ตอนที่ 642 ภารกิจทดลองที่บังคับทำ

My House of Horrors คฤหาสน์สยองขวัญของผม

ตอนที่รถเมล์พุ่งเข้าไปในหมอกสีเลือด เฉินเกอก็รู้สึกแล้วว่าโทรศัพท์เครื่องดำสั่น แต่ว่าเขาไม่ได้เปิดดูเพราะสถานการณ์อันอ่อนไหวที่เป็นอยู่ตอนนั้น ตอนนี้ เขายืนอยู่คนเดียวบนทางเดินชั้นสอง ไม่มีใครอยู่รอบ ๆ ในที่สุดเขาก็สามารถเปิดโทรศัพท์เครื่องดำออกอ่านได้โดยไม่ต้องกังวล แตะเปิดหน้าจอแล้ว ดวงตาของเฉินเกอก็หรี่แคบลงเมื่ออ่านข้อความที่บนหน้าจอ

“ขอแสดงความยินดี ผู้เป็นที่ชื่นชอบของเหล่าวิญญาณ ที่ได้รับผีระดับหายาก– แบล็กฮาวน์ มันเกิดจากวิญญาณของสุนัขเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ และวิญญาณมนุษย์สิบเปอร์เซ็นต์ มันคืออสุรกายที่ถือกำเนิดขึ้นภายใต้สภาพแวดล้อมอันพิเศษจากอิทธิพลของพลังอันไม่เป็นธรรมชาติ

“พลังพิเศษ: คลั่ง (สามารถเข้าไปในร่างของมนุษย์ที่ยังมีชีวิต ทำให้คนผู้นั้นขาดสติและเปลี่ยนไปเป็นสัตว์ร้ายบ้าคลั่งไร้เหตุผล พลังนี้สามารถใช้ได้หนึ่งครั้งในทุกเจ็ดวัน และทุก ๆ การใช้งานจะก่อให้เกิดบาดแผลที่รักษาไม่หายบนวิญญาณของแบล็กฮาวน์”

สองข้อความแรกนั้นเกี่ยวข้องกับสุนัขสีดำ เฉินเกอนั้นประหลาดใจที่ ‘สุนัขเลี้ยง’ ตัวนี้ที่ดูไม่ได้ทรงพลังกลับได้รับการประเมินจากโทรศัพท์เครื่องดำสูงมาก

“เดี๋ยวก่อนนะ ทำไมโทรศัพท์เครื่องดำถึงได้นับหมาตัวนี้เป็นพนักงานบ้านผีสิงไปแล้วล่ะ? ฉันยังไม่ได้ทำให้มันเชื่องเลย ทั้งหมดที่ฉันทำก็คือพูดคุยกับมัน โทรศัพท์เครื่องดำเกิดอะไรผิดพลาดหรือเปล่า? หรือว่าตอนที่แบล็กฮาวน์เห็นฉัน มันก็นับว่าฉันเป็นเจ้านายคนใหม่ของมันทันที?”

เฉินเกอไม่รู้ความสัมพันธ์ระหว่างสุนัขสีดำและเงานั่นว่าเป็นอย่างไร แต่ด้วยปฏิกริยาตอนนี้ของสุนัขตัวนี้ เขาก็เดาอยู่ในใจ “ดูเหมือนว่าหมาตัวนี้อาจจะเป็น ‘เพื่อน’ แท้จริงเพียงไม่มากของเงานั่น”

ความหมายของคำว่าเพื่อนนั้นต้องเป็นไปในทั้งสองทาง “เงานั่นอาจจะเปลี่ยนตัวเองเป็นคนอื่นเพื่อเข้าหาฉัน ฉันสามารถปล่อยเจ้าหมาดำตัวนี้ออกไปเมื่อฉันไม่แน่ใจ บางทีมันอาจจะทำให้เกิดผลลัพธ์ที่คาดไม่ถึงก็ได้”

มีแบล็กฮาวน์เข้าร่วมกลุ่มกับเขานั้นเป็นข่าวดีของเฉินเกอ แต่เมื่อคิดถึงพลังอันร้ายกาจของแบล็กฮาวน์แล้ว เขาก็ไม่ได้วางแผนจะปลดปล่อยมันออกมาในตอนนี้ เขาแตะเลื่อนหน้าจอแล้วก็แตะเปิดข้อความที่เหลือ ข้อความเหล่านี้เข้ามาตอนที่เขาเข้ามาในหมอกสีเลือดตอนแรก

“ขอแสดงความยินดี ผู้เป็นที่ชื่นชอบของเหล่าวิญญาณ คุณได้เข้าสู่ฉากเมืองหลี่ว่าน ภารกิจระดับ 3.5 ดาว ภารกิจจะเริ่มต้นขึ้นในทันที!

