บทที่ 622 ต้นทุนของเย่หย่งหง

ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

เปลี่ยนกำลังภายในให้เป็นพลัง ควบคุมทุกสรรพสิ่งมาได้ดั่งใจ นี่แหละคือสัญญาลักษณ์ของผู้แข็งแกร่งระดับดิน เมื่อเย่เทียนแสดงความสามารถออกมา สีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไปทันที

“เชี่ย! ไอ้หมอนั่นมันโผล่มาจากไหนกัน? อายุแค่นี้ก็ฝึกจนถึงระดับดินแล้ว ไม่แน่ต่อไปอาจจะก้าวถึงระดับฟ้าก็ได้!”

“ถึงว่าทำไมการประลองในปีนี้ เขตทหารเจียงหนันถึงส่งเขามาแค่คนเดียว แค่เขาคนเดียวก็พอแล้ว!”

“ดูท่า ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด แชมป์ของการประลองในรุ่นนี้ต้องเป็นของเขาอย่างแน่นอนแล้ว”

ระหว่างที่พูดอย่างนั้น สายตามากมายที่มองไปยังเย่เทียนก็ซับซ้อนขึ้นมาทันที มีความสนใจแอบแฝง แค่ความนับถือกลับมามากกว่า!

เย่เทียนไม่คาดคิดว่า ตัวเองแค่เผยความสามารถออกมาแค่นิดเดียวก็ทำให้ทุกคนแตกตื่นถึงขนาดนี้ จึงได้หันมองพวกเขาด้วยความแปลกใจไปหลายที

ในเวลาสั้นๆ ก่อนหน้า เขาไม่ได้คิดมากอะไรขนาดนั้น แค่คิดว่าการที่เจี่ยเฉิงสามารถเข้ามาถึงรอบสิบหกคนได้ต้องไม่ธรรมดาแน่นอน เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา จึงได้ทำการโจมตีอย่างคาดไม่ถึงเพื่อล้มอีกฝ่ายในทันที!

ตอนนี้เจี่ยเฉิงตั้งสติได้แล้ว หลังจากที่ยืนตั้งหลักได้ หลังจากที่ได้รู้ว่าเย่เทียนเป็นผู้แข็งแกร่งระดับดิน เขาก็รู้ตัวว่าการประลองในครั้งนี้ตนต้องแพ้อย่างแน่นอน

แต่ว่า เขากลับไม่ได้รู้สึกไม่พอใจแม้แต่น้อย และกลับกันด้วยซ้ำ เขานั้นแสดงความนับถือเย่เทียนอย่างถึงที่สุด

“ไม่นึกเลยว่าคุณจะเป็นผู้แข็งแกร่งระดับดิน ไม่สู้แล้วไม่สู้แล้ว ผมขอยอมแพ้!”

เจี่ยเฉิงประกาศยอมแพ้ในทันที หลังจากที่พูดเขาก็ไม่ได้จากไป แต่กลับหันมองเย่เทียนด้วยสายตาที่เร่าร้อน “แต่ว่า ถ้าวันหน้ามีโอกาส ผมอยากขอสู้กับคุณอีกครั้ง แต่ครั้งหน้า ผมจะไม่มีทางแพ้ให้กับคุณเร็วขนาดนี้เด็ดขาด!”

“ตกลง! แล้วผมจะรอคุณ!”

พอเย่เทียนได้ยินอย่างนั้น ก็รู้สึกประทับใจในตัวเจี่ยเฉิงคนนี้ขึ้นมาบ้าง ลูกผู้ชายมีศักดิ์ศรีแบบนี้ มีค่าพอให้คบหา

เจี่ยเฉิงดีใจที่ผลออกมาดีเกินคาด จ้องมองเย่เทียนอย่างลึกซึ้ง แล้ววันทยหัตถ์อย่างให้เกียรติกับเย่เทียนไปทีหนึ่ง เขาถึงหมุนตัวแล้วเดินออกจากลานประลองไป

การประลองในครั้งนี้ตั้งแต่ต้นจนจบ รวมเวลาทุกอย่างเข้าไปแล้วยังไม่ถึงสิบนาที เย่เทียนก็เอาชนะได้อย่างง่ายดายทำเอาผู้ชมที่ดูการประลองตกใจไปตามๆ กัน

ความจริงแล้ว การต่อสู้ของเย่เทียนกับเจี่ยเฉิงดึงดูดความสนใจของผู้ชมแค่บางส่วนเท่านั้น ผู้ชมคนอื่นนั้นต่างให้ความสนใจการประลองของคู่อื่นอยู่ จึงไม่มีทางรู้ว่าเย่เทียนเอาชนะเจี่ยเฉิงได้ยังไง เย่เทียนเองก็ไม่ได้อยู่ในลานประลองต่อกวาดตามองไปรอบๆ แล้วได้รู้ว่าเซวหมานจื่อเองก็เข้าสนามไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้

ส่วนคนที่สู้กับเซวหมานจื่อจนเป็นเกลียว นอกจากเย่หย่งหงแล้วยังจะมีใครอีก?

