บทที่ 623 ฉันจะสู้แบบเป็นตายกับแก

ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

หลังได้รู้ว่าเย่หย่งหงเป็นผู้แข็งแกร่งระดับดินแล้ว เซวหมานจื่อก็หน้าเสียขึ้นมาทันที ต่อให้เป็นในความฝันเขาก็นึกไม่ถึงว่าเย่หย่งหงจะฝึกฝนได้ดีขนาดนี้

“ต่อให้แกเป็นผู้แข็งแกร่งระดับดินแล้วจะเป็นยังไง กูไม่เชื่อหรอกว่าวันนี้จะอัดมึงจนเละไม่ได้!”

แต่ว่า เซวหมานจื่อก็ไม่ได้มีความคิดที่จะหยุดมือทั้งอย่างนั้น ส่งเสียงคำรามออกมาอย่างไม่พอใจ อดกลั้นความเจ็บที่ส่งมาจากขา พุ่งใส่เย่หย่งหงอย่างโซซัดโซเซ

เย่หย่งหงที่เห็นอย่างนั้น มุมปากก็อดที่จะยิ้มอย่างเยาะเย้ยไม่ได้ ส่ายหน้าแล้วยิ้มอย่างไม่ชอบใจ “ในเมื่อแกอยากรนหาที่ตาย งั้นจะมาโทษว่าฉันไม่ปราณีไม่ได้นะ!”

พูดจบ เย่หย่งหงก็ขยับขา กำปั้นอันเท่ากระทะก็ไปพุ่งใส่เซวหมานจื่ออย่างไร้ความปรานี

ขาขวาของเซวหมานจื่อถูกแทงจนบาดเจ็บ จึงส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวของเขามาก ต่อให้จะเห็นว่าเย่หย่งหงกำลังพุ่งเข้ามา เขาก็ไม่มีทางให้ถอยแล้ว!

ในช่วงเวลาคับขัน เซวหมานจื่อก็รีบยกมือทั้งสองข้างขึ้นมากันไว้ที่หน้าอก เพื่อที่จะกันหมัดของเย่หย่งหงเอาไว้

“แกนี่มันช่างไม่รู้จักเจียมตัวซะจริง ฉันจะทำให้แกได้เห็นเองว่าระดับดินนั้นแข็งแกร่งแค่ไหน!”

เย่หย่งหงที่เห็นอย่างนั้น จึงได้หัวเราะออกมาเสียงดัง เพิ่มความเร็ว กำปั้นที่หนักหน่วงซัดใส่แขนของเซวหมานจื่ออย่างแรง

ปั้ง!

เกิดเสียงดังอุดอู้ขึ้น ร่างกายอันใหญ่โตของเซวหมานจื่อได้ลอยออกไปราวกับว่าวที่ด้ายขาด เกิดเป็นเส้นโค้งที่สวยงาม จากนั้นก็กระแทกลงพื้นอย่างแรง

เซวหมานจื่อรู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรม จ้องมองเย่หย่งหงด้วยสายตาที่โกรธเกรี้ยว ถ้าสายตาสามารถฆ่าคนได้ เย่หย่งหงก็คงถูกฟันเป็นหมื่นเป็นพันครั้งแล้ว

ตอนนี้เขาโกรธจนเลือดขึ้นหน้า อยากสู้กับเย่หย่งหงด้วยอารมณ์แล้ว โกรธจนดวงตาที่เหมือนกระติ่งคู่นั้นแดงก่ำเหมือนกับสัตว์ร้ายที่จนตรอก คำรามออกมาด้วยความโมโห พยายามที่จะลุกขึ้นยืน

“หมานจื่อ คุณไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ปล่อยเขาให้ผมจัดการเถอะ!”

ทันใดนั้น เย่เทียนที่สังเกตเห็นความผิดปกติก็ได้เข้ามา รีบกดสะบักของเซวหมานจื่อเอาไว้

เซวหมานจื่อหันมองอย่างอัตโนมัติ แต่กลับส่ายหน้า พูดอย่างแน่วแน่ว่า “ไม่ได้! ไอ้เบื๊อกนั่นชั่วจะตาย ไม่ว่ายังไงวันนี้ผมก็ต้องทำให้ไอ้เบื๊อกนั่นได้เห็นความร้ายกาจของผมให้ได้!”

“หมานจื่อ ถึงคุณจะดูเหมือนหมีหมาตัวหนึ่ง แต่ผมรู้ดีว่าคุณไม่ใช่คนตัวใหญ่ที่ไร้สมอง รู้ทั้งรู้ว่าไม่ไหวแต่ก็ยังฝืน จะทำแบบนั้นไปทำไม?”

เย่เทียนที่ได้ยินอย่างนั้น ก็อดขมวดคิ้วเบาๆ ไม่ได้ “ถ้าคุณดึงดันที่จะหาเรื่องใส่ตัว ก็แสดงว่าผมมองคุณผิดไป ลูกผู้ชายต้องรู้จักหดรู้จักยืด ปล่อยเขาให้ผมจัดการเอง!”

