฟางอยู่

 

ภายในบ้านสามมีเสียงก่นด่าทำลายข้าวของอีกครั้ง โดยเฉพาะฟางซูเสวี่ยที่ตายไปที่เป็นเป้าก่นด่าของทั้งบ้านสาม พวกเขาลืมไปจนสิ้นว่าเมื่อก่อนเคยอยู่สุขสบายแค่ไหนภายใต้การคุ้มครองจากฟางซูเสวี่ย

 

ผ่านไปวันแล้ววันเล่า คนในชิงยางเยอะขึ้นเรื่อยๆ

——————————