วิชาวัชระร่างป้องกันสกิลเทพของเซวหมานจื่อนั้นฝึกจนถึงระดับดำตอนปลายแล้ว เขานั้นแข็งแกร่งอย่างไม่ต้องสงสัยเลย

แต่น่าเสียดาย เย่หย่งหงไม่ใช่คนที่จะรับมือด้วยง่ายๆ ตอนแรกการป้องกันอันน่าตกใจของเซวหมานจื่อนั้นแข็งแกร่งจนน่าตกใจ แต่เมื่อเวลาผ่านไป เขาก็เริ่มจับทางได้ เซวหมานจื่อแอบเริ่มต้านไม่ไหวแล้ว

ปั้ง!

ทันใดนั้นเอง เซวหมานจื่อกับเย่หย่งหงก็ได้ประชันกันอย่างหนักอีกครั้ง กำปั้นของทั้งคู่ปะทะเข้าด้วยกัน จนเกิดเสียงที่อุดอู้ดังขึ้น

สีหน้าขอเซวหมานจื่อเปลี่ยนไปเล็กน้อย จ้องเขม็งไปยังเย่หย่งหงด้วยดวงตาที่แอบแดงเล็กน้อย ก่อนหน้านี้เย่หย่งเล่อเล่นงาน โอชิจนเจ็บหนัก มันก็ทำให้เขาโกรธจนถึงสุดขีดไปแล้ว!

กำปั้นถูกกันเอาไว้ เซวหมานจื่อก็ไม่ได้หยุด ขยับขา แล้วเตะขาออกไปอย่างแรง

พอเย่หย่งหงเห็นอย่างนั้น ไม่เพียงไม่ได้ถอยหลบ แต่ยังถึงกับยิ้มอย่างโหดเหี้ยมออกมาที่มุมปาก แล้วเข้าประชิดอย่างไม่มีความเกรงกลัวใดๆ

“ไอ้หน้าโง่ แกคิดว่าตัวเองทำตัวเป็นเต่าหดหัวแล้วจะเอาชนะฉันได้รึไง? แกคิดว่าฉันจะทำอะไรแกไม่ได้เลยใช่มั้ย?!”

ระหว่างที่พูด เย่หย่งหงก็ชกใส่เซวหมานจื่ออย่างแรงอีกครั้ง

ตอนนี้ เขาไม่มีการออมมืออีกต่อไปแล้ว!

หมัดของเขาเหมือนสามารถทำลายมิติได้ เกิดเป็นเสียงดังที่แสบแก้วหู ราวกับเสียงฟ้าคำราม มากับพลังทำลายล้างอันมหาศาล พริบตาเดียวมันก็กระแทกใส่เซวหมานจื่อ เซวหมานจื่อรับรู้ได้ถึงความอันตรายจากสัญชาตญาณ แต่ตอนนี้เขาได้โจมตีไปแล้ว จึงไม่มีทางที่จะถอยหลังได้

ปั้ง!

ชั่วพริบตานั้น ขาของเซวหมานจื่อก็เข้าปะทะกับหมัดของเย่หย่งหงเข้าอย่างแรง!

ทันใดนั้น อากาศราวกับหยุดนิ่ง เวลาก็เหมือนจะหยุดเดิน!

แต่ว่า นี่มันก็เป็นแค่ประสาทสัมผัสที่บิดเบือน เท่านั้น

เย่หย่งหงไม่คิดที่จะหยุด ใบหน้าแสดงรอยยิ้มที่ดุร้าย และพูดอย่างโหดเหี้ยมว่า “ไปตายซะ!”