“ฉากนี้นั้นอันตรายเป็นอย่างยิ่ง มีการเปลี่ยนแปลงอันเป็นปริศนามากมายรอคอยอยู่ คุณเลือกที่จะถอยในตอนนี้หรือไม่?

“คำเตือน! หากคุณถอยกลับในระหว่างทำภารกิจ ฉากนี้จะถูกล็อกเอาไว้ไปตลอดกาล!”

หลังจากอ่านสามข้อความนี้แล้ว เฉินเกอก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากทางบันได ผู้โดยสารคนอื่น ๆ กำลังขึ้นบนไดมา พวกเขาเป็นห่วงเฉินเกอเพราะว่านานแล้วแต่เฉินเกอยังไม่ลงไปเสียที

“อย่างไรเสีย ฉันก็อยู่ในเมืองหลี่ว่านแล้วตอนนี้ ต่อให้มีอันตราย ก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเดินหน้าต่อ” เฉินเกอเลือกที่จะไม่ยอมแพ้ต่อภารกิจนี้

“ขอแสดงความยินดี ผู้เป็นที่ชื่นชอบของเหล่าวิญญาณ คุณรับภารกิจระดับ 3.5 ดาว– เมืองหลี่ว่าน

“เมืองหลี่ว่าน: ประตูหลุดออกจากการควบคุม และฆาตกรกับอสุรกายมากมายหลายกลุ่มก็แอบอยู่ในเงาของเมืองนี้ เมื่อตกกลางคืน เรื่องผีทุกเรื่องก็กลายเป็นเรื่องจริง โรงแรมขายดวงวิญญาณ เด็กชายที่เล่นซ่อนหาในโรงพยาบาล กะโหลกมนุษย์ที่กระแทกกับกำแพงบ้านข้าง ๆ  ยมทูตกวักมืออยู่ที่ทางแยก วิญญาณที่หันหลังให้คุณในลิฟท์ หมาหน้ายิ้มใต้เตียง ดวงตาสีแดงในตู้…

“เป้าหมายของภารกิจ: หนีออกจากเมืองหลี่ว่าน ช่วยชีวิตเหยื่อผู้บริสุทธิ์แต่ละคนนั้นจะเพิ่มรางวัลพิเศษ!

“คำใบ้ของภารกิจ: ฉันมองเธอร้องไห้ ฉันมองเธอหัวเราะ, ฉันมองเธอมีความสุข ฉันมองเธอหลั่งน้ำตา, ฉันรอเธอ ฉันต้องการอยู่กับเธอ, ฉันอยากจะเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเธอ แต่ทำไมเธอถึงเก็บความสุขทั้งหมดไว้กับตัวเองและเหลือแต่ความทุกข์ไว้ให้ฉัน?”

หลังจากอ่านข้อความทั้งหมดแล้ว เขาก็จำมันเอาไว้และจากนั้นก็เก็บโทรศัพท์ลงไป

“ขอบคุณพระเจ้าที่คุณไม่เป็นอะไร อย่าทำให้พวกเรากลัวแบบนี้สิ!” ชายขี้เมาตะโกนดังขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นเฉินเกอกำลังยืนอยู่กลางทางเดินหลังจากที่ขึ้นบันไดมา

“ไม่ต้องกลัว ผมจัดการกับหมาหน้าคนนั่นไปแล้ว” เฉินเกอชี้ไปยังชายหนุ่มที่หมดสติอยู่บนพื้น หลังจากอ่านข้อความบนโทรศัพท์ ทัศนคติที่เขามีต่อผู้โดยสารคนอื่น ๆ ก็ดีขึ้นเล็กน้อย อย่างไรเสีย ช่วยชีวิตเหยื่อผู้บริสุทธ์นั้นก็จะทำให้เขาได้รับรางวัลเพิ่ม ดังนั้น ไม่ว่าจะด้วยศีลธรรมหรือว่าประโยชน์ส่วนตน เฉินเกอก็จะพยายามปกป้องพวกเขาให้ดีที่สุด

“ผู้ชายคนนี้คือสัตว์ประหลาดนั่น? เขาไม่ได้ดูน่ากลัวขนาดนั้น” มือกรรไกรจับคางผู้ชายคนนั้น ”บนร่างของเขาไม่มีบาดแผลให้เห็น และพวกเราก็ยังไม่ได้ยินเสียงต่อสู้อะไรเลยตอนอยู่ด้านล่าง แล้วเขาหมดสติอยู่ตรงนี้ได้ยังไง?”