พอพูดถึงขนาดนั้น เซวหมานจื่อก็เริ่มตั้งสติได้ บวกกับความเจ็บปวดที่ส่งมาจากขาขวา เขาจึงจำต้องเลือกที่จะยอมแพ้ ถลึงตาใส่เย่หย่งหงไปทีหนึ่ง แล้วเตรียมที่จะเดินไปโซนปฐมพยาบาลพร้อมกับเย่เทียนที่หิ้วปีกเขาไว้

“กะอีแค่พวกขี้แพ้ เลิกทำตัวขายหน้าอยู่ตรงนี้ แล้วรีบไสหัวไปได้แล้ว!”

พอเห็นการกระทำของเซวหมานจื่อ เย่หย่งหงก็ขำออกมาอย่างไม่ชอบใจ ขยับขาเบาๆ แล้วพุ่งมาอยู่ข้างหลังเซวหมานจื่ออย่างรวดเร็ว แล้วถีบไปที่ก้นของเซวหมานจื่อ

ปั้ง!

เย่เทียนนึกไม่ถึงว่าเย่หย่งหงจะจองหองขนาดนี้ เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้วยังกล้าลงมืออีก ด้วยความที่ไม่ทันตั้งตัว จึงทำให้เย่หย่งหงถีบใส่ก้นของเซวหมานจื่ออย่างจัง

เมื่อแรงถีบส่งมา เซวหมานจื่อก็ทรงตัวไม่อยู่ แล้วพุ่งไปข้างหน้าอย่างควบคุมไม่ได้

จนถึงตอนนี้เย่เทียนถึงได้รู้ตัว จึงรีบยื่นมือออกไป คว้าแขนของเซวหมานจื่อเอาไว้ ทำให้เขาไม่ต้องล้มกลิ้งเหมือนหมาต่อหน้าทุกคน

“เย่หย่งหง กูแม่งต้องสู้ตายกับมึงแล้ว!”

สำหรับเซวหมานจื่อแล้ว เรื่องแแบบนี้ถือเป็นเรื่องที่น่าอับอายอย่างถึงที่สุด หันกลับมาด้วยความเดือดดาล แล้วทำทีจะเข้าไปสู้กับเย่หย่งหง

“หมานจื่อ!”

เย่เทียนรีบขวางเอาไว้ ลากเซวหมานจื่อไปข้างหลัง จ้องมองเย่หย่งหงด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย แล้วพูดเสียงดังว่า “เย่หย่งหง นี่มันไม่เกินไปหน่อยเหรอ?”

“เกินไปอย่างนั้นเหรอ? ฉันทำอะไรเกินไป?”

เย่หย่งหงไม่มีท่าทีหวาดกลัว พูดด้วยรอยยิ้มที่ไม่ชอบใจว่า “กรรมการยังไม่ได้ประกาศผลเลย ไอ้หน้าโง่ก็ยังไม่ได้ยอมแพ้ การที่ฉันลงมือมันก็เป็นสิ่งที่มีเหตุมีผลนี่”

ไม่เพียงเท่านั้น เย่หย่งหงยังพูดสวนไปอีกว่า “ว่าแต่แกเถอะ อยู่ๆ ก็วิ่งเข้ามา หรืออยากจะสู้กับฉันจนทนไม่ไหวแล้วใช่มั้ย?”

“นี่แก….”

ถึงเย่เทียนจะขวางอยู่ตรงกลาง แต่เทียบกันแล้วเซวหมานจื่อก็ยังสูงกว่าเย่เทียนไปประมาณครึ่งหัว จ้องมองเย่หย่งหงด้วยความโกรธเกลียด อยากที่จะด่าทอออกไป

“จะแกอะไรนักหนา! กับไอ้ขี้แพ้อย่างแก ไม่มีสิทธิ์ที่จะพูดกับฉัน!”

แต่ยังไม่ทันที่เซวหมานจื่อจะได้ตะโกนออกมา เย่หย่งหงก็ได้พูดขัดอย่างไม่สบอารมณ์ ท่าทางที่แสดงออกมาไม่ต่างอะไรกับไก่ที่ได้ชัยไปแล้ว ไม่เห็นเซวหมานจื่ออยู่ในสายตาแม้แต่น้อย

“เย่เทียน คุณไม่ต้องมาขวาง…..”

เห็นได้ชัดว่าเซวหมานจื่อที่ร่างกายกำยำนั้นปากคอเราะราย ดวงตาที่เหมือนกระดิ่งคู่นั้นแดงก่ำจนน่าตกใจ ท่าทางที่แสดงออกมานั้นต้องการกลืนกินอีกฝ่ายเข้าไปแล้ว!

“หมานจื่อ ผมพูดแล้วไงว่าผมจะแก้แค้นให้โอชิเอง!”