หลังเสียงคำรามสิ้นสุดลง ออร่าที่ทรงพลังก็ได้ปะทุออกมาจากร่างกายของเย่หย่งหง หมัดที่ควรจะหยุดแล้วกลับเกิดแรงอันมหาศาลที่ไม่รู้จักจบจักสิ้น แล้วกระแทกออกไปอย่างแรงอีกครั้ง

ไม่เพียงเท่านั้น พื้นดินที่อยู่ด้านหลังเซวหมานจื่อ ก็ได้นูนขึ้นอย่างผิดธรรมชาติ

เซวหมานจื่อถึงกับใจหาย นึกไม่ถึงว่าเย่หย่งหงจะมีพละกำลังขึ้นมาอีกครั้ง ความสนใจทั้งหมดจึงรวมอยู่ที่เย่หย่งหงตรงหน้า และรับรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นข้างหลังไม่ได้เลยแม้แต่น้อย

เย่เทียนมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจน ดวงตาสีดำคู่นั้นระเบิดลำแสงที่เป็นประกายออกมาทันที สบถออกมาในใจอยากที่จะพุ่งเข้าไปทันที

แต่ต่อให้เขาจะเร็วสักแค่ไหน แล้วจะพุ่งเข้าไปในลานประลองด้วยเวลาอันสั้นแบบนี้ได้ยังไง?

ส่วนเซวหมานจื่อที่อยู่ในลานประลอง ได้ตกอยู่ในอันตรายอย่างไม่ต้องสงสัย

ภายใต้หมัดที่รุนแรงของเย่หย่งหง เขาถูกกดดันจนต้องถอยไปก้าวหนึ่งอย่างไม่เต็มใจ ก้อนดินด้านหลังที่นูนขึ้นมาอย่างผิดธรรมชาติได้กลายเป็นดินที่แหลมคม แล้วแทงเขาไปที่ขาของเซวหมานจื่ออย่างแรง!

“โอ้ย?!”

สีหน้าของเซวหมานจื่อเปลี่ยนไปทันที ทนไม่ไหวจนถึงกับอุทานออกมา และรีบดีดออกไปด้านหลัง ถอยไปไกลกว่าสองเมตร

แต่ในวินาทีต่อมา สีหน้าของเซวหมานจื่อก็ซีดเซียว เหงื่อเม็ดผุดออกมาบนหน้าผาก รู้สึกขาอ่อนแล้วคุกเข่าลงไปข้างหนึ่ง

“มะ แม่งเอ๊ย ไม่นึกว่าแกจะต่ำช้าได้ขนาดนี้!”

เซวหมานจื่อทนไม่ไหวจนต้องสูดหายใจเข้า ขาของเขาที่เพิ่งถูกหินแทงเมื่อกี้ ระหว่างที่มีเลือดสดๆ ไหลออกมา ยังรู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรงด้วย และคอยสร้างแรงกดดันให้เซวหมานจื่ออย่างไม่ขาดสาย

“ไอ้หน้าโง่ ดูจากที่แกพูดสิ ฉันก็ทำตามกฎและไม่ได้ใช้อาวุธสักหน่อย แล้วจะเรียกว่าต่ำช้าได้ยังไง?”

เย่เหย่งหงที่โจมตีสำเร็จรู้สึกได้ใจมาก ยืนอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวอยู่กับที่ สายตาที่มองไปยังเซวหมานจื่อก็มีแต่ความดูถูกเหยียดหยาม

“หินแทง! เป็นการโจมตีแบบคุณสมบัติอีกแล้ว! นี่มันผู้แข็งแกร่งระดับดินนี่!”

“พระเจ้า ผู้แข็งแกร่งระดับดินอีกแล้ว ผู้แข็งแกร่งระดับดินกลายเป็นของราคาถูกแบบนี้ไปตั้งแต่เมื่อไหร่?”

“เชี่ย! เมื่อกี้ฉันยังนึกอยู่เลยว่าคนที่จะคว้าแชมป์ในปีนี้ต้องเป็นเย่เทียนอยู่เลย ดูท่าตอนนี้น่าจะเป็นการแย่งชิงของเสือสองตัวแล้วสินะ!”

เหล่าผู้ชมต่างพากันวิจารณ์ นึกไม่ถึงจริงๆ ว่าการประลองในรุ่นนี้จะเป็นแบบนี้

เย่เทียนขมวดคิ้วอย่างแรง ไม่ว่ายังไงเขาก็นึกไม่ถึงว่าเย่หย่งหงเองก็จะเป็นผู้แข็งแกร่งระดับดินเหมือนกัน!

ถึงว่าทำไมถึงสามารถสร้างชื่อได้ทั้งๆ ที่อยู่ในเมืองจินที่มีแต่คนเก่งมากมายซ่อนตัวอยู่ ถึงว่าทำไมหมอนั่นถึงได้ทำตัวยโสขนาดนั้น ที่แท้เขาก็มีวิชาอยู่นี่เอง!

ตามคาด การมีตระกูลระดับสูงอย่างตระกูลเย่คอยสนับสนุน มันไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้เลยจริงๆ!