“คุณอยู่ให้ห่างเขาจากเขาจะดีกว่า เขาเพิ่งหมดสติไป เขาอาจจะตื่นขึ้นมาตอนไหนก็ได้” เฉินเกอไม่ได้ตอบคำถามของมือกรรไกรแต่ไปหาเชือกเส้นหนึ่งจากในบ้านมามัดชายคนนี้เอาไว้ จากนั้นเขาก็นำคนที่เหลือออกจากตึก

หลังจากอ่านการแจ้งเตือนภารกิจจากโทรศัพท์เครื่องดำ เฉินเกอก็เข้าใจเมืองหลี่ว่านได้ดีขึ้น มีคำแนะนำของเมืองสั้น ๆ ที่โทรศัพท์ให้เอาไว้ มันพูดถึง โรงแรม โรงพยาบาล ทางแยก และข้างบ้าน เมื่อรวมกับเกมของเสี่ยวปู้ที่เขาเล่นก่อนหน้านี้ เฉินเกอก็สงสัยว่าโรงแรมและบ้านข้าง ๆ ที่โทรศัพท์เครื่องดำพูดถึงนั้นเป็นสถานที่ที่เขาเคยไปตอนที่ควบคุมตัวเสี่ยวปู้เล่นเกม

“ประตูนั้นอยู่ในเขตที่พักอาศัยของฟ่านฉง ไม่ว่าประตูจะยังใช้การได้หรือไม่ ฉันก็จำเป็นต้องไปดูที่นั่น มันดูเป็นไปไม่ได้ที่ฉันจะไปดูทุกที่ ดังนั้นฉันคิดว่าฉันคงได้แต่เข้าไปดูเฉพาะที่ที่ต้องผ่าน”

เมื่อตัดสินใจแล้ว เฉินเกอก็นำผู้โดยสารหลายคนนี้กลับไปที่รถเมล์ ด้านนอกของรถเมล์นั้นมีหลอดเลือดปกคลุมจนเต็ม และเครื่องยนต์ก็ใช้การไม่ได้

“ผมมีเพื่อนคนหนึ่งที่อยู่ในเมืองหลี่ว่านนี่ ดังนั้นจึงค่อนข้างคุ้นเคยกับที่นี่ อยู่ใกล้ ๆ ผมเอาไว้ ถ้าพวกเราโชคดี พวกเราก็จะสามารถหนีออกไปได้ก่อนพระอาทิตย์ขึ้น” เฉินเกอไม่ได้โกหก โลกที่เต็มไปด้วยหมอกสีเลือดนี้นั้นไม่มีแสงตะวันหรือความหวัง พวกเขาจะได้พบพระอาทิตย์ก็หลังจากหนีออกไปได้

นั่นอาจจะนับได้ว่าเป็นความสามารถพิเศษของเฉินเกอ ซึ่งก็คือการมองสถานการณ์ที่สิ้นหวังอย่างที่สุดในแง่บวก ฟื้นความหวังและแสงสว่างให้แก่สถานการณ์เช่นนี้

เพื่อประหยัดเวลา เฉินเกอไม่ได้เข้าไปทุกอากาศ และในที่สุด เขาก็รู้สึกว่ามันเสียเวลา

ถ้ามีเวลามากกว่านี้ ฉันจะให้ผู้โดยสารเข้าไปในตึกก่อนขณะที่ฉันซ่อนอยู่ข้างหลัง หากใครกล้าทำร้ายพวกเขา ฉันก็จะกระโจนออกไปทันที

ใช้คนอื่นเป็นเหยื่อขณะที่เขาเก็บรางวัลตอบแทน เฉินเกอวางแผนนี้เอาไว้แล้ว อันตรายมากมายซ่อนอยู่ภายในหมอกสีเลือด แต่พวกเขาก็ต้องประหลาดใจที่ระหว่างทางนั้นไม่เจออะไรนัก