แต่ว่าเย่เทียนก็ไม่เปิดโอกาสให้เซวหมานจื่อได้พูดเหมือนกัน ส่ายหน้าแล้วพูดขัดทันที

จากนั้น ดวงตาสีดำคู่นั้นของเย่เทียนก็ไปหยุดอยู่ที่เย่หย่งหงอีกครั้ง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมว่า “เย่หย่งหง ตอนนี้คุณได้ยั่วโมโหผมสำเร็จแล้ว กล้าสู้แบบเป็นตายกับผมสักตั้งมั้ย! แบบที่ไม่คุณตายก็ผมตาย ระหว่างเรามีเพียงคนเดียวที่จะได้ยืนอยู่!”

“เย่เทียน…..”

นี่มันถือเป็นเรื่องใหญ่ เซวหมานจื่อที่เมื่อกี้ยังโมโหอยู่ ตอนนี้ก็ได้ใจเย็นลง แล้วมองเย่เทียนด้วยความแปลกใจ อดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปแตะๆ เย่เทียน

แต่ว่า เย่เทียนนั้นทำเหมือนไม่ได้ยิน ดวงตาสีดำคู่นั้นยังคงจับจ้องไปที่เย่หย่งหง

เย่หย่งหงก็ตกใจกับคำพูดของเย่เทียนเหมือนกัน ไม่นึกเลยว่าเย่เทียนจะทำตัวหัวแข็งแบบนี้

“เชี่ย!ฉันไม่ได้หูฝาดไปใช่มั้ย? สองคนนั้นบอกว่าจะสู้แบบเป็นตายใช่มั้ย?”

“งานประลองในรุ่นนี้คุ้มค่าจริงๆ ถึงฉันจะตกรอบแรก แต่ได้มาเห็นการดวลกันของผู้แข็งแกร่งระดับดินสองคนแค่นี้ก็คุ้มแล้ว!”

สองคนที่ใกล้ที่สุดยังเป็นถึงขนาดนี้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพวกผู้ชมที่ดูอยู่รอบๆ เลย ต่างก็พากันตกใจเหมือนโดนฟ้าผ่า ไม่คาดคิดว่าเหตุการณ์มันจะมาถึงขั้นนี้

“เย่เทียน ฉันกำลังเครียดอยู่ว่านี่มันเป็นงานประลอง จึงไม่สามารถส่งแกลงไปเจอพ่อผู้ทรยศของแกนั่น ในเมื่อแกอยากรนหาที่ตาย งั้นฉันจะสงเคราะห์ให้เอง!”

หลังจากที่ช็อกไปครู่หนึ่ง ในที่สุดเย่หย่งหงก็ตั้งสติได้ หัวเราะพร้อมกับพยักหน้า “สู้เป็นตายก็สู้เป็นตายสิ ให้ฉัน….”

“หยุด! นี่พวกคุณกำลังทำอะไรกัน!”

แต่ทว่า ยังไม่ทันที่เย่หย่งหงจะทันได้พูดจบ กรรมการก็เพิ่งจะถ่อมาถึง

เย่หย่งหงชี้ไปที่เย่เทียน “กรรมการ สิ่งที่มันพูดเมื่อกี้คุณน่าจะได้ยินแล้วใช่มั้ย? เมื่อกี้มันบอกว่า……”

“ผมไม่ได้ยิน!”

ผู้ชมที่นั่งอยู่ไกลๆ ยังได้ยิน แต่กรรมการกลับส่ายหน้าปฏิเสธ “ผมรู้แค่ว่า ที่นี่เป็นลานประลอง ในเมื่อการประลองของพวกคุณก็รู้ผลแล้ว งั้นก็รีบออกไปได้แล้ว อย่ามาทำให้ผู้เข้าแข่งขันคนอื่นเขาเสียเวลาอยู่ตรงนี้!”

“เฮ้ะ กรรมการอย่างคุณนี่มัน…..”

เย่หย่งหงขมวดคิ้วขึ้นมา ทำท่าเหมือนจะทำร้ายกรรมการ

“ทำไม? คุณคิดจะทำร้ายผมรึไง?”

แต่ว่า กรรมการก็ไม่มีทีท่าว่าจะกลัวเลย “ผมเป็นสมาชิกอย่างเป็นทางการของทีมสายฟ้า ถ้าคุณกล้าลงมือทำร้ายผมจริง งั้นก็เท่ากับเป็นกบฏ!”

เย่หย่งหงตกใจ จ้องเขม็งไปที่กรรมการ แต่กลับไม่กล้าเถียงแม้แต่คำเดียว

เขาหันมองไปที่เย่เทียน พูดพร้อมกับรอยยิ้มที่ไม่สบอารมณ์ว่า “เย่เทียน ถ้าแน่จริง อีกเดี๋ยวมาหาฉันแล้วเซ็นสัญญาเป็นตายสิ!”

พูดจบ เย่หย่งหงก็สะบัดแขนเสื้อ หมุนตัวแล้วเดินจากไป….