“พวกเราหยุดตรงนี้สักครู่ได้ไหม? ผมอยากจะเข้าไปดูในเขตที่พักอาศัยนี่” เฉินเกอจู่ ๆ ก็หยุด เขามองไปยังอพาร์ทเม้นท์ข้าง ๆ พวกเขาและเผยสีหน้าที่อ่านไม่ออกออกมา เขาคุ้นกับตึกนี่เพราะว่านี่คือสถานที่ที่เสี่ยวปู้และพ่อบุญธรรมของเธออาศัยอยู่ตอนที่เธออยู่ในเกม

“นี่ดูไม่ปลอดภัย ที่นี่มืดและน่ากลัว” ชายขี้เมาเป็นคนแรกที่แย้งความคิดนั้น

“ตามประสบการณ์ก่อนหน้าของพวกเรา ยิ่งตึกใหญ่เท่าไหร่ สัตว์ประหลาดที่ซ่อนอยู่ด้านในก็น่ากลัวมากเท่านั้น ดังนั้น มันต้องมีสัตว์ประหลาดที่น่ากลัวมาก ๆ ใช้ที่นี่เป็นรังของมันแน่ ๆ” หมอกระชับผ้าพันคอและไม่ต้องการขยับไปไหนเช่นกัน

“ผมไม่ปฏิเสธเรื่องอันตราย แต่ตราบใดที่พวกคุณฟังคำสั่งของผม ผมสามารถรับรองได้ว่าพวกคุณจะปลอดภัย” เฉินเกอพูดและเดินห่างออกไป

“เฮ้ คุณต้องระมัดระวังให้มากขึ้นนะ!” ชายขี้เมาอดบ่นออกมาไม่ได้ “ทำไมมันถึงให้ความรู้สึกเหมือนคุณกำลังเดินอยู่ในบ้านตัวเองทั้งที่อยู่ในสถานที่แบบนี้ซึ่งคุณจะตายลงเมื่อไหร่ก็ได้?”

“ขี้ขลาด ฉันไม่เข้าใจเลยจริง ๆ ว่าแกจะกลัวอะไรนักหนา” มือกรรไกรเช็ดเลือดสด ๆ ออกจากริมฝีปากตัวเอง

“ที่นี่เต็มไปด้วยผี ฆาตกร และสัตว์ประหลหาด และคุณยังถามผมอีกเหรอว่าผมกลัวอะไรนักหนา?” ถึงอย่างนั้น ชายขี้เมาก็รวบรวมความกล้า ถึงแม้ว่าเขาจะกลัว เขาก็ไม่ยอมออกจากข้างกายเฉินเกอ

“เงียบหน่อย ผมมีบางอย่างจะบอกพวกคุณ” เฉินเกอขัดชายขี้เมาและชี้ไปยังพุ่มไม้ใกล้ ๆ พวกเขา “มีฆาตกรคนหนึ่งกำลังแยกชิ้นส่วนเหยื่อของเขาอยู่ที่ด้านในนั่น พยายามลดเสียงฝีเท้าลงตอนที่เดินผ่านไป อย่าให้เขารู้ถึงการมีตัวตนของพวกเรา”

ได้ยินคำพูดของเฉินเกอแล้ว ผู้โดยสารที่เหลือก็มองหน้ากัน เฉินเกอนั้นกำลังพูดคำพูดทั่วไป แต่เมื่อคำเหล่านั้นเรียงต่อกันอย่างที่เขาใช้ พวกเขากลับไม่เข้าใจว่าเฉินเกอกำลังพยายามสื่ออะไร

“ฆาตกร? แยกชิ้นส่วนเหยื่อ? อย่าให้เขารู้ตัว? เกิดอะไรขึ้นที่นี่น่ะ?” จิตใจของผู้โดยสารวุ่นวายไปหมด

“ฆาตกรคนนี้จะมีประโยชน์หลังจากนี้ ไม่มีเวลาให้อธิบาย ดังนั้นแค่ตามผมมา” เฉินเกอเดินนำหน้าไปและจงใจเดินห่างออกมาจากพุ่มไม้นั่น “ฆาตกรที่ในพุ่มไม้ยังอยู่ที่นี่ ฉันสงสัยว่าฆาตกรในเสื้อกันฝนจะยังอยู่ในลิฟท์หรือเปล่า…”